พอดีลองผิดลองถูกมาแล้วได้ผลดีเลยอยากมาแชร์หน่อย ใครลองทำแล้วเห็นผลก็มาบอกด้วยนะครับ แต่ถ้าใครทำตามแล้วไม่เห็นผลก็ถือว่าอ่านเอาสนุกละกันนะครับ 555
การทำสมาธิในขั้นต้นนั้นเมื่อจิตรวมย่อมมีกำลัง ซึ่งกำลังนั้นจะส่งออกมาทางกาย เป็นปิติ ปิติที่แสดงออกมาเหมือนน้ำพุที่ไม่มีทางออก และน้ำพุนั้นก็จะพยายามดันออกมา ถ้านิดหน่อยก็ออกเป็นขนลุกบ้าง น้ำตาไหลปริ่มๆบ้าง แต่ถ้ามากขึ้นอีก ตัวก็จะเริ่มโยกช้าๆ จนเร็วขึ้นๆ ซึ่งตรงจุดนี้เราก็พอวัดได้ระดับนึงว่า สมาธิเรามีกำลังขนาดไหน โดยวัดจากปิติที่เกิด บางคนแค่คิดถึงอารมณ์สมาธิ มือเท้าก็สั่นแรง กายก็สั่นแรงไม่หยุด
เข้าเรื่องเลย นอกจากกำลังจากสมาธิเราที่ทำให้เกิดปิติแล้ว เรายังสามารถใช้ตัวช่วยอื่นๆในการทำสมาธิให้เกิดปิติได้เร็วขึ้น รุนแรงขึ้นได้ ซึ่งเท่าที่ผมลองดูก็มี
1) พระเครื่อง ก่อนหน้านี้ผมไม่สนใจเรื่องพระเครื่องเลยด้วยซ้ำ เพราะผมก็คิดว่าคนเราทำอะไรก็อยู่ที่ตัวเรา ใส่พระจะช่วยอะไรได้ แถมวินัยก็มีไว้ว่าการทำเครื่องรางของขลังผิดวินัยสงฆ์ ผมก็เลยไม่ได้สนใจในช่วงแรกเหมือนกัน แต่แม่ชอบให้ลองจับพระเครื่องดูว่าอันไหนขลังไม่ขลัง ก็เลยพบว่า พระเครื่องนั้นท่านช่วยส่งกำลังให้เราด้วย กำลังสมาธิของเรา + กำลังของพระเครื่อง จะช่วยให้เกิดปิติแรงขึ้นมาก (ซึ่งถ้าพระเครื่องที่ปลูกเสกมาดีก็จะช่วยเราได้มาก เช่น สมเด็จวัดระฆัง หรืออื่นๆ ไม่ได้อยากให้ไปเสาะหามา จนเป็นความอยากนะครับ ใครมีอะไรก็ใช้อย่างนั้นไป)
2) สถานที่ การนั่งสมาธิ หน้าห้องพระ หรือถ้าได้ไปนั่งที่วัดแล้วนอกจากช่วยให้ใจสงบมากกว่าการนั่งที่บ้านแล้ว วัดก็เป็นสถานที่ช่วยเราได้มาก อย่างที่พี่เคเคยว่าไว้ว่า ไปนั่งที่วัดหลวงพ่อไก่ แล้วเหมือนว่ากำลังของหลวงพ่อมาช่วยเราด้วย ซึ่งก็ช่วยให้สมาธิเข้าได้เร็วขึ้นมาก เพราะกำลังสมาธิของเรา + กำลังของสถานที่ + อื่นๆอีกมากมายที่เป็นด้านบวกช่วยเรา
3) อันนี้ เพิ่งเจอมาเหมือนกัน ผมว่าอาจจะรุนแรงกว่า 2 ข้อแรกเยอะเลย ก็คือ ซีรี่ส์พระพุทธเจ้าที่ฉายในขณะนี้ ตอนแรกดูๆผ่านๆ ทำไม น้ำตาไหลหว่า พอดูในเฟซบุคเพจที่เกี่ยวกับซีรีส์นี้ ทุกคนโพสเหมือนกันหมดว่าน้ำตาไหลไม่หยุดบ้าง ก้มกราบโดยไม่รู้ตัวบ้าง คือปิติพรั่งพรูออกมามาก ซึ่งปิติจากเพลงตอนจบถ้าทำสมาธิไปด้วยนี่ช่วยได้มากสุดๆ ยิ่งช่วงตอนที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้นี่เวลาทำสมาธิไปด้วยยังกับมีระเบิดในร่างกาย ที่อยากจะระเบิดมันออกมาจริงๆ
จากข้อ3นี่ทำให้ผมเข้าใจเลยว่าทำไม สมัยก่อนบรรลุกันง่ายจัง เพราะแค่ซีรีส์นี้เป็นแค่ตัวแทนของพระพุทธเจ้าท่าน ยังส่งกำลังให้เรามามากขนาดนี้ ถ้าเป็นตัวจริงเสียงจริงนี่ จะส่งกำลังมาช่วยเรามากขนาดไหน บวกกับคนสมัยนั้นก็บารมีมากอยู่แล้ว คำพูดคำเดียวก็จบเลย
ปล.ถ้าใครข้ามปิติไปแล้วก็ใช้3ข้อนี้ช่วยได้เหมือนกันนะครับ
การทำสมาธิ ก็เหมือนการปั่นไฟเก็บไว้ในแบตเตอรี่ เมื่อทำบ่อยเราย่อมปั่นไฟได้เร็วขึ้นเพราะสมาธิเราสูงขึ้น และไฟที่เราปั่นมาได้นั้นที่สำคัญเราควรเอาไปใช้ตัดหญ้าในบ้านให้บ่อยๆ จนหญ้าไม่สามารถขึ้นมาได้อีก แต่บางคนก็อาจจะเอาไฟไปใช้ขับรถเที่ยวเล่นข้างนอกบ้าง หรือ แบ่งไฟให้ข้างบ้านใช้บ้าง ช่วยเหลือคนอื่นบ้างก็คงไม่ผิดมากมั้งนะ 555 แล้วแต่คนว่าจะรีบขนาดไหน
สุดท้าย อยากให้หมั่นทำสมาธิทุกวันกันดีกว่า ร่างกายจะมีกำลังมากได้ก็ต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ จิตจะมีกำลังมากได้ก็ต้องออกกำลังจิตให้สม่ำเสมอเช่นกัน
ตัวช่วยในการทำสมาธิ
การทำสมาธิในขั้นต้นนั้นเมื่อจิตรวมย่อมมีกำลัง ซึ่งกำลังนั้นจะส่งออกมาทางกาย เป็นปิติ ปิติที่แสดงออกมาเหมือนน้ำพุที่ไม่มีทางออก และน้ำพุนั้นก็จะพยายามดันออกมา ถ้านิดหน่อยก็ออกเป็นขนลุกบ้าง น้ำตาไหลปริ่มๆบ้าง แต่ถ้ามากขึ้นอีก ตัวก็จะเริ่มโยกช้าๆ จนเร็วขึ้นๆ ซึ่งตรงจุดนี้เราก็พอวัดได้ระดับนึงว่า สมาธิเรามีกำลังขนาดไหน โดยวัดจากปิติที่เกิด บางคนแค่คิดถึงอารมณ์สมาธิ มือเท้าก็สั่นแรง กายก็สั่นแรงไม่หยุด
เข้าเรื่องเลย นอกจากกำลังจากสมาธิเราที่ทำให้เกิดปิติแล้ว เรายังสามารถใช้ตัวช่วยอื่นๆในการทำสมาธิให้เกิดปิติได้เร็วขึ้น รุนแรงขึ้นได้ ซึ่งเท่าที่ผมลองดูก็มี
1) พระเครื่อง ก่อนหน้านี้ผมไม่สนใจเรื่องพระเครื่องเลยด้วยซ้ำ เพราะผมก็คิดว่าคนเราทำอะไรก็อยู่ที่ตัวเรา ใส่พระจะช่วยอะไรได้ แถมวินัยก็มีไว้ว่าการทำเครื่องรางของขลังผิดวินัยสงฆ์ ผมก็เลยไม่ได้สนใจในช่วงแรกเหมือนกัน แต่แม่ชอบให้ลองจับพระเครื่องดูว่าอันไหนขลังไม่ขลัง ก็เลยพบว่า พระเครื่องนั้นท่านช่วยส่งกำลังให้เราด้วย กำลังสมาธิของเรา + กำลังของพระเครื่อง จะช่วยให้เกิดปิติแรงขึ้นมาก (ซึ่งถ้าพระเครื่องที่ปลูกเสกมาดีก็จะช่วยเราได้มาก เช่น สมเด็จวัดระฆัง หรืออื่นๆ ไม่ได้อยากให้ไปเสาะหามา จนเป็นความอยากนะครับ ใครมีอะไรก็ใช้อย่างนั้นไป)
2) สถานที่ การนั่งสมาธิ หน้าห้องพระ หรือถ้าได้ไปนั่งที่วัดแล้วนอกจากช่วยให้ใจสงบมากกว่าการนั่งที่บ้านแล้ว วัดก็เป็นสถานที่ช่วยเราได้มาก อย่างที่พี่เคเคยว่าไว้ว่า ไปนั่งที่วัดหลวงพ่อไก่ แล้วเหมือนว่ากำลังของหลวงพ่อมาช่วยเราด้วย ซึ่งก็ช่วยให้สมาธิเข้าได้เร็วขึ้นมาก เพราะกำลังสมาธิของเรา + กำลังของสถานที่ + อื่นๆอีกมากมายที่เป็นด้านบวกช่วยเรา
3) อันนี้ เพิ่งเจอมาเหมือนกัน ผมว่าอาจจะรุนแรงกว่า 2 ข้อแรกเยอะเลย ก็คือ ซีรี่ส์พระพุทธเจ้าที่ฉายในขณะนี้ ตอนแรกดูๆผ่านๆ ทำไม น้ำตาไหลหว่า พอดูในเฟซบุคเพจที่เกี่ยวกับซีรีส์นี้ ทุกคนโพสเหมือนกันหมดว่าน้ำตาไหลไม่หยุดบ้าง ก้มกราบโดยไม่รู้ตัวบ้าง คือปิติพรั่งพรูออกมามาก ซึ่งปิติจากเพลงตอนจบถ้าทำสมาธิไปด้วยนี่ช่วยได้มากสุดๆ ยิ่งช่วงตอนที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้นี่เวลาทำสมาธิไปด้วยยังกับมีระเบิดในร่างกาย ที่อยากจะระเบิดมันออกมาจริงๆ
จากข้อ3นี่ทำให้ผมเข้าใจเลยว่าทำไม สมัยก่อนบรรลุกันง่ายจัง เพราะแค่ซีรีส์นี้เป็นแค่ตัวแทนของพระพุทธเจ้าท่าน ยังส่งกำลังให้เรามามากขนาดนี้ ถ้าเป็นตัวจริงเสียงจริงนี่ จะส่งกำลังมาช่วยเรามากขนาดไหน บวกกับคนสมัยนั้นก็บารมีมากอยู่แล้ว คำพูดคำเดียวก็จบเลย
ปล.ถ้าใครข้ามปิติไปแล้วก็ใช้3ข้อนี้ช่วยได้เหมือนกันนะครับ
การทำสมาธิ ก็เหมือนการปั่นไฟเก็บไว้ในแบตเตอรี่ เมื่อทำบ่อยเราย่อมปั่นไฟได้เร็วขึ้นเพราะสมาธิเราสูงขึ้น และไฟที่เราปั่นมาได้นั้นที่สำคัญเราควรเอาไปใช้ตัดหญ้าในบ้านให้บ่อยๆ จนหญ้าไม่สามารถขึ้นมาได้อีก แต่บางคนก็อาจจะเอาไฟไปใช้ขับรถเที่ยวเล่นข้างนอกบ้าง หรือ แบ่งไฟให้ข้างบ้านใช้บ้าง ช่วยเหลือคนอื่นบ้างก็คงไม่ผิดมากมั้งนะ 555 แล้วแต่คนว่าจะรีบขนาดไหน
สุดท้าย อยากให้หมั่นทำสมาธิทุกวันกันดีกว่า ร่างกายจะมีกำลังมากได้ก็ต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ จิตจะมีกำลังมากได้ก็ต้องออกกำลังจิตให้สม่ำเสมอเช่นกัน