300,000สู่35,500,000ใน8ปี(Season#2)
ลิ้งที่ 1 :
http://m.pantip.com/topic/32712841?
ลิ่งที่ 3 :
http://pantip.com/topic/34481456
ฝากตอนที่ 4 ด้วยยย
http://pantip.com/topic/35207780
ปีนี้ธุรกิจแพื่อนๆ เจอปัญหาอย้างไรบ้าง เล่าให้ฟังกันบ้างนะครับ ผมก็โดนหนักมิใช่น้อย จึงอยากมาแชร์ประสบการณ์รอบ2
#เทียนย้อย
ตอนที่6 RED OCEAN
เศษฐกิจไม่ดี สิ่งที่ทุกร้านทำได้เพื่อให้รอดตาย คือการตัดราคา เป็นสิ่งแรกที่ทุกร้านทำ ตัดกันไปตัดกันมา สุดท้ายปลาเล็กก็ตาย ปลาใหญ่ก็รอด กฎทุนนิยม (ผมจะเป็นคนสุดท้ายที่ทำ แหม่กำไรหายไป20%เชียว)**
ผมก็หนีกระแสนี้ไม่พ้น สุดท้ายก็ต้องปรับราคา
ตลาดสินค้าหาความต่างกันไม่ได้ price war
(คิดในใจดีนะที่กูโกยมาล่ะ555)**
ผมได้เล่าสิ่งนี้ให้กับพนักงานทุกคนทราบ ถึงปัญหาที่ต้องเจอ เราต้องสร้าง Value Creation Strategy คือคำตอบ (ผมทราบทีมงานก็ต้องทราบ แบ่งความเครียด555)**
**********************************
1. สร้างตลาดใหม่ (Redefine the Market)
2. สร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ (Resegment the Market)
3. กลยุทธ แซนด์วิช “Sandwich” Approach
สร้างแบรน์ดเดิม ให้ดีขึ้น เป็น Premium Segment และสร้าง Fighting Brand ลงมาสู้ ตีคู่กับคู่แข่งของคุณ Standard Segement ดังนั้นการสร้าง Value Creation คือการสร้าง บริการใหม่ ให้ดีกว่าคู่แข่ง โดย และส่วนของ Fighting Brand ก็คงราคาให้เท่ากับคู่แข่ง อย่าลดราคาลงต่ำกว่าคู่แข่ง เพราะคู่แข่งจะดึงคุณเข้าสู่ “สงครามราคา (Price War)”
สรุปคือ ผมสร้างสินค้าขึ้นมาอีกตัว (สร้างสินค้าขึ้นมาใหม่ เพื่อกลุ่มลูกค้าใหม่)**โดยไม่เกี่ยวข้องกับสินค้าเดิม(สร้างประสบการณ์ใหม่)**ที่มาสู้ด้านราคาโดยไม่ไปตัดราคาตัวเดิม
ผมบอกกับทีมงานว่า สินค้าหาความต่างไม่ได้ ราคามีนัยยะต่อการตัดสินใจ แต่สิ่งที่เราสร้างความต่างได้ คือ บริการ(Value creation)**
หากคุณมองทุกคนรอบตัวเป็นศัตรู ทุกคนรอบตัวคุณก็จะเป็นศัตรูของคุณ หากคุณทำการแข่งขันกับคู่แข่ง อย่าพยายามใช้ความเกลียดชัง “ความเกลียดจะทำให้คุณพ่ายแพ้”#แจ๊ค หม่า
***(จงเรียนรู้ข้อดีแล้วข้อบกพร่องจากคู่แข่งของคุณ)***
ตอนที่7 TREND เปลี่ยน
ลูกค้าต้องการแบบนี้จึงเกิดเทรนด์ หรือ สินค้าเกิดขึ้นมาแล้วได้การตอบรับจึงเกิดเทรนด์(ใครสร้างใครกำหนด???)**
Steve Jobs .... เพราะคนมักจะไม่ค่อยรู้ว่า อะไรที่พวกเขาต้องการ จนกว่าคุณจะทำมันออกมา ให้เขาเห็น”. .
เราหลับ แต่ตลาดไม่เคยหลับ แฟชั่นก็ไม่หลับเช่นกัน วันนึงผมตื่นขึ้นมา ผมก็รู้แล้วว่าสินค้าผมกำลังมีปัญหา (ยอดตก30%ไม่รุ้ก็บ้าล่ะ)**ที่ผมรู้เพราะ(สำรวจ สำรวจ สำรวจ ความต้องการผู้บริโภคเสมอ)**
องค์ประกอบการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค
Who ? ใครคือลูกค้าของเรา
What ? อะไรที่ลูกค้าของเราต้องการ
When ? เมื่อไหร่ที่ลูกค้าซื้อสินค้า
Why ? ลูกค้าซื้อสินค้าของเราไปทำอะไร
Where ? ลูกค้าของเราชอบเดินเข้าไปซื้อสินค้าในสถานที่แบบใด
Who participat ? มีใครบ้างที่เกี่ยวข้องในการซื้อสินค้าแต่ละครั้งของลูกค้า
ผมเซไป3เดือนอย่างหนัก รวมถึงสร้างปรับแก้ไขอีก3เดือน สร้างจุดแข็ง กลบจุดด้อย รวมเป็นเวลา6เดือน ผมต้องปรับแก้ไขกว่า50ครั้ง เพื่อลองผิดลองถูก ถึงจะเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร (คุณปรับ คู่แข่งคุณก็ปรับ)***
ความต้องการของผู้บริโภค (Consumer Wants and Needs) คือมองว่าผลิตสินค้านี้แล้วผู้บริโภคจะซื้อไปใช้หรือไม่ เนื่องจากผู้บริโภคในปัจจุบันเรียนรู้ที่จะเลือกบริโภคสินค้าแบบไหน อย่างไร ไม่ใช่ผู้ผลิตผลิตอะไรออกมาก็จะขายได้ทุกอย่างเหมือนเมื่อก่อน ยิ่งตอนนี้เป็นยุคที่ต้องรัดเข็มขัด ผู้บริโภคก็อาจเลือกเฉพาะสิ่งที่จำเป็นเพื่อแก้ปัญหาความผู้รอดของพวกเขา
ต้นทุนของผู้บริโภค (Consumer’s Cost to Satisfy) การตั้งราคาของผู้ผลิตต้องคำนึงถึงต้นทุนของผู้บริโภคมากกว่าต้นทุนทางการผลิต โดยพิจารณาว่า ก่อนที่ผู้บริโภคจะจ่ายเงินซื้อสินค้าชิ้นนั้น เขาต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรมาก่อนหรือไม่ เช่น ค่าเดินทาง ค่าที่จอดรถ และค่าเสียเวลา ถ้าเขาหักลบกลบหนี้แล้ว รู้สึกคุ้มค่ากับต้นทุนที่ใช้จ่ายออกไปก่อนหน้านี้หรือไม่ ถ้าไม่คุ้มค่าผู้บริโภคก็ไม่เลือกซื้อสินค้านั้น
ความสะดวกในการซื้อ (Convenience to buy) คือคำนึงถึงความสะดวกสบายของลูกค้าเป็นสำคัญ ด้วยการเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายที่ผู้บริโภคสามารถซื้อหาสินค้าได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ถ้าต้องการซื้อในจำนวนมากและได้ราคาถูกควรไปที่ไหน ถ้าต้องการซื้อเพียงชิ้นเดียวและซื้อได้อย่างรวดเร็วควรไปที่ไหน เป็นต้น
การสื่อสาร (Communication that Connects) การสื่อสารที่ดีจะสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ และความเชื่อถือในสินค้า ส่งผลให้เกิดยอดขายที่เพิ่มขึ้น แต่ในปัจจุบันสินค้าทุกชนิดทุกยี่ห้อต่างก็พยายามที่จะสื่อสารไปยังผู้บริโภค ผู้บริโภคจึงต้องเลือกที่จะฟังหรือไม่ฟัง ดังนั้นหน้าที่ของนักการตลาดที่ดีก็คือ หาวิธีสื่อสารอย่างไรที่จะทำให้ผู้บริโภครับฟังคุณ
***(ฟังเสียงลูกค้า ฟังความต้องการ ฟังปัญหาของเค้า)***
ตอนที่8 E-COMMERCE
มีฝรั่งเดินเข้ามา สปีคอิงลิช. (&฿&&;฿//฿€>^). งง ซิครับ. 5555. เค้าคือใคร เค้ามาทำไม เค้าต้องการอะไร. ?
เค้าคือผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ของเว็ปไซต์e-comerceชื่อดัง (L*****) มาทำการติดต่อให้เราเอาสินค้าไปลงในเว็ป (สวรรค์มาโปรด. ยักษ์ใหญ่มาเจอเราแล้ว)**. พร้อมกับยื่นเอกสาร24หน้า(ภาษาอังกฤษล้วน มาให้เซ็น)
ถ้าทำผิดสัญญาจะติดคุก โดนปรับอะไรไหมนิ ผมจึงไม่เซ็นแล้ว ขอให้เปลี่ยนเป็นสัญญาที่ผมจะเข้าใจได้ จึงเหลือ3หน้า(ในใจตอนนั้น ถอดใจล่ะ คงไม่มีดีลนี้เกิดขึ้น)**
เกิดการสั่งครั้งแรก100ตัว (ดีใจสุดๆ. สินค้าเราจะไปขายในเว็ปดัง) คิดในใจจะกลับมาสั่งอีกไหม ผ่านไป1ด ก็ไม่มีการติดต่อกลับมา(กินแห้ว ฝันสลาย)
ก่อนหน้านี้ผมเคยทำเวป ทำเพจ ขายในเฟส แต่ไม่ประสบความสำเร็จ). เพราะ
1.ขาดทักษะในการนำเสนอข้อมูล ไม่รู้จุดใหนที่สำคัญ ข้อมูลไม่เพียงพอ ต่อการตัดสินใจ
2. ไม่มีบุคคลกรที่ทำหน้าที่ดูแลเว็บไซต์โดยตรง บางครั้งมีลูกค้าอีเมล์มาสอบถามเพิ่มเติม แต่ไม่มีบุคคลากรเพื่อดูแลปัญหานี้ หรือตอบช้าเกินไป ทำให้ลูกค้าหันไปสั่งซื้อสินค้าจากเจ้าอื่น
3. ขาดการวางแผนตลาดรองรับ สำหรับการประชาสัมพันธ์ถึงกลุ่มเป้าหมาย
4. ขาดการส่งเสริมอย่างจริงจัง ผู้ซื้อเข้ามากี่เดือนก็พบรูปแบบเหมือนเดิม ทำให้เว็บขาดความเชื่อถือ
แม่เจ้า L ติดต่อกลับมา. พร้อมสั่งอีก100ตัว (ผมก็ดีใจนะ แต่แอบคิดไม่ได้ว่าสั่ง100ตัวในเวลา30วัน มันจะมีประโยชน์อะไร555)
อีก20วันสั่ง150ตัว
อีก20วันสั่ง200ตัว
อีก15วันสั่ง300ตัว
อีก15วันสั่ง300ตัว
อีก10วันสั่ง500ตัว
อีก10วันสั่ง500ตัว
อีก10วันสั่ง1,000ตัว
ในเวลา6เดือน ขึ้นเป็นสินค้าขายดีอันดับ1ในหมวด.(ปล่อยสิ่งไม่ถนัดให้มืออาชีพเค้าทำไป)**
สัดส่วนจากธุรกิจE-Commerceเป็น6.5%จากยอดขายทั้งหมด
แต่ต้องตะหนักไว้เสมอ คงอยู่กับเราได้ไม่นาน เมื่อไหรปลาใหญ่เจอ จะหันไปหาต้นทุนที่ถูกลงหรือทำเอง(เริ่มต่อราคา5555)** ผมจึงบอกกลับไปว่า ผมคงลดได้นิดหน่อย เพราะไม่อยากลดคุณภาพลง
ตอนที่9 ระเบิดราชประสง 17/08/2015
ตูม!!!! ผมอยู่ในตึก นึกว่าหม้อแปลงระเบิด. มาทราบข่าวอีกทีในเฟส ผมรู้เลยสถานการณ์แถวนี้จะโดนกระทบอะไรบ้าง ผมรีบกางออเดอร์ที่อยู่ในมือ แล้วนั่งคำนวนยอดขาย สรุปรอดถึงสิ้นเดือน(วางแผน คำนวนต้นทุน ยอดขาย ปรับประมาณการณ์ใหม่หมด)**
ผมรู้เลย13วันหลังจะยังไม่กระทบเพราะยังมีออเดอร์ กับ นักท่องเที่ยวคงเหลืออยู่กับที่วางแผนมาแล้วคงได้ซัก2สัปดาห์
ยอดเดือน8 ยอดตกลงไป25% ส่วนเดือน9 ผมตกลงไป50% เนื่องจากโดยปกติเป็นช่วงโลว์ซี่ซัน กับเศรษฐกิจปีนี้แย่สุดๆกำลังซื้อในประเทศหมดหวัง ยังพอเหลือกับกำลังซื้อของต่างชาติ ตอนนี้ก็โดนกระทบหมด.
ห้างย่านประตูน้ำ นักท่องเที่ยวหายหมด ไปเปิดร้านไม่มีคนเดิน ผมจะทำอย่างไรให้อยุ่รอด
สถานการณ์ตอนนี้ เจ้าของร้านไร้ซึ่งความหวัง หลายรายถอดใจออกจากตลาด หลายรายหยุดการลงทุนเพิ่ม ไม่มีใครมองว่าตลาดจะฟื้นเลย
กลยุทธ์การทำธุรกิจในช่วงเศรษฐกิจขาลง
1.รักษาสภาพคล่อง กะแสเงินสด ทุนสำคัญจริงๆ ควบคุมค่าใช้จ่าย อะไรที่ไม่จำเป็นต้องตัดออก
2.หาลูกค้าใหม่ ในสภาพตลาดแบบนี้คงยาก อย่างน้อยก็ต้องรักษาฐานลูกค้าเดิม
3.กำหนดเป้าหมายการดำเนินการให้ชัดเจน
คุณจะรู้ว่าควรผลิตอะไรที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ในงบการเงินที่คำนวนได้
4.ใช้เทคโนโลยีใหม่. โชคดีที่มีกลุ่มลุกค้าเพิ่มจากE-commerce
5.ปรับปรุงบริการลูกค้า ช่วงสภาพแบบนี้ ลุกค้าจะใช้เวลาในการตัดสินใจยากขึ้น จึงจำเป็นต้องเพิ่มการบริการเข้าไปสร้างคุณค่า
ตอนที่10 BET เดิมพัน
ในเมื่อทุกคน ไม่มีใครมองว่าตลาดจะฟื้นเลย ยอดขายไม่กระเตืองขึ้นเลย นี้กำลังเข้าสู้ช่วงไฮซีซั่นแล้วนะ แต่ปีนี้ทำไม ทำไม นี่คือคำถามของทุกร้าน ที่ผมได้ยิน(ช่วงไฮซีซั่น โอกาสวิ่งพล่าน เพียงแค่คว้า ช่วงโลว์ซีซั่น ต้องสร้างโอกาสขึ้นมาเอง)***
ผมจึงต้องคิดต่าง ผมจึงพนันหมดหน้าตัก ว่าตลาดจะต้องกลับมา ผมให้สายการผลิตทำโอทุกวัน จ-ศ เลิก8:00-20:00 ส-อา 8:00-18:00(ธรรมดาจะหยุดวันอาทิตย์)
ช่วงระเบิดผมลดการผลิตเหลือ (จ-ศ 8:00-17:00 /ส-อา หยุด) 555 ผมก็กลัวนะ.
สิ่งที่ผมเชื่อมั่น ตลาดตอบรับ ผมสามรถช่วงชิงลูกค้าจากคู่แข่งมาได้ รวมถึงสามารถผลิตสินค้าตอบรับลูกค้าได้ทัน เพราะคนอื่นหยุดแต่เรายังเดินเครื่อง กว่าคนอื่นจะรุ้ว่าตลาดมาจริงหรือไม่
สิ่งที่ทำให้ผมกล้าbet เพราะจุดแข็งที่ผมมีมันยังไม่มีคู่แข่งลอกเลียนแบบ แล้วกลุ่มลูกค้าไม่ใช่กลุ่มลุกค้าปลีก แต่คือกลุ่มองค์กร บริษัทหน่วยงาน ที่ต้องใช้ทำกิจกรรมในช่วงท้ายปี
(Duranle Competitive Advantage คุณรุ้ตัวเอง คุณรู้ว่าตัวเองทำไรได้ รุ้ว่าใครคือเป้าหมาย คุณรู้เวลาที่ลูกค้าจะใช้)
จังหวะที่ดีที่สุดในการเริ่มทำธุรกิจใดธุรกิจหนื่ง คือ ช่วงที่คู่แข่งกำลังทำผลงานออกมาได้แย่ #ริชาร์ด แบรนสัน
***(จงกล้าตัดสินใจ ในความไม่แน่นอน ผลลัพธ์ย่อมคุ้มค่า)***
ตอนที่11 ชีวิตใหม่กำลังเกิดขึ้น
เดือนมกราปี2559 ผมกำลังจะเป็นคุณพ่อมือใหม่แล้ว เป้าหมายใหม่ผมกำลังจะเกิดขึ้น เป้าหมายจาก1ต้องมีจบ เพื่อมีเป้าหมายอื่นต่อ
ชีวิต ก็มีเท่านี้ละ สิ่งนึงดับ สิ่งนึงเกิดใหม่
ธุรกิจมีล้ม ธุรกิจใหม่ก็เกิด
ผมได้เห็นคนที่ประสบความสำเร็จหลายร้านรอบตัวกำลังถอยหลัง เห็นหน้าใหม่ก้าวขึ้นมาแทน หลายร้านที่อ่อนแอก็ต้องออกไป วันนึงผมก็คงต้องเดินจากไปเช่นกัน คลื่นลูกใหม่ซัดคลื่นลูกเก่า
ปีนี้ Platinum Fashion Mall ฉลองครบรอบ10ปี(11/2005-11/2015)
10ปี หรือ1ใน4ของชีวิตผมก็อยู่ที่นี้ จึงอยากเล่ามุมมองทัศนคติในมุมมองส่วนตัว
จึงข้อสรุป18มุมมอง ด้านบวกและด้านลบ
1.คุณต้องมีความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จ
(ถ้าคุณมีความคิด มีเงินไปมากๆก็ไม่มีความสุขหรอก /ใช้เงินไปเหอะ เดี๋ยวตายไปก็ไม่ได้ใช้ จะเก็บไปทำไม/เงินทำให้เราโลภไม่รุ้จักพอ/เงินซื้อความสุขไม่ได้
ถ้าคุณเกลียดเงินขนาดนี้ แล้วคุณจะอยากทำงาน พัฒนาตัวเองไปเพื่อ ผมมักเจอแต่อยากได้เงิน แต่ขี้เกียจหามากกว่านะ )
2.ลงมือทำเถอะ ความสำเร็จต่างตรงที่ยังอยุ่ในฝัน หรือ ได้ลงมือทำ
(ทุกคนมีความฝัน แต่มีน้อยคนที่กล้าเผชิญกับความล้มเหลว สิ่งที่มักได้ยิน ก็ผมไม่ได้เกิดรวยมาตั้งแต่เกิด ไม่ได้มีทุนจากพ่อแม่ ไม่ได้มีพ่อแม่ทิ้งธุรกิจไว้ให้ จึงเป็นเหตุผลเริ่มต้นที่ไม่ต้องทำ)
3.หางานที่ทำซัก5ปีจบ แล้วมีเงินใช้ทั้งชีวิตให้เจอถ้ายังหาไม่เจอ หาต่อไปจนเจอ ถ้ายังไม่เจอถามคนที่หาเจอแล้ว#แจ๊ค หม่ากล่าวไว้
(ธุรกิจที่คุณจะทำมันมีโอกาสประสบความสำเร็จจริงไหม ผมสู้ ผมทำมาทุกอย่างแล้ว ทำไมยังไม่สำเร็จ เพราะ ถ้าธุรกิจที่ไม่ใช่ตั้งแต่ต้น ฝืนทำไปก็มีแต่เหนื่อย เพราะเมื่อมีปัญหาคุณจะไม่ทนที่จะสุ้กับมัน แล้วยอมแพ้ล้มเลิก)
4.ธุรกิจต้องเกิดจากการตอบโจทย์ลุกค้า Business Solution Solving
(ผมอยากทำแบบนี้ ผมชอบ ผมอยากขาย เดี๋ยวก็มีคนซื้อ ถ้าคุณไม่สำรวจจากความต้องการ หรือ แก้ปัญหาให้ลูกค้าได้แล้ว แล้วคุณจะขายสินค้าคุณให้ใคร )
5.Trend is alway change ต้องจับให้เจอ
(เคยงงกับตัวเองไหม ว่าเราเคยขายดี ทำไมตอนนี้ ยอดตก ผมเคยขายดี ทำไมต้องเปลี่ยนละ
300,000สู่35,500,000ใน8ปี(Season#2)
ลิ้งที่ 1 : http://m.pantip.com/topic/32712841?
ลิ่งที่ 3 : http://pantip.com/topic/34481456
ฝากตอนที่ 4 ด้วยยย http://pantip.com/topic/35207780
ปีนี้ธุรกิจแพื่อนๆ เจอปัญหาอย้างไรบ้าง เล่าให้ฟังกันบ้างนะครับ ผมก็โดนหนักมิใช่น้อย จึงอยากมาแชร์ประสบการณ์รอบ2
#เทียนย้อย
ตอนที่6 RED OCEAN
เศษฐกิจไม่ดี สิ่งที่ทุกร้านทำได้เพื่อให้รอดตาย คือการตัดราคา เป็นสิ่งแรกที่ทุกร้านทำ ตัดกันไปตัดกันมา สุดท้ายปลาเล็กก็ตาย ปลาใหญ่ก็รอด กฎทุนนิยม (ผมจะเป็นคนสุดท้ายที่ทำ แหม่กำไรหายไป20%เชียว)**
ผมก็หนีกระแสนี้ไม่พ้น สุดท้ายก็ต้องปรับราคา
ตลาดสินค้าหาความต่างกันไม่ได้ price war
(คิดในใจดีนะที่กูโกยมาล่ะ555)**
ผมได้เล่าสิ่งนี้ให้กับพนักงานทุกคนทราบ ถึงปัญหาที่ต้องเจอ เราต้องสร้าง Value Creation Strategy คือคำตอบ (ผมทราบทีมงานก็ต้องทราบ แบ่งความเครียด555)**
**********************************
1. สร้างตลาดใหม่ (Redefine the Market)
2. สร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ (Resegment the Market)
3. กลยุทธ แซนด์วิช “Sandwich” Approach
สร้างแบรน์ดเดิม ให้ดีขึ้น เป็น Premium Segment และสร้าง Fighting Brand ลงมาสู้ ตีคู่กับคู่แข่งของคุณ Standard Segement ดังนั้นการสร้าง Value Creation คือการสร้าง บริการใหม่ ให้ดีกว่าคู่แข่ง โดย และส่วนของ Fighting Brand ก็คงราคาให้เท่ากับคู่แข่ง อย่าลดราคาลงต่ำกว่าคู่แข่ง เพราะคู่แข่งจะดึงคุณเข้าสู่ “สงครามราคา (Price War)”
สรุปคือ ผมสร้างสินค้าขึ้นมาอีกตัว (สร้างสินค้าขึ้นมาใหม่ เพื่อกลุ่มลูกค้าใหม่)**โดยไม่เกี่ยวข้องกับสินค้าเดิม(สร้างประสบการณ์ใหม่)**ที่มาสู้ด้านราคาโดยไม่ไปตัดราคาตัวเดิม
ผมบอกกับทีมงานว่า สินค้าหาความต่างไม่ได้ ราคามีนัยยะต่อการตัดสินใจ แต่สิ่งที่เราสร้างความต่างได้ คือ บริการ(Value creation)**
หากคุณมองทุกคนรอบตัวเป็นศัตรู ทุกคนรอบตัวคุณก็จะเป็นศัตรูของคุณ หากคุณทำการแข่งขันกับคู่แข่ง อย่าพยายามใช้ความเกลียดชัง “ความเกลียดจะทำให้คุณพ่ายแพ้”#แจ๊ค หม่า
***(จงเรียนรู้ข้อดีแล้วข้อบกพร่องจากคู่แข่งของคุณ)***
ตอนที่7 TREND เปลี่ยน
ลูกค้าต้องการแบบนี้จึงเกิดเทรนด์ หรือ สินค้าเกิดขึ้นมาแล้วได้การตอบรับจึงเกิดเทรนด์(ใครสร้างใครกำหนด???)**
Steve Jobs .... เพราะคนมักจะไม่ค่อยรู้ว่า อะไรที่พวกเขาต้องการ จนกว่าคุณจะทำมันออกมา ให้เขาเห็น”. .
เราหลับ แต่ตลาดไม่เคยหลับ แฟชั่นก็ไม่หลับเช่นกัน วันนึงผมตื่นขึ้นมา ผมก็รู้แล้วว่าสินค้าผมกำลังมีปัญหา (ยอดตก30%ไม่รุ้ก็บ้าล่ะ)**ที่ผมรู้เพราะ(สำรวจ สำรวจ สำรวจ ความต้องการผู้บริโภคเสมอ)**
องค์ประกอบการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค
Who ? ใครคือลูกค้าของเรา
What ? อะไรที่ลูกค้าของเราต้องการ
When ? เมื่อไหร่ที่ลูกค้าซื้อสินค้า
Why ? ลูกค้าซื้อสินค้าของเราไปทำอะไร
Where ? ลูกค้าของเราชอบเดินเข้าไปซื้อสินค้าในสถานที่แบบใด
Who participat ? มีใครบ้างที่เกี่ยวข้องในการซื้อสินค้าแต่ละครั้งของลูกค้า
ผมเซไป3เดือนอย่างหนัก รวมถึงสร้างปรับแก้ไขอีก3เดือน สร้างจุดแข็ง กลบจุดด้อย รวมเป็นเวลา6เดือน ผมต้องปรับแก้ไขกว่า50ครั้ง เพื่อลองผิดลองถูก ถึงจะเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร (คุณปรับ คู่แข่งคุณก็ปรับ)***
ความต้องการของผู้บริโภค (Consumer Wants and Needs) คือมองว่าผลิตสินค้านี้แล้วผู้บริโภคจะซื้อไปใช้หรือไม่ เนื่องจากผู้บริโภคในปัจจุบันเรียนรู้ที่จะเลือกบริโภคสินค้าแบบไหน อย่างไร ไม่ใช่ผู้ผลิตผลิตอะไรออกมาก็จะขายได้ทุกอย่างเหมือนเมื่อก่อน ยิ่งตอนนี้เป็นยุคที่ต้องรัดเข็มขัด ผู้บริโภคก็อาจเลือกเฉพาะสิ่งที่จำเป็นเพื่อแก้ปัญหาความผู้รอดของพวกเขา
ต้นทุนของผู้บริโภค (Consumer’s Cost to Satisfy) การตั้งราคาของผู้ผลิตต้องคำนึงถึงต้นทุนของผู้บริโภคมากกว่าต้นทุนทางการผลิต โดยพิจารณาว่า ก่อนที่ผู้บริโภคจะจ่ายเงินซื้อสินค้าชิ้นนั้น เขาต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรมาก่อนหรือไม่ เช่น ค่าเดินทาง ค่าที่จอดรถ และค่าเสียเวลา ถ้าเขาหักลบกลบหนี้แล้ว รู้สึกคุ้มค่ากับต้นทุนที่ใช้จ่ายออกไปก่อนหน้านี้หรือไม่ ถ้าไม่คุ้มค่าผู้บริโภคก็ไม่เลือกซื้อสินค้านั้น
ความสะดวกในการซื้อ (Convenience to buy) คือคำนึงถึงความสะดวกสบายของลูกค้าเป็นสำคัญ ด้วยการเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายที่ผู้บริโภคสามารถซื้อหาสินค้าได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ถ้าต้องการซื้อในจำนวนมากและได้ราคาถูกควรไปที่ไหน ถ้าต้องการซื้อเพียงชิ้นเดียวและซื้อได้อย่างรวดเร็วควรไปที่ไหน เป็นต้น
การสื่อสาร (Communication that Connects) การสื่อสารที่ดีจะสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ และความเชื่อถือในสินค้า ส่งผลให้เกิดยอดขายที่เพิ่มขึ้น แต่ในปัจจุบันสินค้าทุกชนิดทุกยี่ห้อต่างก็พยายามที่จะสื่อสารไปยังผู้บริโภค ผู้บริโภคจึงต้องเลือกที่จะฟังหรือไม่ฟัง ดังนั้นหน้าที่ของนักการตลาดที่ดีก็คือ หาวิธีสื่อสารอย่างไรที่จะทำให้ผู้บริโภครับฟังคุณ
***(ฟังเสียงลูกค้า ฟังความต้องการ ฟังปัญหาของเค้า)***
ตอนที่8 E-COMMERCE
มีฝรั่งเดินเข้ามา สปีคอิงลิช. (&฿&&;฿//฿€>^). งง ซิครับ. 5555. เค้าคือใคร เค้ามาทำไม เค้าต้องการอะไร. ?
เค้าคือผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ของเว็ปไซต์e-comerceชื่อดัง (L*****) มาทำการติดต่อให้เราเอาสินค้าไปลงในเว็ป (สวรรค์มาโปรด. ยักษ์ใหญ่มาเจอเราแล้ว)**. พร้อมกับยื่นเอกสาร24หน้า(ภาษาอังกฤษล้วน มาให้เซ็น)
ถ้าทำผิดสัญญาจะติดคุก โดนปรับอะไรไหมนิ ผมจึงไม่เซ็นแล้ว ขอให้เปลี่ยนเป็นสัญญาที่ผมจะเข้าใจได้ จึงเหลือ3หน้า(ในใจตอนนั้น ถอดใจล่ะ คงไม่มีดีลนี้เกิดขึ้น)**
เกิดการสั่งครั้งแรก100ตัว (ดีใจสุดๆ. สินค้าเราจะไปขายในเว็ปดัง) คิดในใจจะกลับมาสั่งอีกไหม ผ่านไป1ด ก็ไม่มีการติดต่อกลับมา(กินแห้ว ฝันสลาย)
ก่อนหน้านี้ผมเคยทำเวป ทำเพจ ขายในเฟส แต่ไม่ประสบความสำเร็จ). เพราะ
1.ขาดทักษะในการนำเสนอข้อมูล ไม่รู้จุดใหนที่สำคัญ ข้อมูลไม่เพียงพอ ต่อการตัดสินใจ
2. ไม่มีบุคคลกรที่ทำหน้าที่ดูแลเว็บไซต์โดยตรง บางครั้งมีลูกค้าอีเมล์มาสอบถามเพิ่มเติม แต่ไม่มีบุคคลากรเพื่อดูแลปัญหานี้ หรือตอบช้าเกินไป ทำให้ลูกค้าหันไปสั่งซื้อสินค้าจากเจ้าอื่น
3. ขาดการวางแผนตลาดรองรับ สำหรับการประชาสัมพันธ์ถึงกลุ่มเป้าหมาย
4. ขาดการส่งเสริมอย่างจริงจัง ผู้ซื้อเข้ามากี่เดือนก็พบรูปแบบเหมือนเดิม ทำให้เว็บขาดความเชื่อถือ
แม่เจ้า L ติดต่อกลับมา. พร้อมสั่งอีก100ตัว (ผมก็ดีใจนะ แต่แอบคิดไม่ได้ว่าสั่ง100ตัวในเวลา30วัน มันจะมีประโยชน์อะไร555)
อีก20วันสั่ง150ตัว
อีก20วันสั่ง200ตัว
อีก15วันสั่ง300ตัว
อีก15วันสั่ง300ตัว
อีก10วันสั่ง500ตัว
อีก10วันสั่ง500ตัว
อีก10วันสั่ง1,000ตัว
ในเวลา6เดือน ขึ้นเป็นสินค้าขายดีอันดับ1ในหมวด.(ปล่อยสิ่งไม่ถนัดให้มืออาชีพเค้าทำไป)**
สัดส่วนจากธุรกิจE-Commerceเป็น6.5%จากยอดขายทั้งหมด
แต่ต้องตะหนักไว้เสมอ คงอยู่กับเราได้ไม่นาน เมื่อไหรปลาใหญ่เจอ จะหันไปหาต้นทุนที่ถูกลงหรือทำเอง(เริ่มต่อราคา5555)** ผมจึงบอกกลับไปว่า ผมคงลดได้นิดหน่อย เพราะไม่อยากลดคุณภาพลง
ตอนที่9 ระเบิดราชประสง 17/08/2015
ตูม!!!! ผมอยู่ในตึก นึกว่าหม้อแปลงระเบิด. มาทราบข่าวอีกทีในเฟส ผมรู้เลยสถานการณ์แถวนี้จะโดนกระทบอะไรบ้าง ผมรีบกางออเดอร์ที่อยู่ในมือ แล้วนั่งคำนวนยอดขาย สรุปรอดถึงสิ้นเดือน(วางแผน คำนวนต้นทุน ยอดขาย ปรับประมาณการณ์ใหม่หมด)**
ผมรู้เลย13วันหลังจะยังไม่กระทบเพราะยังมีออเดอร์ กับ นักท่องเที่ยวคงเหลืออยู่กับที่วางแผนมาแล้วคงได้ซัก2สัปดาห์
ยอดเดือน8 ยอดตกลงไป25% ส่วนเดือน9 ผมตกลงไป50% เนื่องจากโดยปกติเป็นช่วงโลว์ซี่ซัน กับเศรษฐกิจปีนี้แย่สุดๆกำลังซื้อในประเทศหมดหวัง ยังพอเหลือกับกำลังซื้อของต่างชาติ ตอนนี้ก็โดนกระทบหมด.
ห้างย่านประตูน้ำ นักท่องเที่ยวหายหมด ไปเปิดร้านไม่มีคนเดิน ผมจะทำอย่างไรให้อยุ่รอด
สถานการณ์ตอนนี้ เจ้าของร้านไร้ซึ่งความหวัง หลายรายถอดใจออกจากตลาด หลายรายหยุดการลงทุนเพิ่ม ไม่มีใครมองว่าตลาดจะฟื้นเลย
กลยุทธ์การทำธุรกิจในช่วงเศรษฐกิจขาลง
1.รักษาสภาพคล่อง กะแสเงินสด ทุนสำคัญจริงๆ ควบคุมค่าใช้จ่าย อะไรที่ไม่จำเป็นต้องตัดออก
2.หาลูกค้าใหม่ ในสภาพตลาดแบบนี้คงยาก อย่างน้อยก็ต้องรักษาฐานลูกค้าเดิม
3.กำหนดเป้าหมายการดำเนินการให้ชัดเจน
คุณจะรู้ว่าควรผลิตอะไรที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ในงบการเงินที่คำนวนได้
4.ใช้เทคโนโลยีใหม่. โชคดีที่มีกลุ่มลุกค้าเพิ่มจากE-commerce
5.ปรับปรุงบริการลูกค้า ช่วงสภาพแบบนี้ ลุกค้าจะใช้เวลาในการตัดสินใจยากขึ้น จึงจำเป็นต้องเพิ่มการบริการเข้าไปสร้างคุณค่า
ตอนที่10 BET เดิมพัน
ในเมื่อทุกคน ไม่มีใครมองว่าตลาดจะฟื้นเลย ยอดขายไม่กระเตืองขึ้นเลย นี้กำลังเข้าสู้ช่วงไฮซีซั่นแล้วนะ แต่ปีนี้ทำไม ทำไม นี่คือคำถามของทุกร้าน ที่ผมได้ยิน(ช่วงไฮซีซั่น โอกาสวิ่งพล่าน เพียงแค่คว้า ช่วงโลว์ซีซั่น ต้องสร้างโอกาสขึ้นมาเอง)***
ผมจึงต้องคิดต่าง ผมจึงพนันหมดหน้าตัก ว่าตลาดจะต้องกลับมา ผมให้สายการผลิตทำโอทุกวัน จ-ศ เลิก8:00-20:00 ส-อา 8:00-18:00(ธรรมดาจะหยุดวันอาทิตย์)
ช่วงระเบิดผมลดการผลิตเหลือ (จ-ศ 8:00-17:00 /ส-อา หยุด) 555 ผมก็กลัวนะ.
สิ่งที่ผมเชื่อมั่น ตลาดตอบรับ ผมสามรถช่วงชิงลูกค้าจากคู่แข่งมาได้ รวมถึงสามารถผลิตสินค้าตอบรับลูกค้าได้ทัน เพราะคนอื่นหยุดแต่เรายังเดินเครื่อง กว่าคนอื่นจะรุ้ว่าตลาดมาจริงหรือไม่
สิ่งที่ทำให้ผมกล้าbet เพราะจุดแข็งที่ผมมีมันยังไม่มีคู่แข่งลอกเลียนแบบ แล้วกลุ่มลูกค้าไม่ใช่กลุ่มลุกค้าปลีก แต่คือกลุ่มองค์กร บริษัทหน่วยงาน ที่ต้องใช้ทำกิจกรรมในช่วงท้ายปี
(Duranle Competitive Advantage คุณรุ้ตัวเอง คุณรู้ว่าตัวเองทำไรได้ รุ้ว่าใครคือเป้าหมาย คุณรู้เวลาที่ลูกค้าจะใช้)
จังหวะที่ดีที่สุดในการเริ่มทำธุรกิจใดธุรกิจหนื่ง คือ ช่วงที่คู่แข่งกำลังทำผลงานออกมาได้แย่ #ริชาร์ด แบรนสัน
***(จงกล้าตัดสินใจ ในความไม่แน่นอน ผลลัพธ์ย่อมคุ้มค่า)***
ตอนที่11 ชีวิตใหม่กำลังเกิดขึ้น
เดือนมกราปี2559 ผมกำลังจะเป็นคุณพ่อมือใหม่แล้ว เป้าหมายใหม่ผมกำลังจะเกิดขึ้น เป้าหมายจาก1ต้องมีจบ เพื่อมีเป้าหมายอื่นต่อ
ชีวิต ก็มีเท่านี้ละ สิ่งนึงดับ สิ่งนึงเกิดใหม่
ธุรกิจมีล้ม ธุรกิจใหม่ก็เกิด
ผมได้เห็นคนที่ประสบความสำเร็จหลายร้านรอบตัวกำลังถอยหลัง เห็นหน้าใหม่ก้าวขึ้นมาแทน หลายร้านที่อ่อนแอก็ต้องออกไป วันนึงผมก็คงต้องเดินจากไปเช่นกัน คลื่นลูกใหม่ซัดคลื่นลูกเก่า
ปีนี้ Platinum Fashion Mall ฉลองครบรอบ10ปี(11/2005-11/2015)
10ปี หรือ1ใน4ของชีวิตผมก็อยู่ที่นี้ จึงอยากเล่ามุมมองทัศนคติในมุมมองส่วนตัว
จึงข้อสรุป18มุมมอง ด้านบวกและด้านลบ
1.คุณต้องมีความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จ
(ถ้าคุณมีความคิด มีเงินไปมากๆก็ไม่มีความสุขหรอก /ใช้เงินไปเหอะ เดี๋ยวตายไปก็ไม่ได้ใช้ จะเก็บไปทำไม/เงินทำให้เราโลภไม่รุ้จักพอ/เงินซื้อความสุขไม่ได้
ถ้าคุณเกลียดเงินขนาดนี้ แล้วคุณจะอยากทำงาน พัฒนาตัวเองไปเพื่อ ผมมักเจอแต่อยากได้เงิน แต่ขี้เกียจหามากกว่านะ )
2.ลงมือทำเถอะ ความสำเร็จต่างตรงที่ยังอยุ่ในฝัน หรือ ได้ลงมือทำ
(ทุกคนมีความฝัน แต่มีน้อยคนที่กล้าเผชิญกับความล้มเหลว สิ่งที่มักได้ยิน ก็ผมไม่ได้เกิดรวยมาตั้งแต่เกิด ไม่ได้มีทุนจากพ่อแม่ ไม่ได้มีพ่อแม่ทิ้งธุรกิจไว้ให้ จึงเป็นเหตุผลเริ่มต้นที่ไม่ต้องทำ)
3.หางานที่ทำซัก5ปีจบ แล้วมีเงินใช้ทั้งชีวิตให้เจอถ้ายังหาไม่เจอ หาต่อไปจนเจอ ถ้ายังไม่เจอถามคนที่หาเจอแล้ว#แจ๊ค หม่ากล่าวไว้
(ธุรกิจที่คุณจะทำมันมีโอกาสประสบความสำเร็จจริงไหม ผมสู้ ผมทำมาทุกอย่างแล้ว ทำไมยังไม่สำเร็จ เพราะ ถ้าธุรกิจที่ไม่ใช่ตั้งแต่ต้น ฝืนทำไปก็มีแต่เหนื่อย เพราะเมื่อมีปัญหาคุณจะไม่ทนที่จะสุ้กับมัน แล้วยอมแพ้ล้มเลิก)
4.ธุรกิจต้องเกิดจากการตอบโจทย์ลุกค้า Business Solution Solving
(ผมอยากทำแบบนี้ ผมชอบ ผมอยากขาย เดี๋ยวก็มีคนซื้อ ถ้าคุณไม่สำรวจจากความต้องการ หรือ แก้ปัญหาให้ลูกค้าได้แล้ว แล้วคุณจะขายสินค้าคุณให้ใคร )
5.Trend is alway change ต้องจับให้เจอ
(เคยงงกับตัวเองไหม ว่าเราเคยขายดี ทำไมตอนนี้ ยอดตก ผมเคยขายดี ทำไมต้องเปลี่ยนละ