กีวี ผลไม้ผิวสีน้ำตาล เนื้อในหนาชุ่มน้ำสีเขียวใส อาจเป็นผลไม้รูปร่างแปลกตาสำหรับ
คนไทยส่วนใหญ่ แม้กีวีจะขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้มากคุณประโยชน์แต่รสชาติที่ค่อนข้างเปรี้ยวมากกว่าหวาน
จากผลกีวีที่ไม่ได้คุณภาพและความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการรับประทานกีวี ทำให้ผู้บริโภคหลายคน
ไม่ประทับใจในรสชาติและไม่ชื่นชอบกับการรับประทานกีวีกันไปเลย กีวีเป็นผลไม้ที่รับประทานเมื่อสุก
หากรับประทานดิบจะมีรสเปรี้ยว ผู้บริโภคหลายคนอาจมองไม่ออกว่ากีวีสุกหรือยัง
เพราะถึงแม้จะสุกกีวีก็ไม่เปลี่ยนสีแต่ผลจะนิ่มขึ้น
กีวี เป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน เดิมชื่อ “ไชนีส กูสเบอร์รี่” แต่ประเทศที่ประสบ
ความสำเร็จในการปรับปรุงพันธุ์และพัฒนาคุณภาพกีวีจนเป็นประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุด
คือ นิวซีแลนด์ และได้ตั้งชื่อผลไม้ชนิดนี้ว่า “กีวี” ตามนกกีวีซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ
และเพื่อสื่อให้คนทั่วโลกรู้ว่า “กีวี” เป็นผลไม้คุณภาพสูงจากประเทศนิวซีแลนด์
ต่อมากีวีเขียวนิวซีแลนด์ก็ได้รับความนิยมไปทั่วโลก นิวซีแลนด์จึงกลายเป็นผู้ส่งออกกีวีเขียว
ไปยังประเทศต่างๆ กว่า 70 ประเทศ สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์รับประทานกีวีมาหลายสายพันธุ์
จะกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า แม้โดยธรรมชาติของกีวีจะมีรสเปรี้ยวนำหวาน
แต่ปริมาณรสหวานในผลกีวีนิวซีแลนด์กินขาดกีวีพันธุ์อื่นแน่นอน
โดยเฉพาะเวลารับประทานเมื่อสุกงอมจะมีรสชาติหวานมากกว่าเปรี้ยวเลยทีเดียว
กีวีเขียวนิวซีแลนด์มีวิตามินซีสูงกว่าส้มที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี
โดยทั่วไป กีวีเขียว 1 ผล หนักประมาณ 170 กรัม มีปริมาณวิตามินซีมากกว่า 150มิลลิกรัม
ในขณะที่ส้มในปริมาณเท่ากัน มีวิตามินซีเพียง 60-70 มิลลิกรัมเท่านั้น
ดังนั้น ในแต่ละวันหากร่างกายควรได้รับปริมาณวิตามินซี 60 มิลลิกรัม
การรับประทานกีวีเขียวเพียง 1 ผลก็เพียงพอที่จะกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
โดยเฉพาะการป้องกันไข้หวัด ซ่อมแซมร่างกายที่สึกหรอด้วยการกระตุ้นการสร้างเซลใหม่
กีวีเขียวนิวซีแลนด์ หวานนิด ๆ เปรี้ยวน้อย ๆ อร่อยกำลังดี
คนไทยส่วนใหญ่ แม้กีวีจะขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้มากคุณประโยชน์แต่รสชาติที่ค่อนข้างเปรี้ยวมากกว่าหวาน
จากผลกีวีที่ไม่ได้คุณภาพและความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการรับประทานกีวี ทำให้ผู้บริโภคหลายคน
ไม่ประทับใจในรสชาติและไม่ชื่นชอบกับการรับประทานกีวีกันไปเลย กีวีเป็นผลไม้ที่รับประทานเมื่อสุก
หากรับประทานดิบจะมีรสเปรี้ยว ผู้บริโภคหลายคนอาจมองไม่ออกว่ากีวีสุกหรือยัง
เพราะถึงแม้จะสุกกีวีก็ไม่เปลี่ยนสีแต่ผลจะนิ่มขึ้น
กีวี เป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน เดิมชื่อ “ไชนีส กูสเบอร์รี่” แต่ประเทศที่ประสบ
ความสำเร็จในการปรับปรุงพันธุ์และพัฒนาคุณภาพกีวีจนเป็นประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุด
คือ นิวซีแลนด์ และได้ตั้งชื่อผลไม้ชนิดนี้ว่า “กีวี” ตามนกกีวีซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ
และเพื่อสื่อให้คนทั่วโลกรู้ว่า “กีวี” เป็นผลไม้คุณภาพสูงจากประเทศนิวซีแลนด์
ต่อมากีวีเขียวนิวซีแลนด์ก็ได้รับความนิยมไปทั่วโลก นิวซีแลนด์จึงกลายเป็นผู้ส่งออกกีวีเขียว
ไปยังประเทศต่างๆ กว่า 70 ประเทศ สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์รับประทานกีวีมาหลายสายพันธุ์
จะกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า แม้โดยธรรมชาติของกีวีจะมีรสเปรี้ยวนำหวาน
แต่ปริมาณรสหวานในผลกีวีนิวซีแลนด์กินขาดกีวีพันธุ์อื่นแน่นอน
โดยเฉพาะเวลารับประทานเมื่อสุกงอมจะมีรสชาติหวานมากกว่าเปรี้ยวเลยทีเดียว
กีวีเขียวนิวซีแลนด์มีวิตามินซีสูงกว่าส้มที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี
โดยทั่วไป กีวีเขียว 1 ผล หนักประมาณ 170 กรัม มีปริมาณวิตามินซีมากกว่า 150มิลลิกรัม
ในขณะที่ส้มในปริมาณเท่ากัน มีวิตามินซีเพียง 60-70 มิลลิกรัมเท่านั้น
ดังนั้น ในแต่ละวันหากร่างกายควรได้รับปริมาณวิตามินซี 60 มิลลิกรัม
การรับประทานกีวีเขียวเพียง 1 ผลก็เพียงพอที่จะกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
โดยเฉพาะการป้องกันไข้หวัด ซ่อมแซมร่างกายที่สึกหรอด้วยการกระตุ้นการสร้างเซลใหม่