ผมก็เป็นแค่เด็กอ้วนๆคนนึงครับ น้ำหนัก 120 กก. รอบเอว 44 นิ้ว เกินเกณฑ์มาตรฐานเยอะครับ แต่ยังดีที่สูงถึง 185 ซม. ทำให้ไม่อ้วนจนน่าเกลียด เวลาจะเดินเหินไปไหนนี่ลำบากมากครับ เข่าจะปวดตลอดเวลา เสื้อก็หาไซด์ใส่ยากมาก ต้องตัดพิเศษเลยครับ เครื่องแบบ รด. ที่ใส่ก็ยังรัดเหมือนตัวจะแตกเลย ผมเป็นคนกินเก่งมาก ทานวันนึง 4-5 มื้อ และอาหารที่ทานก็ล้วนแต่เป็นโทษแก่ร่างกาย เช่รน ฟาสต์ฟู๊ด น้ำอัดลม จนทางครอบครัวเริ่มเป็นห่วงว่า จะตายก่อนพ่อแม่รึป่าวผมก็มีความคิดที่จะลดน้ำหนักนะครับ แต่ทำทีไรตบะแตกทุกที หนำซ้ำ กลับมาอ้วนกว่าเดิมอีก จนผมท้อและคิดว่าชาตินี้คงไม่มีทางผอมได้อีกแล้ว แต่แล้ว... มันก็เกิดเหตุการณ์ที่จะเปลี่ยนชีวิตผมนับแต่นี้ไป...
ผมเป็นเด็กที่ค่อนข้างซื่อบื่อเรื่องความรักนะครับ เรียนชั้นมัธยมมา 5 ปีไม่เคยรู้จักกับคำว่า "รัก" เลย หรืออาจจะเป็นเพราะผมรูปร่างแบบนี้ เลยไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากเข้าใกล้ นี่คือรูปผมตอนหนัก 120 กก. ครับ
แต่แล้วในที่สุด ผมก็ได้ไปเจอกับคนๆนึงเข้า เห็นครั้งแรกผมก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอมองจ้องไปนานๆเข้า ผมก้รู้ตัวเลย ว่า ทำไมผมใจเต้นแรงขนาดนี้ ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย อาการแบบนี้น่าจะเป็น "ตกหลุมรัก" แน่ๆ หลังจากที่ผมกลับบ้านแล้ว ผมก็รีบทักแชทเธอทันที และแอบส่องเฟสไปพลางๆ พอคุยๆเข้าก็รู้ว่า เขาเป็นคนที่ชอบศิลปะเหมือนกับผม ชอบการแคสเกมเหมือนกับผม เรามีอะไรที่เหมือนกัน ในตอนนั้น ผมก็รู้สึกว่า ผมจะจีบเธอให้ติดให้ได้ แต่แล้ว ด้วยความที่เธอติสต์ ผมไม่สามารถเข้าถึงเธอได้เลย ยิ่งเข้าไปยิ่งเหมือนไกลไปทุกที ช่วงนั้นผมเพ้อรำพันบ่อยมาก จนเพื่อนก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ผมเป็นอะไร และในที่สุด.... เธอก็เริ่มระแคะระคายความรู้สึกของผมที่มีต่อเธอ เธอจึงยื่นคำขาดกับผม ผมจึงตัดสินใจบอกรักเธอไป จากนั้นเธอก็ขอเวลาคิดสักครู่ จนในที่สุด.....
คำว่า "ไม่" ที่เธอพิมพ์มา ทำให้ผมรุ้สึกเหมือนโดนดูดลงไปในหลุมดำ ในหัวนี่เคว้งคว้างไปหมด และไม่สามารถหยุดน้ำตาที่ไหลรินออกมาได้
นี่คือการอกหักครั้งแรกของผม.....
ช่วงนั้นผมกินไม่ได้ นอนไม่หลับ เหมือนชีวิตซังกะตาย ถึงแม้ครอบครัวจะพยายามปลอบใจ ผมก็ยังไม่หายจากการที่เธอปฏิเสธผมอยู่ดี แต่ก็ยังดีที่เธอยังทำตัวปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และบอกกับผมว่า เราเป็นเพื่อนกันดีกว่า แต่ยังไงก็ตาม ผมก็ยังคงรักเธอเหมือนเดิม
พอถึงช่วงเปิดเทอม 2 เพื่อนๆก็ทักท้วงรูปร่างของผมที่ดูดีขึ้น "แหม เพื่อน ไปทำอะไรมา ดูผอมลงนะ" ทีแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอกลับบ้าน แล้วลองชั่งน้ำหนักดู....
108 กก. !!!
น้ำหนักผมลดลง 12 กก. โดยที่ผมไม่ได้ออกกำลังกายเลย
นี่คือรูปตอน 108 กก.

รูปไม่ต่างจาก 120 กก. เท่าไร55555
เคสอกหักของผมมันขัดกับคนทั่วไปมากๆ เพราะ ส่วนใหญ่ อกหักแล้วจะยิ่งกินๆๆๆๆๆ แล้วก็อ้วนขึ้น
แต่ผมก็ยังไม่วายเข็ดหลาบเรื่องความรัก ผมพยายามหารักใหม่ และก็ได้รู้จักกับคนๆนึง ผมมักจะไปปรับทุกข์กับเธอเวลาผมมีปัญหาเสมอ เธอก็เช่นกัน มักจะมาปรับทุกข์กับผมเสมอๆ จนผมเริ่มคิดเกินเลยกับเธอมากกว่าเพื่อน กับคนนี้ ผมไม่อยากเสียใจเหมือนครั้งก่อน ผมเลยไม่กล้าแสดงออกอย่างเต็มที่ว่า ผมชอบเธอ ผมยอมที่จะนอนดึกเพื่อรอเธอออนและตอบแชทผมกลับมา ผมยอมให้เธอใช้ผมให้ไปทำงานที่เธอต้องการแบบถวายหัว ผมช่วยเธอทุกๆอย่างด้วยความเต็มใจ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเหนื่อยสายตัวแทบขาดแค่ไหน ผมก็ยอมเพื่อเธอ
ผมแอบทราบมาว่า เธอไม่ชอบ ผช อ้วน และถึงแม้ว่า น้ำหนักผมจะลดลงแล้ว ผมก็ยังเกินเกณฑ์อยู่ดี ผนวกกับตอนนั้น เพื่อนของผมชวนผมไปฟิตเนสที่กรมทหาร เพราะเล่นฟรี ผมเลยไปฟิตเนสวันเว้นวัน ผนวกกับได้รับคำแนะนำจากเพื่อนด้านโภชนากรสำหรับการลดน้ำหนักด้วย ผมทำอย่างนี้อยู่ 4 เดือน น้ำหนักดผมลดลงเหลือ 99 กก. รอบเอว 38 นิ้ว ถือว่าทำได้เป็นที่น่าพอใจ เพื่อที่จะให้เขาสนใจในตัวผมบ้าง และในวันปัจฉิมนิเทศน์ ของรุ่นพี่ ม.6 ผมรวบรวมความกล้าไปบอกชอบเขา.....
สุดท้าย......
ก็อีหรอบเดิม
แต่ครั้งนี้ผมไม่เศร้าเหมือนครั้งแรก ไม่ทราบว่าทำไม
หรืออาจจะเพราะผมสืบทราบว่า เธอเองก็มีคนที่เธอชอบอยู่แล้ว?
หรือผมอาจจะยังไม่มีหุ่นที่ดีพอให้เธอชอบ?
แต่อย่างไรก็ตาม มันก็คือการอกหักครั้งที่ 2 ของผม
ตอนนั้นผมคิดอย่างเดียว "กูจะต้องผอมให้มากกว่านี้" ช่วงปิดเทอม ผมเร่งฟิต เน้นที่โภชนาการเป็นหลัก เน้นทานอาหาร clean เช่น ข้าวมันไก่ ลอกหรนัง และไม่เอาข้าวมัน เป็นข้าวสวยแทน หรือจะเป็น อกไก่ทอดในกระทะเทฟร่อน ไม่ใส่น้ำมัน อาหารที่ผมทายทุกชนิดจะหลีกเลี่ยงน้ำมัน และพยายามทานปลาเล็กปลาน้อยเพิ่มแคลเซียมให้มากๆ
เวลาผ่านไป 3 เดือน....
85 กก.!!!
ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง จากที่ผมเป็นเด็กอ้วน ตอนนี้ ผมมีรูปร่างที่ค่อนข้างสมส่วนแล้ว จากเสื้อ นร. ที่ใส่เบอร์ 52 ตอนนี้ผมใส่เบอร์ 44 กางเกงจากเอว 44 ตอนนี้ผมใส่ 36 แม้แต่เสื้อลำลองทั่วๆไป จากที่ใส่ 3XL ตอนนี้ แค่ L ก็หลวมแล้วครับ
นี่คือรูปตอนน้ำหนักลงแล้ว
ผมไม่คิดเลยว่า การอกหัก 2 ครั้งในชีวิตผม จะเปลี่ยนตัวผมได้มากมายขนาดนี้ โดยเฉพาะ น้ำหนักที่ลดลงเกิน 30 กก. ผมไม่เคยโกรธหรือแค้นใจที่พวกเธอเหล่านั้น ไม่รับรักผมนะครับ อยากขอบคุณเสียด้วยซ้ำที่ไม่รักผม ทำให้ผมมีรูปร่างที่ดีขึ้นในวันนี้
สุดท้ายนี้ อยากเป็นกำลังใจให้คนลดน้ำหนักหรือคนอกหักนะครับ อกหักแล้วอย่าไปทานจุบจิบครับ เสียสุขภาพเปล่าๆ หันไปทำอะไรที่จะทำให้ลืมเรื่องเศร้าๆดีกว่าครับ เช่น รู้จักทานให้เป็นแบบผมไง ถ้าโภชนาการไม่ดี ถึงยกเวทแทบตาย คุณก็ไม่มีทางที่จะมีรูปร่างดีๆได้หรอกครับ
ลากันด้วยภาพนี้เลยครับ55555
จาก ไอ้ยักษ์
"อกหักเพียงครั้งยังไม่ตาย" มาเปลี่ยนความเสียใจ เป็นลดความอ้วนกันดีกว่าาาาาาาา
ผมเป็นเด็กที่ค่อนข้างซื่อบื่อเรื่องความรักนะครับ เรียนชั้นมัธยมมา 5 ปีไม่เคยรู้จักกับคำว่า "รัก" เลย หรืออาจจะเป็นเพราะผมรูปร่างแบบนี้ เลยไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากเข้าใกล้ นี่คือรูปผมตอนหนัก 120 กก. ครับ
แต่แล้วในที่สุด ผมก็ได้ไปเจอกับคนๆนึงเข้า เห็นครั้งแรกผมก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอมองจ้องไปนานๆเข้า ผมก้รู้ตัวเลย ว่า ทำไมผมใจเต้นแรงขนาดนี้ ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย อาการแบบนี้น่าจะเป็น "ตกหลุมรัก" แน่ๆ หลังจากที่ผมกลับบ้านแล้ว ผมก็รีบทักแชทเธอทันที และแอบส่องเฟสไปพลางๆ พอคุยๆเข้าก็รู้ว่า เขาเป็นคนที่ชอบศิลปะเหมือนกับผม ชอบการแคสเกมเหมือนกับผม เรามีอะไรที่เหมือนกัน ในตอนนั้น ผมก็รู้สึกว่า ผมจะจีบเธอให้ติดให้ได้ แต่แล้ว ด้วยความที่เธอติสต์ ผมไม่สามารถเข้าถึงเธอได้เลย ยิ่งเข้าไปยิ่งเหมือนไกลไปทุกที ช่วงนั้นผมเพ้อรำพันบ่อยมาก จนเพื่อนก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ผมเป็นอะไร และในที่สุด.... เธอก็เริ่มระแคะระคายความรู้สึกของผมที่มีต่อเธอ เธอจึงยื่นคำขาดกับผม ผมจึงตัดสินใจบอกรักเธอไป จากนั้นเธอก็ขอเวลาคิดสักครู่ จนในที่สุด.....
คำว่า "ไม่" ที่เธอพิมพ์มา ทำให้ผมรุ้สึกเหมือนโดนดูดลงไปในหลุมดำ ในหัวนี่เคว้งคว้างไปหมด และไม่สามารถหยุดน้ำตาที่ไหลรินออกมาได้
นี่คือการอกหักครั้งแรกของผม.....
ช่วงนั้นผมกินไม่ได้ นอนไม่หลับ เหมือนชีวิตซังกะตาย ถึงแม้ครอบครัวจะพยายามปลอบใจ ผมก็ยังไม่หายจากการที่เธอปฏิเสธผมอยู่ดี แต่ก็ยังดีที่เธอยังทำตัวปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และบอกกับผมว่า เราเป็นเพื่อนกันดีกว่า แต่ยังไงก็ตาม ผมก็ยังคงรักเธอเหมือนเดิม
พอถึงช่วงเปิดเทอม 2 เพื่อนๆก็ทักท้วงรูปร่างของผมที่ดูดีขึ้น "แหม เพื่อน ไปทำอะไรมา ดูผอมลงนะ" ทีแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอกลับบ้าน แล้วลองชั่งน้ำหนักดู....
108 กก. !!!
น้ำหนักผมลดลง 12 กก. โดยที่ผมไม่ได้ออกกำลังกายเลย
นี่คือรูปตอน 108 กก.
รูปไม่ต่างจาก 120 กก. เท่าไร55555
เคสอกหักของผมมันขัดกับคนทั่วไปมากๆ เพราะ ส่วนใหญ่ อกหักแล้วจะยิ่งกินๆๆๆๆๆ แล้วก็อ้วนขึ้น
แต่ผมก็ยังไม่วายเข็ดหลาบเรื่องความรัก ผมพยายามหารักใหม่ และก็ได้รู้จักกับคนๆนึง ผมมักจะไปปรับทุกข์กับเธอเวลาผมมีปัญหาเสมอ เธอก็เช่นกัน มักจะมาปรับทุกข์กับผมเสมอๆ จนผมเริ่มคิดเกินเลยกับเธอมากกว่าเพื่อน กับคนนี้ ผมไม่อยากเสียใจเหมือนครั้งก่อน ผมเลยไม่กล้าแสดงออกอย่างเต็มที่ว่า ผมชอบเธอ ผมยอมที่จะนอนดึกเพื่อรอเธอออนและตอบแชทผมกลับมา ผมยอมให้เธอใช้ผมให้ไปทำงานที่เธอต้องการแบบถวายหัว ผมช่วยเธอทุกๆอย่างด้วยความเต็มใจ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเหนื่อยสายตัวแทบขาดแค่ไหน ผมก็ยอมเพื่อเธอ
ผมแอบทราบมาว่า เธอไม่ชอบ ผช อ้วน และถึงแม้ว่า น้ำหนักผมจะลดลงแล้ว ผมก็ยังเกินเกณฑ์อยู่ดี ผนวกกับตอนนั้น เพื่อนของผมชวนผมไปฟิตเนสที่กรมทหาร เพราะเล่นฟรี ผมเลยไปฟิตเนสวันเว้นวัน ผนวกกับได้รับคำแนะนำจากเพื่อนด้านโภชนากรสำหรับการลดน้ำหนักด้วย ผมทำอย่างนี้อยู่ 4 เดือน น้ำหนักดผมลดลงเหลือ 99 กก. รอบเอว 38 นิ้ว ถือว่าทำได้เป็นที่น่าพอใจ เพื่อที่จะให้เขาสนใจในตัวผมบ้าง และในวันปัจฉิมนิเทศน์ ของรุ่นพี่ ม.6 ผมรวบรวมความกล้าไปบอกชอบเขา.....
สุดท้าย......
ก็อีหรอบเดิม
แต่ครั้งนี้ผมไม่เศร้าเหมือนครั้งแรก ไม่ทราบว่าทำไม
หรืออาจจะเพราะผมสืบทราบว่า เธอเองก็มีคนที่เธอชอบอยู่แล้ว?
หรือผมอาจจะยังไม่มีหุ่นที่ดีพอให้เธอชอบ?
แต่อย่างไรก็ตาม มันก็คือการอกหักครั้งที่ 2 ของผม
ตอนนั้นผมคิดอย่างเดียว "กูจะต้องผอมให้มากกว่านี้" ช่วงปิดเทอม ผมเร่งฟิต เน้นที่โภชนาการเป็นหลัก เน้นทานอาหาร clean เช่น ข้าวมันไก่ ลอกหรนัง และไม่เอาข้าวมัน เป็นข้าวสวยแทน หรือจะเป็น อกไก่ทอดในกระทะเทฟร่อน ไม่ใส่น้ำมัน อาหารที่ผมทายทุกชนิดจะหลีกเลี่ยงน้ำมัน และพยายามทานปลาเล็กปลาน้อยเพิ่มแคลเซียมให้มากๆ
เวลาผ่านไป 3 เดือน....
85 กก.!!!
ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง จากที่ผมเป็นเด็กอ้วน ตอนนี้ ผมมีรูปร่างที่ค่อนข้างสมส่วนแล้ว จากเสื้อ นร. ที่ใส่เบอร์ 52 ตอนนี้ผมใส่เบอร์ 44 กางเกงจากเอว 44 ตอนนี้ผมใส่ 36 แม้แต่เสื้อลำลองทั่วๆไป จากที่ใส่ 3XL ตอนนี้ แค่ L ก็หลวมแล้วครับ
นี่คือรูปตอนน้ำหนักลงแล้ว
ผมไม่คิดเลยว่า การอกหัก 2 ครั้งในชีวิตผม จะเปลี่ยนตัวผมได้มากมายขนาดนี้ โดยเฉพาะ น้ำหนักที่ลดลงเกิน 30 กก. ผมไม่เคยโกรธหรือแค้นใจที่พวกเธอเหล่านั้น ไม่รับรักผมนะครับ อยากขอบคุณเสียด้วยซ้ำที่ไม่รักผม ทำให้ผมมีรูปร่างที่ดีขึ้นในวันนี้
สุดท้ายนี้ อยากเป็นกำลังใจให้คนลดน้ำหนักหรือคนอกหักนะครับ อกหักแล้วอย่าไปทานจุบจิบครับ เสียสุขภาพเปล่าๆ หันไปทำอะไรที่จะทำให้ลืมเรื่องเศร้าๆดีกว่าครับ เช่น รู้จักทานให้เป็นแบบผมไง ถ้าโภชนาการไม่ดี ถึงยกเวทแทบตาย คุณก็ไม่มีทางที่จะมีรูปร่างดีๆได้หรอกครับ
ลากันด้วยภาพนี้เลยครับ55555
จาก ไอ้ยักษ์