หลักการเริ่มต้นขายของออนไลน์ สำหรับผู้ที่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร

กระทู้สนทนา
มีคนหลังไมค์มา 4 -5 คน บอกว่าเคยอ่านกระทู้ที่เราตอบเรื่องขายของออนไลน์ และก็บอกว่าเดือดร้อนกันอยู่ จึงอยากหาวิธีสร้างรายได้ พี่เ็นว่ามีประโยชน์ต่อคนทั่วไป ในกลุ่มที่ไม่เคยขายของใดๆ หรือ กำลังมืดแปดด้านอยู่นะคะ ไม่มีใครรู้ทุกเรื่องมาก่อน ทุกอย่างเกิดจากการศึกษา ประสบการณ์ และโซเชี่ยล มีเดีย เกิดมาให้เราแบ่งปันนะคะ พี่คิดอย่างนี้ จึงนำข้อความหลังไมค์บางส่วนที่ตอบน้องคนนึงไว้ มาโพสต์ที่กระทู้นี้ เป็นหลักการและขั้นตอน โดยสรุปของการเริ่มต้นจะขายของออนไลน์ ลองอ่านดูค่ะ จะมีบางส่วนที่โพสต์สาธารณะไม่ได้ เช่น ไฟล์รวม 100 สินค้าที่มีคนค้นหามากที่สุด (เนื่องจากพี่ไม่ได้รวบรวมเอง ได้มาจากงานสัมมนา งานหนึ่ง ที่ผู้จัดเค้าเป็นสถาบันที่จะขายคอร์สสอนการขายของออนไลน์ ซึ่งพี่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเค้าเลยจริงๆ พี่คิดว่าการเผยแพร่เอกสารจากเค้าในที่สาธารณะ อาจเป็นการเผยแพร่ในสิ่งที่เค้าให้มาแบบ exclusive เพราะพี่ไม่เคยเห็นเค้าโพสต์ไว้ในที่สาธารณะที่ไหน ดังนั้นใครสนใจจะให้เป็นการส่วนตัวค่ะ) หรือคำถามนอกเหนือจากนี้ ก็ยังหลังไมค์ได้ค่ะ

ค่ะ พี่ทำงานการตลาดและรวมถึงวางแผนสื่อออนไลน์ด้วย แต่ไม่เคยขายสินค้าเอง พอดีมีคนเคยถามเรื่องนี้ พี่ก็เลยคิดว่าคงฟันธงไม่ได้ว่าสินค้าอะไรที่จะขายได้ดีที่สุด เอกสารรวบรวมคำค้นเกี่ยวกับสินค้าที่ถูกค้นหามากที่สุด 100 อันดับ หมายความว่า สามารถบ่งบอกได้ระดับหนึ่งว่าน่าจะเป็นสินค้าที่ขายดี คุณคงต้องต่อยอดเองนะคะ ส่วนการศึกษาตลาดที่เราทำอยู่ เรามีเป้าหมายกันก่อนว่า เราจะกำหนดหัวข้ออย่างไร เพื่อให้รู้ว่าเราจะทำอะไรต่อไป แต่เรายังไม่มีสถิติของการค้าขายในไทย ว่าสินค้าออนไลน์ใดที่คนไทยซื้อมากที่สุด (อาจจะมีใครรวบรวมอยู่ แต่ที่พี่ยังไม่มีค่ะ) ดังนั้นจึงไม่ได้เจาะหาไว้ทุกอย่าง หากคุณให้ความสำคัญกับส่วนนี้ คงต้องติดต่อหาค่าสถิติจากหน่วยงานราชการ เราเข้าใจกันก่อนนะคะ เพระาตามข้างต้นมีคนถามมาหลายคน แล้วมาถามว่าสินค้าไหนที่จะขายดี เค้าก็กำหนดสินค้ามาถาม พี่บอกขนาดนั้นยังไม่ได้ค่ะ

โอเค ทีนี้มาถึงขั้นตอน กรณีที่จะขายสินค้าใดๆ ทางออนไลน์
1. เลือกสินค้าที่เรากะว่าจะขาย เลือกจากอะไร พี่แนะนำให้เลือกจากสิ่งที่เราถนัด เพื่อให้เราสามารถค้นหาได้ว่าถูกทางและง่ายขึ้นว่า สินค้าที่แตกต่างจะหาได้จากแหล่งไหน แตกต่างอาจรวมถึง ราคาที่ถูกกว่า เช่น เสื้อยืด ที เชิร์ตธรรมดา พี่หาซื้อได้ มือ 1 ตัวละ 20 บาทเท่านั้น ซื้อตัวเดียวก็ขายด้วย แต่เป็นแบบคละๆ กัน นั่นคือถูกที่สุดเท่าที่เคยซื้อมา ใส่ไปไหนได้ไม่อายใคร ถ้าขายตัวละ 80 คงขายได้อยู่ แต่จะคาดหวัง ให้สวยเลิศแบบเสื้อยี่ห้อ ย่อมเป็นไปไม่ได้

2. ค้นหาแหล่งขายส่ง ที่เหมาะที่สุดสำหรับเรา บางแห่งอาจถูกมาก แต่เงื่อนไขหลายอย่างอาจไม่ใช่สำหรับคนทุนน้อย บางแห่ง ขายแพงหน่อยแต่ส่งฟรี ดังนั้น ต้องค้นหานะคะ พี่มีแหล่งของอยู่บ้าง แต่ก็เป็นของตามความสนใจของพี่เอง ว่างๆ จะลองโพสต์ดู ต้องขอเวลาหาก่อน เพราะยังไม่มีเวลาเก็บรวบรวม

3. เมื่อรู้แล้วว่าจะสั่งจากรายไหน ให้ลองนำสินค้านั้นมาหาราคาขายจากคู่แข่งในไทย โดยเซิร์สจากกูเกิ้ลนี่แหละ แล้วดูว่า รายอื่นๆ เค้าตั้งราคาขายกันที่เท่าไหร่ ถ้าคุณสั่งมา ก็จะคาดการณ์ได้ว่าจะตั้งราคาขายที่เท่าไหร่ อาจไม่จำเป็นต้องถูกกว่าเสมอไป ควรกำหนดเองแบบเผื่อขายไม่หมด บวกค่าความเสี่ยงไว้สัก 20% โดยทั่วไป การตั้งราคาจะบวกจากราคาทุนไปอีกอย่างน้อย 30 - 35%  ราคาทุนหมายถึงรวมทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าจะค่าส่งไปรษณีย์ ค่าเดินทาง บางคนคิดละเอียดรวมค่าแรงตนเองเข้าไปด้วย ทีนี้ก็ข้นอยู่กับคุณว่า รวมราคาทุนแล้วบวกกำไรแล้ว ดูจากราคาตลาดทั่วไปแล้วจะตั้งราคาขายที่เท่าไหร่ ขายถูกก็กำไรน้อยหน่อย แต่จะคุ้มคุณไหม เราตอบแทนคุณไม่ได้นะ ถ้าของเราดีพอ เราอาจขายแพงกว่าคนอื่นบ้าง ทำนองนั้นค่ะ

4. สมมติว่า รู้ราคาสินค้าที่จะขายแล้ว มีอีกทางหนึ่งที่จะขายแบบไม่ต้องลงทุนก่อน คือ พรีออเดอร์ หมายถึงมีคนสั่ง มีคนโอนเงินมาให้เราแล้ว เราค่อยโอนเงินค่าของไปให้ต้นทาง ใครจะเป็นคนส่ง ต้นทางจะส่งมาให้เรา หรือ จะส่งตรงไปที่ลูกค้าเราเลยก็ตามตกลงกัน แต่ส่วนมากต้นทางจะส่งให้เพราะไม่งั้นก็เท่ากับทำงาน 2 ต่อ ต้องบวกค่าส่งของเพิ่มเข้าไปอีก หลักการขาย พรีออเดอร์ คือ ต้นทางที่เราจะสั่งสินค้าต้องเชื่อถือได้ ออนไลน์หลอกกันง่ายๆ มีเยอะ หากเรารับเงินมาแล้ว สั่งของไปแล้ว เกิดต้นทางบอกว่าต้องรอนานกว่าเดิม หรือแย่กว่านั้น คือปิดร้านหนีไปเลย (โดนมาแล้วนี่เรา) ทีนี้ ลูกค้าที่สั่งจากเราอาจไม่พอใจได้ ก็เหมือนที่เราซื้อของจากคนอื่นนั่นแหละ คนซื้อของที่โอนเงินมาแล้ว เค้าไม่สนหรอกว่า คนที่ประกาศขายจะเอาของจากไหนมาขาย เพราะเราอาจระบุไปแล้วว่า ชุดสวยจากจีน นั่นแหละ เค้าไม่ได้สนใจว่าจะไปเสาะหามาจากพ่อค้า แม่ค้ารายไหนจากจีน เมื่อ คนซื้ออ่านเงื่อนไขแล้ว พอใจซื้อ ตกลงโอนเงินแล้ว ย่อมคาดหวังที่จะได้ของตามแบบที่สั่ง ตามเวลาที่กำหนด ทำการค้าต้องให้ความสำคัญกับลูกค้า แต่ลูกค้าก็ไม่ใช่พระเจ้าเสมอไป ไว้ค่อยว่ากันเรื่องนี้

พรีออเดอร์ ที่เราคิดจะขายเอง คือ เบล เพอร์ฟูม เค้าให้เปอร์เซ็นต์ ต้องสั่งเค้าขั้นต่ำครั้งละ 500+ บาท สั่งสัปดาห์ละครั้ง (ขายพรีออเดอร์ควรกำหนดรอบส่งสินค้าให้ชัดเจน) เค้าขายน้ำหอม ที่ อั้ม มาริโอ้ ชมพู่ เป็นพรีเซนเตอร์ ราคาเริ่มต้นขายปลีกชิ้นละแค่ 200 บาท ความน่าเชื่อถือดีแน่เพระาทำธุรกิจมาแล้วนับสิบปี มีน้ำหอมแท้ แบบที่ไม่ใช้ดาราเป็นพรีเซนเตอร์ด้วย แต่ชื่อน้ำหอมคนก็ไม่รู้จักเท่าแบรนด์ดัง ดังนั้น เราจึงแนะนำสินค้าที่ดาราเป็นพรีเซนเตอร์ เพราะแนวโน้มขายได้มากกว่า คนรู้จักง่ายกว่า ราคา/ ชิ้นไม่แพง คนตัดสินใจง่ายกว่า เงื่อนไขบางอย่างอาจเปลี่ยนแปลง เราคุยกับเค้านานแล้ว การโปรโมท เค้าให้เซฟรูปจากเว็บเค้าได้ แต่เรายังไม่ได้เจาะรายละเอียดว่ามีข้อห้ามอะไรอื่น ทางลิขสิทธิ์อีกไหม คุณหาเบอร์จาก http://www.belperfumes.com/ ตามนี้นะ พรีออเดอร์อื่นๆ ก็มี แต่พี่ไม่มีเวลาไปติดตามความน่าเชื่อถือ จึงไม่กล้าแนะนำ คงต้องตัดสินใจและเลือกเองนะ และพี่ก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ บริษัทฯ นี้ พี่จะขายของ และรู้จักน้ำหอมนี้มาก่อน เห็นว่าขายง่าย เพราะถูก และผู้หญิงก็รักสวยรักงามอยู่แล้ว เพียงแต่เราไม่เอาสินค้าราคาเกินเอื้อมมาขาย เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายกว่า คนมีตังค์ก็มีสิทธิ์ตัดสินใจด้วย  เพราะชื่อน้ำหอมที่ใช้ดารามานำ ก็รับประกันคูณภาพได้ระดับหนึ่ง

5. มาถึงเรื่องโปรโมทให้คนรู้จัก พี่เองคิดจะใช้เฟสบุ๊ค แบบไม่เสียตังค์ด้วย คนที่เค้าทำเป็นรายได้เสริมจริงๆ ก็มี แต่ถ้าจะให้จริงจังแบบคาดหวังยอดขายมากๆ อาจต้องใช้โฆษณาช่วยให้คนรู้จักได้มากๆ ถ้าไม่ใช้โฆษณาเลยกว่าจะมีแฟนติดตามคงนาน ความสำคัญคือต้องขยันโพสต์ ทำเนื้อหาต่างๆ ให้ชัดเจน เงื่อนไขอะไรแจ้งไว้ให้ชัดเจน และต้องเชื่อถือได้ การขายของออนไลน์ คือ การขายความน่าเชื่อถือ ลูกค้าไม่สามารถหยิบจับ เลือกปุ๊บ จ่ายปั๊บ รับของทันทีได้ หาสินค้ามีตำหนิที่คนซื้อไม่รู้จะำอย่างไร ให้เปลี่ยนได้ไหม หรือขายของแบบโล๊ะสต๊อก ราคาถูกแสนถูก มีตำหนิบ้างตามประสา ถ้าอย่างนั้นก็ต้องระบุเงื่อนไขสำคัญให้ชัดเจน การใช้เฟสบุ๊ค ช่วยให้เราโต้ตอบกับผู้ที่สอบถามมาได้รวดเร็วกว่าการใช้เว็บรวมขายสินค้า

หากลุ่มที่เหมาะ เช่น กลุ่มตลาดนัดออนไลน์ ประมูลออนไลน์ (กรณีเราคิดจะขายแบบประมูล) ฯลฯ เพราะถ้าไม่ใช้โฆษณาทำได้แต่หาเพื่อนที่เหมาะกับสินค้า แต่เค้าก็มีสิทธิ์ไม่รับแอด หากใช้โฆษณาสินค้าเผยแพร่ได้มากแน่ แต่ก็ต้องใช้งบ ต้องใช้ระบบเค้าเป็น ก็ต้องขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่ามีทุนสำรองพอไหม เรียนรู้เครื่องมือเค้าได้ไหม ในนี้เห็นบ่นกันจังว่าเสียเงินโฆษณาแล้วไม่ได้ผล รายละเอียดค่อยว่ากันว่าทำไม

ตัวอย่างจากการสัมมนาครั้งหนึ่ง (เท็จจริง ไม่ทราบนะคะ พี่ไม่ได้เป็นคนจัดงาน ไปฟังเฉยๆ) วิทยากร บอกว่าลูกศิษย์แบบ อภิชาติศิษย์ เรียนการทำโฆษณาทางเฟส ซึ่งเฟสกำหนดให้ใช้ค่าโฆษณาเริ่มต้นได้ที่วันละ 30 บาท รายนั้น เสียค่าโฆษณาไป 30 บาท เพื่อขายคอร์สถ่ายรูปวิวาห์ คอร์สละ 40,000 บาท ปรากฏว่าขายได้ 3 คอร์ส โห...ทุนค่าโฆษณาแค่ 30 บาท

ช่องทางออนไลน์อื่นที่จะโปรโมท คือพวกฟรีเว็บ เช่น พันทิป มาร์เก็ต ขายดีดอทคอม หรือ weloveshopping ก็มีให้เปิดร้านฟรี แต่ก็คงต้องมีสินค้ามากหน่อย ไม่งั้น พื้นที่เว็บก็โล่ง โล่งแล้วยังไง เมื่อมีใครเข้ามาไม่พบความน่าสนใจ ก็ย่อมไม่ติดตาม ไม่อยากเข้าซ้ำ เว็บสินค้าในโลกมีมากมาย ก็เหมือนที่เราเคยท่องเน็ตเพื่อหาซื้อสินค้านั่นแหละ เราไว้ใจเลือกซื้อจากรายไหน ก็ลองคิดดูว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้เราตัดสินใจ

กรณีไม่เสียตังค์โฆษณาก็ประมาณนี้ และต้องขยันโพสต์ คนที่เป็นเพื่อนเรา ที่รับแอดจากเรา ถ้าเค้ารู้ชัดเจนว่าเราขายสินค้า เค้าจะไม่รำคาญเมื่อได้รับโพสต์จำนวนมากจาก News feed อย่างพี่เอง มีแม่ค้าออนไลน์รายหนึ่งขายเสื้อผ้า ขยันโพสต์มากๆ ทุกครั้งที่เห็ จะเข้ามาติดๆ กันหลายโพสต์ และแต่ละโพสต์มีรูปเป็นร้อยรูป ใครสนใจซื้อก็คลิ๊กดูกันเพลินเป็นแคตตาลอกได้เลย

ควรขยันสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวกับสินค้าด้วย เพื่อ เพิ่มความน่าสนใจ มีอยู่รายหนึ่ง สินค้าถูก ราคาจูงใจ ขายรองเท้า โพสต์ทางเฟส รองเท้าก็ดูได้ สมราคา แต่ไม่บอกรายละเอียดใดๆ เลย รองเท้าแต่ละคู่บอกเบอร์ด้วยการวางรองเท้าไว้บนกระดาษ แล้วเขียนเบอร์ด้วยลายมือไว้บนกระดาษ แล้วถ่ายรูปมา โพสต์ๆๆ คนรับข้อมูลจะเห็นได้อย่างไร คือเห็นแต่รองเท้าน่ะ ไม่เห็นว่าคู่นั้นเบอร์อะไร สังเกตดูว่ามีคนถามเค้าหลายคนจากหน้าโพสต์ หลักการค้าคือทำเงื่อนไขให้ชัดเจน ถูกต้อง จูงใจ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และกระตุ้นการตัดสินใจ และหากมีคำถามใดๆ มาฝากไว้ ควรโต้ตอบอย่างเหมาะสม รวดเร็ว เปิดเฟสไว้สาธารณะต้องทำใจ น่าจะเคยเจอกันบ้าง ขอ...กันตรงๆ ยังมี หรือแม่ค้าบางคน ลูกค้าถามไปทางอินบอกซ์ หรือ โพสต์ถามหน้าบอร์ด แม่ค้าโพสต์รูปตัวเอง หน้าตาน่ารักแหละ มีคนชมเยอะแยะ พอเราถามถึงสินค้า แม่ค้าไม่ตอบอะไรเลย ทุกวันนี้ก็ยังไม่ตอบ แต่เรารอไง ตอนนั้นอ่ะนะ จึงคอยกลับไปดูที่โพสต์ แม่ค้าตอบ ขอบคุณและทักทายกับคนที่ชมตัวเองทุกคน แต่ดันไม่ตอบผู้หญิงที่จะซื้อสินค้าอย่างเรา ไงเนี่ยะ...

ประมาณนี้นะคะ สินค้าเครื่องสำอาง พรีออเดอร์ก็เยอะ แต่คู่แข่งก็เยอะเช่นกัน สินค้าราคาถูก แบบ มีอย. อาจขายกลุ่มผู้มีรายได้น้อยได้ เพราะบางทีอาจสู้แรงโปรโมท มิสทีน ยาก

ใครจะถามเพิ่มก็ลองทำความเข้าใจ ลองหาข้อมูล ลองจับประเด็นมา สรุปประเด็นมาคุยกันว่าที่เข้าใจถูกไหม ใช่ไหม พี่ใช้วิธีนี้ อบรมทีมงานค่ะ เพราะพื้นฐานแต่ละคนไม่เท่ากัน พี่ให้เอกสารไปก่อนถึงวันอบรม เพื่อให้ทำความเข้าใจ ซึ่งแต่ละคนย่อมเข้าใจไม่เหมือนกันหรอก เพราะเป็นหลักการทั่วไปของการสื่อสารกับคนมากกว่า 1 คนในเวลาเดียวกัน ถึงเวลาอบรม คือ พี่สรุปให้ฟัง ให้เวลาถามที่ข้องใจ เราก็ตอบไป และจบการอบรมจะมีการบ้านให้ เรื่องแบบนี้ใครขยัน ใครได้ค่ะ  

และอาจมีข้อสงสัยว่า พี่ช่วยคุณหวังผลให้มาโฆษณากับ บริาัทฯ พี่หรือเปล่า พี่ทำฟรีได้จริงๆ ทำเท่าที่ทำได้ แต่ถ้าจะซื้อโฆษณา พี่ก็จะต้องให้คุณซื้อกับบริษัทฯ ที่พี่ทำงานอยู่ ไม่ใช่รับเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง

พี่ยินดีให้คำปรึกษา เพราะมาจากการที่ตัวเองเคยลำบากและมืดแปดด้านมาก่อน อย่ารู้รายละเอียดเลยนะคะ วันที่เราพอจะแบ่งปันอะไรให้ใครได้ เราก็อยากจะทำ พี่คิดว่า ทำให้พี่ได้ความรู้กว้างขวางขึ้นด้วย ประมาณนั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่