นี้เป็นครั้งแรกที่ตั้งกระทู่นะครับ สมัครมาเพื่อตามหาน้องคนนี้
คือเรื่องของผม เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ครับ (9/10/58) เรื่องผมคงจะเป้นเรื่องสั้นๆ เพราะเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงแค่ สองชั่วโมงเท่านั้นแต่เป็นสองชั่วโมงที่ผมรู้สึกเสียดายกับโอกาสที่ผมเสียไป ผมมีญาติอยู่จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยในครั้งนี้ผมเลือกเดินทางไปหาญาติด้วยรถไฟครับ (รถไฟฟรีด้วย ^ ^) เที่ยวรถคือ กรุงเทพฯ - ฉะเชิงเทรา 17.40 น. ชานชราที่ 7
เมื่อผมตีตั๋วขึ้นไปแล้วก็เลือกที่นั่งครับ โดยผมขึ้นไปนั่งตั้งแต่โบกี้ยังไม่มีคนเลยครับ เลยเลือกที่นั่งริมหน้าต่าง จากนั้นคนก็ทะยอยเดินขึ้นมาเรื่อยๆ มีทั้ง คนแก่ เด็ก ผู้ใหญ่ ผู้ชาย ผู้หญิง (แต่เก้าอี้ผมก็ยังว่างอยู่ดี) ซึ่งตอนนั้นคงด้วยความบังเอิญ มีน้องนักศึกษาผู้หญิง เดินผ่านเก้าอี้ของผมไปทางโบกี้ถัดไป แล้วคงจะไม่มีที่นั่งจนหันหลังมาเจอเก้าอี้ของผม ซึ่งว่างอยู่และน่าจะเป็นตัวเกือบๆสุดท้าย เราจึงได้นั่งติดกัน ในครั้งแรกผมก็เห็นหน้าของเธอไม่ถนัดนัก รู้แต่ว่า
เป็นนิสิตใส่กระโปรงยาวถึง ตาตุ่ม สะพายกระเป๋า สีออกขาวๆชมพูๆ และมัดผมครับ ตัวเตี้ยๆ โดยระหว่างทาง น้องเขานั่งหลับบ้างตื่นบ้างตลอดทางก็เหล่เห็นด้านข้างน้องเขา คอตกบ้างคอหงายบ้าง บางทีก็กรนๆ น่ารักดีครับ ^ ^ ผมคิดในใจว่าอยากชวนน้องเขาคุยด้วยเพื่อทำความรู้จักกันแต่ก็ไม่มีโอกาสเพราะใจนึงก็เกรงว่าน้องเขาจะกลัวคนแปลกหน้ารึเปล่า
จนเลยสถานีหัวตะเข้ มาสักพักก็มีผู้ชายอีกคนนึงนั่งเยื้องๆ กับน้องเขาขึ้นมาเป็นผู้ชายตัวสูงๆหน่อยผิวดำๆ ไอ้เจ้าแว่นคนนี้เมื่อมานั่งแล้วก็พยายามจ้องน้องเขาตลอดยิ่งตอนที่น้องเขาหลับมันจ้องไม่ละสายตาเลยครับ (จนหน้าเกลียดเหมือนอยากจะกลืนน้องเขาเข้าไปเลยอะครับ) ตอนนั้นผมมีความรู้สึกห่วงน้องเขามากๆ และก็รู้สึกโกรธไอ้แว่นนั้นด้วยพอสักพักพอมีจังหวะคนเริ่มน้อยลง มันก็ล้วงมือของมันเข้าไปในกางเกงครับ และเอากระเป๋าบังไว้ (แต่น้องเขาไม่ได้แต่งตัวโป้เลย แต่งธรรมดามากๆ) แล้วมันก็มองมาทางผมและยิ้มให้เหมือนว่ากูได้แล้วๆ ผมจังตัดสินใจพิมพ์ข้อความเตือนน้องเขาและยื่นให้น้องเขาดูครับ พอในจังหวะนั้นน้องเขาหันหัวมาหาผมและถามว่าจริงเหรอค่ะ แล้วเจ้าคนนั้นมันก็ตกใจและละสายตาไป นั่นเป็นจังหวะที่ผมได้คุยกับน้องเขา และถามว่าเขาเรียนอยู่ที่ไหนปีอะไร โดยผมก็บอกว่าผมทำงานที่ไหนด้วยตำแหน่งอะไร โดยเราได้คุยกันสั้นๆแค่ประมาณ ไม่เกิน 20 นาทีได้ แต่ผมรู้สึกว่าน้องเขาน่ารักมากและครับเป็นกันเองดี ไม่ได้มีความรู้สึกกลัวอะไรผมอย่างที่ผมคิดไว้เลย ผมจึงคิดว่าจะขอเบอร์หรือ line น้องเขาไว้ดีไหมนั้นคือสิ่งที่ผมคิดแต่ผมก็ไม่กล้า
ต่อจากนั้นสิ่งที่ผมกังวลก็คือเมื่อผมลงรถไฟไปละ น้องเขาจะเป็นไงบ้าง นี้ก็มืดแล้ว (เกือบ 2 ทุ่มแล้วครับ) และตอนนั้นน้องเขาก็ถามผมว่าพี่กำลังจะลงแล้วเหรอค่ะ (คงจะสังเกตุเห็นจากการที่ผมหยิบกระเป๋าขึ้นมาถือไว้) ผมตอบว่าใช่ครับ น้องเขาจึงตอบกลับมาว่า นู๋ก็จะลงสถานีนี้เหมือนกัน ณ จุดนั้นผมรวบรวมความกล้าที่มีอยู่เพื่อจะขอเบอร์ หรือ line หรืออะไรก็ได้ที่จะทำให้ผมได้เจอกับน้องเขาอีกมันเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วนะ แต่เมื่อก้าวขาลงมาแล้ว
ผมก็สั่นครับสั่นมากด้วยโดยน้องเขาเดินนำหน้าผมไป ผมเดินตามหลังน้องเขาไปเพื่อจะออกไปที่ถนนใหญ่ เวลามีไม่มากแล้วแต่ผมก็ยังไม่กล้าพอ
จนน้องเขาขึ้นมอไซด์ที่มีแม่ของเขามารับไปครับโดยเมื่อถึงถนนใหญ่ เขาก็ขับผ่านผมไป โดยโบกมือบ๊ายบายให้กับผม ตอนนั้นผมพึ่งจะรู้สึกว่าผมหายสั่น
และก็มองน้องเขาค่อยๆ ซ้อนมอไซด์ของคุณแม่เขาไปครับ
ผมเสียดายกับโอกาสที่เสียไปมากๆครับ และอยากได้โอกาสนั้นอีกครั้งอยากพบกับน้องเขาอีกที เพื่อจะได้ถามอะไรน้องเขาบางอย่างครับ
ขอให้ได้คุยกันแค่ครั้งเดียวก็ได้ครับ ซึ่งน้องเขาบอกผมว่า
น้องเขาเรียนอยู่ ครุศาสตร์รั้วจามจุรี ปี 2 และบ้านคุณแม่น้องเขาอยู่ที่ฉะเชิงเทรานอกเมือง ผมทราบแค่ประมาณนี้เองครับ
หากน้องๆคนไหนที่อยู่ในจามจุรีหรืออยุ่คณะครุศาสตร์ ช่วยแชร์ข้อความนี้ให้พี่ทีนะครับ หากตามหาเจอพี่สัญญาณว่าพี่จะไถ่ชีวิต
โคกระบือ 1 ตัว (แบบจัดเต็มตัวไม่มีหาร) เพื่อเป็นของตอบแทนให้แก่ผู้ที่ช่วยพี่ทุกๆคนเลยครับ
ขอบคุณครับ
ช่วยผมตามหาเธอที รถไฟฟรีมีแต่เธอ
คือเรื่องของผม เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ครับ (9/10/58) เรื่องผมคงจะเป้นเรื่องสั้นๆ เพราะเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงแค่ สองชั่วโมงเท่านั้นแต่เป็นสองชั่วโมงที่ผมรู้สึกเสียดายกับโอกาสที่ผมเสียไป ผมมีญาติอยู่จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยในครั้งนี้ผมเลือกเดินทางไปหาญาติด้วยรถไฟครับ (รถไฟฟรีด้วย ^ ^) เที่ยวรถคือ กรุงเทพฯ - ฉะเชิงเทรา 17.40 น. ชานชราที่ 7
เมื่อผมตีตั๋วขึ้นไปแล้วก็เลือกที่นั่งครับ โดยผมขึ้นไปนั่งตั้งแต่โบกี้ยังไม่มีคนเลยครับ เลยเลือกที่นั่งริมหน้าต่าง จากนั้นคนก็ทะยอยเดินขึ้นมาเรื่อยๆ มีทั้ง คนแก่ เด็ก ผู้ใหญ่ ผู้ชาย ผู้หญิง (แต่เก้าอี้ผมก็ยังว่างอยู่ดี) ซึ่งตอนนั้นคงด้วยความบังเอิญ มีน้องนักศึกษาผู้หญิง เดินผ่านเก้าอี้ของผมไปทางโบกี้ถัดไป แล้วคงจะไม่มีที่นั่งจนหันหลังมาเจอเก้าอี้ของผม ซึ่งว่างอยู่และน่าจะเป็นตัวเกือบๆสุดท้าย เราจึงได้นั่งติดกัน ในครั้งแรกผมก็เห็นหน้าของเธอไม่ถนัดนัก รู้แต่ว่า
เป็นนิสิตใส่กระโปรงยาวถึง ตาตุ่ม สะพายกระเป๋า สีออกขาวๆชมพูๆ และมัดผมครับ ตัวเตี้ยๆ โดยระหว่างทาง น้องเขานั่งหลับบ้างตื่นบ้างตลอดทางก็เหล่เห็นด้านข้างน้องเขา คอตกบ้างคอหงายบ้าง บางทีก็กรนๆ น่ารักดีครับ ^ ^ ผมคิดในใจว่าอยากชวนน้องเขาคุยด้วยเพื่อทำความรู้จักกันแต่ก็ไม่มีโอกาสเพราะใจนึงก็เกรงว่าน้องเขาจะกลัวคนแปลกหน้ารึเปล่า
จนเลยสถานีหัวตะเข้ มาสักพักก็มีผู้ชายอีกคนนึงนั่งเยื้องๆ กับน้องเขาขึ้นมาเป็นผู้ชายตัวสูงๆหน่อยผิวดำๆ ไอ้เจ้าแว่นคนนี้เมื่อมานั่งแล้วก็พยายามจ้องน้องเขาตลอดยิ่งตอนที่น้องเขาหลับมันจ้องไม่ละสายตาเลยครับ (จนหน้าเกลียดเหมือนอยากจะกลืนน้องเขาเข้าไปเลยอะครับ) ตอนนั้นผมมีความรู้สึกห่วงน้องเขามากๆ และก็รู้สึกโกรธไอ้แว่นนั้นด้วยพอสักพักพอมีจังหวะคนเริ่มน้อยลง มันก็ล้วงมือของมันเข้าไปในกางเกงครับ และเอากระเป๋าบังไว้ (แต่น้องเขาไม่ได้แต่งตัวโป้เลย แต่งธรรมดามากๆ) แล้วมันก็มองมาทางผมและยิ้มให้เหมือนว่ากูได้แล้วๆ ผมจังตัดสินใจพิมพ์ข้อความเตือนน้องเขาและยื่นให้น้องเขาดูครับ พอในจังหวะนั้นน้องเขาหันหัวมาหาผมและถามว่าจริงเหรอค่ะ แล้วเจ้าคนนั้นมันก็ตกใจและละสายตาไป นั่นเป็นจังหวะที่ผมได้คุยกับน้องเขา และถามว่าเขาเรียนอยู่ที่ไหนปีอะไร โดยผมก็บอกว่าผมทำงานที่ไหนด้วยตำแหน่งอะไร โดยเราได้คุยกันสั้นๆแค่ประมาณ ไม่เกิน 20 นาทีได้ แต่ผมรู้สึกว่าน้องเขาน่ารักมากและครับเป็นกันเองดี ไม่ได้มีความรู้สึกกลัวอะไรผมอย่างที่ผมคิดไว้เลย ผมจึงคิดว่าจะขอเบอร์หรือ line น้องเขาไว้ดีไหมนั้นคือสิ่งที่ผมคิดแต่ผมก็ไม่กล้า
ต่อจากนั้นสิ่งที่ผมกังวลก็คือเมื่อผมลงรถไฟไปละ น้องเขาจะเป็นไงบ้าง นี้ก็มืดแล้ว (เกือบ 2 ทุ่มแล้วครับ) และตอนนั้นน้องเขาก็ถามผมว่าพี่กำลังจะลงแล้วเหรอค่ะ (คงจะสังเกตุเห็นจากการที่ผมหยิบกระเป๋าขึ้นมาถือไว้) ผมตอบว่าใช่ครับ น้องเขาจึงตอบกลับมาว่า นู๋ก็จะลงสถานีนี้เหมือนกัน ณ จุดนั้นผมรวบรวมความกล้าที่มีอยู่เพื่อจะขอเบอร์ หรือ line หรืออะไรก็ได้ที่จะทำให้ผมได้เจอกับน้องเขาอีกมันเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วนะ แต่เมื่อก้าวขาลงมาแล้ว
ผมก็สั่นครับสั่นมากด้วยโดยน้องเขาเดินนำหน้าผมไป ผมเดินตามหลังน้องเขาไปเพื่อจะออกไปที่ถนนใหญ่ เวลามีไม่มากแล้วแต่ผมก็ยังไม่กล้าพอ
จนน้องเขาขึ้นมอไซด์ที่มีแม่ของเขามารับไปครับโดยเมื่อถึงถนนใหญ่ เขาก็ขับผ่านผมไป โดยโบกมือบ๊ายบายให้กับผม ตอนนั้นผมพึ่งจะรู้สึกว่าผมหายสั่น
และก็มองน้องเขาค่อยๆ ซ้อนมอไซด์ของคุณแม่เขาไปครับ
ผมเสียดายกับโอกาสที่เสียไปมากๆครับ และอยากได้โอกาสนั้นอีกครั้งอยากพบกับน้องเขาอีกที เพื่อจะได้ถามอะไรน้องเขาบางอย่างครับ
ขอให้ได้คุยกันแค่ครั้งเดียวก็ได้ครับ ซึ่งน้องเขาบอกผมว่า น้องเขาเรียนอยู่ ครุศาสตร์รั้วจามจุรี ปี 2 และบ้านคุณแม่น้องเขาอยู่ที่ฉะเชิงเทรานอกเมือง ผมทราบแค่ประมาณนี้เองครับ
หากน้องๆคนไหนที่อยู่ในจามจุรีหรืออยุ่คณะครุศาสตร์ ช่วยแชร์ข้อความนี้ให้พี่ทีนะครับ หากตามหาเจอพี่สัญญาณว่าพี่จะไถ่ชีวิต
โคกระบือ 1 ตัว (แบบจัดเต็มตัวไม่มีหาร) เพื่อเป็นของตอบแทนให้แก่ผู้ที่ช่วยพี่ทุกๆคนเลยครับ
ขอบคุณครับ