ก่อนอื่น… ต้องเข้าใจก่อนว่า “วิชชาธรรมกาย” ไม่ใช่ของใหม่ ไม่ใช่ลัทธิ ไม่ใช่สิ่งที่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านคิดขึ้นมาเอง แต่เป็นของเก่าที่ “ลึกมาก” และ “หายไปจากการปฏิบัติจริง” มานาน พอมีคนฟื้นขึ้นมา คนที่ไม่เข้าใจก็เริ่มแห่กันมาว่า มาหาว่าเพี้ยนบ้าง เป็นอัตตาบ้าง ใช้ไตรปิฎกมาเถียงบ้าง แต่พอเราดูดี ๆ จริง ๆ แล้ว… สิ่งที่วิชชาธรรมกายสอน มันอยู่ในไตรปิฎกแท้ ๆ เลยแหละ
สรุปก่อนว่า “วิชชาธรรมกาย” คืออะไร?
ง่าย ๆ เลย: มันคือ “ความรู้แจ้งในการเห็นธรรม เห็นกายภายใน เห็นกายในกาย” แบบที่พระพุทธเจ้าทรงใช้บรรลุธรรมเองจริง ๆ
เป็นการปฏิบัติสมาธิแบบเข้าถึง “ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗” จนเกิดดวงธรรม เกิดกายละเอียดซ้อนกันขึ้นมา และเมื่อเข้าถึงกายที่บริสุทธิ์สุด ๆ ก็จะเห็น “ธรรมกาย” หรือ “กายแห่งพระนิพพาน” หรือกายที่พระพุทธเจ้าทรงใช้ตรัสรู้
ใครเข้าถึงธรรมกาย… คนนั้นก็เห็นแจ้งในอริยสัจ ๔ ชัดเจนเลย
เอ้า แล้วคนที่เอาพระไตรปิฎกมาโจมตี เขาว่าไง?
เขาจะหยิบยกแบบนี้:
“ธรรมกายไม่มีในพระไตรปิฎก”
→ อันนี้… โคตรมั่วเลย เพราะมีหลายจุดมากที่พูดถึง “ธรรมกาย” โดยตรง เช่น:
อัคคัญญสูตร: “ธรรมกาย พรหมกาย ธรรมภูต” เป็นคำเรียกตถาคตโดยตรง
อปทาน หลายบทก็มี
และยังมีในอรรถกถา กับใน วิสุทธิมรรค อีก (ซึ่งพระพุทธโฆษาจารย์ที่เขียนนี่… ถือเป็นปราชญ์ระดับสุดยอดแห่งยุคเถรวาทนะ!)
“นิพพานเป็นอนัตตา แล้วธรรมกายที่ว่าคืออะไร? มันเป็นอัตตาหรือเปล่า?”
→ ตอบเลย: ธรรมกาย ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่อัตตาเลย แต่มันเป็น กายโลกุตตระ ที่บริสุทธิ์ที่สุดของผู้บรรลุธรรม มันคือ ผล ของการดับอาสวะ ไม่ใช่ตัวตน มันเป็น “ผลแห่งนิพพาน” ที่เกิดขึ้นในภพจิตสุดท้าย ไม่ได้หมายความว่าเป็นอะไรที่เป็น “อัตตา”
“การเห็นกายในกาย มันเป็นมิจฉาทิฏฐิ เพราะพระไตรปิฎกสอนให้เห็นว่าไม่มีตัวตน”
→ ก็เอ้า! พระพุทธเจ้าสอนใน มหาสติปัฏฐานสูตร ไว้ชัด ๆ ว่า “กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน” คือเห็นกายในกาย รู้กาย รู้จิตตามความเป็นจริง ไม่ได้บอกให้ปฏิเสธเลย!
ทำไมวิชชาธรรมกายถึงต้อง “เห็นกายในกาย”?
เพราะพระองค์ตรัสว่า
“ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต”
— สํ.ม. ๘/๔/๖
“ธรรม” ที่ว่านี่แหละ คือ กายในกาย คือธรรมกาย ไม่ใช่แค่การนึกคิดเชิงนามธรรมเฉย ๆ แต่มันคือการเข้าถึงระดับภายในที่มีผลชัดเจน
และไม่ใช่เห็นเป็นภาพจินตนาการ แต่เป็นผลจาก “ใจที่หยุดนิ่ง” แล้วมันปรากฏเองโดยธรรมชาติ เป็นของกลาง เป็นของจริง
แล้วไอ้พวกที่เอา “นาคสูตร” มาหาว่าเห็นอะไรแปลก ๆ = มารหลอก นี่ก็ไปกันใหญ่เลย
ใน นาคสูตร พระพุทธเจ้าทรงรู้ว่าพญาช้างที่เห็นนั่น “ไม่ใช่ของจริง” แต่คือ “มารแปลงกาย”
→ อ้าวววว แล้วอะไรคือของจริง? คำตอบคือ “เห็นตามความเป็นจริง” ซึ่งในวิชชาธรรมกายก็ทำแบบนั้นแหละ
กายในกาย ที่เห็นในวิชชาธรรมกายไม่ใช่ภาพลวง เพราะคนที่ปฏิบัติจนเข้าถึงจริง จะ “ดับอาสวะ” ได้เลยทันที
→ ถ้าเป็นของปลอม มันจะ “ละราคะ โทสะ โมหะ” ได้จริงไหม? คำตอบคือ ไม่! แต่ของจริงทำได้ และมีผลให้คนเปลี่ยนชีวิตจากภายในอย่างแท้จริง
วิชชาธรรมกาย = ของจริง มีรากในไตรปิฎกแน่นอน
“ธรรมกาย” = ชื่อคุณธรรมระดับโลกุตตระของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่สิ่งสมมติใหม่
พระพุทธเจ้าสอนให้ “เห็นกายในกาย” เห็นธรรมด้วยตนเอง
คนที่เห็นธรรม คือ คนที่ “เข้าถึงธรรมกาย” ไม่ใช่คนที่แค่ท่องจำ
ใครยังสงสัย หรือโดนเพื่อนมาดิสเครดิตวิชชาธรรมกาย บอกให้เขามาอ่านที่นี่
ขอสรุปชัด ๆ อีกทีว่า:
วิชชาธรรมกาย คือ วิชชาของพระพุทธเจ้า
ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของกลาง ของสากล ของอริยเจ้า
ใครปฏิบัติได้ ก็เข้าถึงได้ ไม่จำกัดนิกาย
อยากให้เข้าใจ ไม่ใช่แค่เชื่อ… เพราะ “เชื่อ” อย่างเดียวไม่พอ แต่ต้อง “เห็น” ด้วยใจตนเอง แล้วจะรู้ว่ามันจริงแค่ไหน
วิชชาธรรมกาย วิชชาของพระพุทธเจ้าโดยตรง
ก่อนอื่น… ต้องเข้าใจก่อนว่า “วิชชาธรรมกาย” ไม่ใช่ของใหม่ ไม่ใช่ลัทธิ ไม่ใช่สิ่งที่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านคิดขึ้นมาเอง แต่เป็นของเก่าที่ “ลึกมาก” และ “หายไปจากการปฏิบัติจริง” มานาน พอมีคนฟื้นขึ้นมา คนที่ไม่เข้าใจก็เริ่มแห่กันมาว่า มาหาว่าเพี้ยนบ้าง เป็นอัตตาบ้าง ใช้ไตรปิฎกมาเถียงบ้าง แต่พอเราดูดี ๆ จริง ๆ แล้ว… สิ่งที่วิชชาธรรมกายสอน มันอยู่ในไตรปิฎกแท้ ๆ เลยแหละ
สรุปก่อนว่า “วิชชาธรรมกาย” คืออะไร?
ง่าย ๆ เลย: มันคือ “ความรู้แจ้งในการเห็นธรรม เห็นกายภายใน เห็นกายในกาย” แบบที่พระพุทธเจ้าทรงใช้บรรลุธรรมเองจริง ๆ
เป็นการปฏิบัติสมาธิแบบเข้าถึง “ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗” จนเกิดดวงธรรม เกิดกายละเอียดซ้อนกันขึ้นมา และเมื่อเข้าถึงกายที่บริสุทธิ์สุด ๆ ก็จะเห็น “ธรรมกาย” หรือ “กายแห่งพระนิพพาน” หรือกายที่พระพุทธเจ้าทรงใช้ตรัสรู้
ใครเข้าถึงธรรมกาย… คนนั้นก็เห็นแจ้งในอริยสัจ ๔ ชัดเจนเลย
เอ้า แล้วคนที่เอาพระไตรปิฎกมาโจมตี เขาว่าไง?
เขาจะหยิบยกแบบนี้:
“ธรรมกายไม่มีในพระไตรปิฎก”
→ อันนี้… โคตรมั่วเลย เพราะมีหลายจุดมากที่พูดถึง “ธรรมกาย” โดยตรง เช่น:
อัคคัญญสูตร: “ธรรมกาย พรหมกาย ธรรมภูต” เป็นคำเรียกตถาคตโดยตรง
อปทาน หลายบทก็มี
และยังมีในอรรถกถา กับใน วิสุทธิมรรค อีก (ซึ่งพระพุทธโฆษาจารย์ที่เขียนนี่… ถือเป็นปราชญ์ระดับสุดยอดแห่งยุคเถรวาทนะ!)
“นิพพานเป็นอนัตตา แล้วธรรมกายที่ว่าคืออะไร? มันเป็นอัตตาหรือเปล่า?”
→ ตอบเลย: ธรรมกาย ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่อัตตาเลย แต่มันเป็น กายโลกุตตระ ที่บริสุทธิ์ที่สุดของผู้บรรลุธรรม มันคือ ผล ของการดับอาสวะ ไม่ใช่ตัวตน มันเป็น “ผลแห่งนิพพาน” ที่เกิดขึ้นในภพจิตสุดท้าย ไม่ได้หมายความว่าเป็นอะไรที่เป็น “อัตตา”
“การเห็นกายในกาย มันเป็นมิจฉาทิฏฐิ เพราะพระไตรปิฎกสอนให้เห็นว่าไม่มีตัวตน”
→ ก็เอ้า! พระพุทธเจ้าสอนใน มหาสติปัฏฐานสูตร ไว้ชัด ๆ ว่า “กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน” คือเห็นกายในกาย รู้กาย รู้จิตตามความเป็นจริง ไม่ได้บอกให้ปฏิเสธเลย!
ทำไมวิชชาธรรมกายถึงต้อง “เห็นกายในกาย”?
เพราะพระองค์ตรัสว่า
“ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต”
— สํ.ม. ๘/๔/๖
“ธรรม” ที่ว่านี่แหละ คือ กายในกาย คือธรรมกาย ไม่ใช่แค่การนึกคิดเชิงนามธรรมเฉย ๆ แต่มันคือการเข้าถึงระดับภายในที่มีผลชัดเจน
และไม่ใช่เห็นเป็นภาพจินตนาการ แต่เป็นผลจาก “ใจที่หยุดนิ่ง” แล้วมันปรากฏเองโดยธรรมชาติ เป็นของกลาง เป็นของจริง
แล้วไอ้พวกที่เอา “นาคสูตร” มาหาว่าเห็นอะไรแปลก ๆ = มารหลอก นี่ก็ไปกันใหญ่เลย
ใน นาคสูตร พระพุทธเจ้าทรงรู้ว่าพญาช้างที่เห็นนั่น “ไม่ใช่ของจริง” แต่คือ “มารแปลงกาย”
→ อ้าวววว แล้วอะไรคือของจริง? คำตอบคือ “เห็นตามความเป็นจริง” ซึ่งในวิชชาธรรมกายก็ทำแบบนั้นแหละ
กายในกาย ที่เห็นในวิชชาธรรมกายไม่ใช่ภาพลวง เพราะคนที่ปฏิบัติจนเข้าถึงจริง จะ “ดับอาสวะ” ได้เลยทันที
→ ถ้าเป็นของปลอม มันจะ “ละราคะ โทสะ โมหะ” ได้จริงไหม? คำตอบคือ ไม่! แต่ของจริงทำได้ และมีผลให้คนเปลี่ยนชีวิตจากภายในอย่างแท้จริง
วิชชาธรรมกาย = ของจริง มีรากในไตรปิฎกแน่นอน
“ธรรมกาย” = ชื่อคุณธรรมระดับโลกุตตระของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่สิ่งสมมติใหม่
พระพุทธเจ้าสอนให้ “เห็นกายในกาย” เห็นธรรมด้วยตนเอง
คนที่เห็นธรรม คือ คนที่ “เข้าถึงธรรมกาย” ไม่ใช่คนที่แค่ท่องจำ
ใครยังสงสัย หรือโดนเพื่อนมาดิสเครดิตวิชชาธรรมกาย บอกให้เขามาอ่านที่นี่
ขอสรุปชัด ๆ อีกทีว่า:
วิชชาธรรมกาย คือ วิชชาของพระพุทธเจ้า
ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของกลาง ของสากล ของอริยเจ้า
ใครปฏิบัติได้ ก็เข้าถึงได้ ไม่จำกัดนิกาย
อยากให้เข้าใจ ไม่ใช่แค่เชื่อ… เพราะ “เชื่อ” อย่างเดียวไม่พอ แต่ต้อง “เห็น” ด้วยใจตนเอง แล้วจะรู้ว่ามันจริงแค่ไหน