เปิดพฤติกรรม เจ้าอาวาส แอบโอนที่ดินบริจาคหลายไร่เป็นชื่อส่วนตัว ก่อนถูกชาวบ้านจี้ฟ้องเรียกกลับคืน
จากกรณีที่มีผู้ยื่นเรื่องตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรม เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี เกี่ยวกับความไม่โปร่งใสในการบริหารจัดการเงินต่างๆของวัด ตามที่เคยมีการนำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 18 ก.ย. รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังรับเรื่อง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ได้สั่งการให้ตำรวจ บก.ปปป. เร่งดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดทุกมิติ ก่อนพบข้อมูลสำคัญว่าในอดีตนั้น เคยถูกชาวบ้านฟ้องร้องเกี่ยวกับกรณีโยกย้ายที่ดินบริจาคของวัดไปเป็นทรัพย์สินส่วนตัว ถึง 2 ครั้ง
โดยครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อปี 2556 หลังมีชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธารายหนึ่ง บริจาคที่ดินให้กับวัดจำนวนหลายไร่ แต่ต่อมากลับพบว่าที่ดินที่ตนเองเคยบริจาคให้กับวัดเพื่อนำไปใช้ทำกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ นั้นถูกโอนต่อไปเป็นชื่อของพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นผู้ถือครอง ชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาคนดังกล่าวจึงเกิดความไม่พอใจว่าจ้างทนายความเข้ามาไกล่เกลี่ยขอคืนที่ดิน จนพระรูปดังกล่าวต้องยอมโอนที่ดินคืนให้กับชาวบ้านปี 2566
ส่วนอีกคดีเกิดขึ้นเมื่อปี 2559 ชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาอีกรายหนึ่งเคยบริจาคที่ดินให้กับวัด ก่อนต่อมาจะมาทราบภายหลังว่าที่ดินถูกโอนต่อไปเป็นชื่อของ “พระอาจารย์คึกฤทธิ์” เช่นเดียวกับชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธารายแรก จึงว่าจ้างทนายฟ้องร้องดำเนินคดี กระทั่งเมื่อเรื่องเข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาล “พระอาจารย์คึกฤทธิ์” จึงจำยอมคืนที่ดินให้กับชาวบ้านรายนี้
อย่างไรก็ตามจากเรื่องฟ้องร้องทั้ง 2 กรณีที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นความสำคัญในการจำเป็นที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องเร่งเข้าตรวจสอบการบริหารจัดการทรัพย์สินต่างๆของวัดอย่างละเอียด เพื่อให้ทรัพย์สินของวัดต่างๆที่ได้มาจากการบริจาคของชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาเกิดประโยชน์ตรงตามวัตถุประสงค์ให้มากที่สุด

... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_9942504
พระอาจารย์คึกฤทธิ์ แอบโอนชื่อที่ดินบริจาค
จากกรณีที่มีผู้ยื่นเรื่องตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรม เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี เกี่ยวกับความไม่โปร่งใสในการบริหารจัดการเงินต่างๆของวัด ตามที่เคยมีการนำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 18 ก.ย. รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังรับเรื่อง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ได้สั่งการให้ตำรวจ บก.ปปป. เร่งดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดทุกมิติ ก่อนพบข้อมูลสำคัญว่าในอดีตนั้น เคยถูกชาวบ้านฟ้องร้องเกี่ยวกับกรณีโยกย้ายที่ดินบริจาคของวัดไปเป็นทรัพย์สินส่วนตัว ถึง 2 ครั้ง
โดยครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อปี 2556 หลังมีชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธารายหนึ่ง บริจาคที่ดินให้กับวัดจำนวนหลายไร่ แต่ต่อมากลับพบว่าที่ดินที่ตนเองเคยบริจาคให้กับวัดเพื่อนำไปใช้ทำกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ นั้นถูกโอนต่อไปเป็นชื่อของพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นผู้ถือครอง ชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาคนดังกล่าวจึงเกิดความไม่พอใจว่าจ้างทนายความเข้ามาไกล่เกลี่ยขอคืนที่ดิน จนพระรูปดังกล่าวต้องยอมโอนที่ดินคืนให้กับชาวบ้านปี 2566
ส่วนอีกคดีเกิดขึ้นเมื่อปี 2559 ชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาอีกรายหนึ่งเคยบริจาคที่ดินให้กับวัด ก่อนต่อมาจะมาทราบภายหลังว่าที่ดินถูกโอนต่อไปเป็นชื่อของ “พระอาจารย์คึกฤทธิ์” เช่นเดียวกับชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธารายแรก จึงว่าจ้างทนายฟ้องร้องดำเนินคดี กระทั่งเมื่อเรื่องเข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาล “พระอาจารย์คึกฤทธิ์” จึงจำยอมคืนที่ดินให้กับชาวบ้านรายนี้
อย่างไรก็ตามจากเรื่องฟ้องร้องทั้ง 2 กรณีที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นความสำคัญในการจำเป็นที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องเร่งเข้าตรวจสอบการบริหารจัดการทรัพย์สินต่างๆของวัดอย่างละเอียด เพื่อให้ทรัพย์สินของวัดต่างๆที่ได้มาจากการบริจาคของชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาเกิดประโยชน์ตรงตามวัตถุประสงค์ให้มากที่สุด
... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_9942504