สัญญาณหนัก! ยอดขายมาม่าดิ่งทั้งในไทยและต่างประเทศ เศรษฐกิจไทยแย่หนัก

กระทู้สนทนา

Aug 17, 2025 สัญญาณหนัก! ยอดขายมาม่าดิ่งทั้งในไทยและต่างประเทศ เศรษฐกิจไทยแย่หนักฉุดแบรนด์ตำนานมาม่าขายไตรมาส 2 ในไทยทรุดแรงกว่า 7% หลุดต่ำ 7,000 ล้านบาท พลิกจากยอดขายโตในไตรมาส 1 ลากยอดขาย 5 เดือนแรกห่างไกลจากเป้ามาก
บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์มาม่า รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2568 มีดังนี้ รายได้การขายรวม 6,935.75 ล้านบาท ลดลง 7.26% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ในปี 2567 ยอดขายรวมครึ่งปีแรก 2568 อยู่ที่ 13,987.72 ล้านบาท ลดลง 3.42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2567 รายได้จากการจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ภายในประเทศไทยลดลง 2.97% และ 8.37% ตามลำดับ
ปัจจัยลบกระทบผลประกอบการในไตรมาสดังกล่าว มาจากจากสภาพเศรษฐกิจไม่แน่นอน กำลังซื้อผู้บริโภคในประเทศชะลอตัว และการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นจากผู้เล่นรายใหม่ในตลาด ด้านตลาดต่างประเทศ ปรากฏว่ายอดขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และอาหารกึ่งสำเร็จรูปลดลง 9.61% สาเหตุจากปัญหาภายในของลูกค้ารายใหญ่ แนวโน้มภาษีการค้าสหรัฐฯ และสถานการณ์ตึงเครียดชายแดนไทย–กัมพูชา
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายน 2568 ผ่านมา นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFMAMA ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า เปิดเผยว่ากำลังซื้อใน 5 เดือนแรกของปี 2568 หรือตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคมที่ผ่านมา ปรากฎว่าหดตัวลงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหารที่ซึมหนัก เนื่องจากคนไม่ค่อยมั่นใจสถานการณ์เศรษฐกิจ ทำให้มีการใช้จ่ายน้อยลง สะท้อนจากยอดขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า ที่ยอดขายในช่วง 5 เดือนนี้ เติบโตแค่ 1-2% ต่ำจากเป้าหมายที่คาดว่าจะเติบโต 5-7% เนื่องจากตลาดไม่โต พฤติกรรมคนซื้อเปลี่ยนไป ซื้อน้อยลง ไม่ซื้อตุน ซื้อเท่าที่มีเงิน ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังแย่อยู่ อย่างไรก็ดียอดขายที่ยังเติบโตคือบะหมี่พรีเมียม
ย้อนกลับไปในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 นี้ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2568 ปรากฎว่า ยอดขายรวมที่ 7,051.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.68% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2567 เมื่อแยกยอดขายตามประเภทสินค้าและพื้นที่ พบว่ารายได้จากการขายสินค้าบะหมี่และอาหารกึ่งสำเร็จรูปในประเทศไทยมียอดขายเพิ่มขึ้น 10.58% เนื่องจากยอดขายในกลุ่มสินค้าพรีเมียมมีการปรับตัวสูงขึ้นมากและบริษัทมีการทุ่มงบโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์กลุ่มรสชาติเดิมขายดีขึ้นด้วยเช่นกัน
สำหรับกลุ่มสินค้าอื่นๆ พบว่าลดลงทั้งหมด บรรจุภัณฑ์ -25.43% เบเกอรี่ -6.52% น้ำผลไม้ -10.34% และอื่นๆ -27.56% เป็นผลมาจากการแข่งขันที่สูงขึ้นในอุตสาหกรรม การมีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาในตลาด การลดปริมาณการสั่งซื้อจากลูกค้า ในส่วนของยอดขายสินค้าต่างประเทศ สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ปรับตัวลดลง 1.6% จากการลดลงของสินค้าในหมวดน้ำผลไม้ ด้านกำไรสุทธิไตรมาส 1 อยู่ที่ 981.49 ล้านบาท ลดลง 162.94 ล้านบาท หรือ -14.24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่