http://pantip.com/topic/34338921 ตอนที่1 วีซ่าและการเดินทาง
http://pantip.com/topic/34353426 ตอนที่2 เนเธอร์แลนด์วันที่1
http://pantip.com/topic/34355076 ตอนที่3 เนเธอร์แลนด์วันที่2
http://pantip.com/topic/34364373 ตอนที่4 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva"
http://pantip.com/topic/34385053 ตอนที่5 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva" - 2
http://pantip.com/topic/34390037 ตอนที่5 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่2 "Lausanne - Vevey"
เพื่อนๆสามารถติดตามทริปต่างๆที่จะเกิดขึ้นของผมแบบ Realtime ได้ที่เฟซเพจได้นะครับ เพราะผมจะมีทริปเล็กๆน้อยๆอยู่เรื่อยๆ
จะได้ติดตามข้อมูลและลุ้นไปด้วยกันที่
http://www.facebook.com/Backpacker.Pu
สวัสดีเพื่อนๆที่เข้ามาอ่านและติดตามนะครับ
วันนี้ผมจะพาทุกคนออกไปตะลอนเที่ยวแบบไม่มีแผนอีกแล้วนะครับ ก็ไม่ได้ขนาดว่าไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนขนาดนั้นหรอกนะ
วันนี้ผมแอบตื่นสายนิดหน่อยนะครับ(จะบอกว่าตั้งแต่มายุโรปก็มีตื่นเช้าแค่ครั้งเดียวที่เนเธอร์แลนด์เท่านั้นแหละ 555) เมื่อคืนที่นี่อากาศเย็นมากๆครับ ด้วยสภาพอากาศ อีกอย่างคงเพราะอยู่ใกล้ทะเลสาบเจนีวานี่แหละ เมื่อคืนก็ออกไปตะลอนเจนีวานะครับแต่อากาศเย็นเหลือเกิน ผมทานอากาศไม่ไหวจึงรีบกลับเข้ามาที่พักและนั่งเอื่อยๆคิดโน่นอ่านนี่ไปเรื่อยๆ ผมเข้านอนก่อนเพื่อนร่วมห้องทั้ง5ของผม แต่พอตื่นมาผมกลับไม่เจอพวกเขาครับ ไปอยู่ไหนกันนะเจ้าเด็กพวกนี้
หลังจากลากสังขารไปอาบน้ำและกลับเข้ามาเก็บของลงกระเป๋าแล้วจึงไม่รอช้าที่จะลงไปเช็คเอาท์ออกจากที่พัก ผมใช้เวลาอยู่พักใหญ่ที่ Hostel เพื่อหาข้อมูลและดูแผนที่ที่แนบมากับ Swiss Travel Pass ว่าจากนี้ผมจะเริ่มต้นเดินทางยังไง จะไปเมืองไหนก่อน ดูเส้นทางรถไฟก่อนหลังที่จะถึง จากนั้นจึงไม่รีรอที่จะแบกกระเป๋าออกไปตะลอนเพื่ออำลาเจนีวาครับ ผมเดินไปนั่งริมทะเลสาบเจนีวาและเผลอคิดอะไรเพลินๆ ผมรู้สึกแบบนี้กับทุกเมืองครับเมื่อรู้ว่าผมต้องไปจากมัน ผมค่อยๆลุกจากเก้าอี้ที่ผมนั่งกลางแดดริมทะเลสาบที่หันหน้าออกไปทางทะเลสาบ มันเป็นความนิ่งสงบที่เกิดขึ้นภายในใจของผม

เย็นและสงบ

ทะเลสาบเจนีวา ณ เจนีวา
เมื่อมองไปทางซ้ายมือก็เห็นต้นไม้ใหญ่ๆและเขียวชอุ่มด้วยต้นไม้นานาพันธ์เลียบทะเลสาบแห่งนี้ ภาพที่ปรากฎในหัวของผมในตอนนี้คือ ภาพที่นอนบนผืนหญ้าเขียวๆนั่น ผมเดินเข้าหาสวนนั้นเรื่อยๆ

กำลังโดนธรรมชาติดูดครับ 555
ที่นี่เป็นสวนริมทะเลสาบที่สมบูรณ์มากครับ ทั้งหญ้าที่เขียวชอุ่ม ดอกไม้หลายๆชนิด ทางเดินที่ตัดลัดเลาะไปมารอบสวน แต่ละจุดที่ผมเดินผ่านเย้ายวลให้ผมหยิบกล้องขึ้นมาเก็บภาพยิ่งนัก นั่งๆหมอบๆเพื่อเก็บภาพอย่างกับเป็นช่างภาพมืออาชีพเลยทีเดียว แม้ว่าแดดเช้านี้จะแรงเอามากๆแต่อากาศก็ยังเย็นๆทำให้ผมไม่ค่อยรู้สึกอะไรกับเจ้าแดดวันนี้มากนัก ส่วนตัวผมชอบสวนแห่งนี้มากๆเลยทีเดียว ผมชอบธรรมชาติ ชอบดอกไม้ ชอบนั่งมองผีเสื้อมองต้นหญ้า เอ้ย!ไม่ใช่รายการทีวีนะเฮ้ยที่จะมาเล่าความชอบตัวเอง 555

ดอกไม้สวยจัง

อุ๊ย!ผมตั้งใจล้มลงท่ามกลางดอกไม้

อุ๊ย!ขอล้มลงอีกครั้งนะ
หลังจากเดินชื่นชมความงามของสวนแห่งนี้และเก็บภาพได้มากมายแล้วก็คงถึงเวลาที่ผมต้องเดินกลับทางเดิมเพื่อไปสถานีรถไฟ ซึ่งการเดินไปสถานีรถไฟครั้งนี้ผมไม่ต้องเปิดดูแผนที่แล้วล่ะ เพราะผม..อยากเดินมั่วครับ ฮ่าาา
หลังจากมั่วไปมั่วมาก็มาถึงสถานีรถไฟจนได้ เดินเข้าไปแหงนมองตารางรถไฟเพื่อหาเที่ยวที่จะไปยังเมืองที่ผมต้องการ สำหรับการเดินทางของผมก็แสนง่ายเพราะมี Swiss Travel Pass เพียงแค่ผมต้องขึ้นให้ถูกชั้นตามประเภทที่ซื้อครับ ซึ่งผมซื้อเป็นที่นั่งชั้น2 สำหรับรถไฟสวิสนี้เราไม่ต้องจองที่นั่งหรอกนะครับ ขอให้ขึ้นให้ถูกขบวน ถูกชั้น และแสดงบัตรโดยสารพร้อมกับ Passport เมื่อเจ้าหน้าที่มาตรวจก็เป็นพอครับ

ได้ที่นั่งเรียบร้อยแล้วครับ เราไปกันเลย

วิวสองข้างทาง ประทับใจมากครับ
รถไฟวิ่งนานเท่าไหร่ผมไม่แน่ใจเพราะมัวแต่ชื่นชมความงามสองข้างทางของประเทศที่สวยงามแห่งนี้ รถไฟวิ่งเทียบสถานีนั้นสถานีนี้ไปเรื่อยๆ
จนในที่สุดก็มาถึง
"โลซาน"
ลงจากรถไฟด้วยอาการงงๆอีกตามเคย
"ไปทางไหนต่อวะ????" เครื่องหมายคำถามเกิดขึ้นในหัวมากมายครับจนเริ่มจะชินกับตัวเองแล้วล่ะ
เดินออกมาริมสถานีซักพักเพื่อตั้งหลักแต่พอมองตรงไปข้างหน้าผมกลับเห็นภูเขาสูงๆอยู่ไกลและดูเหมือนมีหิมะปกคลุม
"เฮ้ย!ตรงนั้นต้องเป็นทะสาบแน่ๆ"

เฮ้ย!เราว่าตรงนั้นต้องเป็นทะเลสาบแน่ๆ

เดินเพลินครับ เพราะสภาพแวดล้อมนั่นเอง

แต่ละภาพเบื้องหน้า ลืมเลยนะเนี่ยว่าจะไปทะเลสาบ 555
จากนั้นจึงตั้งหน้าตั้งตาเดินลงเนินไปเรื่อยๆเพื่อไปดูว่ามันใช่ตามที่ตัวเองคิดหรือเปล่า จริงๆเดินไปไม่ไกลเราจะเจอกับสถานีรถไฟใต้ดินที่วิ่งรอบๆเมืองนะครับ เราสามารถนั่งรถไฟนี้ได้ซึ่งแน่นอนว่าย่นระยะทางและความเมื่อยได้ดีทีเดียว บนหลังสะพายกระเป๋าใบใหญ่ที่หนักกว่าสิบกิโลกรัม เพื่อนๆคิดว่ายังไงล่ะครับกับการเดินแบบนี้ ผมว่าการเดินไปเรื่อยๆแบบนี้มันตื่นเต้นดีครับ จริงๆก็คงตื่นเต้นตั้งแต่การออกมาแบบไม่มีแผนแล้วล่ะ ผมเดินลงเนินไปเรื่อยๆพร้อมนักท่องเที่ยวหลายๆคนและคละกันไปกับชาวสวิสที่นี่ ผมเดินข้ามถนนไปมาเพื่อให้ผมเดินง่ายขึ้น ผมชอบสวิสตั้งแต่วันแรกที่เดินทางมาถึงแล้วล่ะครับ ชอบกับน้ำใจและวินัยของคนที่นี่ การข้ามถนนก็แสนจะปลอดภัยครับเพียงแค่ผมหันหน้าเข้าหาถนนตรงตำแหน่งทางม้าลาย แม้รถที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงก็จะชะลอความเร็วและหยุดรถหลังเส้นขาวเพื่อให้เราข้ามครับ ผมเดินต่อเรื่อยๆจนสุดท้ายภาพเบื้องหน้าก็เผยออก
"ทะเลสาบเจนีวา ณ โลซาน" ซึ่งอยู่ในเขต
"อูชชี"
ระหว่างที่ข้ามถนนเพื่อไปยังฝั่งทะเลสาบ ผมก็เกือบโดนรถชนครับ ผมก้าวออกตามสัญญาณไฟคนข้ามแต่รถบัสนำเที่ยวคันหนึ่งเกิดฝ่าไฟแดงมาและบีบแตรไล่ผมกับนักท่องเที่ยวอีกหลายคนที่กำลังข้ามพร้อมผม จากการที่ผมยืนสังเกตุอยู่พักนึงก็พบเหตุการณ์แบบนี้อีกครั้งสองครั้ง ซึ่งเกิดจากรถบัสนำเที่ยวทั้งหมดเลย ผมไม่แน่ใจว่าเป็นรถนำเที่ยวสัญชาติไหนเหมือนกัน
หลังจากผ่านเรื่องราวเฉียดตายครั้งแรกของทริปนี้ ผมข้ามมาถึงฝั่งของทะเสสาบเจนีวาแล้วล่ะครับ ภาพเบื้องหน้าที่ผมเห็นแตกต่างจากที่เจนีวาครับ เพราะภาพที่เห็นคือภูเขาสูงตระหง่านอยู่เบื้องหน้าที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน ดึงดูดให้ผมอยากเข้าไปสัมผัสมันใกล้ๆจัง ผมเดินทอดน่องช้าๆไปยังริมทะเลสาบนั่น ยืนบนโขดหินที่ยื่นลงไปในทะเลสาบและมองไปยังภูเขาสูงนั่น "เหงาดีเนอะ อากาศก็เย็นเหลือเกิน แดดก็แรงมากๆ"

เหมือนผมล่องลอยอยู่ในความฝันเลยครับ สาบานได้ว่าตอนนั้นผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ

เก็บภาพประทับใจครับ

ฉากนี้รู้สึกเหงาๆเอื่อยๆมากมายจริงๆ
ผมวางกระเป๋าใบใหญ่ลงบนที่นั่งริมทะเลสาบและปล่อยความรู้สึกตัวเองให้ล่องลอยไปกับบรรยากาศตอนนี้ ล่องลอยไปกับความคิดที่วนช้าๆในหัว มันเป็นความรู้สึกที่หลุดๆดีครับแต่ก็ยังอยู่ในจุดที่ผมควบคุมมันได้ ผมเปิดหนังสือนำเที่ยวสวิสที่เตรียมมาด้วยเพื่อดูว่าผมจะเดินทางไปเมืองไหนได้บ้างที่ไม่ไกลจากที่นี่มาก แต่ผมก็มีเมืองในฝันที่คิดว่าจะไปอยู่บ้างเหมือนกัน จากนั้นจึงลุกจากที่นั่งและเดินตามแนวหาดชมของที่ขายอยู่ที่นี่ ผมสนใจภาพวาดเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่ได้ซื้อติดมือกลับไทยแต่อย่างไรเพราะตอนนี้กระเป๋าก็หนักมากแล้ว และเท้าผมก็เริ่มเจ็บๆบ้างแล้วเนื่องการเดินอย่างไม่หยุดหย่อนนั่นเอง
ผมเดินย้อนกลับขึ้นทางสถานีรถไฟโลซานและลงไปนั่งรถไฟใต้ดินซึ่งเป็นสายที่วิ่งในเมืองโลซานเพื่อไปยังเขตเมืองเก่าของที่นี่ หลังจากออกจากสถานีแล้วก็พบกับลานกว้างที่ผมก็ไม่รู้ว่ามีชื่อว่าอะไร เมื่อหันไปทางขวาผมก็พบกับบันไดทางขึ้นและมองเห็นยอดโบสถ์สูงอยู่ไม่ไกล
"มหาวิหารโลซานน์" หรือ
วิหารนอเตรอดาม (Notre-Dame) เมื่อเดินขึ้นไปตามบันไดเรื่อยๆก็จะพบกับถนนที่ตัดผ่าน จากนั้นจึงข้ามถนนและเดินขึ้นบันไดของโบสถ์ครับ วันนี้นักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะครับ ก่อนจะเข้าไปในโบสถ์ก็เหมือนเดิมครับ ไปยืนมองวิวของเมืองเพื่อซึมซับบรรยากาศ ถึงจะให้ผมพูดอีกครั้งผมก็ยังยืนยันที่จะพูดคำเดิมครับ
"ผมรักสวิส" อันนี้ออกจะส่วนตัวไปหน่อย 555

ฮัลโหลๆ ที่นี่ที่ไหน...ไม่มีใครตอบ

หันขวา.. เฮ้ยโบสถ์!!!

โอย คิดว่าจะถึงแล้วซะอีก ปีนบันไดต่อๆ ฮึ๊บๆ

บันไดไม้ขึ้นไปยังโบสถ์ครับ รู้สึกกลัวนิดๆนะเนี่ย
ผมค่อยๆแง้มเปิดประตูไม้บานใหญ่ของโบสถ์เข้าไป ภายในดูอลังการและมีมนตร์ขลังดีครับ ข้างในนี้ผมว่าผมเจอคนไทยอยู่สองคนได้ เป็นสาวไทยวัยรุ่นนี่และครับ อิจฉาชีวิตพวกเธอจริงๆเนอะว่าไหม!!
ผมเดินชมโบสถ์ที่ผมไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน เดินไปเก็บภาพไป ทั้งสถาปัตยกรรมแบบโกติก กระจกภาพบนฝาผนัง ผมใช้เวลาในนี้ไปเกือบๆชั่วโมงเลยล่ะครับ

เปิดประตูไม้เก่าๆเสียงดัง เเอ๊ดดดดด! ขนลุกเลยทีเดียว

ภายในโบสถ์ครับ ยังกะในหนังฮอลลีวูดแน่ะ

ผนังกระจกเขียนสีครับ

ชอบมุมนี้อ่ะ ขอเก็บภาพแป๊บนะ

ภาพกระจกเขียนสีอีกมุมครับ

เดินซอกแซกไปมาครบ 1รอบแล้วครับ ได้เวลากลับออกไปแล้วเนอะ
ตัวคนเดียวแบกเป้ลุยเดี่ยว เนเธอร์แลนด์-สวิส-อิตาลี "สวิสเซอร์แลนด์ วันที่2" "Lausanne - Vevey"
http://pantip.com/topic/34353426 ตอนที่2 เนเธอร์แลนด์วันที่1
http://pantip.com/topic/34355076 ตอนที่3 เนเธอร์แลนด์วันที่2
http://pantip.com/topic/34364373 ตอนที่4 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva"
http://pantip.com/topic/34385053 ตอนที่5 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva" - 2
http://pantip.com/topic/34390037 ตอนที่5 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่2 "Lausanne - Vevey"
เพื่อนๆสามารถติดตามทริปต่างๆที่จะเกิดขึ้นของผมแบบ Realtime ได้ที่เฟซเพจได้นะครับ เพราะผมจะมีทริปเล็กๆน้อยๆอยู่เรื่อยๆ
จะได้ติดตามข้อมูลและลุ้นไปด้วยกันที่
http://www.facebook.com/Backpacker.Pu
สวัสดีเพื่อนๆที่เข้ามาอ่านและติดตามนะครับ
วันนี้ผมจะพาทุกคนออกไปตะลอนเที่ยวแบบไม่มีแผนอีกแล้วนะครับ ก็ไม่ได้ขนาดว่าไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนขนาดนั้นหรอกนะ
วันนี้ผมแอบตื่นสายนิดหน่อยนะครับ(จะบอกว่าตั้งแต่มายุโรปก็มีตื่นเช้าแค่ครั้งเดียวที่เนเธอร์แลนด์เท่านั้นแหละ 555) เมื่อคืนที่นี่อากาศเย็นมากๆครับ ด้วยสภาพอากาศ อีกอย่างคงเพราะอยู่ใกล้ทะเลสาบเจนีวานี่แหละ เมื่อคืนก็ออกไปตะลอนเจนีวานะครับแต่อากาศเย็นเหลือเกิน ผมทานอากาศไม่ไหวจึงรีบกลับเข้ามาที่พักและนั่งเอื่อยๆคิดโน่นอ่านนี่ไปเรื่อยๆ ผมเข้านอนก่อนเพื่อนร่วมห้องทั้ง5ของผม แต่พอตื่นมาผมกลับไม่เจอพวกเขาครับ ไปอยู่ไหนกันนะเจ้าเด็กพวกนี้
หลังจากลากสังขารไปอาบน้ำและกลับเข้ามาเก็บของลงกระเป๋าแล้วจึงไม่รอช้าที่จะลงไปเช็คเอาท์ออกจากที่พัก ผมใช้เวลาอยู่พักใหญ่ที่ Hostel เพื่อหาข้อมูลและดูแผนที่ที่แนบมากับ Swiss Travel Pass ว่าจากนี้ผมจะเริ่มต้นเดินทางยังไง จะไปเมืองไหนก่อน ดูเส้นทางรถไฟก่อนหลังที่จะถึง จากนั้นจึงไม่รีรอที่จะแบกกระเป๋าออกไปตะลอนเพื่ออำลาเจนีวาครับ ผมเดินไปนั่งริมทะเลสาบเจนีวาและเผลอคิดอะไรเพลินๆ ผมรู้สึกแบบนี้กับทุกเมืองครับเมื่อรู้ว่าผมต้องไปจากมัน ผมค่อยๆลุกจากเก้าอี้ที่ผมนั่งกลางแดดริมทะเลสาบที่หันหน้าออกไปทางทะเลสาบ มันเป็นความนิ่งสงบที่เกิดขึ้นภายในใจของผม
เย็นและสงบ
ทะเลสาบเจนีวา ณ เจนีวา
เมื่อมองไปทางซ้ายมือก็เห็นต้นไม้ใหญ่ๆและเขียวชอุ่มด้วยต้นไม้นานาพันธ์เลียบทะเลสาบแห่งนี้ ภาพที่ปรากฎในหัวของผมในตอนนี้คือ ภาพที่นอนบนผืนหญ้าเขียวๆนั่น ผมเดินเข้าหาสวนนั้นเรื่อยๆ
กำลังโดนธรรมชาติดูดครับ 555
ที่นี่เป็นสวนริมทะเลสาบที่สมบูรณ์มากครับ ทั้งหญ้าที่เขียวชอุ่ม ดอกไม้หลายๆชนิด ทางเดินที่ตัดลัดเลาะไปมารอบสวน แต่ละจุดที่ผมเดินผ่านเย้ายวลให้ผมหยิบกล้องขึ้นมาเก็บภาพยิ่งนัก นั่งๆหมอบๆเพื่อเก็บภาพอย่างกับเป็นช่างภาพมืออาชีพเลยทีเดียว แม้ว่าแดดเช้านี้จะแรงเอามากๆแต่อากาศก็ยังเย็นๆทำให้ผมไม่ค่อยรู้สึกอะไรกับเจ้าแดดวันนี้มากนัก ส่วนตัวผมชอบสวนแห่งนี้มากๆเลยทีเดียว ผมชอบธรรมชาติ ชอบดอกไม้ ชอบนั่งมองผีเสื้อมองต้นหญ้า เอ้ย!ไม่ใช่รายการทีวีนะเฮ้ยที่จะมาเล่าความชอบตัวเอง 555
ดอกไม้สวยจัง
อุ๊ย!ผมตั้งใจล้มลงท่ามกลางดอกไม้
อุ๊ย!ขอล้มลงอีกครั้งนะ
หลังจากเดินชื่นชมความงามของสวนแห่งนี้และเก็บภาพได้มากมายแล้วก็คงถึงเวลาที่ผมต้องเดินกลับทางเดิมเพื่อไปสถานีรถไฟ ซึ่งการเดินไปสถานีรถไฟครั้งนี้ผมไม่ต้องเปิดดูแผนที่แล้วล่ะ เพราะผม..อยากเดินมั่วครับ ฮ่าาา
หลังจากมั่วไปมั่วมาก็มาถึงสถานีรถไฟจนได้ เดินเข้าไปแหงนมองตารางรถไฟเพื่อหาเที่ยวที่จะไปยังเมืองที่ผมต้องการ สำหรับการเดินทางของผมก็แสนง่ายเพราะมี Swiss Travel Pass เพียงแค่ผมต้องขึ้นให้ถูกชั้นตามประเภทที่ซื้อครับ ซึ่งผมซื้อเป็นที่นั่งชั้น2 สำหรับรถไฟสวิสนี้เราไม่ต้องจองที่นั่งหรอกนะครับ ขอให้ขึ้นให้ถูกขบวน ถูกชั้น และแสดงบัตรโดยสารพร้อมกับ Passport เมื่อเจ้าหน้าที่มาตรวจก็เป็นพอครับ
ได้ที่นั่งเรียบร้อยแล้วครับ เราไปกันเลย
วิวสองข้างทาง ประทับใจมากครับ
รถไฟวิ่งนานเท่าไหร่ผมไม่แน่ใจเพราะมัวแต่ชื่นชมความงามสองข้างทางของประเทศที่สวยงามแห่งนี้ รถไฟวิ่งเทียบสถานีนั้นสถานีนี้ไปเรื่อยๆ
จนในที่สุดก็มาถึง "โลซาน"
ลงจากรถไฟด้วยอาการงงๆอีกตามเคย "ไปทางไหนต่อวะ????" เครื่องหมายคำถามเกิดขึ้นในหัวมากมายครับจนเริ่มจะชินกับตัวเองแล้วล่ะ
เดินออกมาริมสถานีซักพักเพื่อตั้งหลักแต่พอมองตรงไปข้างหน้าผมกลับเห็นภูเขาสูงๆอยู่ไกลและดูเหมือนมีหิมะปกคลุม
"เฮ้ย!ตรงนั้นต้องเป็นทะสาบแน่ๆ"
เฮ้ย!เราว่าตรงนั้นต้องเป็นทะเลสาบแน่ๆ
เดินเพลินครับ เพราะสภาพแวดล้อมนั่นเอง
แต่ละภาพเบื้องหน้า ลืมเลยนะเนี่ยว่าจะไปทะเลสาบ 555
จากนั้นจึงตั้งหน้าตั้งตาเดินลงเนินไปเรื่อยๆเพื่อไปดูว่ามันใช่ตามที่ตัวเองคิดหรือเปล่า จริงๆเดินไปไม่ไกลเราจะเจอกับสถานีรถไฟใต้ดินที่วิ่งรอบๆเมืองนะครับ เราสามารถนั่งรถไฟนี้ได้ซึ่งแน่นอนว่าย่นระยะทางและความเมื่อยได้ดีทีเดียว บนหลังสะพายกระเป๋าใบใหญ่ที่หนักกว่าสิบกิโลกรัม เพื่อนๆคิดว่ายังไงล่ะครับกับการเดินแบบนี้ ผมว่าการเดินไปเรื่อยๆแบบนี้มันตื่นเต้นดีครับ จริงๆก็คงตื่นเต้นตั้งแต่การออกมาแบบไม่มีแผนแล้วล่ะ ผมเดินลงเนินไปเรื่อยๆพร้อมนักท่องเที่ยวหลายๆคนและคละกันไปกับชาวสวิสที่นี่ ผมเดินข้ามถนนไปมาเพื่อให้ผมเดินง่ายขึ้น ผมชอบสวิสตั้งแต่วันแรกที่เดินทางมาถึงแล้วล่ะครับ ชอบกับน้ำใจและวินัยของคนที่นี่ การข้ามถนนก็แสนจะปลอดภัยครับเพียงแค่ผมหันหน้าเข้าหาถนนตรงตำแหน่งทางม้าลาย แม้รถที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงก็จะชะลอความเร็วและหยุดรถหลังเส้นขาวเพื่อให้เราข้ามครับ ผมเดินต่อเรื่อยๆจนสุดท้ายภาพเบื้องหน้าก็เผยออก
"ทะเลสาบเจนีวา ณ โลซาน" ซึ่งอยู่ในเขต "อูชชี"
ระหว่างที่ข้ามถนนเพื่อไปยังฝั่งทะเลสาบ ผมก็เกือบโดนรถชนครับ ผมก้าวออกตามสัญญาณไฟคนข้ามแต่รถบัสนำเที่ยวคันหนึ่งเกิดฝ่าไฟแดงมาและบีบแตรไล่ผมกับนักท่องเที่ยวอีกหลายคนที่กำลังข้ามพร้อมผม จากการที่ผมยืนสังเกตุอยู่พักนึงก็พบเหตุการณ์แบบนี้อีกครั้งสองครั้ง ซึ่งเกิดจากรถบัสนำเที่ยวทั้งหมดเลย ผมไม่แน่ใจว่าเป็นรถนำเที่ยวสัญชาติไหนเหมือนกัน
หลังจากผ่านเรื่องราวเฉียดตายครั้งแรกของทริปนี้ ผมข้ามมาถึงฝั่งของทะเสสาบเจนีวาแล้วล่ะครับ ภาพเบื้องหน้าที่ผมเห็นแตกต่างจากที่เจนีวาครับ เพราะภาพที่เห็นคือภูเขาสูงตระหง่านอยู่เบื้องหน้าที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน ดึงดูดให้ผมอยากเข้าไปสัมผัสมันใกล้ๆจัง ผมเดินทอดน่องช้าๆไปยังริมทะเลสาบนั่น ยืนบนโขดหินที่ยื่นลงไปในทะเลสาบและมองไปยังภูเขาสูงนั่น "เหงาดีเนอะ อากาศก็เย็นเหลือเกิน แดดก็แรงมากๆ"
เหมือนผมล่องลอยอยู่ในความฝันเลยครับ สาบานได้ว่าตอนนั้นผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
เก็บภาพประทับใจครับ
ฉากนี้รู้สึกเหงาๆเอื่อยๆมากมายจริงๆ
ผมวางกระเป๋าใบใหญ่ลงบนที่นั่งริมทะเลสาบและปล่อยความรู้สึกตัวเองให้ล่องลอยไปกับบรรยากาศตอนนี้ ล่องลอยไปกับความคิดที่วนช้าๆในหัว มันเป็นความรู้สึกที่หลุดๆดีครับแต่ก็ยังอยู่ในจุดที่ผมควบคุมมันได้ ผมเปิดหนังสือนำเที่ยวสวิสที่เตรียมมาด้วยเพื่อดูว่าผมจะเดินทางไปเมืองไหนได้บ้างที่ไม่ไกลจากที่นี่มาก แต่ผมก็มีเมืองในฝันที่คิดว่าจะไปอยู่บ้างเหมือนกัน จากนั้นจึงลุกจากที่นั่งและเดินตามแนวหาดชมของที่ขายอยู่ที่นี่ ผมสนใจภาพวาดเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่ได้ซื้อติดมือกลับไทยแต่อย่างไรเพราะตอนนี้กระเป๋าก็หนักมากแล้ว และเท้าผมก็เริ่มเจ็บๆบ้างแล้วเนื่องการเดินอย่างไม่หยุดหย่อนนั่นเอง
ผมเดินย้อนกลับขึ้นทางสถานีรถไฟโลซานและลงไปนั่งรถไฟใต้ดินซึ่งเป็นสายที่วิ่งในเมืองโลซานเพื่อไปยังเขตเมืองเก่าของที่นี่ หลังจากออกจากสถานีแล้วก็พบกับลานกว้างที่ผมก็ไม่รู้ว่ามีชื่อว่าอะไร เมื่อหันไปทางขวาผมก็พบกับบันไดทางขึ้นและมองเห็นยอดโบสถ์สูงอยู่ไม่ไกล
"มหาวิหารโลซานน์" หรือ วิหารนอเตรอดาม (Notre-Dame) เมื่อเดินขึ้นไปตามบันไดเรื่อยๆก็จะพบกับถนนที่ตัดผ่าน จากนั้นจึงข้ามถนนและเดินขึ้นบันไดของโบสถ์ครับ วันนี้นักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะครับ ก่อนจะเข้าไปในโบสถ์ก็เหมือนเดิมครับ ไปยืนมองวิวของเมืองเพื่อซึมซับบรรยากาศ ถึงจะให้ผมพูดอีกครั้งผมก็ยังยืนยันที่จะพูดคำเดิมครับ "ผมรักสวิส" อันนี้ออกจะส่วนตัวไปหน่อย 555
ฮัลโหลๆ ที่นี่ที่ไหน...ไม่มีใครตอบ
หันขวา.. เฮ้ยโบสถ์!!!
โอย คิดว่าจะถึงแล้วซะอีก ปีนบันไดต่อๆ ฮึ๊บๆ
บันไดไม้ขึ้นไปยังโบสถ์ครับ รู้สึกกลัวนิดๆนะเนี่ย
ผมค่อยๆแง้มเปิดประตูไม้บานใหญ่ของโบสถ์เข้าไป ภายในดูอลังการและมีมนตร์ขลังดีครับ ข้างในนี้ผมว่าผมเจอคนไทยอยู่สองคนได้ เป็นสาวไทยวัยรุ่นนี่และครับ อิจฉาชีวิตพวกเธอจริงๆเนอะว่าไหม!!
ผมเดินชมโบสถ์ที่ผมไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน เดินไปเก็บภาพไป ทั้งสถาปัตยกรรมแบบโกติก กระจกภาพบนฝาผนัง ผมใช้เวลาในนี้ไปเกือบๆชั่วโมงเลยล่ะครับ
เปิดประตูไม้เก่าๆเสียงดัง เเอ๊ดดดดด! ขนลุกเลยทีเดียว
ภายในโบสถ์ครับ ยังกะในหนังฮอลลีวูดแน่ะ
ผนังกระจกเขียนสีครับ
ชอบมุมนี้อ่ะ ขอเก็บภาพแป๊บนะ
ภาพกระจกเขียนสีอีกมุมครับ
เดินซอกแซกไปมาครบ 1รอบแล้วครับ ได้เวลากลับออกไปแล้วเนอะ