รบกวนสอบถามค่ะ
รายละเอียด (เกริ่นต้นเรื่องก่อน) :
คุณพ่อเป็นเจ้าของบ้านและที่ดินร่วมกับคุณแม่(มีชื่อในโฉนด 2 คน) ซึ่งครอบครัวได้อาศัยอยู่ในปัจจุบัน และคุณพ่อได้เสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว(ส.ค. 57) โดยพ่อมีชื่อเป็นเจ้าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ฯลฯ ทุกอย่างสำคัญๆเป็นชื่อของพ่อทั้งหมด
ทั้งนี้หลังจากคุณพ่อเสียชีวิต ได้พาคุณแม่ไปยื่นฟ้องศาลเป็นผู้จัดการมรดกเรียบร้อยแล้ว
แต่หลังจากดำเนินเรื่องเสร็จเรียบร้อย คุณแม่ก็ยังไม่ได้ไปดำเนินการต่างๆที่เป็นชื่อของคุณพ่อให้เสร็จสิ้น ทั้งชื่อเจ้าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ โทรศัพท์ ฯลฯ
และสิ่งสำคัญเลยคือการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน
สำหรับเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้น เรามีประเด็นอยู่นิดหน่อยตรงที่ว่า เราไม่อยากเสียค่าธรรมเนียมการโอนไปฟรีๆ จากคุณพ่อมาเป็นคุณแม่ แล้วต่อไปภายหลัง ในอนาคต (ขอเวลาอีกนานๆนะคะ ไม่อยากให้แม่เป็นอะไร.. แต่ก็แม่ก็ 70 ปีแล้ว คงต้องคิดเผื่อไว้บ้าง) ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมอีกต่อเพื่อโอนให้ลูก 2 คน -->
เราจึงเสนอกับแม่ว่า ให้โอนกรรมสิทธิ์ในส่วนกรรมสิทธิ์ของพ่อเป็นชื่อเราเลย โดยเราจะจัดการค่าธรรมเนียมต่างๆในการโอนเอง เพื่อที่จะได้ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการโอนหลายต่อ และในส่วนกรรมสิทธิ์ของแม่ ถ้าเป็นห่วงพี่ชาย กลัวว่าเขาจะไม่ได้ หรือเราจะโกง ให้เขียนพินัยกรรมไว้เลยว่าในส่วนของแม่ให้โอนให้พี่ชาย โดยเรากับพี่ชายมีชื่อในกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดินร่วมกันในภายหลัง --> แต่แม่เงียบ ซึ่งเราพอจะรู้ว่าเขาแคร์พี่ชาย.. กลัวพี่ชายจะน้อยใจ เขาคงไม่อยากทำตามที่เราแนะนำ
เราก็เหนื่อยใจ.. ไม่รู้จะพูดยังไงดี มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทั้งที่เราเป็นคนมีความรับผิดชอบ ดูแลพ่อกับแม่มาตลอด (พี่ไม่ช่วยดูแลค่ะ) ทำงานมั่นคง (เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ) แต่เขาไม่ไว้ใจเราเลย
ครั้นจะให้โอนเป็นชื่อเรา กับ พี่ชายเลยทั้งคู่ตอนนี้ก็ไม่ได้ค่ะ ไม่ใช่เราไม่อยากทำ มันมีข้อจำกัดคือ พี่ชายเราค่อนข้างที่จะเป็นคนเหลวไหล ไม่รับผิดชอบ มีหนี้สินมากมาย บางครั้งมีเจ้าหนี้โทรมาตามที่บ้าน ตอนนี้อาจจะติด backlist ไปแล้วก็ได้โดยที่เราไม่รู้ แต่ที่แน่ๆมีจดหมายจากสำนักงานกฏหมายมาที่บ้านเรื่องไปค้ำประกันให้เพื่อน แล้วเพื่อนหนีค่ะ --> ดังนั้น เราไม่กล้าให้โอนเป็นชื่อพี่ชายในตอนนี้แน่ๆ ครอบครัวเรามีบ้านหลังนี้หลังเดียวเป็นสมบัติที่พ่อให้ไว้ ถ้าเป็นชื่อพี่ชายเมื่อไร บ้านอาจจะโดนยึดขายทอดตลาดนำเงินไปใช้หนี้ได้ค่ะ แล้วแม่จะไม่มีที่อยู่ตอนแก่ เราทำใจไม่ได้
ตอนนี้เรื่องการโอนกรรมสิทธิ์จากพ่อซี่งเสียชีวิตแล้ว จึงยังคาราคาซังไม่ได้ทำอะไรค่ะ และคนที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมคงต้องเป็นเรา เราเองก็ไม่ได้มีเงินมากมายเท่าไร พอมีพอใช้เดือนต่อเดือน เราอาจจะต้องไปกู้เงินมาจ่ายซึ่งเราไม่ต้องการจะเสียเงินสองต่อ หรือเสียเงินโดยใช่เหตุ (เรากำลังจะมีลูก จำเป็นต้องเก็บเงินค่ะ)
###จึงขอรบกวนสอบถามผู้รู้ดังนี้ค่ะ ####
1. ถ้าเราไม่ทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดินใดๆเลย ทิ้งไว้เป็นเป็นชื่อพ่อกับแม่แบบนี้ต่อไป จะเป็นอะไรไหมคะ? --> เอาไว้โอนกันตอนอนาคตอีก 20-30 ปีข้างหน้า ยามที่แม่ไม่ได้อยู่กับพวกเราแล้วได้ไหมคะ ?
2. ชื่อเจ้าบ้าน ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ฯลฯ ถ้ายังเปลี่ยนชื่อจากผู้เสียชีวิตจะเป็นอะไรไหมคะ
3. ค่าธรรมเนียมในการโอนแบบนี้คิดยังไงคะ (ราคาประเมินน่าจะ 7-8 ล้านค่ะ --> บ้านแค่ 60 ตร.วา. แต่แพงเพราะอยู่ในทำเลที่ดินที่พุ่งพรวดกระทันหันค่ะ)
4. ในกรณีที่เป็นชื่อพ่อและแม่ร่วมกัน ถ้าโอนในส่วนของพ่อ จะคิดจากราคาบ้านและที่ดินเพียงครึ่งเดียวใช่ไหมคะ?
เราอาจจะมีความรู้เรื่องกฏหมายด้านนี้น้อย ขอรบกวนด้วยนะคะ
ถ้าเจ้าของบ้านและที่ดินเสียชีวิตแล้ว แต่ไม่ทำเรื่องโอนให้ผู้ที่ยังมีชีวิตจะมีปัญหาอะไรไหมคะ?
รายละเอียด (เกริ่นต้นเรื่องก่อน) :
คุณพ่อเป็นเจ้าของบ้านและที่ดินร่วมกับคุณแม่(มีชื่อในโฉนด 2 คน) ซึ่งครอบครัวได้อาศัยอยู่ในปัจจุบัน และคุณพ่อได้เสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว(ส.ค. 57) โดยพ่อมีชื่อเป็นเจ้าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ฯลฯ ทุกอย่างสำคัญๆเป็นชื่อของพ่อทั้งหมด
ทั้งนี้หลังจากคุณพ่อเสียชีวิต ได้พาคุณแม่ไปยื่นฟ้องศาลเป็นผู้จัดการมรดกเรียบร้อยแล้ว
แต่หลังจากดำเนินเรื่องเสร็จเรียบร้อย คุณแม่ก็ยังไม่ได้ไปดำเนินการต่างๆที่เป็นชื่อของคุณพ่อให้เสร็จสิ้น ทั้งชื่อเจ้าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ โทรศัพท์ ฯลฯ
และสิ่งสำคัญเลยคือการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน
สำหรับเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้น เรามีประเด็นอยู่นิดหน่อยตรงที่ว่า เราไม่อยากเสียค่าธรรมเนียมการโอนไปฟรีๆ จากคุณพ่อมาเป็นคุณแม่ แล้วต่อไปภายหลัง ในอนาคต (ขอเวลาอีกนานๆนะคะ ไม่อยากให้แม่เป็นอะไร.. แต่ก็แม่ก็ 70 ปีแล้ว คงต้องคิดเผื่อไว้บ้าง) ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมอีกต่อเพื่อโอนให้ลูก 2 คน -->
เราจึงเสนอกับแม่ว่า ให้โอนกรรมสิทธิ์ในส่วนกรรมสิทธิ์ของพ่อเป็นชื่อเราเลย โดยเราจะจัดการค่าธรรมเนียมต่างๆในการโอนเอง เพื่อที่จะได้ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการโอนหลายต่อ และในส่วนกรรมสิทธิ์ของแม่ ถ้าเป็นห่วงพี่ชาย กลัวว่าเขาจะไม่ได้ หรือเราจะโกง ให้เขียนพินัยกรรมไว้เลยว่าในส่วนของแม่ให้โอนให้พี่ชาย โดยเรากับพี่ชายมีชื่อในกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดินร่วมกันในภายหลัง --> แต่แม่เงียบ ซึ่งเราพอจะรู้ว่าเขาแคร์พี่ชาย.. กลัวพี่ชายจะน้อยใจ เขาคงไม่อยากทำตามที่เราแนะนำ
เราก็เหนื่อยใจ.. ไม่รู้จะพูดยังไงดี มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทั้งที่เราเป็นคนมีความรับผิดชอบ ดูแลพ่อกับแม่มาตลอด (พี่ไม่ช่วยดูแลค่ะ) ทำงานมั่นคง (เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ) แต่เขาไม่ไว้ใจเราเลย
ครั้นจะให้โอนเป็นชื่อเรา กับ พี่ชายเลยทั้งคู่ตอนนี้ก็ไม่ได้ค่ะ ไม่ใช่เราไม่อยากทำ มันมีข้อจำกัดคือ พี่ชายเราค่อนข้างที่จะเป็นคนเหลวไหล ไม่รับผิดชอบ มีหนี้สินมากมาย บางครั้งมีเจ้าหนี้โทรมาตามที่บ้าน ตอนนี้อาจจะติด backlist ไปแล้วก็ได้โดยที่เราไม่รู้ แต่ที่แน่ๆมีจดหมายจากสำนักงานกฏหมายมาที่บ้านเรื่องไปค้ำประกันให้เพื่อน แล้วเพื่อนหนีค่ะ --> ดังนั้น เราไม่กล้าให้โอนเป็นชื่อพี่ชายในตอนนี้แน่ๆ ครอบครัวเรามีบ้านหลังนี้หลังเดียวเป็นสมบัติที่พ่อให้ไว้ ถ้าเป็นชื่อพี่ชายเมื่อไร บ้านอาจจะโดนยึดขายทอดตลาดนำเงินไปใช้หนี้ได้ค่ะ แล้วแม่จะไม่มีที่อยู่ตอนแก่ เราทำใจไม่ได้
ตอนนี้เรื่องการโอนกรรมสิทธิ์จากพ่อซี่งเสียชีวิตแล้ว จึงยังคาราคาซังไม่ได้ทำอะไรค่ะ และคนที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมคงต้องเป็นเรา เราเองก็ไม่ได้มีเงินมากมายเท่าไร พอมีพอใช้เดือนต่อเดือน เราอาจจะต้องไปกู้เงินมาจ่ายซึ่งเราไม่ต้องการจะเสียเงินสองต่อ หรือเสียเงินโดยใช่เหตุ (เรากำลังจะมีลูก จำเป็นต้องเก็บเงินค่ะ)
###จึงขอรบกวนสอบถามผู้รู้ดังนี้ค่ะ ####
1. ถ้าเราไม่ทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดินใดๆเลย ทิ้งไว้เป็นเป็นชื่อพ่อกับแม่แบบนี้ต่อไป จะเป็นอะไรไหมคะ? --> เอาไว้โอนกันตอนอนาคตอีก 20-30 ปีข้างหน้า ยามที่แม่ไม่ได้อยู่กับพวกเราแล้วได้ไหมคะ ?
2. ชื่อเจ้าบ้าน ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ฯลฯ ถ้ายังเปลี่ยนชื่อจากผู้เสียชีวิตจะเป็นอะไรไหมคะ
3. ค่าธรรมเนียมในการโอนแบบนี้คิดยังไงคะ (ราคาประเมินน่าจะ 7-8 ล้านค่ะ --> บ้านแค่ 60 ตร.วา. แต่แพงเพราะอยู่ในทำเลที่ดินที่พุ่งพรวดกระทันหันค่ะ)
4. ในกรณีที่เป็นชื่อพ่อและแม่ร่วมกัน ถ้าโอนในส่วนของพ่อ จะคิดจากราคาบ้านและที่ดินเพียงครึ่งเดียวใช่ไหมคะ?
เราอาจจะมีความรู้เรื่องกฏหมายด้านนี้น้อย ขอรบกวนด้วยนะคะ