สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิกชาวพันทิปทุกคนค่ะ กระทู้นี้ จขกท ต้องการแค่เพียงเขียนระบายและอยากจะฝากเตือนเพื่อนๆสมาชิกไปด้วยนะคะ เพราะคิดว่าคงไม่ได้อะไรแล้ว 555
เริ่มเรื่องคือ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา ดิฉันได้ทำธุรกรรมผ่านตู้เอทีเอ็มของธนาคารสีน้ำเงิน เป็นการโอนเงินเพื่อจ่ายค่ามือถือ
เป็นจำนวนเงิน 2,244.86 บาท (จ่าย 2 เดือน) แต่รอบแรกที่ดิฉันทำรายการ เครื่องดัน ERROR โอนไม่ผ่าน เครื่องเอทีเอ็มก็ได้คืนบัตรออกมา ดิฉันเลยโอนอีกครั้ง ก็โอนผ่านปกติค่ะ สลิปก็ออกมา 1 รายการ ดิฉันก็ไม่ได้เอะใจอะไร จนผ่านมาถึงวันที่ 7 ตุลาคม ดิฉันเพิ่งมาเห็นว่าเงินโดนหักไป 2 ครั้ง จึงได้ทำการโทรหา Call center ของธนาคาร ซึ่งบอกเลยว่ารอนานมากกกกกกกกกกก เมื่อดิฉันแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ทราบ เค้าก็ให้ดิฉันโทรหาทางค่ายมือถือ เพื่อตรวจสอบว่า ยอดเงินนั้นได้โอนเข้าไปทั้ง 2 ยอดหรือไม่ ซึ่งพอตรวจสอบแล้วพบว่ายอดเงินเข้าไปที่ค่ายมือถือ แค่ยอดเดียว (แล้วเงินหายไปไหน?) ดิฉันจึงโทรหาธนาคารเพื่อให้เค้ารีฟันเงินที่ตัดเกินคืนเข้าบัญชีของดิฉัน และเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าจะตรวจสอบและดำเนินการโอนเงินคืนให้กับดิฉัน ให้ดิฉันโทรตามเรื่องอีกทีวันที่ 13 ตุลาคม
จนผ่านไป วันที่ 17 ตุลาคม ดิฉันนึกขึ้นได้(ขี้ลืมค่ะ 555) ก็เข้าไปเช็คยอดเงินอีกทีเพราะคิดว่าเงินน่าจะเข้ามาแล้วเพราะผ่านมาหลายวัน(มองโลกในแง่ดี) แต่เงินก็ไม่เข้า เลยโทรเข้าไปสอบถามธนาคารอีกที ทางเจ้าหน้าที่ได้ให้คำตอบว่า ให้ทางดิฉันติดต่อกับทางค่ายมือถือโดยตรง ว่าเค้ามีนโยบายในการคืนเงินอย่างไรบ้าง เพราะยอดเงินทั้ง 2 ยอดนั้นได้โอนไปที่ค่ายมือถือเรียบร้อย (อ่าวโยนเลยนะ งงสิคับ) วันนั้นโทรถามค่ายมือถือบอกยอดเข้าแค่ยอดเดียว ดิฉันก็โทรไปที่ค่ายมือถืออีกครั้ง ทางนั้นดันยืนยันกลับมาว่ายอดเข้ามาทั้ง 2 ยอด และจะค่อยๆหักค่าบริการไปเรื่อยๆ ซึ่งดิฉันก็บ่นๆกับเจ้าหน้าที่ไปว่าวันนั้นทำไมบอกว่าเข้าแค่ยอดเดียว บ่นไปบ่นมาเจ้าหน้าที่บอกว่า เงินโอนเข้ามาอีกที วันที่ 12 ตุลาคมค่ะคุณลูกค้า โอ้โหขึ้นสิคะขึ้น รออะไร 555
ดิฉันเลยโทรไปที่ธนาคารอีกที ก็มีต่อว่าไปบ้างว่าธนาคารมีสิทธิ์อะไรมาจ่ายค่าโทรศัพท์ล่วงหน้าให้ดิฉันโดยที่ดิฉันยังไม่ได้อนุญาต เจ้าหน้าที่ก็ยังดันทุรังพูดว่าเงินนั้นเข้าไปที่ค่ายมือถือพร้อมกันทั้ง 2 รอบ ซึ่งดีที่ดิฉันได้ตรวจสอบกับทางค่ายมือถือมาก่อนเลยแย้งได้ว่า เจ้าหน้าที่โกหก เพราะดิฉันเช็คกับทางค่ายมือถือแล้วว่าเงินเข้าอีกทีวันที่ 12 ซึ่งเป็นวันที่หลังจากดิฉันได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่โอนเงินที่หักเกินกลับเข้ามาที่บัญชีเหมือนเดิม แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังโยนให้ไปติดต่อกับทางค่ายมือถือ จนดิฉันก็ต่อว่าไปว่าปกติธนาคารมีสิทธิ์โอนเงินเราไปให้คนอื่นได้หรอ ทั้งๆที่เราก็ได้แจ้งความประสงค์ไปแล้ว แถมเงินก็ไม่ได้หักไปที่ค่ายมือถือตั้งแต่แรก หรือการโอนเงินกลับมาให้ลูกค้ามันยากกว่าการโอนไปทางอื่น แล้วเงินนี่ใช่เงินตูมั้ยย เหมือนเจ้าหน้าที่เห็นเราโมโหเลยบอกว่าทางเราจะส่งเรื่องให้ธนาคารตรวจสอบอีกที (ตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีก เหมือนจะปลอดภัย แต่ไม่เลย หึหึ)
ดิฉันยืนยันว่าต้องการเงินคืน จนเจ้าหน้าที่บอกว่าทางเค้าขอเวลาดำเนินการอีก 4 วัน ให้เราไปเช็คอีกทีว่าเงินได้โอนคืนมาหรือยัง (สรุปว่าจะโอนเงินคืนให้) จนผ่านไป เราก็อุตส่าห์ให้เวลาเกินไปแล้ว โทรไปอีกทีวันที่ 24 ตุลาคม วันเสาร์ที่ผ่านมา ปรากฏว่าเงินก็ยังไม่เข้า ก็ต้องโทรไปหาธนาคารอีกแล้วครับท่าน สรุปเจ้าหน้าที่ให้คำตอบว่าเรื่องที่เราแจ้งไว้ได้ปิดเคสเรียบร้อยแล้ว ให้เราติดต่อกับทางค่ายมือถือโดยตรง เพราะจำนวนเงินทั้ง 2 ยอดได้โอนไปที่ค่ายมือถือทั้ง 2 รอบ ทางธนาคารทำอะไรไม่ได้แล้ว (หรอคะ ? แล้วไม่ใช่ธนาคารหรอที่โอนไป หรือดิฉันเข้าใจอะไรผิด ตอนนี้ยังถามกับตัวเองอยู่เลยว่าเราผิดหรอ เอ๊ะ ยังไง ) สุดท้ายเลยคิดว่าจะให้โอกาสตัวเองและธนาคารอีกครั้ง ก็โวยวายไปตามเรื่องว่า เราแจ้งคุณแล้วว่ายอดเงินมันตัดเกินๆๆๆ แล้วก็ตรวจสอบแล้วว่าโอนผ่านแค่ยอดเดียว ให้เคลียให้ด้วยโดยการเอาเงินกลับมาเข้าบัญชีเหมือนเดิม เพราะมันน่าจะผิดพลาดที่ระบบธนาคาร แต่คุณก็ดันดำเนินการผิดไม่เหมือนกับที่ดิฉันได้แจ้งเอาไว้ ตอนโทรครั้งนี้ดิฉันได้ถามเจ้าหน้าที่ว่าสามารถโอนสายให้คนที่มีอำนาจในการตัดสินใจหรือให้คำตอบดิฉันได้มั้ย หรือไม่ก็แจ้งดิฉันมาว่าหากเกิดกรณีแบบนี้ดิฉันควรติดต่อฝ่ายไหนของธนาคาร เจ้าหน้าที่ก็ให้คำตอบมาแค่ว่าเค้าไม่มีความสามารถในการโอนสายไปให้ใครได้เพราะ เป็นการคีย์ผ่านหน้าจอคอมฯ อันนี้ดิฉันเข้าใจ แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตอบได้ว่าดิฉันควรติดต่อฝ่ายไหน ไม่ทราบค่ะ ทำอะไรไม่ได้ค่ะ (เจ้าหน้าที่ตอบแบบนี้) จนเค้าคงเห็นว่าดิฉันโมโหเลยแจ้งอีกทีว่าจะดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ติดต่อมาหาอีกทีแต่ไม่ขอระบุเวลาและวันได้ว่าจะโทรหาวันไหน ดิฉันจึงบ่นไปว่าดิฉันตามเรื่องมาตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว จนตอนนี้จะสิ้นเดือนก็ช่วยอะไรไม่ได้ แล้วมันเป็นหน้าที่ของดิฉันมั้ยที่ต้องมานั่งโทรตามเงินของตัวเองที่หายไปเนี่ย เจ้าหน้าที่ควรจะต้องติดต่อดิฉันมาภายในวันจันทร์นี้ แล้วเจ้าหน้าที่ก็รับปากอีกรอบว่าจะดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมาให้คำตอบภายในวันจันทร์ ณ ขณะที่ดิฉันพิมพ์ก็ปาเข้าไปจะห้าทุ่มครึ่งแล้วก็ไม่มีวี่แวว (ยังจะรอ ถถถถถถ)
ตอนนี้ดิฉันก็ทำใจแล้วค่ะ คิดว่าเงินคงเป็นเงินจำนวนเล็กน้อย ธนาคารคงไม่มาเสียเวลากับเรา แล้วตอนนี้บิลค่ามือถือออกมาแล้ว สงสัยต้องให้ทางมือถือหักเงินไปเรื่อยๆ ปกติแล้วดิฉันเป็นคนที่อะไรก็ได้ ง่ายๆ ถ้าไม่ได้หนักหนาอะไรก็จะมองข้ามไป แต่ดิฉันเคยเจอปัญหาความผิดพลาดจากธนาคารมาบ่อยพอสมควร ครั้งนี้เลยลองตัดสินใจใช้สิทธิ์ในการสอบถามหรือทักท้วงไป เพราะดิฉันเข้าใจว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วหากว่าเงินที่เราโดนหักไปไม่ใช่แค่เงินจำนวนสองพันกว่าบาท แต่เป็นหลักหมื่นหลักแสน แล้วเรามีเงินทั้งตัวอยู่แค่นั้น ใครจะรับผิดชอบ ธนาคารจะทำแบบนี้รึเปล่า จะโอนไปทางอีกฝ่ายมั้ยทั้งๆที่เราได้แจ้งความประสงค์ไปแล้ว แล้วถ้าหากว่าเราไม่ได้เช็คจนรู้ว่าเงินเราหายไป สุดท้ายเงินมันจะหายไปไหน ??
ท้ายที่สุดแล้วก็ได้แต่มาบ่นๆในนี้ แต่ก็ฝากเตือนเพื่อนๆด้วยนะคะว่า ให้ตรวจสอบธุรกรรมของตัวเองอย่างละเอียดทุกครั้ง เพราะเราไว้ใจใครไม่ได้เลย แต่ก็เชื่อว่าเพื่อนๆน่าจะละเอียดกันบ้างอยู่แล้ว น้อยคนที่น่าจะเหมือนดิฉัน 5555

*ขอบคุณที่อ่านมาซะยาวนะคะ ถ้า จขกท เขียนงงๆ ไปหน่อย ก็ขออภัยด้วยค่ะ *
ผิดหวังกับธนาคารค่ะ ฝากเตือนเพื่อนๆด้วยนะคะ
เริ่มเรื่องคือ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา ดิฉันได้ทำธุรกรรมผ่านตู้เอทีเอ็มของธนาคารสีน้ำเงิน เป็นการโอนเงินเพื่อจ่ายค่ามือถือ
เป็นจำนวนเงิน 2,244.86 บาท (จ่าย 2 เดือน) แต่รอบแรกที่ดิฉันทำรายการ เครื่องดัน ERROR โอนไม่ผ่าน เครื่องเอทีเอ็มก็ได้คืนบัตรออกมา ดิฉันเลยโอนอีกครั้ง ก็โอนผ่านปกติค่ะ สลิปก็ออกมา 1 รายการ ดิฉันก็ไม่ได้เอะใจอะไร จนผ่านมาถึงวันที่ 7 ตุลาคม ดิฉันเพิ่งมาเห็นว่าเงินโดนหักไป 2 ครั้ง จึงได้ทำการโทรหา Call center ของธนาคาร ซึ่งบอกเลยว่ารอนานมากกกกกกกกกกก เมื่อดิฉันแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ทราบ เค้าก็ให้ดิฉันโทรหาทางค่ายมือถือ เพื่อตรวจสอบว่า ยอดเงินนั้นได้โอนเข้าไปทั้ง 2 ยอดหรือไม่ ซึ่งพอตรวจสอบแล้วพบว่ายอดเงินเข้าไปที่ค่ายมือถือ แค่ยอดเดียว (แล้วเงินหายไปไหน?) ดิฉันจึงโทรหาธนาคารเพื่อให้เค้ารีฟันเงินที่ตัดเกินคืนเข้าบัญชีของดิฉัน และเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าจะตรวจสอบและดำเนินการโอนเงินคืนให้กับดิฉัน ให้ดิฉันโทรตามเรื่องอีกทีวันที่ 13 ตุลาคม
จนผ่านไป วันที่ 17 ตุลาคม ดิฉันนึกขึ้นได้(ขี้ลืมค่ะ 555) ก็เข้าไปเช็คยอดเงินอีกทีเพราะคิดว่าเงินน่าจะเข้ามาแล้วเพราะผ่านมาหลายวัน(มองโลกในแง่ดี) แต่เงินก็ไม่เข้า เลยโทรเข้าไปสอบถามธนาคารอีกที ทางเจ้าหน้าที่ได้ให้คำตอบว่า ให้ทางดิฉันติดต่อกับทางค่ายมือถือโดยตรง ว่าเค้ามีนโยบายในการคืนเงินอย่างไรบ้าง เพราะยอดเงินทั้ง 2 ยอดนั้นได้โอนไปที่ค่ายมือถือเรียบร้อย (อ่าวโยนเลยนะ งงสิคับ) วันนั้นโทรถามค่ายมือถือบอกยอดเข้าแค่ยอดเดียว ดิฉันก็โทรไปที่ค่ายมือถืออีกครั้ง ทางนั้นดันยืนยันกลับมาว่ายอดเข้ามาทั้ง 2 ยอด และจะค่อยๆหักค่าบริการไปเรื่อยๆ ซึ่งดิฉันก็บ่นๆกับเจ้าหน้าที่ไปว่าวันนั้นทำไมบอกว่าเข้าแค่ยอดเดียว บ่นไปบ่นมาเจ้าหน้าที่บอกว่า เงินโอนเข้ามาอีกที วันที่ 12 ตุลาคมค่ะคุณลูกค้า โอ้โหขึ้นสิคะขึ้น รออะไร 555
ดิฉันเลยโทรไปที่ธนาคารอีกที ก็มีต่อว่าไปบ้างว่าธนาคารมีสิทธิ์อะไรมาจ่ายค่าโทรศัพท์ล่วงหน้าให้ดิฉันโดยที่ดิฉันยังไม่ได้อนุญาต เจ้าหน้าที่ก็ยังดันทุรังพูดว่าเงินนั้นเข้าไปที่ค่ายมือถือพร้อมกันทั้ง 2 รอบ ซึ่งดีที่ดิฉันได้ตรวจสอบกับทางค่ายมือถือมาก่อนเลยแย้งได้ว่า เจ้าหน้าที่โกหก เพราะดิฉันเช็คกับทางค่ายมือถือแล้วว่าเงินเข้าอีกทีวันที่ 12 ซึ่งเป็นวันที่หลังจากดิฉันได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่โอนเงินที่หักเกินกลับเข้ามาที่บัญชีเหมือนเดิม แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังโยนให้ไปติดต่อกับทางค่ายมือถือ จนดิฉันก็ต่อว่าไปว่าปกติธนาคารมีสิทธิ์โอนเงินเราไปให้คนอื่นได้หรอ ทั้งๆที่เราก็ได้แจ้งความประสงค์ไปแล้ว แถมเงินก็ไม่ได้หักไปที่ค่ายมือถือตั้งแต่แรก หรือการโอนเงินกลับมาให้ลูกค้ามันยากกว่าการโอนไปทางอื่น แล้วเงินนี่ใช่เงินตูมั้ยย เหมือนเจ้าหน้าที่เห็นเราโมโหเลยบอกว่าทางเราจะส่งเรื่องให้ธนาคารตรวจสอบอีกที (ตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีก เหมือนจะปลอดภัย แต่ไม่เลย หึหึ)
ดิฉันยืนยันว่าต้องการเงินคืน จนเจ้าหน้าที่บอกว่าทางเค้าขอเวลาดำเนินการอีก 4 วัน ให้เราไปเช็คอีกทีว่าเงินได้โอนคืนมาหรือยัง (สรุปว่าจะโอนเงินคืนให้) จนผ่านไป เราก็อุตส่าห์ให้เวลาเกินไปแล้ว โทรไปอีกทีวันที่ 24 ตุลาคม วันเสาร์ที่ผ่านมา ปรากฏว่าเงินก็ยังไม่เข้า ก็ต้องโทรไปหาธนาคารอีกแล้วครับท่าน สรุปเจ้าหน้าที่ให้คำตอบว่าเรื่องที่เราแจ้งไว้ได้ปิดเคสเรียบร้อยแล้ว ให้เราติดต่อกับทางค่ายมือถือโดยตรง เพราะจำนวนเงินทั้ง 2 ยอดได้โอนไปที่ค่ายมือถือทั้ง 2 รอบ ทางธนาคารทำอะไรไม่ได้แล้ว (หรอคะ ? แล้วไม่ใช่ธนาคารหรอที่โอนไป หรือดิฉันเข้าใจอะไรผิด ตอนนี้ยังถามกับตัวเองอยู่เลยว่าเราผิดหรอ เอ๊ะ ยังไง ) สุดท้ายเลยคิดว่าจะให้โอกาสตัวเองและธนาคารอีกครั้ง ก็โวยวายไปตามเรื่องว่า เราแจ้งคุณแล้วว่ายอดเงินมันตัดเกินๆๆๆ แล้วก็ตรวจสอบแล้วว่าโอนผ่านแค่ยอดเดียว ให้เคลียให้ด้วยโดยการเอาเงินกลับมาเข้าบัญชีเหมือนเดิม เพราะมันน่าจะผิดพลาดที่ระบบธนาคาร แต่คุณก็ดันดำเนินการผิดไม่เหมือนกับที่ดิฉันได้แจ้งเอาไว้ ตอนโทรครั้งนี้ดิฉันได้ถามเจ้าหน้าที่ว่าสามารถโอนสายให้คนที่มีอำนาจในการตัดสินใจหรือให้คำตอบดิฉันได้มั้ย หรือไม่ก็แจ้งดิฉันมาว่าหากเกิดกรณีแบบนี้ดิฉันควรติดต่อฝ่ายไหนของธนาคาร เจ้าหน้าที่ก็ให้คำตอบมาแค่ว่าเค้าไม่มีความสามารถในการโอนสายไปให้ใครได้เพราะ เป็นการคีย์ผ่านหน้าจอคอมฯ อันนี้ดิฉันเข้าใจ แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตอบได้ว่าดิฉันควรติดต่อฝ่ายไหน ไม่ทราบค่ะ ทำอะไรไม่ได้ค่ะ (เจ้าหน้าที่ตอบแบบนี้) จนเค้าคงเห็นว่าดิฉันโมโหเลยแจ้งอีกทีว่าจะดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ติดต่อมาหาอีกทีแต่ไม่ขอระบุเวลาและวันได้ว่าจะโทรหาวันไหน ดิฉันจึงบ่นไปว่าดิฉันตามเรื่องมาตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว จนตอนนี้จะสิ้นเดือนก็ช่วยอะไรไม่ได้ แล้วมันเป็นหน้าที่ของดิฉันมั้ยที่ต้องมานั่งโทรตามเงินของตัวเองที่หายไปเนี่ย เจ้าหน้าที่ควรจะต้องติดต่อดิฉันมาภายในวันจันทร์นี้ แล้วเจ้าหน้าที่ก็รับปากอีกรอบว่าจะดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมาให้คำตอบภายในวันจันทร์ ณ ขณะที่ดิฉันพิมพ์ก็ปาเข้าไปจะห้าทุ่มครึ่งแล้วก็ไม่มีวี่แวว (ยังจะรอ ถถถถถถ)
ตอนนี้ดิฉันก็ทำใจแล้วค่ะ คิดว่าเงินคงเป็นเงินจำนวนเล็กน้อย ธนาคารคงไม่มาเสียเวลากับเรา แล้วตอนนี้บิลค่ามือถือออกมาแล้ว สงสัยต้องให้ทางมือถือหักเงินไปเรื่อยๆ ปกติแล้วดิฉันเป็นคนที่อะไรก็ได้ ง่ายๆ ถ้าไม่ได้หนักหนาอะไรก็จะมองข้ามไป แต่ดิฉันเคยเจอปัญหาความผิดพลาดจากธนาคารมาบ่อยพอสมควร ครั้งนี้เลยลองตัดสินใจใช้สิทธิ์ในการสอบถามหรือทักท้วงไป เพราะดิฉันเข้าใจว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วหากว่าเงินที่เราโดนหักไปไม่ใช่แค่เงินจำนวนสองพันกว่าบาท แต่เป็นหลักหมื่นหลักแสน แล้วเรามีเงินทั้งตัวอยู่แค่นั้น ใครจะรับผิดชอบ ธนาคารจะทำแบบนี้รึเปล่า จะโอนไปทางอีกฝ่ายมั้ยทั้งๆที่เราได้แจ้งความประสงค์ไปแล้ว แล้วถ้าหากว่าเราไม่ได้เช็คจนรู้ว่าเงินเราหายไป สุดท้ายเงินมันจะหายไปไหน ??
ท้ายที่สุดแล้วก็ได้แต่มาบ่นๆในนี้ แต่ก็ฝากเตือนเพื่อนๆด้วยนะคะว่า ให้ตรวจสอบธุรกรรมของตัวเองอย่างละเอียดทุกครั้ง เพราะเราไว้ใจใครไม่ได้เลย แต่ก็เชื่อว่าเพื่อนๆน่าจะละเอียดกันบ้างอยู่แล้ว น้อยคนที่น่าจะเหมือนดิฉัน 5555
*ขอบคุณที่อ่านมาซะยาวนะคะ ถ้า จขกท เขียนงงๆ ไปหน่อย ก็ขออภัยด้วยค่ะ *