ตัวคนเดียวแบกเป้ลุยเดี่ยว เนเธอร์แลนด์-สวิส-อิตาลี "สวิสเซอร์แลนด์ วันที่4" "ท่องสวิสวันสุดท้าย เจอกันอิตาลี"

http://pantip.com/topic/34338921  ตอนที่1 วีซ่าและการเดินทาง
http://pantip.com/topic/34353426  ตอนที่2 เนเธอร์แลนด์วันที่1
http://pantip.com/topic/34355076  ตอนที่3 เนเธอร์แลนด์วันที่2
http://pantip.com/topic/34364373  ตอนที่4 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva"
http://pantip.com/topic/34385053  ตอนที่5 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva" - 2
http://pantip.com/topic/34390037  ตอนที่6 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่2 "Lausanne - Vevey"
http://pantip.com/topic/34406378  ตอนที่7 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่2 "มาถึงแล้วนะ อินเทอลาเค่น"
http://pantip.com/topic/34435175  ตอนที่8 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่3 "อินเทอลาเค่น สวรรค์บนโลก"


เพื่อนๆสามารถติดตามทริปต่างๆที่จะเกิดขึ้นของผมแบบ Realtime ได้ที่เฟซเพจได้นะครับ เพราะผมจะมีทริปเล็กๆน้อยๆอยู่เรื่อยๆ
จะได้ติดตามข้อมูลและลุ้นไปด้วยกันที่
http://www.facebook.com/Backpacker.Pu

เช้าวันนี้ผมตื่นสายอีกแล้ว เนื้อตัวปวดไปหมดเพราะความล้าที่สะสมจากการเดินทางครับ ผมได้แต่นอนนิ่งๆและคิดอะไรบนเตียงไปเรื่อยๆ คิดถึงการเดินทางที่ผ่านมาในแต่ละวันของผม คิดถึงการเดินทางในวันนี้ของผม ซึ่งขณะนี้ผมก็ยังไม่มีแผนว่าจะไปที่ไหนในวันนี้ เท้าผมก็เริ่มมีปัญหาหนักขึ้นเรื่อยๆเพราะใส่รองเท้า Converseเดินตลอดทริป ซึ่งไม่ค่อยเหมาะนักกับพื้นผิวทางเดินของยุโรป

หลังจากอาบน้ำเสร็จผมจึงเก็บของเข้ากระเป๋าและลงไปเช็คเอาท์ที่เคาร์เตอร์โฮสเทล ได้เวลาออกเดินทางแล้วสินะ..ผมพูดกับตัวเอง

ผมเดินออกจากที่พักและตรงดิ่งไปยังสถานีรถไฟที่อยู่ไม่ไกล ดูตารางรถไฟที่จะพาผมท่องสวิซเซอร์วันสุดท้ายในวันนี้ บอกตรงๆว่าผมชอบที่นี่มาก ผมคงคิดถึงที่นี่มากๆหลังจากที่ผมกลับถึงเมืองไทย  ผมก้าวขึ้นรถไฟเพื่อหาที่นั่ง ผมเลือกที่นั่งริมหน้าต่างครับ เพื่อผิมจะได้เก็บภาพนอกหน้าต่างได้ชัดๆ ผมจะได้เอาหน้าแนบหน้าต่างชื่นชมความงาม เอาหน้าแนบหน้าต่างกระแทกความเหงาในการเดินทาง555  เฮ้ย!แต่มันเหงาจริงๆครับ อันนี้ยอมรับ

หลังจากรถไฟเคลื่อนออกจากชานชาลาเท่านั้นแหละ เหงาเลย เฮ้ย!!!ไม่ใช่ ผมเริ่มลั่นชัตเตอร์ทันทีต่างหากล่ะ รถไฟวิ่งย้อนกลับทางเดิมกับทางที่ผมเดินทางมาที่นี่

วิวสองข้างทางก็คุ้นๆตา แต่ผมไม่เบื่อครับเพราะผมหาอะไรให้ตัวเองรู้สึกแตกต่างได้เสมอๆ รถไฟวิ่งย้อนขึ้นไปเรื่อยๆ ผ่านภูเขามากมาย ผ่านหมู่บ้านไม่รู้กี่แห่ง ผ่านทะเลสาบทูน  ผ่านเมือนสปีซ จนรถไฟวิ่งช้าๆเข้าเทียบชานชาลาที่สถานีเบิร์น(Bern) จากการหาข้อมูลพบว่าที่นี่มีล็อคเกอร์หยอดเหรียญให้เก็บกระเป๋าได้ครับ ผมเดินตามหาจนเจอแต่ไม่ได้ฝากครับเพราะเหมือนจะทำไม่เป็น 555


ได้เวลาเดินทางแล้วนะ




ไปที่ชานชาลากันครับ ตามมานะ




ล็อคเกอร์ภายในสถานีครับ แวะใช้บริการกันได้ครับ



ผมแวะหาอะไรทานภายในสถานี พอหยิบเหรียญยูโรจ่ายเท่านั้นแหละ พนักงานบอกว่าไม่รับครับ รับเฉพาะฟรังค์สวิส แต่ดีนะที่ผมแลกเงินสวิสไว้พอสมควรแล้ว  เพื่อนๆที่จะเดินทางก็อย่าลืมเตรียมเงินฟรังค์สวิสไว้ด้วยนะครับเผื่อเจอแบบนี้จะได้ไม่อดข้าวอดน้ำ เดี๋ยวไม่มีแรงเดินเที่ยวน้าาา

ผมเดินไปแหงนมองตารางรถไฟแล้วล่ะ เพื่อนๆทายซิว่าผมจะไปที่ไหน ติ๊กต็อกๆ.... “ซูริค(Zurich)” นั่นล่ะครับคือเมืองที่ผมจะเดินทางไป คุ้นหูกันขึ้นมาเลยใช่ไหมล่ะ
เมื่อดูตารางรถไฟแล้วก็เร่งฝีเท้าไปยังชานชาลาครับ วันนี้ที่นี่คนเยอะมากๆครับที่สถานี ผมน่าจะเป็นคนไทยไม่กี่คนในนี้แหละ รู้สึกเท่ขึ้นมาเลยทีเดียว
พอเดินไปเรื่อยๆก็มาสะดุดตาเข้ากับสิ่งนี้ “ตู้โทรศัพท์” ใครล่ะที่ผมอยากจะโทรหาสำหรับคนโสดสนิทอย่างผม ใครล่ะที่ผมจำเบอร์เขาได้เสมอๆ
“แม่ผมไงล่ะครับ” รีบหยิบหนังสือนำเที่ยวขึ้นมาดูวิธิการโทรแล้วทำตามทันที

………………. รอสายนานพอสมควรครับกว่าที่บ้านจะรับ สงสัยแม่ผมกำลังงงกับเบอร์แน่ๆ555

แม่ : ฮัลโล เบอร์ใครเหรอเนี่ย

ผม : สวัสดีคร้าบบบบ

ผม : เป็นไงบ้างที่บ้าน ทำอะไรอยู่ ตอนนี้กี่โมงแล้ว กินข้าวหรือยัง

ผมสาดคำถามมากมายจนแทบจะไม่เปิดโอกาสให้ตอบเลยทีเดียว

แม่ : ตอบเวลามา ผมจำไม่ได้แล้ว555 พร้อมตอบคำถามที่ผมถามไปเมื่อกี่แทบจะทั้งหมด
แม่ : เป็นไงบ้าง สนุกไหม?

ผม : สบายดีครับ จะว่าไงดีล่ะ สนุกหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่รู้สึกว่ามีความสุขครับ และมันตื่นเต้นดี

แม่ : แล้วตอนนี้อยู่ไหนแล้วล่ะ จะไปไหนต่อล่ะน่ะ?

ผมรู้สึกว่าการตอบคำถามนี้ของแม่ ผมรู้สึกเท่มากจนรู้สึกได้เลยว่าผมเลือดพล่านไปทั้งตัว

ผม : ตอนนี้อยู่สวิสครับ เย็นๆจะต่อรถไฟเข้าอิตาลีแล้ว... เท่ไหมล่ะครับ 5555

หลังจากวางสายเสร็จผมรีบเดินฝ่าผู้คนไปยังชานชาลาเพื่อเดินทางไปยังเมืองซูริค ซึ่งผมคิดว่าเมืองนี้คงหรูมากๆ
รถไฟพาผมออกเดินทางแล้วครับ ใช้เวลาเดินทางราวๆ2ชั่วโมงเศษๆเห็นจะได้ ผมก็เดินทางมาถึงซูริคจนได้


รอรถไฟครับ ตื่นเต้นทุกครั้งเลย



หลังจากลงรถแล้วผมไม่รอช้าที่จะเดินออกไปที่ประตูทางออก เดินข้ามถนนและลัดเลาะลงไปตามแม่น้ำลิมมัต(Limmat) เพื่อไปยังริมทะเลสาบซูริค  ผมชอบตัวเองตรงที่ ผมเป็นคนชอบเสพบรรยากาศ555   ผมชอบปล่อยให้ความรู้สึกตัวเองล่องลอยไปกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า แม้บางครั้งมันจะล่องลอยจนควบคุมยากและเสียเวลากับบางสถานที่มากไปหน่อยก็เถอะนะ 555


โอเค ไปตะลอนซูริคกัน




สถานีรถไฟเมืองซูริคครับ


ผมเดินมองอาคารบ้านเรือน มองวิหาร มองโบสถ์ มองหอระฆ้ง มองผู้คน และผมปีนบันไดขึ้นไปมองวิวของเมืองบนเนินลินเดนฮอฟ
หลังจากนั่งเหล่สาวสวิสที่ดูติสท์ๆ อินดี้ๆหน่อยบนนี้ พร้อมกับมองความสวยงามของเขตเมืองเก่าบนนี้



ทางขึ้นเนินลินเดนฮอฟ




เขตเมืองเก่าที่มองจากเนินลินเดนฮอฟครับ




อีกภาพบนเนินแห่งนี้ครับ





ผมเดินลงไปด้านล่างเพื่อเดินต่อไปยังทะเลสาบซูริค   ผมเอนกายลงบนม้านั่งริมทะเลสาบและมองภูเขาหิมะที่เห็นอยู่ไกลๆแต่ชัดเจน หยิบเสบียงออกมานั่งทานไปเสพไป ที่นี่ดูสงบๆใช้ได้ครับ ผมจะไม่ไปไหนเลยเพราะผมมีเวลาน้อยเหลือเกินในวันนี้ ระหว่างที่นั่งอยู่ก็เหมือนมีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ท่าเรือครับ เหมือนจะเกิดอาการเป็นลมหมดสติ มีโรคประจำตัวหรือเปล่าผมไม่แน่ใจ และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของสวิส
เจ้าหน้าที่ตำรวจ2นายจะกันไม่ให้มีคนเข้าไปในพื้นที่ อีกส่วนจะทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ผู้ป่วย รถตำรวจเปิดไซเรนมายังที่เกิดเหตุพร้อมเอาอุปกรณ์ปฐมพยาบาลไปเสริมพร้อมเต้นท์กางกันแดด ไม่ถึง5นาทีทีมแพทย์ก็มาถึงพร้อมรถพยาบาล ผมเกือบจะปิ๊งแพทย์สาวคนนั้นแล้วล่ะครับ แต่ดีที่ยังห้ามใจไว้ทันด้วยการกินๆๆเพื่อหันเหความสนใจ
ผมประทับใจการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของที่นี่จัง สมแล้วเป็นประเทศในฝันที่ผมอยากมาท่องเที่ยว อยากมาใช้ชีวิตที่นี่ แต่ตอนนี้ทำได้แค่มาเที่ยวก่อนแล้วกันนะ

ผมผลาญเวลาไปมากแล้วล่ะครับ คงถึงเวลาที่ผมจะเดินทางย้อนกลับไปที่เบิร์น(Bern) เพื่อไปเดินเที่ยวและทักทายเมืองหลวงของสวิสเสียหน่อย ผมจึงไม่รอช้าที่จะเดินจ้ำไปยังสถานีรถไฟและแหงนดูตารางรถไฟอีกครั้ง และออกเดินทางกลับไปยังเมืองหลวงของหมี


ระบบรถรางภายในเมืองครับ




ท่าเรือที่ทะเลสาบซูริค




บรรยากาศริมทะเลสาบ คนเยอะ แดดแรงครับ




ได้เวลาแล้วที่ต้องกล่าวคำลาครับ


รถไฟวิ่งเข้าเทียบชานชาลาเมืองเบิร์นที่ผมคุ้นเคย เพราะเราเจอกันเป็นครั้งที่3แล้วตั้งแต่เดินทางท่องเที่ยวในสวิส ผมจึงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรมากนัก  พอลงรถไฟได้ผมก็ตรงดิ่งออกไปในเขตเมืองเบิร์นทันที ผมเริ่มเก็บภาพตั้งแต่เดินออกจากสถานีแล้วล่ะครับ  เมืองเบิร์นจะมีชื่อเสียงในเรื่องของบ่อน้ำพุครับ ซึ่งบ่อน้ำพุต่างๆจะมีรูปปั้นเป็นส่วนประกอบ ผมไม่พลาดหรอกที่จะเก็บภาพเหล่านั้น

ผมเดินออกไปยังจัตุรัสหน้าสถานีรถไฟ หรือ บาห์นฮอฟลัทซ์(Bahnhof Platz)ซึ่งเป็นศูนย์กลางของระบบขนส่งภายในเมือง มีทั้งรถรางและรถเมล์วิ่งผ่านหลายสาย ซึ่งในการเดินก็ต้องระมัดระวังด้วยนะครับ


โอเค ไปตะลอนกัน




รอสัญญาณไฟคนข้ามก่อนนะ




ยังกะเดินในยุค 60



ผมเดินไปตามถนน Spitalgasse จนสุดทางและผมก็พบกับซุ้มประตูตั้งขวางอยู่ “Kafigturm” ซึ่งเป็นประตูเมืองโบราณที่มีหอนาฬิกาขนาดใหญ่ตั้งโดดเด่นขึ้นไป ซึ่งแต่เดิมประตูแห่งนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของกำแพงเมืองในส่วนที่ใช้คุมขังนักโทษ วันนี้ที่ผมมาถึงเป็นอังคารครับซึ่งจะพบกับตลาดนัดที่ขายสินค้าพื้นเมืองทำให้มีผู้คนมากมาย


เห็นหอนาฬิกาอยู่ไกลๆ




ซุ้มประตู Kafigturm


ผมตัดสินใจที่จะเลี้ยวขวาออกไปจากที่ที่ผู้คนมากมายเหล่านั้นและเดินตรงไปอีกครั้ง เดินไปไม่ไกลผมก็พบกับอาคารหลังหนึ่งที่ประดับประดาด้วยธงประจำเมืองต่างๆมากมาย “รัฐสภาแห่งสมาพันธรัฐสวิส”  ซึ่งใช้เป็นสถานที่ประชุมของตัวแทนจากรัฐต่างๆของสวิสทั้ง26รัฐ ซึ่งมีหน้าที่ในการกำกับดูแลนโยบายเรื่องการฑูต การทหาร การเงิน และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส่วนรัฐสภาของแต่ละรัฐทำหน้าที่ออกกฎหมาย ภาษีและการศึกษา ซึ่งอาจแตกต่างกันได้ในแต่ละรัฐ เมื่อผมเดินเข้าไปในเขตของอาคารรัฐสภาและมองวิวของเมืองเบื้องล่างผมก็มองเห็นสะพานอยู่ไม่ไกล มีแม่น้ำไหลผ่าน


รัฐสภาแห่งสมาพันธรัฐสวิส






แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่