"..............ชีวิตคู่ขนานในพุทธศาสนา!?.............."

กระทู้สนทนา
ทำใจให้เปิดกว้างแล้วค่อยพิจารณาเนื้อหาที่ผมนำเสนอในเรื่องจักรวาลคู่ขนานในพุทธศาสนา
จากพระสูตรอัตตาสามเป็นพระสูตรที่ทรงบรรยายว่ามนุษย์มีสามกายด้วยกันคือกายมนุษย์ กายเทวดาและกายพรหม
แล้วสำนึกมนุษย์สำนึกเทวดาและสำนึกของพรหมล่ะมีไหม !?
ในพระสูตรนี้ก็ทรงบอกว่ามี ก็กายมนุษย์มีสำนึกแบบมนุษย์ก็มี ทำนองเดียวกันสำนึกทั้งเทพและพรหมก็มีมาตั้งแต่เกิดแล้ว
การเลี้ยงดูตั้งแต่เล็กต่างหากที่ทำให้เทพนิยายของเด็กจะอยู่กับเราตลอดไปหรือถูกทำลายทำให้มนุษย์เป็นเพียงแค่เครื่องจักรกลทางชีวะเท่านั้น

เด็กเล็กมักเห็นและยอกล้อกับสิ่งที่ผู้ใหญ่มองไม่เห็นด้วยสำนึกเทพและพรหมของเขา
เด็กๆทั่วโลกมักรู้สึกรังเกียจที่เห็นคนโตดูดปากกันเหมือนภิกษุได้อสุภะกัมฐานที่รู้สึกรังเกียจร่างกายมนุษย์
ก็เพราะสำนึกระดับเทพและพรหมของเขายังเข็มแข็งอยู่และพวกเขามักชอบฟังเรื่องเทพนิยายอีกด้วย
สมัยยังทรงพระเยาว์วัยแต่น้อยพุทธะองค์ก้สามารถได้ปฐมฌานด้วยอานาปานสติก้ด้วยสำนึกพรหมที่เข้มแข็ง
ทรงสอนให้ปล่อยวางกายเวทนาจิตธรรมของมนุษย์
พื่อให้เราสามารรถเข้าถึงกายในกายเวทนาในเวทนาจิตในจิตและธรรมในธรรมที่ละเอียดกว่าของมนุษย์

นักปฏิบัติหลายคนที่ปล่อยวางสำนึกชั้นต่ำได้แล้วสามารถเข้าถึงสำนึกชั้นสูงก็ย่อมเป็นเทพเป็นพรหมด้วยกายมนุษย์
ส่วนการจะเข้าถึงกายชั้นสูงนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งไม่ใช่ได้ไปพร้อมกันแต่ก้ทรงแนะนำการเข้าถึงกายชั้นสูงไว้แล้วในวิชชามโนยิตธิ
มันมีทั้งสำนึกชั้นสูงมาใช้กายมนุษยืร่วมกับสำนึกมุษย์เช่นสมัยเด็กเล็กและสำนึกมนุษย์ไปใช้กายชั้นสูงร่วมกับสำนึกชั้นสูง
ทรงสอนการใช้กายชั้นสูงในวิชชามโนยิตธิและในพระสูตรอัตตาสาม
ส่วนพระนิพพานนั้นทรงสอนว่าพระนิพพานเป้นแดนอมตะทรงห้ามปรามไม่ให้หลงใหลในพระนิพพาน
แต่ทรงสอนว่าการสิ้นกิเลสคือนิพพานธาตุที่มนุษย์ตอนเป็นๆควรทำให้แจ้ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่