กระทู้นี้เป็นกระทู้แบ่งปันวิธีลดน้ำหนักที่จขกทได้เคยศึกษามาและจากประสบการณ์ของตัวเอง แต่เอามาเขียนรวบรวมให้คนที่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงได้อ่านกัน ข้อมูลพวกนี้จริงๆแล้วเป็นข้อมูลที่มีคนเคยเอามาแชร์เยอะแยะมากมายในพันทิป ข้อมูลส่วนใหญ่จขกทก็ได้จากเพื่อนๆในพันทิปนี่แหละค่ะ
ยาวหน่อยนะคะ ถ้าขึ้เกียจอ่าน เลื่อนลงไปตรงคอมเม้นเลยก็ได้ค่ะ แล้วดูการกินกับการออกกำลังกายของจขกททีเดียวเลยก็ได้
ปล.ทู้นี้ส่งตรงไปยังคุณเพื่อน ว่าที่เจ้าสาวเดือนพ.ย.ที่จะถึงนี้ ที่ขยันไลน์มาถามวิธีลดน้ำหนักยิกๆ งานแต่งคราได้ได้เป็นแค่เพื่อนเจ้าสาว เศร้าแพ๊พ

จริงๆแล้วการลดน้ำหนักไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าเราปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมที่ยึดติดกับการลดน้ำหนักแบบผิดๆ หรือถ้าคุณเคยอดอาหารหรือกินยาลดความอ้วนมาแล้ว ลองเปิดใจใช้วิธีนี้ดูบ้างก็ได้ค่ะ
มาดูรูปปัจจุบันกันก่อน
เปรียบเทียบตอนน้ำหนัก 57 VS 55
3 ข้อง่ายๆ ในการลดน้ำหนักแต่ได้ผลจริง
ข้อ 1 ปรับเปลี่ยนความคิด
อยากผอมไม่มีทางลัด ยอมรับว่าการลดน้ำหนักต้องใช้เวลา
กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียว ลดความอ้วนก็ไม่ได้ใช้เวลาเป็นวันหรืออาทิตย์

ไขมันที่อยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิต จะสลัดให้หลุดภายในไม่กี่วันเป็นไม่ได้หรอกค่ะ สำหรับคนที่ถามหาวิธีลดความน้ำหนักแบบเร่งด่วน สูตร 7 วัน 10 วันไม่มีจริงค่ะ การลดน้ำหนักที่ถูกวิธีใช้ใช้เวลาเป็นเดือนๆ กว่าจะเห็นผลลัพธ์ จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความตั้งใจและความมีวินัยทั้งการกินและการออกกำลังกาย
ถ้าไม่นับ 1 แล้วเมื่อไหร่จะถึง 10
บางคนนั่งหาวิธีลดความอ้วนมาตั้งนานสองนานแต่ก็ยังไม่เคยได้เริ่มทำซักที แต่พอรู้ว่าการที่จะผอมด้วยการออกกำลังกายและควบคุมอาหารใช้เวลานานหลายเดือนกว่าจะเห็นผลก็ยอมแพ้ซะแล้ว ลองคิดว่าเราอยากผอมมานานเท่าไหร่แล้ว กี่เดือน กี่ปี ถ้าเริ่มออกกำลังกายตั้งแต่ 6 เดือนที่แล้ว ตอนนี้ก็คงกำลังนั่งมีความสุขกับไขมันที่หายไปและสุขภาพที่ดีขึ้น สิ่งที่ยากที่สุดก็คือการเริ่มนี่ล่ะค่ะ แต่ถ้าไม่เริ่มเดินแล้วเมื่อไหร่จะถึงเส้นชัย
สิ่งสำคัญคือความตั้งใจที่จะเปลี่ยนตัวเองไปในทางที่ดี ทุกคนรักตัวเอง แต่อยากให้รักเพิ่มขึ้นอีกนิด ให้พอที่ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง เรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกาย ไปฟิตเนส ไม่มีใครลากใครไปได้หรอกค่ะ อย่างมากก็ได้แค่ชวน ฉะนั้นอยู่ที่ความตั้งใจล้วนๆ
อย่าหักดิบ
สำหรับการเริ่มต้นลดน้ำหนัก บางคนก็คึกมาก เคร่งซะจนเครียดเพราะอยากเห็นผลไว้ หรือบางคนก็อาลัยอาวรณ์กับอาหารโปรด อย่างกลัวว่าจะไม่ได้กินเค้ก กินไอติมอีกแล้ว ต้องไปสวาปามทุกอย่างให้พอก่อนจะเริ่มลดน้ำหนักจริงจัง บางคนเครียด ท้อเพราะคิดว่าต่อไปนี้ต้องกินข้าวกล้องตลอดชีวิต
โปรดหยุดคิด ยังกินได้อยู่ค่าา เมื่อไหร่ที่คุณอยากกิน คุณก็ยังกินได้ เพียงแค่ค่อยๆ ลดความบ่อยลง เลือกกินให้มากขึ้น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แค่นี้ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้วค่ะ
อย่าหักโหม
ก้าวช้าๆ บางวันเดินไม่ถึงก้าวแต่ก็ยังดีกว่าหยุดเดินใช่มั้ยคะ อ่านเสร็จแล้วค่อยๆ นำไปปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเองค่ะ ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องนับวันนับคืน โฟกัสแต่ผลลัพธ์ เช่นชั้นจะต้องลดเดือนละ 5 โลหรือชั้นจะต้องมี six pack ภายใน 3 เดือนแค่ตั้งเป้าหมายก็เครียดละ หรือไม่ต้องกังวลว่า อุ้ย วันนี้ไม่ได้ทำอย่างนี้ วันนี้ไม่ได้ทำอย่างนั้น หรือวันนี้กินไอ้นี่เข้าไป กินไอ้นั่นเข้าไป ไม่เป็นไรค่ะ ค่อยๆ ทำไปทีละเล็กทีละน้อย
เราเริ่มวันใหม่ให้ดีกว่าเดิมได้ทุกวัน
challenge ตัวเองด้วยเป้าหมายเล็กๆ ก่อน
การตั้งเป้าหมายที่ใหญ่เกินไปอาจจะทำให้ท้อได้ เพราะจะเป็นการกดดันตัวเองเกินไป ทำให้เครียดและไม่อยากทำต่อ
มี challenge แนะนำสำหรับคนที่กำลังจะเริ่มนะคะ ลองเลือกดูว่าอันไหนพอจะทำสำเร็จ แล้วค่อยๆ ตั้งเป้าหมายให้ยากขึ้นค่ะ
7 day challenge กินอาหาร healthy ให้ได้ 1 มื้อทุกวัน ในหนึ่งอาทิตย์
7 day challenge กินอาหาร healthy ทุกมื้อวันเว้นวัน ในหนึ่งอาทิตย์
7 day challenge ออกกำลังกายให้ได้ 3 วัน ในหนึ่งอาทิตย์
แต่ถ้าทำไม่ได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ก็ไม่ต้องนั่งร้องห่มร้องไห้เสียใจไป พยายามทำให้ครบตามเป้าก็พอ
ข้อ 2 การเลือกทานอาหาร ปัจจัยสำคัญของการลดน้ำหนัก
อาหารที่ควรงด น้ำอัดลม ขนมกรุบกรอบ พวกน้ำหวานต่างๆ อาหารที่มีโซเดียมสูง ของทอด ของมัน
ของพวกนี้ค่อยๆ ลดปริมาณ ลดความถี่ที่กิน แล้ววันนึงเราจะเลิกอยากไปเองค่ะ
ดื่มน้ำเยอะๆ ความดีงามของน้ำมีมากมายสาธยายไม่หมด ควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้ว ทำยากใช่มั้ยคะ เดี๋ยวจขกทมีเคล็ดลับการดื่มน้ำมาฝากค่ะ
อดอาหารไม่ได้ทำให้ผอม เลือกกินอาหารไม่ทำให้อ้วน
ทำไมอดอาหารถึงไม่ได้ทำให้ผอม บางคนอาจจะเถึยงว่าไม่จริง ชั้นอดข้าว ชั้นยังผอมเลย ใช่ค่ะ แต่ก็ดูผอมหรือน้ำหนักลดลงเฉพาะช่วงที่อด เพราะสิ่งที่หายไปคือน้ำและมวลกล้ามเนื้อ ส่วนไขมัน ร่างกายยังเก็บไว้เหมือนเดิม เพราะไขมันเป็นสิ่งสุดท้ายที่ร่างกายจะนำไปใช้ เมื่อไหร่ที่กลับมากินเหมือนเดิม ร่างกายจะรีบสะสมพลังงานไว้ ไม่ค่อยเผาผลาญ เพราะมันกลัวจะต้องอดอีก นั่นคือสิ่งที่เราเรียกว่าโยโย่ฉะนั้นการอดอาหารไม่ว่าอดเองหรือใช้ยาลดความอ้วน ก็ไม่ได้ทำให้ไขมันหายไป
อดอาหารไม่ได้ลดไขมัน ถ้าจะลดไขมันต้อง burn ออกโดยการออกกำลังเท่านั้นค่ะ
กินอาหารให้ครบทุกมื้อ
สำหรับคนที่บอกตัวเองว่าชั้นกินอาหารทุกมื้อ คุณต้องดูปริมาณและประเภทของอาหารด้วย ว่าเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายรึเปล่า ไข่ต้มหนึ่งฟองตอนเช้า เที่ยงกินแต่ผักต้มหรือสลัดหรือกินแต่กับ ไม่กินแป้ง แอปเปิ้ลหนึ่งลูกตอนเย็น ทั้งหมดทั้งมวลนี่นับจริงๆ ยังไม่ได้หนึ่งมื้อเลย เราอาจจะหลอกตัวเองว่ากินครบ 3 มื้อแต่หลอกร่างกายไม่ได้หรอกค่ะ เมื่อร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอมันจะจำไว้ เมื่อไหร่ที่เรากลับไปกินแบบเดิมผลก็คือโยโย่เหมือนกัน ยิ่งคนที่ออกกำลังกายด้วย คุณอาจจะผอมลง เพราะ burn ไขมันออกด้วยก็จริง แต่เวลาที่คุณออกกำลังกายไม่ใช่แค่ไขมันที่ถูก burn แต่กล้ามเนื้อก็ถูกทำลายด้วย ฉะนั้นถึงคุณจะเวท คุณก็ไม่เฟิร์ม เพราะคุณไม่ได้กินอาหารเพื่อไปซ่อมแซมและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หมู่ 1 โปรตีน ได้จากการทานเนื้อสัตว์ เนื้อปลา ไข่ ถั่วชนิดต่างๆ นม เลือกทานเนื้อสัตว์ส่วนที่มีไขมันน้อยเช่น อกไก่ แทนเนื้อน่องหรือเนื้อสะโพก เนื้อปลา เลือกทานนมจืด 0% หรือน้ำเต้าหู้หวานน้อย
หมู่ 2 คาร์บ หรือพวกแป้ง การลดน้ำหนักแบบงดแป้งเป็นวิธีที่ผิดนะคะ เพราะร่างกายเรายังต้องการพลังงานจากแป้ง เพราะฉะนั้นควรเลือกทานคาร์บที่ดี เช่นข้าวกล้อง หรือแป้งโฮลวีท ส่วนปริมาณปรับตามการใช้พลังงานของแต่ละคน เช่นคนที่ไม่ค่อยได้ใช้พลังงานหรือออกกำลังกายน้อย ก็อาจจะลดปริมาณลง แต่อย่างดไปเลย
หมู่ 3 เกลือแร่ ได้จากการทานผักชนิดต่างๆ และอาหารทะเล ในอาหารหนึ่งมื้อควรมีผักอยู่ด้วยครึ่งหนึ่ง เช่นสลัด หรือผักต้ม ผักนึ่ง แต่ถ้าไม่สะดวกทุกมื้อ ก็พยายามทานให้ได้ในหนึ่งวัน
หมู่ 4 วิตามิน ได้จากการทานผลไม้ชนิดต่างๆ เลือกผลไม้ที่หวานน้อยหน่อยก็ดีค่ะ
หมู่ 5 ไขมัน ถึงแม้เราควรจะงดของทอด ของมัน แต่ไขมันก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกาย อย่างช่วยในเรื่องของผิวพรรณและเส้นผม รวมทั้งยังช่วยให้ขนาดหน้าอกของสาวๆ ที่ชอบออกกำลังกายไม่ลดฮวบทีเดียว แหล่งไขมันที่ดีได้แก่ ปลาแซลมอน ไข่ อโวคาโด ถั่วและน้ำมันมะกอก ส่วนไขมันที่ควรเลี่ยงก็คือไขมันจากสัตว์ รวมถึงส่วนหนังของเนื้อต่างๆด้วยค่ะ
สรุปเรื่องอาหาร
คนที่ควบคุมอาหารและไม่ได้ออกกำลังบ่อย นอกจากทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่แล้วก็อาจจะลดปริมาณคาร์บและเพิ่มปริมาณผัก ผลไม้ให้มากขึ้น
คนที่ออกกำลังกายหนัก เน้นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เช่นเวทเทรนนิ่ง ควรเพิ่มปริมาณโปรตีน เพราะร่างกายต้องการนำไปซ่อมแซมและเสริมสร้างกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกาย
เมื่อไหร่ที่ปรับเปลี่ยนอาหารการกินจนเริ่มอยู่ตัวแล้ว ขั้นต่อไปก็ค่อยศึกษาเรื่อง cal, BMR, TDEE ค่ะ
ข้อ 3 ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายมีหลายเป้าหมายแตกต่างกันไป ซึ่งมีทั้งลดไขมันและเน้นสร้างกล้ามเนื้อ
ประเภทที่ 1 ลดไขมัน คนที่มีเป้าหมายลดไขมันควรเน้น cardio หรือ fat burn
ง่ายๆ คือการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องในอัตราการเต้นของหัวใจที่เหมาะสมต่อการ burn ไขมัน ต่อเนื่องในทีนี้อาจจะประมาณ 20-40 นาทีขึ้นไปแล้วแต่คนและประเภทการออกกำลังกาย
อ่านเรื่อง cardio กับ fat burn เพิ่ม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://pantip.com/topic/30169444
การออกกำลังกายแบบ cardio หรือ fat burn ถ้าเป็นสมาชิกฟิตเนสอยู่แล้ว ก็สามารถวิ่งบนลู่วิ่ง ปั่นจักรยานหรือเครื่อง Elliptical แต่ถ้าไม่มีเครื่องเล่นพวกนี้สามารถวิ่งหรือเดินเร็ว หรือจะเปิดวิดีโอจากยูทูปทำเองที่บ้านก็ยังได้ โดยใส่คำว่า cardio workout เข้าไป อย่างเช่นคลิปนี้ค่ะ
สำหรับคนที่น้ำหนักตัวมากควรเริ่มออกกำลังกายแบบ cardio หรือ fat burn ควบคู่กับการควบคุมอาหาร เพื่อให้น้ำหนักตัวน้อยลงประมาณหนึ่งก่อนเพื่อความปลอดภัยทั้งกับเข่าและพวกข้อต่อต่างๆ และควรเริ่มจากเครื่อง Elliptical เพราะเครื่องนี้จะมีแรงกระแทกน้อย พอน้ำหนักตัวลดลงแล้ว ค่อยเปลี่ยนมาเดินเร็วหรือจักรยานแล้วค่อยวิ่ง เมื่อลดน้ำหนักได้ถึงระดับหนึ่งแล้ว ควรเริ่มเล่นเวทเพื่อสร้างกล้ามเนื้อซึ่งมันจะช่วยให้เนื้อตัวกระชับ เพิ่มกล้ามเนื้อ และช่วยให้ผิวหนังไม่ย้วยหลังจากที่ลดไขมันออกไปแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เครื่อง Elliptical
ประเภทที่ 2 คนที่เน้นเสริมสร้างกล้ามเนื้อ คนที่มีเป้าหมายอยากสร้างกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เช่นแขน หน้าท้อง หรือก้น ควรเน้นออกกำลังกายแบบ เวท เทรนนิ่ง แต่การที่จะเห็นกล้ามเนื้อชัดเจน ไม่ใช่แค่เล่นเวทแล้วจะเห็นทันที นอกจากจะเป็นคนที่ผอมและมีเปอร์เซ็น body fat น้อยอยู่แล้ว เพราะกล้ามเนื้อมันอยู่ใต้ไขมัน ถ้าเรายังมีไขมันสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ก็ต้องเวท ควบคู่กับ cardio ไปด้วย เพื่อลดไขมันถึงจะค่อยๆเห็นกล้ามเนื้อชัดขึ้น
ถ้าออกกำลังกาย 2 แบบนี้ควบคู่กัน จะทำให้เห็นผลเร็วกว่าทำอย่างใดอย่างหนึ่งค่ะ
จริงๆ การออกกำลังกายแบบไหนก็เป็นช่วยให้สุขภาพแข็งแรงและช่วย burn ไขมันได้ อย่างตีแบต ตีเทนนิส ว่ายน้ำ บาส ฟุตบอล เลือกออกกำลังที่เราชอบจะได้ทำได้นานๆ ค่ะ เพราะความสม่ำเสมอสำคัญกว่าออกกำลังกายหนักๆ แต่นานๆทีนะคะ
ถ้าใครอ่านแล้วยังมึนงงอยู่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ก็ก๊อปการกินอาหารกับการออกกำลังกายของจขกทต่อได้ในคอมเม้นย่อยนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขอเพิ่มข้อมูลเพจ ที่เพิ่งตั้งวันนี้
เพราะมีถามเรื่องเฟซกับ IG แต่ไม่ค่อยสะดวกค่ะ เพราะสองอย่างนี้จะโพสชีวิตส่วนตัวด้วย ถ้าจะโพสเรื่องออกกำลังกายจริงจัง เพื่อนบางคนอาจจะแอบไม่อยากรู้ ก็เลยตั้งเพจแยกออกมาดีกว่า เพจนี้จะแชร์อาหารที่ทาน การออกกำลังกาย และตารางออกกำลังกายค่ะ
https://www.facebook.com/tohfaai
คนที่อยากลดน้ำหนักหรือลดสัดส่วนแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง เชิญกระทู้นี้ค่ะ
ยาวหน่อยนะคะ ถ้าขึ้เกียจอ่าน เลื่อนลงไปตรงคอมเม้นเลยก็ได้ค่ะ แล้วดูการกินกับการออกกำลังกายของจขกททีเดียวเลยก็ได้
ปล.ทู้นี้ส่งตรงไปยังคุณเพื่อน ว่าที่เจ้าสาวเดือนพ.ย.ที่จะถึงนี้ ที่ขยันไลน์มาถามวิธีลดน้ำหนักยิกๆ งานแต่งคราได้ได้เป็นแค่เพื่อนเจ้าสาว เศร้าแพ๊พ
จริงๆแล้วการลดน้ำหนักไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าเราปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมที่ยึดติดกับการลดน้ำหนักแบบผิดๆ หรือถ้าคุณเคยอดอาหารหรือกินยาลดความอ้วนมาแล้ว ลองเปิดใจใช้วิธีนี้ดูบ้างก็ได้ค่ะ
3 ข้อง่ายๆ ในการลดน้ำหนักแต่ได้ผลจริง
อยากผอมไม่มีทางลัด ยอมรับว่าการลดน้ำหนักต้องใช้เวลา
กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียว ลดความอ้วนก็ไม่ได้ใช้เวลาเป็นวันหรืออาทิตย์
ไขมันที่อยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิต จะสลัดให้หลุดภายในไม่กี่วันเป็นไม่ได้หรอกค่ะ สำหรับคนที่ถามหาวิธีลดความน้ำหนักแบบเร่งด่วน สูตร 7 วัน 10 วันไม่มีจริงค่ะ การลดน้ำหนักที่ถูกวิธีใช้ใช้เวลาเป็นเดือนๆ กว่าจะเห็นผลลัพธ์ จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความตั้งใจและความมีวินัยทั้งการกินและการออกกำลังกาย
ถ้าไม่นับ 1 แล้วเมื่อไหร่จะถึง 10
บางคนนั่งหาวิธีลดความอ้วนมาตั้งนานสองนานแต่ก็ยังไม่เคยได้เริ่มทำซักที แต่พอรู้ว่าการที่จะผอมด้วยการออกกำลังกายและควบคุมอาหารใช้เวลานานหลายเดือนกว่าจะเห็นผลก็ยอมแพ้ซะแล้ว ลองคิดว่าเราอยากผอมมานานเท่าไหร่แล้ว กี่เดือน กี่ปี ถ้าเริ่มออกกำลังกายตั้งแต่ 6 เดือนที่แล้ว ตอนนี้ก็คงกำลังนั่งมีความสุขกับไขมันที่หายไปและสุขภาพที่ดีขึ้น สิ่งที่ยากที่สุดก็คือการเริ่มนี่ล่ะค่ะ แต่ถ้าไม่เริ่มเดินแล้วเมื่อไหร่จะถึงเส้นชัย
สิ่งสำคัญคือความตั้งใจที่จะเปลี่ยนตัวเองไปในทางที่ดี ทุกคนรักตัวเอง แต่อยากให้รักเพิ่มขึ้นอีกนิด ให้พอที่ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง เรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกาย ไปฟิตเนส ไม่มีใครลากใครไปได้หรอกค่ะ อย่างมากก็ได้แค่ชวน ฉะนั้นอยู่ที่ความตั้งใจล้วนๆ
อย่าหักดิบ
สำหรับการเริ่มต้นลดน้ำหนัก บางคนก็คึกมาก เคร่งซะจนเครียดเพราะอยากเห็นผลไว้ หรือบางคนก็อาลัยอาวรณ์กับอาหารโปรด อย่างกลัวว่าจะไม่ได้กินเค้ก กินไอติมอีกแล้ว ต้องไปสวาปามทุกอย่างให้พอก่อนจะเริ่มลดน้ำหนักจริงจัง บางคนเครียด ท้อเพราะคิดว่าต่อไปนี้ต้องกินข้าวกล้องตลอดชีวิต
โปรดหยุดคิด ยังกินได้อยู่ค่าา เมื่อไหร่ที่คุณอยากกิน คุณก็ยังกินได้ เพียงแค่ค่อยๆ ลดความบ่อยลง เลือกกินให้มากขึ้น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แค่นี้ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้วค่ะ
อย่าหักโหม
ก้าวช้าๆ บางวันเดินไม่ถึงก้าวแต่ก็ยังดีกว่าหยุดเดินใช่มั้ยคะ อ่านเสร็จแล้วค่อยๆ นำไปปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเองค่ะ ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องนับวันนับคืน โฟกัสแต่ผลลัพธ์ เช่นชั้นจะต้องลดเดือนละ 5 โลหรือชั้นจะต้องมี six pack ภายใน 3 เดือนแค่ตั้งเป้าหมายก็เครียดละ หรือไม่ต้องกังวลว่า อุ้ย วันนี้ไม่ได้ทำอย่างนี้ วันนี้ไม่ได้ทำอย่างนั้น หรือวันนี้กินไอ้นี่เข้าไป กินไอ้นั่นเข้าไป ไม่เป็นไรค่ะ ค่อยๆ ทำไปทีละเล็กทีละน้อย เราเริ่มวันใหม่ให้ดีกว่าเดิมได้ทุกวัน
challenge ตัวเองด้วยเป้าหมายเล็กๆ ก่อน
การตั้งเป้าหมายที่ใหญ่เกินไปอาจจะทำให้ท้อได้ เพราะจะเป็นการกดดันตัวเองเกินไป ทำให้เครียดและไม่อยากทำต่อ
มี challenge แนะนำสำหรับคนที่กำลังจะเริ่มนะคะ ลองเลือกดูว่าอันไหนพอจะทำสำเร็จ แล้วค่อยๆ ตั้งเป้าหมายให้ยากขึ้นค่ะ
7 day challenge กินอาหาร healthy ให้ได้ 1 มื้อทุกวัน ในหนึ่งอาทิตย์
7 day challenge กินอาหาร healthy ทุกมื้อวันเว้นวัน ในหนึ่งอาทิตย์
7 day challenge ออกกำลังกายให้ได้ 3 วัน ในหนึ่งอาทิตย์
แต่ถ้าทำไม่ได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ก็ไม่ต้องนั่งร้องห่มร้องไห้เสียใจไป พยายามทำให้ครบตามเป้าก็พอ
ของพวกนี้ค่อยๆ ลดปริมาณ ลดความถี่ที่กิน แล้ววันนึงเราจะเลิกอยากไปเองค่ะ
ดื่มน้ำเยอะๆ ความดีงามของน้ำมีมากมายสาธยายไม่หมด ควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้ว ทำยากใช่มั้ยคะ เดี๋ยวจขกทมีเคล็ดลับการดื่มน้ำมาฝากค่ะ
อดอาหารไม่ได้ทำให้ผอม เลือกกินอาหารไม่ทำให้อ้วน
ทำไมอดอาหารถึงไม่ได้ทำให้ผอม บางคนอาจจะเถึยงว่าไม่จริง ชั้นอดข้าว ชั้นยังผอมเลย ใช่ค่ะ แต่ก็ดูผอมหรือน้ำหนักลดลงเฉพาะช่วงที่อด เพราะสิ่งที่หายไปคือน้ำและมวลกล้ามเนื้อ ส่วนไขมัน ร่างกายยังเก็บไว้เหมือนเดิม เพราะไขมันเป็นสิ่งสุดท้ายที่ร่างกายจะนำไปใช้ เมื่อไหร่ที่กลับมากินเหมือนเดิม ร่างกายจะรีบสะสมพลังงานไว้ ไม่ค่อยเผาผลาญ เพราะมันกลัวจะต้องอดอีก นั่นคือสิ่งที่เราเรียกว่าโยโย่ฉะนั้นการอดอาหารไม่ว่าอดเองหรือใช้ยาลดความอ้วน ก็ไม่ได้ทำให้ไขมันหายไป อดอาหารไม่ได้ลดไขมัน ถ้าจะลดไขมันต้อง burn ออกโดยการออกกำลังเท่านั้นค่ะ
กินอาหารให้ครบทุกมื้อ
สำหรับคนที่บอกตัวเองว่าชั้นกินอาหารทุกมื้อ คุณต้องดูปริมาณและประเภทของอาหารด้วย ว่าเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายรึเปล่า ไข่ต้มหนึ่งฟองตอนเช้า เที่ยงกินแต่ผักต้มหรือสลัดหรือกินแต่กับ ไม่กินแป้ง แอปเปิ้ลหนึ่งลูกตอนเย็น ทั้งหมดทั้งมวลนี่นับจริงๆ ยังไม่ได้หนึ่งมื้อเลย เราอาจจะหลอกตัวเองว่ากินครบ 3 มื้อแต่หลอกร่างกายไม่ได้หรอกค่ะ เมื่อร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอมันจะจำไว้ เมื่อไหร่ที่เรากลับไปกินแบบเดิมผลก็คือโยโย่เหมือนกัน ยิ่งคนที่ออกกำลังกายด้วย คุณอาจจะผอมลง เพราะ burn ไขมันออกด้วยก็จริง แต่เวลาที่คุณออกกำลังกายไม่ใช่แค่ไขมันที่ถูก burn แต่กล้ามเนื้อก็ถูกทำลายด้วย ฉะนั้นถึงคุณจะเวท คุณก็ไม่เฟิร์ม เพราะคุณไม่ได้กินอาหารเพื่อไปซ่อมแซมและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สรุปเรื่องอาหาร
คนที่ควบคุมอาหารและไม่ได้ออกกำลังบ่อย นอกจากทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่แล้วก็อาจจะลดปริมาณคาร์บและเพิ่มปริมาณผัก ผลไม้ให้มากขึ้น
คนที่ออกกำลังกายหนัก เน้นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เช่นเวทเทรนนิ่ง ควรเพิ่มปริมาณโปรตีน เพราะร่างกายต้องการนำไปซ่อมแซมและเสริมสร้างกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกาย
เมื่อไหร่ที่ปรับเปลี่ยนอาหารการกินจนเริ่มอยู่ตัวแล้ว ขั้นต่อไปก็ค่อยศึกษาเรื่อง cal, BMR, TDEE ค่ะ
การออกกำลังกายมีหลายเป้าหมายแตกต่างกันไป ซึ่งมีทั้งลดไขมันและเน้นสร้างกล้ามเนื้อ
ประเภทที่ 1 ลดไขมัน คนที่มีเป้าหมายลดไขมันควรเน้น cardio หรือ fat burn
ง่ายๆ คือการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องในอัตราการเต้นของหัวใจที่เหมาะสมต่อการ burn ไขมัน ต่อเนื่องในทีนี้อาจจะประมาณ 20-40 นาทีขึ้นไปแล้วแต่คนและประเภทการออกกำลังกาย
อ่านเรื่อง cardio กับ fat burn เพิ่ม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การออกกำลังกายแบบ cardio หรือ fat burn ถ้าเป็นสมาชิกฟิตเนสอยู่แล้ว ก็สามารถวิ่งบนลู่วิ่ง ปั่นจักรยานหรือเครื่อง Elliptical แต่ถ้าไม่มีเครื่องเล่นพวกนี้สามารถวิ่งหรือเดินเร็ว หรือจะเปิดวิดีโอจากยูทูปทำเองที่บ้านก็ยังได้ โดยใส่คำว่า cardio workout เข้าไป อย่างเช่นคลิปนี้ค่ะ
สำหรับคนที่น้ำหนักตัวมากควรเริ่มออกกำลังกายแบบ cardio หรือ fat burn ควบคู่กับการควบคุมอาหาร เพื่อให้น้ำหนักตัวน้อยลงประมาณหนึ่งก่อนเพื่อความปลอดภัยทั้งกับเข่าและพวกข้อต่อต่างๆ และควรเริ่มจากเครื่อง Elliptical เพราะเครื่องนี้จะมีแรงกระแทกน้อย พอน้ำหนักตัวลดลงแล้ว ค่อยเปลี่ยนมาเดินเร็วหรือจักรยานแล้วค่อยวิ่ง เมื่อลดน้ำหนักได้ถึงระดับหนึ่งแล้ว ควรเริ่มเล่นเวทเพื่อสร้างกล้ามเนื้อซึ่งมันจะช่วยให้เนื้อตัวกระชับ เพิ่มกล้ามเนื้อ และช่วยให้ผิวหนังไม่ย้วยหลังจากที่ลดไขมันออกไปแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ประเภทที่ 2 คนที่เน้นเสริมสร้างกล้ามเนื้อ คนที่มีเป้าหมายอยากสร้างกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เช่นแขน หน้าท้อง หรือก้น ควรเน้นออกกำลังกายแบบ เวท เทรนนิ่ง แต่การที่จะเห็นกล้ามเนื้อชัดเจน ไม่ใช่แค่เล่นเวทแล้วจะเห็นทันที นอกจากจะเป็นคนที่ผอมและมีเปอร์เซ็น body fat น้อยอยู่แล้ว เพราะกล้ามเนื้อมันอยู่ใต้ไขมัน ถ้าเรายังมีไขมันสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ก็ต้องเวท ควบคู่กับ cardio ไปด้วย เพื่อลดไขมันถึงจะค่อยๆเห็นกล้ามเนื้อชัดขึ้น
ถ้าออกกำลังกาย 2 แบบนี้ควบคู่กัน จะทำให้เห็นผลเร็วกว่าทำอย่างใดอย่างหนึ่งค่ะ
จริงๆ การออกกำลังกายแบบไหนก็เป็นช่วยให้สุขภาพแข็งแรงและช่วย burn ไขมันได้ อย่างตีแบต ตีเทนนิส ว่ายน้ำ บาส ฟุตบอล เลือกออกกำลังที่เราชอบจะได้ทำได้นานๆ ค่ะ เพราะความสม่ำเสมอสำคัญกว่าออกกำลังกายหนักๆ แต่นานๆทีนะคะ
ถ้าใครอ่านแล้วยังมึนงงอยู่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ก็ก๊อปการกินอาหารกับการออกกำลังกายของจขกทต่อได้ในคอมเม้นย่อยนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้