Opposite Mess Hall อยู่ในซอยสุขุมวิท 56 เดินเข้าไปประมาณ 100 เมตร จะมีซอยเล็กๆทางซ้าย ร้านจะอยู่ชั้นสองบนตึกที่อยู่ตรงหัวมุมพอดี ทางขึ้นอยู่ตรงข้ามกับร้าน WTF Cafe & Gallery เดินขึ้นบันไดเล็กไปชั้น2 จะเห็นประตูร้านเลยครับ ตอนที่มาครั้งแรกตกใจกับทางเข้าไม่คิดว่าที่แบบนี้จะมีร้านอาหารอยู่ด้วยหรอ มาพูดถึงอาหารบ้างดีกว่า จุดเด่นของ Opposite Mess Hall คือเมนูที่แปลกและเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ซึ่งในแต่ละวันจะมีไม่กี่เมนู แต่ละเมนูถูกคิดและปรุงโดยเชฟชาวออสเตรเลีย Jess Barnes นอกจากอาหารแล้วยังมีเครื่องดื่มให้เลือกอีกหลากหลาย ทั้ง Cocktail, Beer และ Wine ทำให้เหมาะกับการมาสังสรรหลังเลิกงานครับ
เริ่มที่เครื่องดื่มก่อนแล้วกันกับ Cocktail แก้วแรก Pimms cup (240 B) – แก้วนี้เหมาะสำหรับดื่มก่อนอาหาร ด้วยรสชาติที่ไม่หวานมาก เปรี้ยวนิดๆ ขมหน่อยๆ หอมกลิ่นแตงกวากับมินต์ เรียกน้ำย่อยดีมากครับ
แก้วต่อมาเป็น Red Wine House (260 B) – ไวน์แดงรสชาติไม่หนักมาก หอมกลิ่นดาร์คชอคโกแลตและกลิ่นผลเบอร์รี กินคู่กับอาหารประเภทเนื้อแดงอร่อยดีครับ
Complimentary Bread – แค่ขนมปังเมนูแรกก็อร่อยแล้วครับ เนื้อขนมปังกรอบนอกนุ่มๆหนึบด้านใน
Crispy okra w pumkin aioli (180 B) – กระเจี๊ยบเขียวชุบแป้งทอดกรอบๆ เนื้อกระเจี๊ยบด้านในนิ่มๆ ทานคู่กับ pumkim aioli ที่มีกลิ่นหอมฟักทอง รสชาติเปรี้ยวๆหวานๆ อร่อยดีครับ
Bone marrow ravioli with wagyu corned beef & horseradish (450 B) – เมนูนี้ได้ความเป็นจีนผสมมาเต็มๆ ravioli ลวกมาสุกกำลังดี เสริฟพร้อมกับ เนื้อวากิวตุ๋นซีอิ๋ว เหมือนพะโล้ครับ แต่เนื้อนุ่มละลายได้เลย แปลกแต่อร่อยครับ
Buttermilk fried chicken, kimchi, spicy (! !) peanut & lime (360 B) – ไก่ทอดที่เหมือนจะธรรมดาแต่อร่อยมาก ข้างนอกกรอบแต่เนื้อด้านในยังชุ่มฉ่ำ วางอยู่บนกิมจิรสจัดจ้านและซอสถั่วรสออกเผ็ดๆเปรี้ยวๆครับ
Brunt cauliflower, walnut, yoghurt, pomegranate (300 B) – สลัดจานนี้ยังคงมีกลิ่นอายของความเป็นจีนอยู่อีกเช่นกัน ตัวดอกกะหล่ำมีรสออกเค็มๆและกลิ่นหอมของกะทะเหมือนกับการผัดแบบจีนแล้วค่อยนำมาทำเป็นสลัด เติมความเป็นสากลด้วยวอลนัท โยเกิร์ตและทับทิม ได้ความอร่อยแบบลงตัว
Smoked burrata, broccoli, bottarga (490 B) – Burrata ชีสรมควันด้านนอกพอเหลืองๆ ด้านในมีชีสผสมครีมเยิ้มๆ และเหมือนเดิมกับการผสมผสานกับรสชาติของอาหารจีน คะน้าฮ่องกงที่รสชาติคล้ายผัดน้ำมันหอย แต่พอมาอยู่คู่กับชีสก็ได้รสชาติความอร่อยที่แตกต่างไปอีกแบบ
12 hr slow roast milk fed lamb shoulder, greens & spicy sauce 1.4 kg (1,700 B) – ขาแกะย่างจานนี้อร่อยมากครับ เนื้อนุ่ม รสของเนื้อและกลิ่นของน้ำซอสเข้ากันได้ดี ถึงแม้จะยังคงรสชาติแบบจีนอยู่บ้างกับคะน้าฮ่องกงที่เสริฟมาคู่กัน แต่ก็ยังคงเข้ากันได้ดี
มาลองของหวานกันบ้าง Frozen banana terrine, choc ganache, whey caramel, pistachio (290 B) – เมนูนี้เป็นการนำกล้วยมาบดทำเป็นเทอร์รีนแล้วแช่แข็ง เสริฟคู่กับ chocolate ganache เข้มข้น ราดด้วยเวย์ คาราเมล และโรยด้วยพิสตาชิโอ ถ้าได้กลิ่นคาราเมลหอมๆอีกนิดน่าจะดี
โดยรวมแล้วอาหารแต่ละเมนูถือว่าปรุงได้อร่อยเลยครับ เพียงแต่ช่วงนี้จะออกแนวฟิวชั่นกับอาหารจีนมากหน่อย น่าจะเป็น Theme หลักของช่วงนี้ครับ แต่ที่สำคัญร้านนี้กำลังจะปิดตัวลงในวันที่ 26 กันยานี้แล้ว เพราะเชฟเจ้าของร้านกำลังจะไปเปิดร้านใหม่ชื่อ @daisymatthewsbkk ในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งคอนเซปของร้านจะเปลี่ยนไป ดังนั้นถ้าอยากลองรสชาติที่แปลกใหม่ของการผสมผสานของวัตถุดิบต่างๆกันก็ต้องรีบมาก่อนร้านปิดนะครับ
ติดตามเพิ่มเติมกันได้ที่
https://www.facebook.com/sheepsbutler
Open: Tue – Sun from 05.30PM – 12.00AM
Tel: 02 662 6330
[CR] [Sheep's Butler] เมนูสุดล้ำในร้านเล็กๆที่ Opposite Mess Hall @ Sukhumvit Soi 56
เริ่มที่เครื่องดื่มก่อนแล้วกันกับ Cocktail แก้วแรก Pimms cup (240 B) – แก้วนี้เหมาะสำหรับดื่มก่อนอาหาร ด้วยรสชาติที่ไม่หวานมาก เปรี้ยวนิดๆ ขมหน่อยๆ หอมกลิ่นแตงกวากับมินต์ เรียกน้ำย่อยดีมากครับ
แก้วต่อมาเป็น Red Wine House (260 B) – ไวน์แดงรสชาติไม่หนักมาก หอมกลิ่นดาร์คชอคโกแลตและกลิ่นผลเบอร์รี กินคู่กับอาหารประเภทเนื้อแดงอร่อยดีครับ
Complimentary Bread – แค่ขนมปังเมนูแรกก็อร่อยแล้วครับ เนื้อขนมปังกรอบนอกนุ่มๆหนึบด้านใน
Crispy okra w pumkin aioli (180 B) – กระเจี๊ยบเขียวชุบแป้งทอดกรอบๆ เนื้อกระเจี๊ยบด้านในนิ่มๆ ทานคู่กับ pumkim aioli ที่มีกลิ่นหอมฟักทอง รสชาติเปรี้ยวๆหวานๆ อร่อยดีครับ
Bone marrow ravioli with wagyu corned beef & horseradish (450 B) – เมนูนี้ได้ความเป็นจีนผสมมาเต็มๆ ravioli ลวกมาสุกกำลังดี เสริฟพร้อมกับ เนื้อวากิวตุ๋นซีอิ๋ว เหมือนพะโล้ครับ แต่เนื้อนุ่มละลายได้เลย แปลกแต่อร่อยครับ
Buttermilk fried chicken, kimchi, spicy (! !) peanut & lime (360 B) – ไก่ทอดที่เหมือนจะธรรมดาแต่อร่อยมาก ข้างนอกกรอบแต่เนื้อด้านในยังชุ่มฉ่ำ วางอยู่บนกิมจิรสจัดจ้านและซอสถั่วรสออกเผ็ดๆเปรี้ยวๆครับ
Brunt cauliflower, walnut, yoghurt, pomegranate (300 B) – สลัดจานนี้ยังคงมีกลิ่นอายของความเป็นจีนอยู่อีกเช่นกัน ตัวดอกกะหล่ำมีรสออกเค็มๆและกลิ่นหอมของกะทะเหมือนกับการผัดแบบจีนแล้วค่อยนำมาทำเป็นสลัด เติมความเป็นสากลด้วยวอลนัท โยเกิร์ตและทับทิม ได้ความอร่อยแบบลงตัว
Smoked burrata, broccoli, bottarga (490 B) – Burrata ชีสรมควันด้านนอกพอเหลืองๆ ด้านในมีชีสผสมครีมเยิ้มๆ และเหมือนเดิมกับการผสมผสานกับรสชาติของอาหารจีน คะน้าฮ่องกงที่รสชาติคล้ายผัดน้ำมันหอย แต่พอมาอยู่คู่กับชีสก็ได้รสชาติความอร่อยที่แตกต่างไปอีกแบบ
12 hr slow roast milk fed lamb shoulder, greens & spicy sauce 1.4 kg (1,700 B) – ขาแกะย่างจานนี้อร่อยมากครับ เนื้อนุ่ม รสของเนื้อและกลิ่นของน้ำซอสเข้ากันได้ดี ถึงแม้จะยังคงรสชาติแบบจีนอยู่บ้างกับคะน้าฮ่องกงที่เสริฟมาคู่กัน แต่ก็ยังคงเข้ากันได้ดี
มาลองของหวานกันบ้าง Frozen banana terrine, choc ganache, whey caramel, pistachio (290 B) – เมนูนี้เป็นการนำกล้วยมาบดทำเป็นเทอร์รีนแล้วแช่แข็ง เสริฟคู่กับ chocolate ganache เข้มข้น ราดด้วยเวย์ คาราเมล และโรยด้วยพิสตาชิโอ ถ้าได้กลิ่นคาราเมลหอมๆอีกนิดน่าจะดี
โดยรวมแล้วอาหารแต่ละเมนูถือว่าปรุงได้อร่อยเลยครับ เพียงแต่ช่วงนี้จะออกแนวฟิวชั่นกับอาหารจีนมากหน่อย น่าจะเป็น Theme หลักของช่วงนี้ครับ แต่ที่สำคัญร้านนี้กำลังจะปิดตัวลงในวันที่ 26 กันยานี้แล้ว เพราะเชฟเจ้าของร้านกำลังจะไปเปิดร้านใหม่ชื่อ @daisymatthewsbkk ในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งคอนเซปของร้านจะเปลี่ยนไป ดังนั้นถ้าอยากลองรสชาติที่แปลกใหม่ของการผสมผสานของวัตถุดิบต่างๆกันก็ต้องรีบมาก่อนร้านปิดนะครับ
ติดตามเพิ่มเติมกันได้ที่ https://www.facebook.com/sheepsbutler
Open: Tue – Sun from 05.30PM – 12.00AM
Tel: 02 662 6330