เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร.....จุดที่สัดส่วนลดลงจากเอว 44 นิ้ว เหลือ 30 นิ้ว (130 >>>> 70+)

กระทู้สนทนา

ลิงรูป...หรือรูปลิง...นั่นเอง!!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

รูปปัจจุบัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร.....จุดที่สัดส่วนลดลงจากเอว 44 นิ้ว เหลือ 30 นิ้ว (130 >>>> 70+)

5555555 ก่อนอื่นต้องขอหัวเราะก่อนนะคะ คือ....เนื่องจากผู้คนรอบตัว...เว้าวอนมาก ให้เอาสิ่งที่เราทำมาลงเถอะ 5555555 บอกตรงๆนะ แรกๆไม่กล้า....อาศัยแอบมาถามนู่นนี่พอไหว แตุ่ให้มารีวิวแนะนำ ทำฮาวทูว์นี่ไม่ไหวอะค่า ^^" กลัวแป๊ก กลัวปล่อยไก่ กลัวคนในพันทิป!! 55555555555 แล้วอีกอย่าง เรามาได้แค่ครึ่งทางเอง ยังไม่ผอม ยังไม่มีซิคแพค ยังมีแต่ไขมันล้วนๆ อายจัง....^^" กลัว อาย แต่อยากลอง....เอาหนะ เผื่อมีอะไรใหม่ๆไปปรับใช้ ^^

555555 งั้นมาเข้าเรื่องเลยนะคะ ถ้าสิ่งที่เขียน อะไรไม่ถูกต้อง....นี่โปรดอภัย และเมตตากันด้วยเน้อ...^^

9 สิ่งที่ทำให้เรามาถึงจุดนี้  จุดที่สัดส่วนลดลงจากเอว 44 เหลือ 30 นิ้ว

1.ใจต้องแข็งกว่าความอ่อนแอของร่างกาย ปฏิเสธร่างกายซะ เหนื่อย เมื่อย ล้า เวลาไม่มี วางโซเชียลลงสิคะยูว!! (ชี้นิ้วเข้าหาหน้าตัวเองเนี่ย) แล้วจงทำมันซะ โดยไม่มีข้ออ้างใดใดทั้งสิ้น

2.จัดตารางออกกำลังกายเฉพาะตัว จะเวท จะบอดี้เวท จะคาดิโอ จะโยคะ จะคิกบ๊อกซ์ วางแผนให้เหมาะกับตัวเอง เราเน้นเวทกับบอดี้เวทเป็นหลัก ส่วนมากโยคะจะเอาไว้ยืดตัวเวลาร่างตึงมากๆ หรือไม่ก็เอาเป็นคูลดาวน์เบาๆ

3.ประมวลผลแคลอรี่อาหารที่จะกิน ก่อนหยิบเข้าปาก 555555^^ เป็นเหมือนกันมะ...เวลาเห็นอาหารแล้วค่าแคลอรี่จะดังปิ๊งขึ้นในใจทันที 55555 เราลดความอ้วน ดังนั้นเราสามารถหยิบเข้าปากได้ 1200 - 1400 แคลอรี่ต่อวันนะคะ  จะกินมื้อเดียว สองมื้อ หรือหกมื้อ ก็ตามสะดวกนะคะ ของเราแล้วแต่ว่า..วันนั้นอยู่แถวไหน มีอะไรให้กินได้มั่ง เพราะเราทำงานอยู่หลายที่ ถ้าไม่ค่อยมีก็พกไข่ขาวต้ม แต่บางวันเราแถมก็ไอติมเป็นของขวัญให้ตัวเองด้วยนะ ^^  อาหารคลีนๆ เราก็กินแต่เฉพาะวันที่ได้หยุดอยู่บ้าน ทำกินเอง 55555 ช่วงไหนบ้ากินคลีนพุงจะแฟบ เรื่องจริงนะ!! ลดความอ้วน ไม่อดนะคะนะเดี๋ยวระบบเผาผลาญพัง!! มันพังแล้วกู้ยากนะเออ..(นึกไปถึงตอนเริ่มออกกำลังกายใหม่ๆ แล้วร้องไห้หนักมากกกก)

4.ทิ้งกิโลชั่งน้ำหนักไป..แล้วไปซื้อสายวัดสัดส่วนซะ อย่างที่รู้ๆกันนะว่า....ไขมันมันเบากว่ากล้ามเนื้อ เบากว่า ฟูกว่า บานกว่า แล้วก็ไม่ต้านแรงโนมถ่วงของโลกด้วย มันย้วยหละสิ!! จริงๆแล้วเราว่าความผอมเค้าวัดกันที่สัดส่วนนะคะ ไม่ใช่น้ำหนัก ^^ เราเลยไม่ค่อยชั่งน้ำหนักอะ

5.หาแรงบันดาลใจ+สะกดจิตตัวเองให้โฟกัสให้ถูกที่...เราว่าสิ่งแวดล้อมนี่เป็นตัวแปรผันที่สำคัญเลยนะว่า....แต่ละสิ่งที่คุณจะทำ...จะทำมันได้สำเร็จไม๊  ความโชคดีของเราคือ...เราอยู่ท่ามกลางคนสวย ที่สวยจริงๆ ทั้งสวย ทั้งผิวดี แล้วก็ใช้ชีวิตปกติธรรมดา ไม่ใช่ไอดอล ไม่ใช่ดารา อะนะ มันเลยทำให้เราอยากสวยแบบนั้นบ้าง คริคริ นอกจากความโชคดีของเราแล้ว...เรายังสรรหาแรงบันดาลใจด้วยการ สร้างสภาพแวดล้อมให้ช่วยกระตุ้นวินัยให้ตัวเอง....ด้วยการติดตามเฉพาะคนที่ออกกำลังกาย คนที่กินอาหารคลีน คนที่แบ่งปันเทคนิคดีๆในการออกกำลังกาย พวกประเภทโพสต์ไร้สาระ ข่าวดารา หรือดาราที่ถ่ายรูปความหรูหราของชีวิตพวกนาง เราไม่ตามเลย (อิจฉาๆเกิดมาสวยไม่เท่าเค้า..ไม่มีเท่าเค้าด้วย เดี๋ยวจะนอยด์ชีวิตไปกว่านี้...เลยไม่ตามดีก่า ^^") คล้ายๆเป็นการสะกดจิตตัวเองมะ ^^

6.ไม่มีทางลัดสำหรับสุขภาพที่ดี และความผอมฟิตแอนด์เฟิร์มที่ต้องการ ยาลดความอ้วน!! ยาสลายไขมัน ผลิตภัณฑ์ดักจับไขมัน ลดสัดส่วน บลา บลา บลา....เมินมันไปซะเถิด มีบทความตั้งมากมายสำหรับข้อเสียของมัน (ไปหาอ่านเองนะคะ) และเป็นคนนึงนะที่ผ่านสินค้าพวกนี้มาเยอะมาก 5555 รู้ข้อเสียของมันดี มันไม่ถาวรนะ แล้วที่สำคัญ มันทำให้ระบบเผาผลาญเราพัง!!

7.กำหนดเป้าหมายระยะสั้นๆ 1-2 เดือน กำหนดเป็นรอบๆก็ได้ว่า ควบคุมอาหาร+ออกกำลังกาย รอบนึงจะเอาสัดส่วนลงเท่าไหร่ มันยากกว่าชั่งน้ำหนักนะ แต่ถ้าทำได้....มันจะระเริงสุดชีพเลย

8.คิดแง่บวก โลกสวยเข้าไว้ ใจร่าเริงเป็นยาเพิ่มความมานะอย่างดี ถึงแม้จะมีอะไรดาร์ก ดาร์ก มากระทบ มาเขย่า มาปะทะ มาแกว่ง มาสะเทือนตับ ไต ไส้ พุงบ้าง  ร่าเริงเข้าไว้ แปลกนะ...ยิ่งออกกำลังกายยิ่งเริงร่า!! ยิ่งเริงร่า ยิ่งสนุกกับการออกกำลังกาย ยิ่งผอม!! เวลาเราโมโห หรือหงุดหงิดกับอะไรมา เราเอามาลงกะ...คิกซ์บ๊อกซ์ หมดนะ มโนไปว่าได้จัดการมันละ สบายใจ 55555

9.ลงมือทำสิคะ ทั้งหมดทั้งมวลนี้จะไม่เกิดประโยชน์เลย ถ้าหากเราไม่ลงมือทำ อยากสวย อยากผอม...แต่มัวนั่งมองคนอื่น มันจะเกิดขึ้นกับเราไม๊? หยุดมโน...แล้วลงมือทำเดี๋ยวนี้!! สำหรับเรา...ตัดคำพูดที่ว่า....สวยในแบบที่เราเป็น (สวยในแบบอ้วนๆอะ) ออกไปจากชีวิตเลยค่ะ คือเราภูมิใจพอใจในตัวเองนะ แต่ไม่หลงผิดอะ!! เพราะเราอยากดูดีกว่านี้ (อยากดูดีแบบไม่ต้องมโน) เราทะเยอทะยาน ^^" ทะเยอทะยานในแบบของเราอะนะ 555

[[[มาดูภาคปฏิบัติกันม้าง]]]

>>>ช่วงเริ่มต้น!! เราออกแค่ 30 นาที ด้วยเบสิคโยคะเลยค่ะ ก้นโด่ง ก้นยุบ อยู่คนเดียวในห้อง ประมาณ 3 เดือน (ประมาณ ก.ค. - ก.ย. 2014)
ช่วงนี้ไปทำงานที่ระยอง แล้วพักบ้านคนอื่น เลยทำให้ไม่สามารถออกได้สะดวก เลยยังไม่ค่อยเอาจริงจังเท่าไหร่ + คุมอาหาร จะบอกว่าตอนเริ่มต้นนี่โง่มากมาย กินแต่ส้มตำ กับไก่ทอด แป้งนี่ไม่แตะเลย น้ำหนักก็ลงนะ แต่นะ...ก็ถือว่าได้ทำหละนะ

>>>ช่วงเริ่มเอาจริงแต่แป๊ก!! (ประมาณ ต.ค. 2014)
ตอนนี้กลับมาอยู่บ้านตัวเองละ เริ่มออกไปวิ่งรอบถนนในหมู่บ้าน วิ่ง 1 รอบ ไม่ถึง 15 นาทีด้วยนะ แล้วกลับมานอนแอ่งแม้ง...เป็นแม่หมูหมดแรง
(การวิ่งมันเหนื่อยจริงๆค่า) แต่น้ำหนักลดนะ ลดจาการกินแค่มื้อละถ้วยน้ำซุปแค่สองมื้อ แต่วืบ...บ่อยๆแหะ ขืนปล่อยแบบนี้...ตายก่อนผอมชัวร์!!

>>>ช่วงเริ่มศึกษาข้อมูลอย่างจริงจังแล้วปฏิบัติอย่างไม่ลังเล!! (ประมาณ พ.ย. 2014)
เราอ่านพันทิปอย่างจริงจังมาก อ่านเว๊ปไซต์เกี่ยวกับการออกกำลังกายต่างๆ แล้วเอาไปปฏิบัติ แต่เราเริ่มจากบอดี้เวทนะ ประมาณ 2 ชั่วโมงต่อวัน ออกเองที่บ้าน ขอบอกเลย....ร้องไห้ทุกวันค่า แค่ยกแขนยกขาก็เหนื่อยละ ร้องไห้ไปด้วยทำไปด้วย บอกกับตัวเองเสมอว่า....ถ้ายอมแพ้ก็เป็น "นังอ้วนทึนทึก" ต่อไป บางวันท้อมาก...พอได้เวลาออกกำลังกาย เราร้องไห้นำเลย 5555 ขี้แยเนอะ!!

>>>>ช่วงความขี้เกียจเริ่มครอบงำ และมองหาวิธีการใหม่ๆ (ประมาณ ม.ค.2015)
มันต้องเป็นกันทุกคนสินะ กลับไปค้นหาข้อมูลใหม่ มีทางลัดไม๊นะ ไปเจอนี่ค่า ออกกำลังกายแบบ HiiT  กับ คิกบ๊อกซ์ ออกกำลังให้หัวใจเต้นหนักๆ 55555 ใช้เวลาน้อยด้วย 30 นาทีขึ้นไปเอง แต่พอทำจริงๆ 555 รู้สึกมันไม่พอแหะ!! งั้นเอามามิกซ์รวมกะบอดี้เวทซะเลย งานบ้าพลังเริ่มมานะครัช บ่นๆว่าเหนื่อยท้อ แต่ก็ทำร่วม 2 ชั่วโมงต่อวันนะคะ ทำ 4 วันต่อสัปดาห์ วันไหนร่างระบมก็ 30 นาทีอย่างต่ำ^^ แหะๆ ช่วงนี้สัดส่วนและน้ำหนักลงฮวบฮาบเลยนะคะ

>>>>ช่วงเริ่มสนใจเวทอย่างจริงจัง เอ....เวทมันคืออะไรน๊าาาาาา (ประมาณปลายๆ ก.พ. 2015)
ไปอ่านกระทู้นึงในพันทิปนี่แหละ ผญ. ควรยกเวท 5555 อูยยยยย เรากะอยากยกม้างนะ เพราะการออกกำลังกายมีสามแบบใช่มะ งั้นทำมันทุกแบบเลยแล้วกัน แค่แตะๆมันทุกอันก็พอ!!!
1.การออกกำลังกายแบบเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ  (เวท)
2.การออกกำลังกายที่เน้นพัฒนาระบบไหลเวียนโลหิต หัวใจ และปอด (คาดิโอ, แอโรบิค, มวย)
3.การออกกำลังกายที่เน้นเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ (โยคะ พิลาทิส แอนด์ บลา บลา บลา)

ช่วงนี้เป็นช่วงฟิตและพีคมาก....บ้าออกกำลังกายของจริงค่า เริ่มต้นด้วย โยคะ เวท และจบด้วยคาดิโอ/คิกบ๊อกซ์ 555555 เราเริ่มจับเวทจากดัมเบล ข้างละ 2 กก.นะ พอเล่นแล้วมันสนุก มันฮาร์ด มันสะใจดี เลยไปซื้อมาหลายๆขนาด 4, 8, 15 ขนาดละคู่ จากโลตัส ท่าก็หาดูเอาจากยูธูปนะ ผิดมั้งถูกมั้ง ตามประสา แต่ทำได้แค่เดือนกว่าๆเท่านั้นแหละ ความขี้เกียจก็มา.....เริ่มผอมละไง เริ่มติดโซเชี่ยลละ 555555 เริ่มอยากออกไปเผชิญโลกกว้าง ^^" แต่ก็ยังทำอยู่เรื่อยๆนะ แค่ไม่บ้าพลังเหมือนเดิม555

>>>>ช่วงรื้อฟื้นบวกผสมๆการออกกำลังกายเองซะเลย ยึดหลัก 70:30 ไว้ เนื่องจากความขี้เกียจนี่แหละ 5555 (ประมาณปลายๆ พ.ค. 2015 ถึงปัจจุบัน)

70:30 คืออะไร......ติกตอกๆๆๆๆ มันคือ การควบคุมอาหาร 70 % และออกกำลังกาย 30% จากกระทู้นึงในพันทิปนั่นเอง!!!

แต่เอาเข้าจริงเราก็กินกระจายนะ แค่คุมไม่ให้มันเกิน 1200 - 1400 แคลอรี่ต่อวันก็พออะ แล้วออกกำลังกายทุกวันเอาประมาณ 30-45 นาที ก็ออกทั้ง เวท คาดิโอ คิกบ๊อกซ์ สลับวันกันไป บางวันก็มิกซ์รวม เช่นๆๆ
####เริ่มจากวิ่งอยู่กับที่ 10 นาที แล้วไปยกดัมเบล 1 รอบๆละ 20 ครั้ง 10 รอบ ท่าละ 2 รอบ แล้วช่วงพักระหว่าง 20 วิ เราก็ใส่บอดี้เวท หรือคิกบ๊อกซ์ลงไปมันจะได้ท่าละ 15-20 ครั้งพอดี จบด้วยการโยคะแบบเบสิคเบาๆ####

****ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการออกกำลังกาย  ทำตามเค้าบ้าง แล้วเอามาปรับใช้กับตัวเอง ถ้าข้อมูลที่โพสต์ผิดพลาดไป โปรดชี้แนะ ^^  ****

นี่แหละสิ่งที่เราทำมาตลอด...ท้อมั่ง เหนื่อยมั่ง บ่นมั่ง หลุดมั่ง แต่เราก็ทำนะ แล้วจะทำต่อไปจนกว่าจะเอวลีนๆ แขนลีนๆ ขาลีนๆ นั่นแหละ อิอิ สู้ค่า สู้อยู่แล้ว ^^ ทำไปเรื่อยๆ ไม่จำกัดเวลา ไม่เร่งรีบ ^^

~ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามอยู่ที่นั่น!!~

ปอลิง : รูปที่อ้วนสุดเอวหนา 44 ไม่มีนะเออ ไม่กล้าถ่าย บอกตรงๆ กลัวตัวเอง และรับตัวเองไม่ได้อย่างแรงมากด้วย ^^

>>>>สุดท้ายขอบคุณที่ทนอ่าน....วิจารณ์กันเบาๆนะ เค้าขี้ใจน้อย<<<<
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่