สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกๆของผม (ถ้าเล่าวกวนต้องขออภัยด้วยนะครับ)
แนะนำตัวก่อนนะครับ ในพันทิปผมขอใช้ชื่อ เต๋า นะครับ(อย่าว่ากันนะกลัวมีผลกับตัวตนจริง) ตอนนี้ผมอายุ 23 แล้ว เรียนอยู่มหาลัยขึ้นชื่อของพิษณุโลกครับ คณะที่เค้าจบไปเป็นครูกันนั่นแหละ ผมเป็นผู้ชายหน้าตาบ้านๆคนธรรมดา ไม่ค่อยได้มีโอกาสเกี่ยวกับความรักสักเท่าไหร่ พอเจอรักก็เลยรักไม่เป็น เลยอยากแชร์เรื่องราวความรักที่ผิดๆ ความรักที่เกิดจากความผิดพลาดของผมครับ
เริ่มเรื่องเลยนะครับ เรื่องนี้เกิดสมัยผมอยู่ปี 3 ผมก็เป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิงเหมือนผู้ชายทั่วไป แต่ไม่ค่อยสมหวังกับความรักสักเท่าไหร่(คงเป็นเพราะหน้าตาไม่ได้ดีสักเท่าไหร่) จนวันนึงผมเริ่มรู้สึกดีกับเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง ขอใช้ชื่อเรียกเธอว่า เนตร นะครับ เนตรไม่ใช่คนสวยอะไรเลยครับ สูง 150 กว่าๆ ท้วมนิดๆ อยู่ชมรมเดียวกันกับผม และเป็นเพื่อนที่ร่วมก่อตั้งชมรมนี้มาครับ เนตรเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็มมาก เธอเสียพ่อเธอไปตอนเด็ก ครอบครัวเธอเหลือแม่ พี่สาว และเธอ พอมาอยู่มหาลัยพี่สาวเธอก็ออกเรือนแต่งานไป เหลือเธอกับแม่ เนตรเธอเข้มแข็งตรงที่ช่วยแม่ทำงานทุกอย่าง เนตรมีฝีมือในเรื่องการทำบายศรีครับ เวลาหมู่บ้านมีงานอะไรเธอก็จะเป็นแม่งานในการทำบายศรีเสมอ เนตรกับแม่เป็นคนใจบุญมากครับ เพราะว่าเธอจะทำบายศรีให้คนที่มาจ้างเธอแทบจะไม่คิดกำไรเลยครับ มีครั้งหนึ่งผมเห็นเธอทำบายศรีมือเธอนี่เหมือนเครื่องจักรเลยครับ พับเย็บๆ ผมทำได้อย่างเดียวคือช่วยฉีกใบตอง 555 หลังจากนั้นผมไม่รู้ว่าผมชอบเธอแล้วได้ยังไง ชอบตรงที่เธอเป็นคนเข้มแข็ง ลุยๆ แล้วก็ใจบุญของเธอนี่แหละครับ
หลังจากนั้นผมก็จีบเนตรครับ ตอนนั้นรู้สึกมีความสุขครับ เนตรชอบไปวัดทำบุญตอนเช้า ผมก็ไปด้วยครับ (ไปวัดใกล้ๆมหาลัยนี่แหละ) ผมจะให้เนตรหุงข้าว แล้วผมก็จะซื้อดอกไม้ไปทำบุญ ผมซื้อดอกบัวไปครับซื้อไปเผื่อเนตรด้วย พอไปถึงวัดเนตรก็บอกกับผมว่า ตอนที่เนตรไปบวชชีหลวงตาบอกว่า การให้ดอกบัวกับอีกคนเพื่อนำไปไหว้พระ คนที่รับดอกบัวจะต้องดูแลคนที่ให้ในชาติต่อๆไป ตอนนั้นผมเลยให้เนตรซื้อดอกบัวคืนผมบ้าง เพราะผมอยากเป็นคนดูแลเค้าแทน ตอนนั้นมีความสุขมากครับ
ต่อจากนั้นผมเริ่มรู้สึกมองเนตรเปลี่ยนไป เหมือนยิ่งคบเริ่มยิ่งไม่ใช่ ไม่เหมือนกับที่ผมคิดไว้ คือเนตรจริงๆแล้วไม่ได้เป็นคนเข้มแข็งอย่างที่ผมคิดไว้ เนตรแสดงด้านที่อ่อนแอให้ผมเห็น ผมทำอะไรไม่เป็นเลยครับ ผมพึ่งรู้ว่านั่นคือรักแรกของเนตร เธอยอมเปิดใจให้ผมทั้งที่ไม่เคยเปิดใจให้ใครมาก่อน ตอนนั้นผมคิดไปเองว่าตัวเองนั้นเป็นต้นเหตุให้เนตรกลายเป็นคนอ่อนแอ ผมไม่อยากเห็นเนตรอ่อนแอแบบนี้ครับ แล้วผมก็ตัดสินใจผิดพลาดครั้งแรก คือเริ่มถอยห่างออกมาจากเนตร ถอยออกมาแบบเธอไม่ทันตั้งตัว เธอโทรมาผมไม่รับสาย ผมทิ้งทุกอย่างไว้ไม่ให้ใครติดต่อได้ ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าเป็นบ้าอะไร ตอนนั้นผมคงบ้าจริงๆ
แล้วเธอก็ได้หายไปจากชีวิตผมครับ ที่ชมรมเธอก็หายไปผมไม่กล้าสู้หน้าใคร ผมรู้ว่าผมทำผิดแต่ผมหนีปัญหา ผมเลวมากตอนนั้น ผมได้แต่ขอโทษเธอในอินบอก แต่ก็คงไม่ได้ช่วยให้เธอดีขึ้น ผ ม มั น เ ล ว จ ริ ง ๆ
ผมเองก็เสียศูนย์ไปเหมือนกันครับ ผมเองก็ไม่กล้าที่จะไปจีบใครอีก โดนเฉพาะคนที่เป็นเพื่อน ผมได้ตั้งกฏเหล็กกับตัวเองขึ้นมาว่า ต่อไปนี้จะไม่จีบเพื่อน ไม่เอาเพื่อนมาทำแฟนอีกแล้ว ผลของมันทรมานมากครับ ใครเคยคงจะเข้าใจ
ผมรู้สึกผิดกับเรื่องนี้มาตลอด ผมมักจะปรึกษาเพื่อนผู้ชายในกลุ่ม บ่อยครั้งที่ผมคิดว่าความผิดนี้จะลบล้างได้ก็ต่อเมื่อผมได้เห็นเนตรมีความสุขกับผู้ชายดีๆที่ไม่ทำร้ายเค้าเหมือนที่ผมทำ หรืออีกอย่างก็คือการที่ผมต้องโดนใครสักคนทำให้เสียใจเหมือนที่ผมทำกับเนตร
เวลาก็ได้ทำให้เนตรดีขึ้นครับ เธอกลับมาเข้มแข็งอีกครั้งด้วยตัวเธอเอง แต่ผมเองต่างหากที่ยังคงรู้สึกผิดเสมอที่มองหน้าเธอ เราทั้งคู่ได้มีโอกาสได้ไปบ้านรุ่นพี่คนนึงครับ เป็นรุ่นพี่ที่ร่วมก่อตั้งชมรมมาด้วยกัน เป็นงานบุญประจำปีของบ้านรุ่นพี่ และครั้งนี้เองที่ทำให้ผมได้รู้จักรุ่นน้องชมรมผู้ชายอีกคนหนึ่ง ขอเรียกชือว่า พนธ์ นะ
และเรื่องราวระหว่างผมกับพนธ์นี่แหละครับ ที่ทำให้รักของผมมันผิดไปกว่าเดิม
พนธ์เป็นรุ่นน้องที่คณะผมด้วยแต่อยู่คนละสาขา จริงๆแล้วก็ไม่ใช่รุ่นน้องหรอกเพราะว่าพนธ์ซิ่วมาจากคณะที่อยู่ใกล้เรานี่แหละ เพราะฉะนั้นอายุจริงๆแล้วแก่กว่าเราตั้ง 1 ปี ตอนนี้ผมอยู่ปี 3 พนธ์อยู่ปี 2 แต่ถ้าไม่ซิวตอนนี้ก็อยู่ปี 4 ละ พนธ์เป็นคนน่ารักครับ ร่าเริง มีขนจมูกแลบออกมาเสมอ 555 และที่สำคัญมีแฟนแล้วครับ พนธ์มีแฟนเป็นรุ่นพี่คณะเดียวกัน แฟนพนธ์เป็นคนผู้ชายที่เรียนเก่งมากครับ มีชื่อเสียงเกี่ยวกับความที่เรียนเก่งเป็นต้นๆของคณะเลยล่ะครับ ตอนนั้นพี่เค้ารับปริญญาไปแล้วและกำลังอ่านหนังสือสอบบรรจุครูผู้ช่วยอยู่ ตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไรครับ แค่เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่เคยเห็นหน้ากันเฉยๆ จริงๆผมก็เคยเห็นพนธ์มานานแล้วแหละครับ เพราะผมเป็นพี่เชียร์จำหน้าน้องได้แทบทุกคน 555 พนธ์เป็นคนที่ตั้งใจเรียนเหมือนกันครับมีความตั้งจในการทำอะไรๆมาก และพอผมได้คุยด้วยผมก็รู้สึกสบายใจ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรที่ทุกข์ใจอยู่ผมก็สบายใจขึ้นทันที
กลับจากบ้านรุ่นพี่ทำให้ผมกับพนธ์สนิทกันขึ้นมากครับ คุยกันเยอะขึ้นเพราะตอนอยู่ที่บ้านรุ่นพี่เรามักจะมีอะไรให้ได้ทำอยู่ด้วยกันบ่อยๆ ผมเริ่มจากการแชทคุยโน้นนี่นั่นไปเรื่อยเปื่อน จนนานๆไปเริ่มสนิทขึ้นมามาก ตอนนั้นคุยกันแทนตัวเองเรานาย แบบผู้ชายแมนๆคุยกันอ่ะครับ แล้ววันหนึ่งผมก็ได้คุยกับพนธ์แบบเปิดใจ ผมได้ระบายความรู้สึกผิดที่ผมเคยทำกับเนตรให้พนธ์ฟัง พนธ์โกรธผมครับ เค้าบอกอยากจะต่อยหน้าผมแรงๆ เค้าบอกให้ผมไปขอโทษเนตรซะจะได้ไม่รู้สึกผิด ผมเองก็ไม่กล้าที่จะไปขอโทษเนตร ตอนนั้นไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิง ผมรวบรวมความกล้าไปที่จะไปขอโทษเนตร ผมนัดกับเนตรไปให้อาหารปลาที่นักศึกษามักจะไปให้กัน ผมนัดกับเนตรไว้แล้วบอกพนธ์ว่า “ถ้าเราไม่ไปขอโทษเนตรตามนัด ขอให้นายต่อยหน้าเราแรงๆได้ไหม” พนธ์จึงบอกกลับว่า “ถ้าไม่ไปจะทำยิ่งกว่าต่อย” ผมนี่กลัวเลย 55
วันต่อมาตอนหกโมงเย็นหลังเรียน ผมขี่มอไซไปรับเนตรที่หอตามนัด ตอนนั้นผมไม่พูดอะไรเลย ในสมองมีแต่สคริปที่คิดไว้ว่าจะพูดอะไรบ้าง เราแวะซื้อขนมปังร้านข้างๆมหาลัย ผมได้ให้อาหารปลาไปเรื่อยๆตาไม่กล้ามองเนตรเลย เพราะรู้ว่าเค้ามองผมอยู่แน่ๆ แล้วผมก็เริ่มรวบรวมความกล้าบอกเนตรทั้งๆที่ไม่มองหน้าเนตรเลยว่า "วันนั้นน่ะ ขอโทษนะ เต๋าเองโคตรรู้สึกผิด รู้สึกผิดมากๆ โคตรโกรธตัวเองเลยที่ทำแบบนั้น ปล่อยให้เนตรเสียใจอยู่คนเดียว โคตรเลวเลยเนอะ" แต่สิ่งที่เนตรตอบผมมันทำให้ผมกลับรู้สึกผิดมากกว่าเดิม เนตรบอกกับผมว่า "เต๋าจะโกรธตัวเองทำไม ขนาดคนที่ร้องไห้เพราะเต๋ายังไม่โกรธเต๋าเลย" ผมได้ยินเนตรตอบผมเหมือนกันโดนใบมีดโกนคมๆค่อยๆกรีดเข้าไปในหัวใจ เหมือนโดนหมอผ่าตัดแบบไม่วางยาเลย สคริปที่เหลือที่ผมคิดมันหายไปจากหัวสมองผมหมดแล้ว เนตรถามผมว่ามีอะไรจะบอกอีกไหม ถามผมแบบนั้นซ้ำๆ ผมรู้ว่าเนตรต้องการอยากให้ผมบอกว่าจะกลับไปหาเค้า ผมเองก็ไม่อยากที่จะหลับไปทำร้ายเค้าอีกนะ เพราะรู้แล้วว่าเค้าไม่ใช่ ยิ่งกลับไปจะยิ่งทำให้เค้าเจ็บกว่าเดิม ผมไม่พูดอะไรอีกได้แต่หลบตาเพราะน้ำตาผมเริ่มคลอแล้ว เนตรชวนผมไปเดินเล่นรอบมหาลัยครับ รวมๆแล้วก็ 2 กิโลกว่าๆ เดินเป็นชั่วโมงแหละครับ เราเดินไปก็ชวนกันคุยเรื่องอื่นไป เพราะต่างคนต่างรู้ว่าไม่ควรจะพูดถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว พอเดินเสร็จผมก็ไปส่งเนตรที่หอเหมือนเดิม ผมไม่ได้หายรู้สึกผิดแต่อย่างใดกับการไปขอโทษเนตรในวันนั้น แต่อย่างน้อยผมก็ได้ขอโทษเนตร ขอโทษด้วยปากที่เคยบอกว่ารู้สึกดีกับเค้า อยากให้เค้าเป็นมากกว่าเพื่อน
กลับมาผมยังคงรู้สึกผิด คงมีจะวิธีเดียวจริงๆแหละ คือต้องรอให้กรรมมันตามสนองผมใช่มั้ยผมถึงจะหายรู้สึกผิด ตอนนั้นผมคิดแบบนั้น ผมก็ได้คุยกับพนธ์ บอกทุกอย่างที่ผมได้บอกกับเนตรไป พนธ์ทำให้ผมสบายใจได้มากครับ พนธ์บอกว่าอย่างน้อยก็ได้ขอโทษ ความรู้สึกของคนมันไม่ได้เปลี่ยนได้ง่ายๆ ยิ่งคนที่รักไปแล้ว มันไม่ได้เปลี่ยนง่ายเลย ผมสบายมากเวลาที่ได้คุยกับพนธ์ ซึ่งมันก็ไม่ได้เหมือนกันเพื่อนผู้ชายคนอื่นๆที่ผมคุยด้วย หลังจากนั้นเราก็ได้คุยกันมากขึ้น มีอะไรไม่สบายใจผมก็ไประบายไปคุยกับพนธ์ได้ตลอด เหมือนตอนนั้นไม่ว่าเรื่องอะไรผมก็เอามาคุยกับพนธ์ได้ทุกเรื่อง และพนธ์ได้เล่าเรื่องที่เป็นด้านลบกับความลับของตัวเองให้ผมฟัง ผมก็ยิ่งรู้สึกไว้ใจวางใจ และสบายใจมากขึ้น
กลับมาจากบ้านรุ่นพี่ไม่นานพนธ์ก็ถูกรถซาเล้งส่งน้ำแข็งเฉี่ยวมอไซล้ม พนธ์ทักหาผมในแชท แต่ผมไม่ได้อ่าน พอผมได้อ่านหลังจากนั้นสัก 1 ชั่วโมงผมก็โทรไปหาพนธ์ พนธ์อยู่ที่ รพ กับเนตร คือเนตรพาพนธ์ไป รพ ผมเองรู้สึกผิดมากเพราะพนธ์ทักผมมาแต่ผมไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย สภาพที่ผมเห็นแลดูแย่แต่ก็ไม่มาก ผมเห็นพนธ์นั่งอยู่บนรถเข็น ผมก็คิดว่าต้องเจ็บหนักแน่ๆ แต่จริงๆแล้วก็เป็นแผลที่หลัง ผมก็โล่งอกไปหน่อย ทาง รพ ก็ไม่ได้ทำอะไรให้ครับ แผลก็ไม่ได้ล้างให้ ให้แค่ยาแก้อักเสบกับยาแก้ปวด พอดีอาของพนธ์มาหาพนธ์เลยกลับหอพักไปกับอา ส่วนผมก็ขี่รถตามไปที่หอซื้อชุดล้างแผลไปล้างให้พนธ์ เพราะว่าตอนนี้พนธ์อยู่คนเดียวคนล้างไม่ได้แน่ๆ(แฟนของพนธ์กลับบ้าน) ตอนนั้นผมรู้สึกดีที่ได้ทำอะไรให้พนธ์ชดเชยที่ไปช่วยไม่ทันในตอนที่พน์ต้องการความช่วยเหลือ
มีครั้งหนึ่งตอนเย็น ผมบ่นหิว พนธ์ ก็ชวนผมไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านข้างๆ มหาลัย เป็นครั้งแรกครับที่เราได้ไปกินอะไรด้วยกัน 2 คน ผมรู้สึกดีแปลกๆ แต่ในใจก็คิดเสมอว่าพนธ์เป็นเพื่อนนะ และเค้าก็มีแฟนแล้วด้วย หลังจากกินเสร็จเราก็นั่งคุยกันไปเรื่อย จำไม่ได้ว่าเรื่องอะไรบ้างเยอะซะจับใจความอะไรไม่ได้เลย แต่ก่อนจะแยกย้ายกลับนี่สิครับ ผมคร่อมมอไซคู่ใจ พนธ์ ตะโกนมาบอกว่าขับรถดีๆนะ ตอนนั้นไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรผมรู้สึกเหมือนมีลูกโป่งขนาดใหญ่กำลังโดนสูบลมอยู่ในหน้าอกผม มันรู้สึกดีมากๆ เหมือนโลกตรงนั้นมีแต่พนธ์คนเดียว วันนั้นผมขี่รถกลับบ้านเช่าแบบยิ้มไปตลอดทาง ใครเห็นผมตอนนั้นคงจะว่าผมบ้าอ่ะ
ผมกับพนธ์เรามีสิ่งที่ชอบเหมือนกันอย่างหนึ่งครับ พนธ์เป็นคนที่ชอบร้องเพลงมาก เคยประกวดมาหลายเวที และผมเองก็ชอบดนตรี ผมเล่นกีต้าร์ครับ แต่ก็ไม่ได้เก่งอะไรมาก แค่เล่นเพลงทั่วไป เรามักชอบแลกเพลงกันฟัง มีครั้งหนึ่งที่ผมคิดมากเรื่องเนตร พนธ์ก็ได้ส่งเนื้อเพลงเพลงหนึ่งมาให้ผม ตอนนั้นผมก็ไม่ได้เข้าใจอะไรในเพลงเลย พนธ์ร้องเพลงนั้นแล้วอัดเสียงส่งมาให้ผมฟัง มันเป็นเพลงเกี่ยวกับการให้กำลังใจครับ ชื่อเพลง “ลองมองที่หัวใจ” ถ้าพนธ์ได้อ่านคงจำได้แน่นอน ไม่ว่ากันนะ ผมเองได้ฟังเพราะมาก ผมเลยลองแกะคอร์ดแล้วเล่นให้พนธ์ฟัง ผมเองอ่ะเป็นคนเสียงห่วยแตกมาก ผมร้องแล้วก็เล่นส่งไปให้พนธ์ฟัง ผมยังตลกเสียงตัวเองอยู่เลยร้องก็เพี้ยน 555 แล้วต่อจากนั้นผมก็ได้ให้พนธ์แต่งเนื้อเพลงให้ผม เพราะผมเองก็มีเมโลดี้ที่แต่งไว้เหมือนกัน มันทำให้เราสองคนสนิทกันมากขึ้น มีอะไรที่ชอบเหมือนๆกัน ได้ทำอะไรๆหลายๆอย่างด้วยกันแค่สองคน ตอนนั้นมันอยู่ในช่วงที่แฟนของพนธ์กำลังอ่านหนังสือสอบบรรจุครูผู้ช่วย ทำให้พนธ์อยู่กับผมมากกว่าอยู่กับแฟน ผมรู้ครับว่าผมกำลังเริ่มทำในสิ่งที่ผิด ผมเริ่มปล่อยใจ ไม่โกหกความรู้สึกตัวเอง พนธ์เองก็เช่นกัน
รั ก ที่ ไ ม่ รู้ จั ก ห้ า ม ใ จ
ใครเคยมีรักผิดๆ เหมือนผมไหม ช-ช ช-ญ
แนะนำตัวก่อนนะครับ ในพันทิปผมขอใช้ชื่อ เต๋า นะครับ(อย่าว่ากันนะกลัวมีผลกับตัวตนจริง) ตอนนี้ผมอายุ 23 แล้ว เรียนอยู่มหาลัยขึ้นชื่อของพิษณุโลกครับ คณะที่เค้าจบไปเป็นครูกันนั่นแหละ ผมเป็นผู้ชายหน้าตาบ้านๆคนธรรมดา ไม่ค่อยได้มีโอกาสเกี่ยวกับความรักสักเท่าไหร่ พอเจอรักก็เลยรักไม่เป็น เลยอยากแชร์เรื่องราวความรักที่ผิดๆ ความรักที่เกิดจากความผิดพลาดของผมครับ
เริ่มเรื่องเลยนะครับ เรื่องนี้เกิดสมัยผมอยู่ปี 3 ผมก็เป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิงเหมือนผู้ชายทั่วไป แต่ไม่ค่อยสมหวังกับความรักสักเท่าไหร่(คงเป็นเพราะหน้าตาไม่ได้ดีสักเท่าไหร่) จนวันนึงผมเริ่มรู้สึกดีกับเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง ขอใช้ชื่อเรียกเธอว่า เนตร นะครับ เนตรไม่ใช่คนสวยอะไรเลยครับ สูง 150 กว่าๆ ท้วมนิดๆ อยู่ชมรมเดียวกันกับผม และเป็นเพื่อนที่ร่วมก่อตั้งชมรมนี้มาครับ เนตรเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็มมาก เธอเสียพ่อเธอไปตอนเด็ก ครอบครัวเธอเหลือแม่ พี่สาว และเธอ พอมาอยู่มหาลัยพี่สาวเธอก็ออกเรือนแต่งานไป เหลือเธอกับแม่ เนตรเธอเข้มแข็งตรงที่ช่วยแม่ทำงานทุกอย่าง เนตรมีฝีมือในเรื่องการทำบายศรีครับ เวลาหมู่บ้านมีงานอะไรเธอก็จะเป็นแม่งานในการทำบายศรีเสมอ เนตรกับแม่เป็นคนใจบุญมากครับ เพราะว่าเธอจะทำบายศรีให้คนที่มาจ้างเธอแทบจะไม่คิดกำไรเลยครับ มีครั้งหนึ่งผมเห็นเธอทำบายศรีมือเธอนี่เหมือนเครื่องจักรเลยครับ พับเย็บๆ ผมทำได้อย่างเดียวคือช่วยฉีกใบตอง 555 หลังจากนั้นผมไม่รู้ว่าผมชอบเธอแล้วได้ยังไง ชอบตรงที่เธอเป็นคนเข้มแข็ง ลุยๆ แล้วก็ใจบุญของเธอนี่แหละครับ
หลังจากนั้นผมก็จีบเนตรครับ ตอนนั้นรู้สึกมีความสุขครับ เนตรชอบไปวัดทำบุญตอนเช้า ผมก็ไปด้วยครับ (ไปวัดใกล้ๆมหาลัยนี่แหละ) ผมจะให้เนตรหุงข้าว แล้วผมก็จะซื้อดอกไม้ไปทำบุญ ผมซื้อดอกบัวไปครับซื้อไปเผื่อเนตรด้วย พอไปถึงวัดเนตรก็บอกกับผมว่า ตอนที่เนตรไปบวชชีหลวงตาบอกว่า การให้ดอกบัวกับอีกคนเพื่อนำไปไหว้พระ คนที่รับดอกบัวจะต้องดูแลคนที่ให้ในชาติต่อๆไป ตอนนั้นผมเลยให้เนตรซื้อดอกบัวคืนผมบ้าง เพราะผมอยากเป็นคนดูแลเค้าแทน ตอนนั้นมีความสุขมากครับ
ต่อจากนั้นผมเริ่มรู้สึกมองเนตรเปลี่ยนไป เหมือนยิ่งคบเริ่มยิ่งไม่ใช่ ไม่เหมือนกับที่ผมคิดไว้ คือเนตรจริงๆแล้วไม่ได้เป็นคนเข้มแข็งอย่างที่ผมคิดไว้ เนตรแสดงด้านที่อ่อนแอให้ผมเห็น ผมทำอะไรไม่เป็นเลยครับ ผมพึ่งรู้ว่านั่นคือรักแรกของเนตร เธอยอมเปิดใจให้ผมทั้งที่ไม่เคยเปิดใจให้ใครมาก่อน ตอนนั้นผมคิดไปเองว่าตัวเองนั้นเป็นต้นเหตุให้เนตรกลายเป็นคนอ่อนแอ ผมไม่อยากเห็นเนตรอ่อนแอแบบนี้ครับ แล้วผมก็ตัดสินใจผิดพลาดครั้งแรก คือเริ่มถอยห่างออกมาจากเนตร ถอยออกมาแบบเธอไม่ทันตั้งตัว เธอโทรมาผมไม่รับสาย ผมทิ้งทุกอย่างไว้ไม่ให้ใครติดต่อได้ ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าเป็นบ้าอะไร ตอนนั้นผมคงบ้าจริงๆ
แล้วเธอก็ได้หายไปจากชีวิตผมครับ ที่ชมรมเธอก็หายไปผมไม่กล้าสู้หน้าใคร ผมรู้ว่าผมทำผิดแต่ผมหนีปัญหา ผมเลวมากตอนนั้น ผมได้แต่ขอโทษเธอในอินบอก แต่ก็คงไม่ได้ช่วยให้เธอดีขึ้น ผ ม มั น เ ล ว จ ริ ง ๆ
ผมเองก็เสียศูนย์ไปเหมือนกันครับ ผมเองก็ไม่กล้าที่จะไปจีบใครอีก โดนเฉพาะคนที่เป็นเพื่อน ผมได้ตั้งกฏเหล็กกับตัวเองขึ้นมาว่า ต่อไปนี้จะไม่จีบเพื่อน ไม่เอาเพื่อนมาทำแฟนอีกแล้ว ผลของมันทรมานมากครับ ใครเคยคงจะเข้าใจ
ผมรู้สึกผิดกับเรื่องนี้มาตลอด ผมมักจะปรึกษาเพื่อนผู้ชายในกลุ่ม บ่อยครั้งที่ผมคิดว่าความผิดนี้จะลบล้างได้ก็ต่อเมื่อผมได้เห็นเนตรมีความสุขกับผู้ชายดีๆที่ไม่ทำร้ายเค้าเหมือนที่ผมทำ หรืออีกอย่างก็คือการที่ผมต้องโดนใครสักคนทำให้เสียใจเหมือนที่ผมทำกับเนตร
เวลาก็ได้ทำให้เนตรดีขึ้นครับ เธอกลับมาเข้มแข็งอีกครั้งด้วยตัวเธอเอง แต่ผมเองต่างหากที่ยังคงรู้สึกผิดเสมอที่มองหน้าเธอ เราทั้งคู่ได้มีโอกาสได้ไปบ้านรุ่นพี่คนนึงครับ เป็นรุ่นพี่ที่ร่วมก่อตั้งชมรมมาด้วยกัน เป็นงานบุญประจำปีของบ้านรุ่นพี่ และครั้งนี้เองที่ทำให้ผมได้รู้จักรุ่นน้องชมรมผู้ชายอีกคนหนึ่ง ขอเรียกชือว่า พนธ์ นะ
และเรื่องราวระหว่างผมกับพนธ์นี่แหละครับ ที่ทำให้รักของผมมันผิดไปกว่าเดิม
พนธ์เป็นรุ่นน้องที่คณะผมด้วยแต่อยู่คนละสาขา จริงๆแล้วก็ไม่ใช่รุ่นน้องหรอกเพราะว่าพนธ์ซิ่วมาจากคณะที่อยู่ใกล้เรานี่แหละ เพราะฉะนั้นอายุจริงๆแล้วแก่กว่าเราตั้ง 1 ปี ตอนนี้ผมอยู่ปี 3 พนธ์อยู่ปี 2 แต่ถ้าไม่ซิวตอนนี้ก็อยู่ปี 4 ละ พนธ์เป็นคนน่ารักครับ ร่าเริง มีขนจมูกแลบออกมาเสมอ 555 และที่สำคัญมีแฟนแล้วครับ พนธ์มีแฟนเป็นรุ่นพี่คณะเดียวกัน แฟนพนธ์เป็นคนผู้ชายที่เรียนเก่งมากครับ มีชื่อเสียงเกี่ยวกับความที่เรียนเก่งเป็นต้นๆของคณะเลยล่ะครับ ตอนนั้นพี่เค้ารับปริญญาไปแล้วและกำลังอ่านหนังสือสอบบรรจุครูผู้ช่วยอยู่ ตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไรครับ แค่เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่เคยเห็นหน้ากันเฉยๆ จริงๆผมก็เคยเห็นพนธ์มานานแล้วแหละครับ เพราะผมเป็นพี่เชียร์จำหน้าน้องได้แทบทุกคน 555 พนธ์เป็นคนที่ตั้งใจเรียนเหมือนกันครับมีความตั้งจในการทำอะไรๆมาก และพอผมได้คุยด้วยผมก็รู้สึกสบายใจ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรที่ทุกข์ใจอยู่ผมก็สบายใจขึ้นทันที
กลับจากบ้านรุ่นพี่ทำให้ผมกับพนธ์สนิทกันขึ้นมากครับ คุยกันเยอะขึ้นเพราะตอนอยู่ที่บ้านรุ่นพี่เรามักจะมีอะไรให้ได้ทำอยู่ด้วยกันบ่อยๆ ผมเริ่มจากการแชทคุยโน้นนี่นั่นไปเรื่อยเปื่อน จนนานๆไปเริ่มสนิทขึ้นมามาก ตอนนั้นคุยกันแทนตัวเองเรานาย แบบผู้ชายแมนๆคุยกันอ่ะครับ แล้ววันหนึ่งผมก็ได้คุยกับพนธ์แบบเปิดใจ ผมได้ระบายความรู้สึกผิดที่ผมเคยทำกับเนตรให้พนธ์ฟัง พนธ์โกรธผมครับ เค้าบอกอยากจะต่อยหน้าผมแรงๆ เค้าบอกให้ผมไปขอโทษเนตรซะจะได้ไม่รู้สึกผิด ผมเองก็ไม่กล้าที่จะไปขอโทษเนตร ตอนนั้นไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิง ผมรวบรวมความกล้าไปที่จะไปขอโทษเนตร ผมนัดกับเนตรไปให้อาหารปลาที่นักศึกษามักจะไปให้กัน ผมนัดกับเนตรไว้แล้วบอกพนธ์ว่า “ถ้าเราไม่ไปขอโทษเนตรตามนัด ขอให้นายต่อยหน้าเราแรงๆได้ไหม” พนธ์จึงบอกกลับว่า “ถ้าไม่ไปจะทำยิ่งกว่าต่อย” ผมนี่กลัวเลย 55
วันต่อมาตอนหกโมงเย็นหลังเรียน ผมขี่มอไซไปรับเนตรที่หอตามนัด ตอนนั้นผมไม่พูดอะไรเลย ในสมองมีแต่สคริปที่คิดไว้ว่าจะพูดอะไรบ้าง เราแวะซื้อขนมปังร้านข้างๆมหาลัย ผมได้ให้อาหารปลาไปเรื่อยๆตาไม่กล้ามองเนตรเลย เพราะรู้ว่าเค้ามองผมอยู่แน่ๆ แล้วผมก็เริ่มรวบรวมความกล้าบอกเนตรทั้งๆที่ไม่มองหน้าเนตรเลยว่า "วันนั้นน่ะ ขอโทษนะ เต๋าเองโคตรรู้สึกผิด รู้สึกผิดมากๆ โคตรโกรธตัวเองเลยที่ทำแบบนั้น ปล่อยให้เนตรเสียใจอยู่คนเดียว โคตรเลวเลยเนอะ" แต่สิ่งที่เนตรตอบผมมันทำให้ผมกลับรู้สึกผิดมากกว่าเดิม เนตรบอกกับผมว่า "เต๋าจะโกรธตัวเองทำไม ขนาดคนที่ร้องไห้เพราะเต๋ายังไม่โกรธเต๋าเลย" ผมได้ยินเนตรตอบผมเหมือนกันโดนใบมีดโกนคมๆค่อยๆกรีดเข้าไปในหัวใจ เหมือนโดนหมอผ่าตัดแบบไม่วางยาเลย สคริปที่เหลือที่ผมคิดมันหายไปจากหัวสมองผมหมดแล้ว เนตรถามผมว่ามีอะไรจะบอกอีกไหม ถามผมแบบนั้นซ้ำๆ ผมรู้ว่าเนตรต้องการอยากให้ผมบอกว่าจะกลับไปหาเค้า ผมเองก็ไม่อยากที่จะหลับไปทำร้ายเค้าอีกนะ เพราะรู้แล้วว่าเค้าไม่ใช่ ยิ่งกลับไปจะยิ่งทำให้เค้าเจ็บกว่าเดิม ผมไม่พูดอะไรอีกได้แต่หลบตาเพราะน้ำตาผมเริ่มคลอแล้ว เนตรชวนผมไปเดินเล่นรอบมหาลัยครับ รวมๆแล้วก็ 2 กิโลกว่าๆ เดินเป็นชั่วโมงแหละครับ เราเดินไปก็ชวนกันคุยเรื่องอื่นไป เพราะต่างคนต่างรู้ว่าไม่ควรจะพูดถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว พอเดินเสร็จผมก็ไปส่งเนตรที่หอเหมือนเดิม ผมไม่ได้หายรู้สึกผิดแต่อย่างใดกับการไปขอโทษเนตรในวันนั้น แต่อย่างน้อยผมก็ได้ขอโทษเนตร ขอโทษด้วยปากที่เคยบอกว่ารู้สึกดีกับเค้า อยากให้เค้าเป็นมากกว่าเพื่อน
กลับมาผมยังคงรู้สึกผิด คงมีจะวิธีเดียวจริงๆแหละ คือต้องรอให้กรรมมันตามสนองผมใช่มั้ยผมถึงจะหายรู้สึกผิด ตอนนั้นผมคิดแบบนั้น ผมก็ได้คุยกับพนธ์ บอกทุกอย่างที่ผมได้บอกกับเนตรไป พนธ์ทำให้ผมสบายใจได้มากครับ พนธ์บอกว่าอย่างน้อยก็ได้ขอโทษ ความรู้สึกของคนมันไม่ได้เปลี่ยนได้ง่ายๆ ยิ่งคนที่รักไปแล้ว มันไม่ได้เปลี่ยนง่ายเลย ผมสบายมากเวลาที่ได้คุยกับพนธ์ ซึ่งมันก็ไม่ได้เหมือนกันเพื่อนผู้ชายคนอื่นๆที่ผมคุยด้วย หลังจากนั้นเราก็ได้คุยกันมากขึ้น มีอะไรไม่สบายใจผมก็ไประบายไปคุยกับพนธ์ได้ตลอด เหมือนตอนนั้นไม่ว่าเรื่องอะไรผมก็เอามาคุยกับพนธ์ได้ทุกเรื่อง และพนธ์ได้เล่าเรื่องที่เป็นด้านลบกับความลับของตัวเองให้ผมฟัง ผมก็ยิ่งรู้สึกไว้ใจวางใจ และสบายใจมากขึ้น
กลับมาจากบ้านรุ่นพี่ไม่นานพนธ์ก็ถูกรถซาเล้งส่งน้ำแข็งเฉี่ยวมอไซล้ม พนธ์ทักหาผมในแชท แต่ผมไม่ได้อ่าน พอผมได้อ่านหลังจากนั้นสัก 1 ชั่วโมงผมก็โทรไปหาพนธ์ พนธ์อยู่ที่ รพ กับเนตร คือเนตรพาพนธ์ไป รพ ผมเองรู้สึกผิดมากเพราะพนธ์ทักผมมาแต่ผมไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย สภาพที่ผมเห็นแลดูแย่แต่ก็ไม่มาก ผมเห็นพนธ์นั่งอยู่บนรถเข็น ผมก็คิดว่าต้องเจ็บหนักแน่ๆ แต่จริงๆแล้วก็เป็นแผลที่หลัง ผมก็โล่งอกไปหน่อย ทาง รพ ก็ไม่ได้ทำอะไรให้ครับ แผลก็ไม่ได้ล้างให้ ให้แค่ยาแก้อักเสบกับยาแก้ปวด พอดีอาของพนธ์มาหาพนธ์เลยกลับหอพักไปกับอา ส่วนผมก็ขี่รถตามไปที่หอซื้อชุดล้างแผลไปล้างให้พนธ์ เพราะว่าตอนนี้พนธ์อยู่คนเดียวคนล้างไม่ได้แน่ๆ(แฟนของพนธ์กลับบ้าน) ตอนนั้นผมรู้สึกดีที่ได้ทำอะไรให้พนธ์ชดเชยที่ไปช่วยไม่ทันในตอนที่พน์ต้องการความช่วยเหลือ
มีครั้งหนึ่งตอนเย็น ผมบ่นหิว พนธ์ ก็ชวนผมไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านข้างๆ มหาลัย เป็นครั้งแรกครับที่เราได้ไปกินอะไรด้วยกัน 2 คน ผมรู้สึกดีแปลกๆ แต่ในใจก็คิดเสมอว่าพนธ์เป็นเพื่อนนะ และเค้าก็มีแฟนแล้วด้วย หลังจากกินเสร็จเราก็นั่งคุยกันไปเรื่อย จำไม่ได้ว่าเรื่องอะไรบ้างเยอะซะจับใจความอะไรไม่ได้เลย แต่ก่อนจะแยกย้ายกลับนี่สิครับ ผมคร่อมมอไซคู่ใจ พนธ์ ตะโกนมาบอกว่าขับรถดีๆนะ ตอนนั้นไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรผมรู้สึกเหมือนมีลูกโป่งขนาดใหญ่กำลังโดนสูบลมอยู่ในหน้าอกผม มันรู้สึกดีมากๆ เหมือนโลกตรงนั้นมีแต่พนธ์คนเดียว วันนั้นผมขี่รถกลับบ้านเช่าแบบยิ้มไปตลอดทาง ใครเห็นผมตอนนั้นคงจะว่าผมบ้าอ่ะ
ผมกับพนธ์เรามีสิ่งที่ชอบเหมือนกันอย่างหนึ่งครับ พนธ์เป็นคนที่ชอบร้องเพลงมาก เคยประกวดมาหลายเวที และผมเองก็ชอบดนตรี ผมเล่นกีต้าร์ครับ แต่ก็ไม่ได้เก่งอะไรมาก แค่เล่นเพลงทั่วไป เรามักชอบแลกเพลงกันฟัง มีครั้งหนึ่งที่ผมคิดมากเรื่องเนตร พนธ์ก็ได้ส่งเนื้อเพลงเพลงหนึ่งมาให้ผม ตอนนั้นผมก็ไม่ได้เข้าใจอะไรในเพลงเลย พนธ์ร้องเพลงนั้นแล้วอัดเสียงส่งมาให้ผมฟัง มันเป็นเพลงเกี่ยวกับการให้กำลังใจครับ ชื่อเพลง “ลองมองที่หัวใจ” ถ้าพนธ์ได้อ่านคงจำได้แน่นอน ไม่ว่ากันนะ ผมเองได้ฟังเพราะมาก ผมเลยลองแกะคอร์ดแล้วเล่นให้พนธ์ฟัง ผมเองอ่ะเป็นคนเสียงห่วยแตกมาก ผมร้องแล้วก็เล่นส่งไปให้พนธ์ฟัง ผมยังตลกเสียงตัวเองอยู่เลยร้องก็เพี้ยน 555 แล้วต่อจากนั้นผมก็ได้ให้พนธ์แต่งเนื้อเพลงให้ผม เพราะผมเองก็มีเมโลดี้ที่แต่งไว้เหมือนกัน มันทำให้เราสองคนสนิทกันมากขึ้น มีอะไรที่ชอบเหมือนๆกัน ได้ทำอะไรๆหลายๆอย่างด้วยกันแค่สองคน ตอนนั้นมันอยู่ในช่วงที่แฟนของพนธ์กำลังอ่านหนังสือสอบบรรจุครูผู้ช่วย ทำให้พนธ์อยู่กับผมมากกว่าอยู่กับแฟน ผมรู้ครับว่าผมกำลังเริ่มทำในสิ่งที่ผิด ผมเริ่มปล่อยใจ ไม่โกหกความรู้สึกตัวเอง พนธ์เองก็เช่นกัน