ช่วงหาเรื่องโดนด่า รีวิว พรบ ว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพ(หรือกฎหมายGMO) ทนายความตอบ
เอากันตรงเลยนะครับช่วงนี้ว่าง หลังจากโปรเจคลูกค้าล้ม เลยหมดตังแต่เวลาเหลือ เห็นมานั่งด่ากันแบบ งงๆเพราะเราไม่ใช่นักวิทย์(แต่จบกฎหมายด้วยวิชาเลือกวิทย์ Gทุกตัว จนเพื่อนถามทำไม่ไม่เรียนวิทย์ตอบง่ายๆ คือโง่เอ็นฯไม่ติด(อย่าถามอายุนะ)
จริงๆ ก็ไม่ได้สนใจแต่ไปอ่านในFB อาจารย์เจษฎา ฯ ที่แกบอกว่าไอ้หนูมันเป็นมะเร็งเพราะการทดลองมันสร้างมาให้ได้คำตอบแบบนั้นเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของGMO ผมก็อ่านเรื่องวิทย์มานานก็เพิ่งเคยได้ยิน แล้วก็ดันเป็นเรื่องจริงเพราะคนโพสก็ออกมาขอโทษที่ให้ข้อมูลโดยไม่ตรวจสอบ ก็เลยเป็นการจุดประกายให้มานั่งอ่านเพื่อรีวิวกฎหมายฉบับนี้
กฎหมายฉบับนี้ยังไม่ได้มีการประกาศใช้นะครับ มันจึงเป็นร่างที่สามารถแก้ไขได้ดังนั้นเรามานั่งเสนอความเห็น หรือปูเสื่อดร่าม่าได้ตามสะดวกนะ ส่วนไอ้คนร่างมันจะได้ยินหรือเปล่าก็ตามแต่โชคชะตาจะพาไป
แต่เท่าที่อ่านดูกฎหมายฉบับนี้เขียนได้ดีมากๆ เหมือนคนเขียนตอนเขียนไป ดูเรซิเดนต์อีวิล + จูราสสิค พาร์ค+ ผีลืมหลุมไป(ติดแก่นิดนึง) คือมันกันเต็มที่เลยครับ(ในแง่กฎหมาย) เขียนมายาวแล้วมาเริ่มกันเลยดีว่า (ขอบอกว่าเป็นรีวิวที่ยาวมาก)
พรบ ว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพ แบ่งเป็น 9 หมวด 10 เรื่อง(ที่ต้องนับเรื่องเพราะมีบทนิยายก่อนหมวด1)
นิยามคำ
เป็นการกำหนดคำต่างๆ ทางเทคนิคให้สามารถจับต้องได้ทางกฎหมาย เช่น สิ่งมีชีวิตคือ สิ่งมีชีวิตดังแปลงพันธุกรรม
ซึ่งน่าสนใจจนเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่ที่ได้นิยาม ให้เป็นการแทรกแซงธรรมชาติ ซึ่งเอาจริงๆ มันไปไกลกว่าการตัดต่อพันธุกรรม(GMO) มันรวมถึง การที่คุณเอาสัตว์ต่างสายพันธ์มามีอะไรกันเพื่อให้เกิดลูกผสม หรือเอาเกสรกล้วยไม้มาโดนกันเพื่อให้ได้พันธ์ใหม่ แต่กฎหมายยกเว้นไว้ ดังนั้นไอ้พวกสนับสนุนGMO แล้วมายกเรื่องการปรับปรุงพันแบบคัดเมล็ดเอาปมเด่นมาชนกัน ก็เลิกซะนะมันนอกประเด็น แลดูจะเป็นไอ้พวกไม่มีเหตุผลเอาด้วย
แล้วก็มีนิยามสภาพมิดชิด ให้นึกถึงแล๊ปของเรสซิเด็นอีวิลนะประมาณนั้น
ส่วนนิยาม สภาพจำกัด ให้นึกถึง สวนข้าวโพดแบบกางมุ้งของThe x-file ประมาณนั้น
แล้วก็มีที่น่าสนใจคือคำว่า นำผ่าน ซึ่งอันนี้จะเป็นการบอกว่าแค่จะเอาผ่านไทยก็ต้องขออนุญาตนะ เดี๋ยวหล่นมาซวยกันหมด แบบผีลืมหลุม หล่นถังเดียวตายกันหมดเมือง
ส่วนที่เหลือก็เป็นนิยามทั่วไปไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
หมวด1 คณะกรรมการ
หมวดนี้เป็นเรื่องการตั้งคณะกรรมการควบคุม และบริหารจัดการตัวหลักๆ ก็คือข้าราขการกระทรวงต่างๆ เพื่อดูแลโดยตรง ที่น่าสนใจคือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒ 8 คน ที่จะเป็นคนทำงานจริงๆ ซึ่งต้องมาจากสายดังนี้
ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางเทคโนโลยีชีวภาพ สิ่งแวดล้อม เกษตร สาธารณะสุข หรือกฎหมายเพื่อให้ดูแล ตามความเห็นตัดกฎหมายออกไปเถอะไม่มีประโยชน์ ใส่วิทยาศาสตร์ แทนมีคุณค่ากว่าเยอะ
1.มี2 คน ต้องมาจากกลุ่มคุ้มครองสุขภาพอนามัย
2.มี 2 คนมาจาก สถาบันการศึกษา สถาบันวิจัย(เอาไว้ตรวจงานวิจัย)
3. 2 คนจากบริษัทที่ได้ผลประโยชน์GMO
4.2คนจากกลุ่มเกษตรกร และคุ้มครองผู้บริโภค (อันนี้ผู้รับความซวยถ้ามีเรื่อง)
5. จากไหนก็ได้
ถ้าอ่านเอาก็ชัดละนะว่า ประชาชนได้เปรียบในระดับหนึ่ง เพราะกรรมการชุดนี้จะเป็นคนที่ออกระเบียบต่างๆ เกี่ยวกับGMO โดยห้ามเป็นข้าราชการการเมือง
เอออีกนิดใครคิดว่ากฎหมายฉบับนี้ออกมาแล้ว พืชGMO จะทะลักเข้ามาช่วยกรุณามานั่งอ่านกฎหมายใหม่นะ กฎหมายแค่ตั้งกรรมการ และกรอบอำนาจเท่านั้น ยังมีเวลาทำข้อมูลมาค้านในช่วงคณะกรรมการทำงานได้อีกเยอะ ขอร้องอย่าเมา
แล้วอีกเรื่องคือ ถ้ามีมีกฎหมายฉบับนี้ เรามีแค่กฎหมายคุ้มครองพันธ์พื้นมาดูแล ซึ่ง

ตำเตี้ยเรี่ยดินมาในการดูแล เพราะการตัดต่อพันธุกรรมไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายในไทยนะ เพราะกฎหมายไม่ได้ห้ามไว้ชัดเจน
หมวด2 ผู้รับผิดชอบ
อันนี้ชอบมาก เพราะตั้งกรมใหม่ขึ้นมาดูแลเลย (น่าจะมีการจ้างนักวิทย์อีกบาน) มีงานมากินงบประมาณผลานภาษีเพีมอีกครับ ก็ไม่มีอะไรมาเป็นคนดูแลตามที่คณะกรรมการกำหนด
หมวด3 การควบคุม
อันนี้ละเป็นการห้ามจริงๆ แม้กระทั้งผ่านต้องขออนุญาต เป็นการป้องกันประเทศจากGMO ของแท้ ที่ผ่านมาจริงๆ สามารถนำเข้าได้เลยเพราะไม่ได้มีกฎหมายห้ามไว้(หรือจริงๆ ถึงห้ามก็ตรวจกันไม่ค่อยเจออยู่ดี) และทุกอย่าของกฎหมายอยู่ที่หมวดนี้ละ แบ่งเป็น 9 ส่วน
ส่วนแรก การแบ่งประเภท สิ่งมีชีวิตตัดต่อ
ประเภทแรก คือสิ่งมีชิวิตตัดต่อที่ไม่สามารถขยายพันธุ์ ได้ ไม่มีความเสียง เช่น ไดโนเสาใน จูราสสิค พาร์ค แต่มันกินคนนับเป็นความเสียงไหมนี่ แถมตอนจบยังขยายพันธ์ได้อีก)
ประเภทที่สอง มีความเสี่ยงกลางหรือต่ำ แพร่กระจายในระดับต่ำ อันนี้ไปเลยเรื่อง war world Z ต้องโดนกัดเท่านั้นถึงจะติดเชื้อ แถมไม่กัดคนไกล้ตายด้วย(แต่ประเด็นคือมันเยอะเท่านั้นละเลยสู้ไม่ไหว)
ประเภทที่สาม เสี่ยงสูง สามารถแพร่กระจายได้ในระดับปานกลาง ก่อโรคร้ายแรงได้ อันนี้ประมาณ ผีลืมหลุมละ ต้องสูดควัน หรือโดนกัดถึงจะเป็น ไม่เก่งมากเอาไฟช๊อตก็ตาย พอควบคุมได้(อันนี้เป็นหนังบุกเบิกหนังซอมบี้เลย)
ประเภทที่4 ไม่ทราบอันตรายชัดเจน T-Virus ชัดๆ หลอดเดียวแตก ตายกันทั้งโลก
จะเห็นความรุนแรงได้โดยเปรียบเทียบจากหนังนะจะได้เข้าใจง่ายๆ
ส่วนที่2 เรื่องนำเข้าส่งออก
อันนี้ไม่มีอะไรมากหากจะนำเข้า ส่งออก หรือผ่านต้องขออนุญาต ก็ตามระเบียบไป เว้นแต่พวก ประเภท4(T-Virus) อย่าเอามาเฉียดเลยห้ามเด็ดขาด (ถ้าดูจากมาตรฐานการทำงานก็เห็นด้วยอันตรายมาก)
ส่วนที่3 การใช้ในสภาพมิดชิด
อันนี้ก็เป็นระเบียบการเอามาใช้ในห้องทดลอง โดยมีการกำหนดว่าในแต่ละประเภทต้องดูแลยังไงแลต้องส่งแผนการจัดการให้อนุมัติ แต่ก็ห้ามมีประเภท4เด็ดขาด
ซึ่งการใช้มิดชิดอธิบายง่ายๆ ก็คือในแล๊ปนั้นละ ถ้าเอาแบบในหนังก็คือมีปัญหาก็ระเบิดทิ้งเลย ก็เป็นไปตามระเบียบครับ
ส่วนที่4 สภาพจำกัด คือการทดลองในพื้นที่กว้างขึ้นคือเลียนแบบธรรมชาติจริง เพื่อดูผล แต่ก็ยังมีการป้องกันไม่ให้ไปสู่โลกภายนอกอีก ก็เป็นไปตามระเบียบการขออนุญาต ถ้าเอาแบบเห็นภาพกันง่ายๆ ก็ประมาณ จูลสสิค พาร์ค นะครับเป็นการออกธรรมชาติที่จำกัดอยู่
ส่วนที่5 การปล่อยสู่สิ่งแวดล้อม อันนี้ละปัญหาของจริงที่เราถียงกันว่าจะเป็นอย่างไร เพราะแม้ว่าจะผ่านการทดสอบ แต่ความน่าเชื่อถือในกระบวนการทำงานของคณะกรรมการ(โดยเฉพาะแบบไทยๆ) มันก็ค่อนข้างต่ำ(ช่วงนี้ต้องของอภัยเพราะเวลาได้ยินคนพูดถึงทำอะไรแบบไทยๆ คือการทำที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ใครจะดราม่าว่าดูถูกคนไทยก็ตามสะดวก)
มันก็เลยเป็นปัญหา แต่ก็ให้มันมีระเบียบไว้ก็ดีกว่าปล่อยไปลอยๆ ละครับ
ส่วนที่ 6 การจำหน่าย อันนี้สำคัญที่สุดเพราะว่ามันเป็นการกระทบถึงเราโดยตรง โดยกฎหมายก็กำหนดชัดเจนว่าต้องขออนุญาตซึ่งก็ต้องมีการทดลองให้เห็นชัดเจนว่าไม่มีปัญหา รวมถึงเมื่อขายต้องติดป้ายบอกด้วยว่าเป็น GMO แม้วว่าจะไม่ได้เป็นการขาย GMO โดยตรงแต่สืบเนื่อง เช่นวัวกินGMO ก็ต้องติดฉลากบอกว่าเป็นวัวที่กินGMO ให้ประชาชนได้เลือก ซึ่ง
ก็โอเคนะ แลดู ก็ให้เราตัดสินใจเอาว่ายังไงไม่ใช้บอกว่าเราโง่แล้วก็จบเลย ไม่ต้องลอง
ส่วนที่7 การพักใบอนุญาต ช่างมันเถอะไม่เกี่ยวกับเรา
ส่วนที่8 การขนส่ง เก็บรักษา อันนี้ชัดการขนส่งเก็บรักษาต้องมีระเบียบเป็นชนิดชนิดตามแผนที่ได้ส่งมา รวมถึงต้องตามที่มาที่ไปได้ชัดไม่อย่างนั้นมีปัญหา
ส่วนที่9 การหลุดรอดสู่สิงแวดล้อม อันนี้เป็นไปตามแผนการป้องกันในแต่ละประเภทของสิ่งมีชีวิต ซึ่งเราห้ามประเภทที่4 อยู่แล้วจึงไม่น่ามีแผนในการป้องกันพวกT-Virus ในกฎหมายนี้ แต่น่าจะไปอยู่ใน แผนป้องกันการโจมตีโดยเชื้อโรคของกองทัพมากกว่า(แต่ดูจากกองกำลังไซเบอร์ แพ้F5 ก็อย่าไปหวังอะไรเยอะ)
หมวด4 ประชาพิจารณ์และข้อมูล (หมวดนี้ชอบมาก และโครตสำคัญ)
เป็นหมวดที่ชัดเจนอีกหมวดว่าต้องดันกฎหมายฉบับนี้ออกมา เพราะมันจะทำให้เราเห็นข้อมูลจริงๆ เพราะระบุชัดว่าต้องเปิดเผยข้อมูล
1.ชื้อที่อยู่คนขอ (ไว้ไปตามเอาผิดหรือด่า)
2.คำอธิบายลักษณะทั่วไป(เพื่อให้รู้จักสิ่งมีชีวิตชนิตนั้น)
3.ประเมินด้านสิ่งแวดล้อมอนามัย(อันนี้ละมานั่งด่ากันใครมั่ว ใครยัดงานเอาให้ชัด)
4.แผนป้องกัน (อันนี้มานั้งดูกันว่าเพียงพอไหม)
ใครไม่เปิดเผยติดคุก
แต่ก็คุ้มครองนอกเหนือจากนี้เช่น ความลับทางการค้า เช่นตัดต่อDNA ตัวไหน หรือชื่อผู้เข้าร่วมทดสอบ ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนตัว(ป้องกันไปกดดัน) ประมาณนั้น
หมวด5 กองทุนความปลอดภัย
อันนี้ไม่มีอะไร เป็นกองทุนที่ตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุก และป้องกันความเสียหายต่อสิงแวดล้อม แค่ป้องกันไม่ให้เอาตังไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ กับรัฐบาลถังแตกมาไถหรือ ปล้นเอาดื่อๆ ก็โอเค
หมวด6 เจ้าหนักงาน
ก็มีอำนาจทั่วไปตามที่พึงมี
หมวด7อุทธรณ์ ให้เวลา30 วัน
หมวด8 การรับผิดในความเสียหาย
กำหนดกรอบความเสียหายไว้กว้างมากยันวัฒนธรรม เช่นถ้าความเสียหายทำให้นิ้งแข็งตังวงรำไม่ได้ ก็ต้องรับผิด
และการพิสูจน์ ผู้ถูกกล่าวหาว่าก่อให้เกิดความเสียหายต้องเป็นผู้พิสูจน์ แบบคุ้มครองผู้บริโภค
หมวด9 บทลงโทษ ก็ตามนั้นไล่ไปตามความผิด
สรุป กฎหมายฉบับนี้จัดว่าเป็นกฎหมายที่ดีมากๆ ฉบับหนึ่ง ในความเห็นของนักกฎหมาย ประเด็นคือเรายังไม่มีกฎหมายที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรงมีแต่คำสั่งห้ามเท่านั้นซึ่ง สามารถประกาศยกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้(ยิ่งภายใต้รัฐบาลเผด็จการยิ่งง่าย) ดังนั้นการที่กฎหมายออกมากำหนดทำให้ยากต่อการยกเลิก และเท่าที่อ่านดู ก็ค่อนข้างครอบคลุม
แต่เรื่องที่งงๆ ที่สุดคือเรื่องที่นั่งเถียงกันนะไม่เห็นเกี่ยวกับกฎหมายเลย เห็นถียงกันในเรื่องรายละเอียดในการทำวิจัย ซึ่งปกติมันก็มีแนวทางของมันอยู่(ยังไม่นับข้อมูลมั่วๆอีกนะ) กฎหมายฉบับนี้จะเปิดเผยข้อมูลเป็นรายชิ้นให้มานั่งดูกันเป็นตัวๆ ไม่ใช่เหมารวมซึ่งจะมีประโยชน์มากครับ
ถ้ากฎหมายฉบับนี้ไม่ผ่าน ก็จะต้องใช้กฎหมายอื่นๆ บังคับไปอย่างมึนๆ เช่น พรบ.ควบคุมโภคภัณฑ์(จะมีซักกี่คนรู้จักวะ) ซึ่งเปิดช่องให้บริษัทโครตๆ หรือพรบความลับทางการค้า ที่ให้พวกบริษัทฯใหญ่ๆ ไม่ต้องบอกข้อมูลอะไรเลยโดยอ้างความลับทางการค้า
พออ่านกฎหมายแล้วเริ่มรู้สึกว่า คนต้านGMO เป็นพวกสนับสนุนกลุ่มธุรกิจใหญ่มากกว่าคนที่สนับสนุนGMO ซะอีก
ใครมีความเห็นกฎหมายด้านอื่นมาคุยกันได้นะ ขอบคุณมากที่อ่านจบ ยาวมากกกกกกก
อยากถามกฎหมายเพิ่มเติมถามมาได้หลังไมค์นะครับ^^
ช่วงหาเรื่องโดนด่า รีวิว พรบ ว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพ(หรือกฎหมายGMO) ทนายความตอบ
เอากันตรงเลยนะครับช่วงนี้ว่าง หลังจากโปรเจคลูกค้าล้ม เลยหมดตังแต่เวลาเหลือ เห็นมานั่งด่ากันแบบ งงๆเพราะเราไม่ใช่นักวิทย์(แต่จบกฎหมายด้วยวิชาเลือกวิทย์ Gทุกตัว จนเพื่อนถามทำไม่ไม่เรียนวิทย์ตอบง่ายๆ คือโง่เอ็นฯไม่ติด(อย่าถามอายุนะ)
จริงๆ ก็ไม่ได้สนใจแต่ไปอ่านในFB อาจารย์เจษฎา ฯ ที่แกบอกว่าไอ้หนูมันเป็นมะเร็งเพราะการทดลองมันสร้างมาให้ได้คำตอบแบบนั้นเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของGMO ผมก็อ่านเรื่องวิทย์มานานก็เพิ่งเคยได้ยิน แล้วก็ดันเป็นเรื่องจริงเพราะคนโพสก็ออกมาขอโทษที่ให้ข้อมูลโดยไม่ตรวจสอบ ก็เลยเป็นการจุดประกายให้มานั่งอ่านเพื่อรีวิวกฎหมายฉบับนี้
กฎหมายฉบับนี้ยังไม่ได้มีการประกาศใช้นะครับ มันจึงเป็นร่างที่สามารถแก้ไขได้ดังนั้นเรามานั่งเสนอความเห็น หรือปูเสื่อดร่าม่าได้ตามสะดวกนะ ส่วนไอ้คนร่างมันจะได้ยินหรือเปล่าก็ตามแต่โชคชะตาจะพาไป
แต่เท่าที่อ่านดูกฎหมายฉบับนี้เขียนได้ดีมากๆ เหมือนคนเขียนตอนเขียนไป ดูเรซิเดนต์อีวิล + จูราสสิค พาร์ค+ ผีลืมหลุมไป(ติดแก่นิดนึง) คือมันกันเต็มที่เลยครับ(ในแง่กฎหมาย) เขียนมายาวแล้วมาเริ่มกันเลยดีว่า (ขอบอกว่าเป็นรีวิวที่ยาวมาก)
พรบ ว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพ แบ่งเป็น 9 หมวด 10 เรื่อง(ที่ต้องนับเรื่องเพราะมีบทนิยายก่อนหมวด1)
นิยามคำ
เป็นการกำหนดคำต่างๆ ทางเทคนิคให้สามารถจับต้องได้ทางกฎหมาย เช่น สิ่งมีชีวิตคือ สิ่งมีชีวิตดังแปลงพันธุกรรม
ซึ่งน่าสนใจจนเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่ที่ได้นิยาม ให้เป็นการแทรกแซงธรรมชาติ ซึ่งเอาจริงๆ มันไปไกลกว่าการตัดต่อพันธุกรรม(GMO) มันรวมถึง การที่คุณเอาสัตว์ต่างสายพันธ์มามีอะไรกันเพื่อให้เกิดลูกผสม หรือเอาเกสรกล้วยไม้มาโดนกันเพื่อให้ได้พันธ์ใหม่ แต่กฎหมายยกเว้นไว้ ดังนั้นไอ้พวกสนับสนุนGMO แล้วมายกเรื่องการปรับปรุงพันแบบคัดเมล็ดเอาปมเด่นมาชนกัน ก็เลิกซะนะมันนอกประเด็น แลดูจะเป็นไอ้พวกไม่มีเหตุผลเอาด้วย
แล้วก็มีนิยามสภาพมิดชิด ให้นึกถึงแล๊ปของเรสซิเด็นอีวิลนะประมาณนั้น
ส่วนนิยาม สภาพจำกัด ให้นึกถึง สวนข้าวโพดแบบกางมุ้งของThe x-file ประมาณนั้น
แล้วก็มีที่น่าสนใจคือคำว่า นำผ่าน ซึ่งอันนี้จะเป็นการบอกว่าแค่จะเอาผ่านไทยก็ต้องขออนุญาตนะ เดี๋ยวหล่นมาซวยกันหมด แบบผีลืมหลุม หล่นถังเดียวตายกันหมดเมือง
ส่วนที่เหลือก็เป็นนิยามทั่วไปไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
หมวด1 คณะกรรมการ
หมวดนี้เป็นเรื่องการตั้งคณะกรรมการควบคุม และบริหารจัดการตัวหลักๆ ก็คือข้าราขการกระทรวงต่างๆ เพื่อดูแลโดยตรง ที่น่าสนใจคือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒ 8 คน ที่จะเป็นคนทำงานจริงๆ ซึ่งต้องมาจากสายดังนี้
ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางเทคโนโลยีชีวภาพ สิ่งแวดล้อม เกษตร สาธารณะสุข หรือกฎหมายเพื่อให้ดูแล ตามความเห็นตัดกฎหมายออกไปเถอะไม่มีประโยชน์ ใส่วิทยาศาสตร์ แทนมีคุณค่ากว่าเยอะ
1.มี2 คน ต้องมาจากกลุ่มคุ้มครองสุขภาพอนามัย
2.มี 2 คนมาจาก สถาบันการศึกษา สถาบันวิจัย(เอาไว้ตรวจงานวิจัย)
3. 2 คนจากบริษัทที่ได้ผลประโยชน์GMO
4.2คนจากกลุ่มเกษตรกร และคุ้มครองผู้บริโภค (อันนี้ผู้รับความซวยถ้ามีเรื่อง)
5. จากไหนก็ได้
ถ้าอ่านเอาก็ชัดละนะว่า ประชาชนได้เปรียบในระดับหนึ่ง เพราะกรรมการชุดนี้จะเป็นคนที่ออกระเบียบต่างๆ เกี่ยวกับGMO โดยห้ามเป็นข้าราชการการเมือง
เอออีกนิดใครคิดว่ากฎหมายฉบับนี้ออกมาแล้ว พืชGMO จะทะลักเข้ามาช่วยกรุณามานั่งอ่านกฎหมายใหม่นะ กฎหมายแค่ตั้งกรรมการ และกรอบอำนาจเท่านั้น ยังมีเวลาทำข้อมูลมาค้านในช่วงคณะกรรมการทำงานได้อีกเยอะ ขอร้องอย่าเมา
แล้วอีกเรื่องคือ ถ้ามีมีกฎหมายฉบับนี้ เรามีแค่กฎหมายคุ้มครองพันธ์พื้นมาดูแล ซึ่ง
หมวด2 ผู้รับผิดชอบ
อันนี้ชอบมาก เพราะตั้งกรมใหม่ขึ้นมาดูแลเลย (น่าจะมีการจ้างนักวิทย์อีกบาน) มีงานมากินงบประมาณผลานภาษีเพีมอีกครับ ก็ไม่มีอะไรมาเป็นคนดูแลตามที่คณะกรรมการกำหนด
หมวด3 การควบคุม
อันนี้ละเป็นการห้ามจริงๆ แม้กระทั้งผ่านต้องขออนุญาต เป็นการป้องกันประเทศจากGMO ของแท้ ที่ผ่านมาจริงๆ สามารถนำเข้าได้เลยเพราะไม่ได้มีกฎหมายห้ามไว้(หรือจริงๆ ถึงห้ามก็ตรวจกันไม่ค่อยเจออยู่ดี) และทุกอย่าของกฎหมายอยู่ที่หมวดนี้ละ แบ่งเป็น 9 ส่วน
ส่วนแรก การแบ่งประเภท สิ่งมีชีวิตตัดต่อ
ประเภทแรก คือสิ่งมีชิวิตตัดต่อที่ไม่สามารถขยายพันธุ์ ได้ ไม่มีความเสียง เช่น ไดโนเสาใน จูราสสิค พาร์ค แต่มันกินคนนับเป็นความเสียงไหมนี่ แถมตอนจบยังขยายพันธ์ได้อีก)
ประเภทที่สอง มีความเสี่ยงกลางหรือต่ำ แพร่กระจายในระดับต่ำ อันนี้ไปเลยเรื่อง war world Z ต้องโดนกัดเท่านั้นถึงจะติดเชื้อ แถมไม่กัดคนไกล้ตายด้วย(แต่ประเด็นคือมันเยอะเท่านั้นละเลยสู้ไม่ไหว)
ประเภทที่สาม เสี่ยงสูง สามารถแพร่กระจายได้ในระดับปานกลาง ก่อโรคร้ายแรงได้ อันนี้ประมาณ ผีลืมหลุมละ ต้องสูดควัน หรือโดนกัดถึงจะเป็น ไม่เก่งมากเอาไฟช๊อตก็ตาย พอควบคุมได้(อันนี้เป็นหนังบุกเบิกหนังซอมบี้เลย)
ประเภทที่4 ไม่ทราบอันตรายชัดเจน T-Virus ชัดๆ หลอดเดียวแตก ตายกันทั้งโลก
จะเห็นความรุนแรงได้โดยเปรียบเทียบจากหนังนะจะได้เข้าใจง่ายๆ
ส่วนที่2 เรื่องนำเข้าส่งออก
อันนี้ไม่มีอะไรมากหากจะนำเข้า ส่งออก หรือผ่านต้องขออนุญาต ก็ตามระเบียบไป เว้นแต่พวก ประเภท4(T-Virus) อย่าเอามาเฉียดเลยห้ามเด็ดขาด (ถ้าดูจากมาตรฐานการทำงานก็เห็นด้วยอันตรายมาก)
ส่วนที่3 การใช้ในสภาพมิดชิด
อันนี้ก็เป็นระเบียบการเอามาใช้ในห้องทดลอง โดยมีการกำหนดว่าในแต่ละประเภทต้องดูแลยังไงแลต้องส่งแผนการจัดการให้อนุมัติ แต่ก็ห้ามมีประเภท4เด็ดขาด
ซึ่งการใช้มิดชิดอธิบายง่ายๆ ก็คือในแล๊ปนั้นละ ถ้าเอาแบบในหนังก็คือมีปัญหาก็ระเบิดทิ้งเลย ก็เป็นไปตามระเบียบครับ
ส่วนที่4 สภาพจำกัด คือการทดลองในพื้นที่กว้างขึ้นคือเลียนแบบธรรมชาติจริง เพื่อดูผล แต่ก็ยังมีการป้องกันไม่ให้ไปสู่โลกภายนอกอีก ก็เป็นไปตามระเบียบการขออนุญาต ถ้าเอาแบบเห็นภาพกันง่ายๆ ก็ประมาณ จูลสสิค พาร์ค นะครับเป็นการออกธรรมชาติที่จำกัดอยู่
ส่วนที่5 การปล่อยสู่สิ่งแวดล้อม อันนี้ละปัญหาของจริงที่เราถียงกันว่าจะเป็นอย่างไร เพราะแม้ว่าจะผ่านการทดสอบ แต่ความน่าเชื่อถือในกระบวนการทำงานของคณะกรรมการ(โดยเฉพาะแบบไทยๆ) มันก็ค่อนข้างต่ำ(ช่วงนี้ต้องของอภัยเพราะเวลาได้ยินคนพูดถึงทำอะไรแบบไทยๆ คือการทำที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ใครจะดราม่าว่าดูถูกคนไทยก็ตามสะดวก)
มันก็เลยเป็นปัญหา แต่ก็ให้มันมีระเบียบไว้ก็ดีกว่าปล่อยไปลอยๆ ละครับ
ส่วนที่ 6 การจำหน่าย อันนี้สำคัญที่สุดเพราะว่ามันเป็นการกระทบถึงเราโดยตรง โดยกฎหมายก็กำหนดชัดเจนว่าต้องขออนุญาตซึ่งก็ต้องมีการทดลองให้เห็นชัดเจนว่าไม่มีปัญหา รวมถึงเมื่อขายต้องติดป้ายบอกด้วยว่าเป็น GMO แม้วว่าจะไม่ได้เป็นการขาย GMO โดยตรงแต่สืบเนื่อง เช่นวัวกินGMO ก็ต้องติดฉลากบอกว่าเป็นวัวที่กินGMO ให้ประชาชนได้เลือก ซึ่ง
ก็โอเคนะ แลดู ก็ให้เราตัดสินใจเอาว่ายังไงไม่ใช้บอกว่าเราโง่แล้วก็จบเลย ไม่ต้องลอง
ส่วนที่7 การพักใบอนุญาต ช่างมันเถอะไม่เกี่ยวกับเรา
ส่วนที่8 การขนส่ง เก็บรักษา อันนี้ชัดการขนส่งเก็บรักษาต้องมีระเบียบเป็นชนิดชนิดตามแผนที่ได้ส่งมา รวมถึงต้องตามที่มาที่ไปได้ชัดไม่อย่างนั้นมีปัญหา
ส่วนที่9 การหลุดรอดสู่สิงแวดล้อม อันนี้เป็นไปตามแผนการป้องกันในแต่ละประเภทของสิ่งมีชีวิต ซึ่งเราห้ามประเภทที่4 อยู่แล้วจึงไม่น่ามีแผนในการป้องกันพวกT-Virus ในกฎหมายนี้ แต่น่าจะไปอยู่ใน แผนป้องกันการโจมตีโดยเชื้อโรคของกองทัพมากกว่า(แต่ดูจากกองกำลังไซเบอร์ แพ้F5 ก็อย่าไปหวังอะไรเยอะ)
หมวด4 ประชาพิจารณ์และข้อมูล (หมวดนี้ชอบมาก และโครตสำคัญ)
เป็นหมวดที่ชัดเจนอีกหมวดว่าต้องดันกฎหมายฉบับนี้ออกมา เพราะมันจะทำให้เราเห็นข้อมูลจริงๆ เพราะระบุชัดว่าต้องเปิดเผยข้อมูล
1.ชื้อที่อยู่คนขอ (ไว้ไปตามเอาผิดหรือด่า)
2.คำอธิบายลักษณะทั่วไป(เพื่อให้รู้จักสิ่งมีชีวิตชนิตนั้น)
3.ประเมินด้านสิ่งแวดล้อมอนามัย(อันนี้ละมานั่งด่ากันใครมั่ว ใครยัดงานเอาให้ชัด)
4.แผนป้องกัน (อันนี้มานั้งดูกันว่าเพียงพอไหม)
ใครไม่เปิดเผยติดคุก
แต่ก็คุ้มครองนอกเหนือจากนี้เช่น ความลับทางการค้า เช่นตัดต่อDNA ตัวไหน หรือชื่อผู้เข้าร่วมทดสอบ ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนตัว(ป้องกันไปกดดัน) ประมาณนั้น
หมวด5 กองทุนความปลอดภัย
อันนี้ไม่มีอะไร เป็นกองทุนที่ตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุก และป้องกันความเสียหายต่อสิงแวดล้อม แค่ป้องกันไม่ให้เอาตังไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ กับรัฐบาลถังแตกมาไถหรือ ปล้นเอาดื่อๆ ก็โอเค
หมวด6 เจ้าหนักงาน
ก็มีอำนาจทั่วไปตามที่พึงมี
หมวด7อุทธรณ์ ให้เวลา30 วัน
หมวด8 การรับผิดในความเสียหาย
กำหนดกรอบความเสียหายไว้กว้างมากยันวัฒนธรรม เช่นถ้าความเสียหายทำให้นิ้งแข็งตังวงรำไม่ได้ ก็ต้องรับผิด
และการพิสูจน์ ผู้ถูกกล่าวหาว่าก่อให้เกิดความเสียหายต้องเป็นผู้พิสูจน์ แบบคุ้มครองผู้บริโภค
หมวด9 บทลงโทษ ก็ตามนั้นไล่ไปตามความผิด
สรุป กฎหมายฉบับนี้จัดว่าเป็นกฎหมายที่ดีมากๆ ฉบับหนึ่ง ในความเห็นของนักกฎหมาย ประเด็นคือเรายังไม่มีกฎหมายที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรงมีแต่คำสั่งห้ามเท่านั้นซึ่ง สามารถประกาศยกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้(ยิ่งภายใต้รัฐบาลเผด็จการยิ่งง่าย) ดังนั้นการที่กฎหมายออกมากำหนดทำให้ยากต่อการยกเลิก และเท่าที่อ่านดู ก็ค่อนข้างครอบคลุม
แต่เรื่องที่งงๆ ที่สุดคือเรื่องที่นั่งเถียงกันนะไม่เห็นเกี่ยวกับกฎหมายเลย เห็นถียงกันในเรื่องรายละเอียดในการทำวิจัย ซึ่งปกติมันก็มีแนวทางของมันอยู่(ยังไม่นับข้อมูลมั่วๆอีกนะ) กฎหมายฉบับนี้จะเปิดเผยข้อมูลเป็นรายชิ้นให้มานั่งดูกันเป็นตัวๆ ไม่ใช่เหมารวมซึ่งจะมีประโยชน์มากครับ
ถ้ากฎหมายฉบับนี้ไม่ผ่าน ก็จะต้องใช้กฎหมายอื่นๆ บังคับไปอย่างมึนๆ เช่น พรบ.ควบคุมโภคภัณฑ์(จะมีซักกี่คนรู้จักวะ) ซึ่งเปิดช่องให้บริษัทโครตๆ หรือพรบความลับทางการค้า ที่ให้พวกบริษัทฯใหญ่ๆ ไม่ต้องบอกข้อมูลอะไรเลยโดยอ้างความลับทางการค้า
พออ่านกฎหมายแล้วเริ่มรู้สึกว่า คนต้านGMO เป็นพวกสนับสนุนกลุ่มธุรกิจใหญ่มากกว่าคนที่สนับสนุนGMO ซะอีก
ใครมีความเห็นกฎหมายด้านอื่นมาคุยกันได้นะ ขอบคุณมากที่อ่านจบ ยาวมากกกกกกก
อยากถามกฎหมายเพิ่มเติมถามมาได้หลังไมค์นะครับ^^