รีวิว รีวิว ร่าง พรบ.ว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพของสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม(GMO) ตัวล่าสุด(น่าจะนะ) โดยทนายความตอบ

รีวิว รีวิว ร่าง พรบ.ว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพของสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม(GMO) ตัวล่าสุด(น่าจะนะ) โดยทนายความตอบ
                สวัสดีทุกท่าน กลับมารีวิว กันอีกรอบกับกฎหมายนี้พอดีรีวิว ไปแล้วอาจารย์เจษฎา(Jessada Denduangboripant)ท่านมาอ่าน (จริงๆ เอาไปเสนอเขาจนรำคาญมากกว่า) อาจารย์ท่านเลยเมตตาบอกว่าที่รีวิวไปนะ มันไม่ใช้ตัวล่าสุด(เวรแล้วไง0-o) อาจารย์แกเลยแนะนำตัวล่าสุดให้เรามารีวิว(เพื่ออาจารย์หนู่ทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว ติ่งอาจารย์เต็มขั้น)
ของเดิมคือตัวนี้ http://pantip.com/topic/34523777
       นอกจากรีวิวกฎหมายตัวล่าสุด เรายังมีโปรโมชั่น เทียบกับฉบับที่แล้วด้วย แต่เท่าที่อ่านคร่าวฉบับที่แล้ว ดีกว่า(เวรละจะโดนอุ้มไหมเอ๋ย)
มามะ   มามะ  มาดูกันไวๆ
               กฎหมายฉบับนี้ แบ่งออกเป็น 9 หมวด 10 เรื่อง(เพราะต้องนับบทนิยามคำศัพท์เข้าไปด้วย ซึ่งก็มีตัดทอน และเพิ่มเติม
นิยามคำศัพท์
                 ในฉบับใหม่มีการนิยามสิ่งมีชีวิต และสิ่งมีชีวิตที่ดัดแปลงพันธุกรรมไว้ โดยอาะไรที่ใช้เทคโนโลยีชีวภาพจะเป็นพวกดัดแปลงพันธุกรรมหมด  การใช้เทคโนโลยีได้แก่ใช้ใช้เทคนิคกรดนิวคลีอิก(น่าจะเป็นสารพันธุกรรม) และการรวมตัวของเซลสิ่งมีชีวิตนอกนอกสายพันธ์ แต่ก็ยกเว้นการขยายพันธ์ปกติ ที่ในความเป็นจริงที่มีพวกสนับสนุนGMO บอกเรื่องปรับปรุงสายพันธ์ก็เป็น GMO อันนี้เลิกพูดไปได้แล้วเพราะกฎหมายแยกออกไปชัดเจน เอาสัตว์มามีอะไรกัน เอานิ้วมาแตะเกสรไปอีกดอกหนึ่งเขาไม่นับเป็น GMO ตามกฎหมายนะ
         ไอ้นิยามด้านบนมันตัดเรื่องสิ่งมีชิวิปกติออกไปถ้าเทียบกับอันที่แล้ว ในความเห็นผมควรมีนะจะได้แยกชัดเจนไปเลยเวลาเกิดปัญหา และเขียนเรื่องเทคโนโลยีให้รัดกุมขึ้นด้วยภาษาวิทยาศาสตร์ แต่ผมว่าใช้พันธุกรรมอย่าเดิมน่าจะดีกว่าเพราะมันกว้างดีจะได้ตีกรอบได้เยอะๆ และลงลึกกว่าเดิมในระดับเซล
      แล้วการนิยามการ ตัดต่อเพื่อผลิต หรือใช้ในการผิดหายไป อันนี้ควรมีนะเพราะจะชัดเจนว่าแม้ไม่ได้เป็นGMO แต่ใช้GMO ก็ควรควบคุม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา(พอมันหายไปบริษัทขายอาหารสัตว์อาจจะชอบ)
           มีการนิยามสภาพควรคุม ก็คือในห้องแล๊ปแบบในหนังเรสิเด้นอีวิลนั้นละ(แต่มันก็หลุด) และมีการนิยามการทดลองภาคสนามในสภาพจำกัด อันนี้จะเป็นการปลูกในพื้นที่ที่ภายนอกแบบควบคุม เช่นแบบในหนังเรื่องจูลาสสิ พาร์ค เมื่อเทียบกับอันเดิม แล้วก็แค่เปลี่ยนคำให้ดูรัดกุมขึ้น แต่.....คำว่า”มาตรฐาน”มันหายไป........รู้สึกกังวลยังไงไม่รู้
     มันเริ่มประหลาดตรงมีคำว่า ปลดปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมโดยไม่เจตนา ที่อันเดิมมีแค่ปลดปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมคือหลุดไปเฉยๆ ก็จบ ส่วนใครจงใจทำหลุดก็โดนฟ้องกันไป คือมันการการปล่อยแบบไม่เจตนาทำละเมิดละเลย(คือถ้ามันไม่ขออนุญาตแล้วทำหลุดก็ควรเป็นละเมิดแล้วนะ นิยามข้อนี้เริ่มทำให้กฎหมายเริ่มเลวร้ายแล้ว
                                     สิ่งมีชีวิตั้งต้นที่สำคัญกับสิ่งแวดล้อมหายไป เริ่มมันแล้วกฎหมายฉบับนี้
  ต่อมาเริ่มเป็นเรื่องเงิน คือเกี่ยวกับกระบวนการผลิต มีนิยามชัดเจนในเรื่องเอาไปปลูก แต่ละเลยในเรื่องเพาะเลี้ยง ซึ่งชัดเจนว่าคุ้มครองในเรื่องเกษตรมากกว่าการเลี้ยงสัตว์
            ที่เหลือก็นิยามคำทั่วไปไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่นิยามเรื่องการปนเปื้อนทางพันธุกรรมหายไป กับผู้ก่อให้เกิดความเสียหายหายไป ซึ่งทำให้การไล่เบี้ยควาผิดทำได้ยากขึ้น คือถ้ามีความผิดเกิดขึ้นก็ไปฟ้องตัวบุคคลไปฟ้องบริษัทไม่ได้เหมือนคดีแรงงานที่ฟ้องนายจ้างได้ หรือคดีคุ้มครองผู้บริโภคทีฟ้องผู้ผลิตได้ คิดง่ายๆ ครับไดโนเสามาไล่กันคน(เอาภาคล่าสุดนะ ฟ้องได้แต่พระเอกที่ดันตัดสินใจลงไปดูไอ้ตัวที่หลุดออกมา ฟ้องบริษัทไม่ได้เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด(ทั้งๆ ที่จริงๆ บริษัทต้องรับผิดชอบ)
หมวด1 คณะกรรมการ
    หมวดนี้เป็นเรื่องการตั้งคณะกรรมการควบคุม และบริหารจัดการตัวหลักๆ ก็คือข้าราขการกระทรวงต่างๆ เพื่อดูแลโดยตรง ที่น่าสนใจคือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒ 8 คน ที่จะเป็นคนทำงานจริงๆ ซึ่งต้องมาจากสายดังนี้
ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางเทคโนโลยีชีวภาพ สิ่งแวดล้อม เกษตร สาธารณะสุข หรือกฎหมายเพื่อให้ดูแล ตามความเห็นตัดกฎหมายออกไปเถอะไม่มีประโยชน์ ใส่วิทยาศาสตร์ แทนมีคุณค่ากว่าเยอะ
1.มี2 คน ต้องมาจากกลุ่มคุ้มครองสุขภาพอนามัย
2.มี 2 คนมาจาก สถาบันการศึกษา สถาบันวิจัย(เอาไว้ตรวจงานวิจัย)
3. 2 คนจากบริษัทที่ได้ผลประโยชน์GMO
4.2คนจากกลุ่มเกษตรกร และคุ้มครองผู้บริโภค (อันนี้ผู้รับความซวยถ้ามีเรื่อง)
5. 2 คนจากไหนก็ได้
ถ้าอ่านเอาก็ชัดละนะว่า ประชาชนได้เปรียบในระดับหนึ่ง เพราะกรรมการชุดนี้จะเป็นคนที่ออกระเบียบต่างๆ เกี่ยวกับGMO โดยห้ามเป็นข้าราชการการเมือง
       อำนาจกรรมการอาจมีแก้ไขบ้างแต่กรอบก็ยังไม่ทิ้งของเดิมไปเยอะ
    เอออีกนิดใครคิดว่ากฎหมายฉบับนี้ออกมาแล้ว พืชGMO จะทะลักเข้ามาช่วยกรุณามานั่งอ่านกฎหมายใหม่นะ กฎหมายแค่ตั้งกรรมการ และกรอบอำนาจเท่านั้น ยังมีเวลาทำข้อมูลมาค้านในช่วงคณะกรรมการทำงานได้อีกเยอะ ขอร้องอย่าเมา
    แล้วอีกเรื่องคือ ถ้ามีมีกฎหมายฉบับนี้ เรามีแค่กฎหมายคุ้มครองพันธ์พื้นมาดูแล ซึ่งแลดูตำเตี้ยเรี่ยดินมาในการดูแล เพราะการตัดต่อพันธุกรรมไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายในไทยนะ เพราะกฎหมายไม่ได้ห้ามไว้ชัดเจน
            เคยมีคนเล่าในฟังว่าในบรรดานักวิจัย พวก ปรมานูญน่าสงสารสุด เพราะเกษียรแล้วอายุสั้นเพราะร่างกายรับรังสีเยอะ แต่สายแบคทีเรีย(ซึ่งควรรวมGMO) เพื่อนไม่อยากเข้าใกล้เพราะมาตรฐานมันพร้อมที่จะหลุดได้ตลอด และมันแค่เดินผ่านก็กระโดดหาได้ ก็เป็นการบอกมาตรฐานทางการป้องกันเป็นอย่างดี
หมวดสอง หน่วยงานผู้รับผิดชอบ
         อันนี้กำหนดว่านอกจากทีกฎหมายกำหนด ทุกอย่างที่ดัดแปลพันธุกรรม ต้องขออนุญาตที่นี่ที่เดียว ซึ่งเป็นสิ่งดีในการดูแล จะได้ง่ายขึ้น และตั้งเป็นสำนัก(ของเดิมกรม) ซึ่งทำให้หลุดออกจากระบบราชการไประดับหนึ่ง แต่เอาจริงๆ นะอยากให้เป็นองค์กรมหาชน เพราะเดือนจะไม่ไปถ่วงงบประมาณแผ่นดิน และไม่ขึ้นกับปลัดเท่าไหร่
อำนาจก็ไม่มีอะไรให้ไปตามสมควร จบหมวดนี้ หมวดหน้าน่าจะมันสุดเพราะเป็นหัวใจ
หมวด3 การควบคุมกิจกรรมที่เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิต
          อำนาจอนุมัติเป็นของหน่วยงาน ตามที่ได้มีการขออนุญาตตามประกาศก็คือถ้าทำครบตามประกาศก็นำเช้าไป
      มีการแบ่งประเภทการควบคุมตามลำดับความเสี่ยง 1.ไม่เสี่ยง 2.เสี่ยงต่ำ 3.เสี่ยงปานกลาง 4.เสี่ยงมากหรือขัดศีลธรรม
          มันแบ่งอันตรายอะไรของมันนี่ โครตไม่ชัดเจน อันที่แล้วแบ่งเป็นระดับอันตรายกับความสามารถในการแพร่ซึ่งเป็นประเด็นหลัก อันนี้เป็นความเสี่ยง ที่ต้องไปกำหนดในกฎกระทวงอีกว่าอะไรคือเสี่ยงมากน้อย แถมมีศีลธรรมเข้ามาเกี่ยว วิทยาศาสตร์บ้าอะไรมีศีลธรรมเข้ามาเกี่ยว เดี๋ยวพ่อก็ไปตีกันตอนออกกฎกระทรวงเหมือนพริกเป็นสารอันตรายให้วุ่นวายไปรอบนึง
                     เขียนกฎหมายมากะต้องไปร่างกฎหมายอีกรอบ เพราะโครตไม่รู้เรื่องเลย
         อธิบายง่ายๆ ของหมวดนี้คือ จะทำอะไรไม่ว่าจะจำกัดหรือ ภาคสนามมาทำแผนส่งหน่วยงานถ้าครบก็อนุญาต(เขียนได้ระบบราชการมาก) แต่ถ้าเป็นระดับ4 ห้ามอนุญาต
           คือที่หงุดหงิดคือ มันเป็นเรื่องการมองมากอย่างT-Virus สามารถมองให้เป็นระดับ3 ได้ เพราะไม่ได้มีนิยาม แต่ที่แย่ที่สุดเสต็มเซลเพื่อการทดลองอาจโดดไปอยู่ระดับ4ได้ เพราะขัดศีลธรรม โอ้...แม่เจ้า
       และที่สุดๆ คือ.....คุณพระช่วย ถึงจะห้ามใช้วิจัยผลิต แต่เอาอัตรายระดับ4 “ผ่าน” ประเทศไทยได้ คือ พระเจ้าจอร์ท.....วันก่อนเพิ่งอ่านข่าวรถขนระเบิดไปทำลายทำระเบิดตก เออ..... ถ้ามันทำสารเคมีหล่น ไม่กลายไปเป็นแบบเรื่องผีลืมหลุมกันหรอนี่(ดักแก่นิด หนังคือบริษัททำสารเคมีหล่นไปโดนฝน แล้วตกใส่สุสานซอมบี้เลยฟื้นมาเพียบ) อันตรายมากๆ
หมวด4 การปล่อยสู่สิ่งแวดล้อม เริ่มหมดอารมณ์รีวิวแล้ว กฎหมายมันเขียนได้ข้าราชการมาก แทบไม่มีอะไรที่เหมาะกับยุคเลย แต่เพื่ออาจารย์หนู่จะสู้
             ก็ห้ามปล่อยโดยได้รับอนุญาตครับ(อันนี้มัยปกติ) คือในหมวดนี้มีตำว่าเจตนาเยอะมาก ประหนึ่งจะปกป้องคนปล่อยนะประนึ่งว่าถ้ามีความเสียหายนะ บริษัทไม่เกียวแต่คนที่ไปปล่อยนะผิด อันเดิมนี่ละเอียดมากกว่าจะปล่อยได้ วิจัยกันสุดๆ
ส่วนที่5 จำหน่ายเป็นอาหารสัตว์
           เฮ้ยๆ เห็นหัวอย่าเพิ่งไปด่าท่านเจ้าสัวนะครับ ฉบับก่อนก็มี อันนี้ดีครับเพราะการจำหน่ายต้องได้รับอนุญาต และต้องปิดฉลากว่าเป็นพื้ชGMOที่เอามาทำเป็นอาหารสัตว์ เพราะการส่งออกเนี้ยสัตว์เขาตรวจไปถึงอาหารที่ใช้เลี้ยงด้วย แต่ตัวใหม่นี้ตัดในเรื่องความรับผิดในความเสียหายที่มีต่อเกษตรกรออกไป (อันนี้ชัดครับว่าใครได้ประโยชน์)แต่จริงๆ ก็หนีไม่พ้นในเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภคอยู่ดีครับ
ส่วน6 เรื่องเพิกถอน พัก เลิก
ไม่มีอะไรก็ทั่วๆ ไป
ส่วนที่7 การขนส่ง
            สำคัญที่ต้องต้องรู้ที่มาที่ไปของGMO เพื่อที่จะสามารถสืบได้อย่างชัดเจนครับ ซึ่งจะต้องทำเป็นฉลากอย่างชัดเจน
ส่วนที่8 การปลอดปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมอย่างไม่เจตนา และเหตุกรณีฉุกเฉิน
อ่านหัวเหมือนจะดี แต่ก็คือต้องมีแผนฉุกเฉินเหมือนไฟไหมน้ำท่วม(ซึ่งมันไม่เคยใช้ได้ดีจริง) และให้อำนาจภาครัฐเข้าควบคุมได้(ครับ) ไม่ได้มีการบอกความรับผิดไว้เหมือนเดิม
หมวดที่4 การมีส่วนร่วมของประชาชน และการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร
                เป็นหมวดที่ชัดเจนอีกหมวดว่าต้องดันกฎหมายฉบับนี้ออกมา เพราะมันจะทำให้เราเห็นข้อมูลจริงๆ เพราะระบุชัดว่าต้องเปิดเผยข้อมูล
1.ชื้อที่อยู่คนขอ (ไว้ไปตามเอาผิดหรือด่า)
2.คำอธิบายลักษณะทั่วไป(เพื่อให้รู้จักสิ่งมีชีวิตชนิตนั้น)
3.ประเมินด้านสิ่งแวดล้อมอนามัย(อันนี้ละมานั่งด่ากันใครมั่ว ใครยัดงานเอาให้ชัด)
4.แผนป้องกัน (อันนี้มานั้งดูกันว่าเพียงพอไหม)
ใครไม่เปิดเผยติดคุก
         แต่ก็คุ้มครองนอกเหนือจากนี้เช่น ความลับทางการค้า เช่นตัดต่อDNA ตัวไหน หรือชื่อผู้เข้าร่วมทดสอบ ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนตัว(ป้องกันไปกดดัน) ประมาณนั้น
      แต่เมื่อดูเทียบกับของเก่า สิ่งที่หายไปคือการเปิดเผยข้อมูลในการประชุมทางวิชาการ มันทำให้เห็นว่าการเอาข้อมูลพวกนี้ไปคุยทางวิชาการอาจมีความผิด(อันนี้อาจารย์เจษฎาซวยคนแรกเลย)
                  จริงๆ ถ้าเป็นข้อมูลจริงก็ควรเปิดเผยได้อย่างเต็มที่เว้นแต่จะมีคนเอาไปตัดต่อข้อมูลเพื่อให้เกิดความเสียหาย
หมวด5 กองทุนความปลอดภัย
               อันนี้ไม่มีอะไร เป็นกองทุนที่ตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุก และป้องกันความเสียหายต่อสิงแวดล้อม แค่ป้องกันไม่ให้เอาตังไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ กับรัฐบาลถังแตกมาไถหรือ ปล้นเอาดื่อๆ ก็โอเค
หมวด6 เจ้าหนักงาน
     ก็มีอำนาจทั่วไปตามที่พึงมี
หมวด7อุทธรณ์ ให้เวลา30 วัน
                                                                   -มีต่อนะ- ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่