เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา VS ม.ล.วิไลรัมภา เทวพรหม VS เนตรนิภา งามเหลือล้น


Cr. ภาพประกอบจาก IG: ESTHERFORFANS


   ปี 2556 นี้ อาจจะเรียกได้ว่า เป็นปีแห่งความท้าทายสำหรับสาวน้อยคนนี้ เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา หลังจากเป็นที่รู้จักมากขึ้น จากบทสาวเปิ่นสุดเชยอย่าง “ยัยชี / พัชนี” และคุณหนูผู้เรียบร้อย อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแออย่าง “คุณบัวสวรรค์” ในละครเรื่อง “บ่วง” (ออนแอร์ ช่วงต้นปี 2555)
   เมื่อกระแสตอบรับออกมาค่อนข้างดี หลายคน (รวมทั้ง จขกท ซึ่งเป็นแฟนคลับของน้องเอสเธอร์) ก็รอติดตามว่า ละครเรื่องต่อไปที่น้องจะได้รับโอกาสให้แสดงฝีมือจะเป็นเรื่องอะไร บทบาทแบบไหน หลังจากนั้น ก็มีข่าวละครใหม่ของหนูเอส ออกมาติดๆ กัน 2 เรื่อง คือ บท “เนตรนิภา” (บทรอง) ใน “แผนร้ายพ่ายรัก” กับ บท “ม.ล.วิไลรัมภา เทวพรหม” (บทร้าย) ในซีรีส์ “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ” ซึ่ง 2 บทบาทนี้ ดูเหมือนจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
    *มีการย้อนเล่าเรื่องโดยสรุป สำหรับเพื่อนๆสมาชิกที่อาจไม่ได้ดูครบทั้ง 2 เรื่องค่ะ

เนตรนิภา งามเหลือล้น (แผนร้ายพ่ายรัก)
     “เนตรนิภา” เป็นตัวแทนของเพื่อนที่ดี อยู่เคียงข้างและให้กำลังใจเพื่อนรักอย่าง “เขมมิก” เสมอ ไม่ว่าตัวเองจะเจอปัญหาใหญ่ขนาดไหนก็ตาม เราจะไม่เคยเห็นเนตรนิภาโวยวาย หรือนั่งคร่ำครวญกับเรื่องของตัวเองนานเกิน 2-3 นาที จากนั้นเธอจะฮึดสู้และกลับมาคิดช่วยเพื่อนแก้ปัญหาต่อไป




     “เนตรนิภา” ทุ่มเทให้เพื่อนรักอย่าง “เขมมิก” เต็มที่ ดูแลและให้กำลังใจตลอดเวลาที่ “เขมมิก” ประสบปัญหาชีวิตอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “พี่เสือ” หรือเรื่องครอบครัวที่ล่มสลาย จนทำให้แม่ของเธอกลายเป็นคนติดเหล้า ไม่เอาใจใส่ดูแลตัวเอง และเลือกใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายที่ดีแต่เกาะผู้หญิงกินไปวันๆ เพียงเพราะอยากมีใครสักคนอยู่ข้างกาย
     อาจพูดได้ว่า ถ้าวันนั้นไม่มี “เนตรนิภา” ก็อาจไม่มี “เขมมิก” ในวันนี้ก็เป็นได้

     เมื่อ “เขมมิก” ตัดสินใจรับจ๊อบสุดท้าย คือการทำให้ “พิแสง” เลิกทำฟาร์มหมู และกลับมาช่วยบริหารสายการบินซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว เพราะต้องการเงินไปรักษาโรคมะเร็งของแม่ “เนตรนิภา” ก็พยายามช่วยเหลือ ด้วยการดูแลแม่แทน “เขมมิก” และยอมเข้าไปเป็นตัวกันเพลย์บอยจอมเจ้าชู้อย่าง “กนธี” เพื่อนรักของ “พิแสง” ที่มาก้อร่อก้อติก ตามจีบ “เขมมิก” ออกไป ตามคำขอร้องของเพื่อน เพื่อให้สามารถทำตามแผนที่วางไว้ได้สะดวก
     ซึ่งนั่นก็ทำให้ “เนตรนิภา” ต้องเผชิญหน้ากับ “กนธี” ที่เธอแสดงทีท่าว่าเกลียดขี้หน้าเป็นที่สุด อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้



     เมื่อเพลย์บอยอย่าง “กนธี” ได้เจอกับผู้หญิงที่ซ่อนความหัวโบราณไว้ภายใต้ท่าทางมาดมั่นแบบสาวสมัยใหม่ทั่วไป ผู้หญิงที่ถึงกับร้องไห้โฮเหมือนเด็กๆ เมื่อถูกเขาจูบ ผู้หญิงเรียบร้อยและซ่อนความเป็นกุลสตรีไว้แบบ “เนตรนิภา” ก็ทำให้เสือผู้หญิง (ที่จีบใครไม่เคยติด) อย่าง “กนธี” หวั่นไหว และต้องตามงอนง้อ ยอมคุกเข่าขอโทษ และสุดท้ายถึงกับยอมปวารณาตัว ทำทุกอย่างตามแต่เธอจะสั่ง เพียงเพื่อขอให้ “เนตรนิภา” ยกโทษให้ สำหรับการที่เขาทำร้ายจิตใจเธอ โดยที่ “กนธี” เองก็ยังไม่รู้สึกตัว ว่าอะไรคือแรงผลักดันลึกๆ ภายในใจ ที่ทำให้ผู้ชายตัวโตๆ คนหนึ่ง ยอมลงให้กับผู้หญิงตัวเล็กแต่มือหนักแบบ “ยัยเพี้ยน” ของเขา




     “เนตรนิภา” ยอมให้โอกาส “กนธี” แก้ตัว เพื่อขอโทษในเรื่อง “จูบ” แต่ในความเป็นจริง ลึกลงไปภายในใจ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ที่ “กนธี” เคยทำร้ายจิตใจเธอไว้ จนเป็นแผลในใจ มานานหลายปี แต่ “กนธี” ก็ลืมเหตุการณ์นั้นไปแล้ว


      เมื่อเรื่องเดินมาเกือบถึงตอนท้าย คนดูจึงได้รู้ว่า ภายใต้ท่าทางร่าเริงแจ่มใสของ “เนตรนิภา” เธอมีแผลในใจที่เจ็บลึกไม่แพ้ใครในละครเรื่องนี้ กับการหลงรักเพลย์บอยตัวพ่ออย่าง “กนธี” มานานถึง 5 ปี แม้ว่าจะถูกจีบเล่นๆ แล้วทิ้งไป (แถมเขายังจำเธอไม่ได้อีกด้วย เมื่อได้เจอกันอีกครั้ง ในอีก 5 ปีให้หลัง ที่สนามบิน) และที่แย่ที่สุด คือ เขากำลังตกหลุมรัก เพื่อนสนิทของเธอ แต่ “เนตรนิภา” ก็ยืนหยัดขึ้นมาจากความเสียใจนั้นได้ ขณะเดียวกัน เธอก็รู้ตัวดีว่ายังคงรักเขาอยู่

     ลองคิดดูว่า ในขณะที่ “กนธี” คร่ำครวญเรื่องความผิดหวัง ช้ำรักของตนเองที่มีต่อ “เขมมิก” เพื่อนรักของเธอเอง ให้ “เนตรนิภา” ฟังมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเหมือนการเอาน้ำเกลือราดลงบนแผลเรื้อรังภายในใจของ “เนตรนิภา” ที่ยังไม่หายดีซ้ำแล้วซ้ำอีก กว่า “กนธี” จะรู้ใจตัวเองว่า จริงๆแล้วคนที่ตนเองรักคือ “เนตรนิภา” ก็ทำให้อีกฝ่ายเข็ดขยาดกับความรัก และไม่เชื่อใจเขาไปเสียแล้ว


      วลีสั้นๆ ที่ว่า “รักนะ...แต่ไม่อยากได้” สะท้อนตัวตนของ “เนตรนิภา” ได้เหมาะสมที่สุด  “เนตรนิภา” ชัดเจนต่อความรู้สึกของตัวเองเสมอ เธอยอมรับว่าเธอรัก “กนธี” แต่ขอปฏิเสธที่จะรับความรักของเขาในทันทีที่เขากลับมาหาเธอ โดยเลือกที่จะรอ ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงใจของเขา เพื่อดูว่าเธอจะสามารถไว้ใจและเปิดใจคบหากับเขาได้หรือไม่ เพราะไม่อยากกลับไปช้ำใจอีก


     นี่คือ “เนตรนิภา” ที่มีจิตใจดี และเข้มแข็ง แฝงความรั่ว ความฮา แถมยังมีลูกบ้า ลูกฮึดอยู่ในตัว และมีโมเม้นท์น่ารักๆ ที่เธอก็อ่อนไหว อ่อนแอ แล้วพยายามกลับมาเข้มแข็ง เพื่อยืนหยัดอยู่เคียงข้างเพื่อน เพื่อประคับประคองให้เพื่อนก้าวต่อไปข้างหน้าได้อีกครั้ง ราวกับเจ้าตัวมองว่าปัญหาของเพื่อนหนักหนาสาหัสกว่าปัญหาของตนเอง ทำให้คนดูจำนวนไม่น้อย ทั้งรัก ทั้งเอ็นดู จนบางคนถึงกับออกปากว่าอยากมีเพื่อนแบบเนตรนิภาบ้าง   
     อาจจะยังมีบางจุดที่ติดขัดอยู่บ้าง แต่น่าจะถือได้ว่า “เอสเธอร์” สอบผ่านกับบทคอมมาดี้มาได้อย่างน่าพอใจพอสมควร (ไม่กล้าให้เยอะ เดี๋ยวกลายเป็นแฟนคลับอวยเว่อร์เกินไป แหะๆ)

โปรดติดตามต่อ ในความเห็นถัดไปค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่