#บทกวีเรื่อง...ศรีธนญชัย ตอนที่ 10# 10.5-10.9 (ตอนจบ)

ตอนอื่นๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


                      
ตอนที่ 10  อวสานศรีธนญชัย

                                  
10.5 เสียทีเณรน้อย


    ศรีธนญชัย ครบพรรษา ขอลาสึก        เดินคักคึก รอเรือ เพื่อกลับบ้าน
ยืนริมน้ำ ใกล้วัด เพียงไม่นาน                เห็นเรือผ่าน เณรน้อย ลอยลำมา
    พ่อเณรน้อย ข้ามเรือ หน่อยนะจ๊ะ        เณรตอบจ้ะ ลุกข้าม ตามคำว่า
กระโดดข้าม ในเรือขำ ทำหน้าตา            หัวเราะร่า ซื่อใส ใกล้เคียงตน
ฉุกใจคิด วัยเยาว์ เราเช่นนี้            คำพูดมี  เรียงใหม่ ให้ได้ผล
พ่อเณรจ๋า รับเรา ด้วยสักคน                ข้ามฝากพ้น ไปฝั่งโน้น นะคนดี
    กล่าวดังนั้น เรือเณร เทียบริมฝั่ง        ศรีธนญชัย ก้าวนั่ง เข้าทางที่
เห็นเณรน้อย ยืนพาย ไม่เข้าที                โคลงวารี ไปมา น่ากลัวนัก
    พ่อเณรจ๋า ทำไม ไม่นั่งพาย            เณรบอกได้ วางพาย ให้ประจักษ์
แล้วนั่งลง  ทับพาย ตามคำทัก            ศรีธนญชัย คิดหนัก พักตั้งตัว
    เพียงเท่านี้ แจ้งใจ ไม่ธรรมดา            เชาว์ปัญญา ล้ำไกล กว่าใครทั่ว
เห็นเณรน้อย ชัดเป็น เช่นเงาตัว            เณรยิ้มหัว สุขคำ ทำเถรตรง
    ปล่อยเรือหมุน ลอยคว้าง กลางน้ำใส        ไม่มีใคร พายเรือ เพื่อไปส่ง
จึงคิดเรียง คำใหม่ ให้ต้องตรง                ขอพ่อเณร นั่งลง  พายให้ดี
    พ่อเณรเอ๋ย ช่วยพาย ให้ถึงฝั่ง            เณรหัวเราะ อีกครั้ง นั่งยิ้มปรี่
ลุกหยิบพาย จ้ำน้ำ ดูเข้าที                พ่อทิดนี่ ให้ฉันส่ง ที่ใดกัน
    ศรีธนญชัย เกรงใจ จึงตอบไป            ส่งที่ใด ตามใจ ได้ทั้งนั้น
ได้คำตอบ เทียบท่า หญ้ารกชัน            เช่นนั้นฉัน  ส่งพ่อทิด ที่นี่เลย
เณรน้อยกล่าว หัวเราะ อย่างชอบใจ        ศรีธนญชัย จำใจ ต้องนิ่งเฉย
ในชีวิต ไม่คิดเป็น เช่นนี้เลย                หนามเกี่ยวเกย ขึ้นฝั่ง ทุลักทุเล
    ทั้งหญ้าคา เสี้ยนหนาม ทิ่มตามก้น        นึกอายตน สิ้นลาย ความร้ายเล่ห์
ก่อนเคยแกล้ง ทั่วคน ล้นเกเร                วันนี้เฉ เณรเยาว์ เข้าหักคม
    หรือจะเป็น ชะตา ฟ้าลิขิต            ให้สิ้นฤทธิ์ กรรมลาม ตามสาสม
ตอบตนเอง ไม่ได้ ใจตรอมตรม            ชังคำชม เณรน้อย เจ้าปัญญา
    เพียงไม่นาน ข่าวว่า เณรลาสึก        ไม่คิดนึก ถวายตัว เจ้าผ่านฟ้า
อยู่ใกล้ชิด รับใช้ พระราชา                เลิศปัญญา เป็นที่ วางหทัย
    ตั้งให้เป็น นักปราชญ์ ดูแลวัง            ล้วนสมหวัง สำเร็จ เสร็จเรื่องใช้
ข่าวว่าเป็น หนอนหนังสือ รู้แจ้งใจ            จะหารือ เรื่องใด กระจ่างซึ้ง
    เหล่าเสนา อำมาตย์ ขุนนางวัง        เล่าลือดัง ล้นรู้ เต็มหูถึง
วาสนา เณรก้าวหน้า ไม่อาจดึง            พาโกรธขึง คิดมาก ไม่อยากฟัง

                          
……………………………………..


    ข้อคิด  -  เหนือฟ้ายังมีฟ้า ไม่มีสิ่งใดบนโลกใบนี้ที่คงอยู่นิรันดร   มีเกิดย่อมมีดับ
มีสรรเสริญย่อมมีเสื่อม  ทุกคนล้วนรู้อยู่แก่ใจ แต่มักเพลินหลงลืม และหนีทุกข์ไม่พ้น



                                    
10.6  แพ้คดีเณรน้อย


    
ถึงวันหนึ่ง ศรีธนญชัย กู้เงินยาย        สัญญาให้ คืนครบ ประสบหวัง
เงินยืมไป ไม่ลืมหรอก บอกชัดดัง            ครบสิบชั่ง คืนแน่ แค่สองเดือน
    ครั้นสองเดือน ทวงไป ไม่คืนให้        บอกยังไม่ ครบคิด บิดพลิ้วเลื่อน
โทษยายมี นับผิด หลงลืมเดือน            ยายกลับเรือน ขีดนับใหม่ ทีละวัน
    ครบสองเดือน ยายมี ทวงเงินอีก        พูดหลบหลีก ว่าผิดซ้ำ ย้ำนี่นั่น
ศรีธนญชัย เล่นเล่ห์ สารพัน                เมื่อไหร่กัน สองเดือน เยือนพบยาย
    ยายมีนำ เรื่องร้อง ฟ้องศาลหลวง        เล่าถูกลวง ชอกช้ำ ทำเสียหาย
เหนือหัวมอบ ปราชญ์น้อย เข้าคลี่คลาย        สะสางให้  ไต่สวน ทวนฟังความ
    พ่อศรีเบี้ยว เงินฉัน ผลัดวันเลื่อน        ครบสองเดือน ไม่จ่าย ยายทวงถาม
ช่วยฉันด้วย เจ้าค่ะ นายเวรความ            ทุกคราถาม ว่านับผิด คิดกลุ้มใจ
    นี่ยังไม่ ทันครบ สองเดือนเลย            ยืนยันเอ่ย ครบวัน พลันจ่ายให้
เมื่อไม่ครบ จะจ่าย ได้อย่างไร                เถียงกันไป ไม่จบ พบทางตัน
    นักปราชญ์น้อย หาทาง สางคดี        บังเอิญพบ ศรีธนญชัย ในคืนนั้น
ขณะนั่ง ใกล้สระน้ำ เข้าพบพลัน            ถามเรื่องวัน รวมกัน อันข้องใจ
    เอ่ยท่านศรีฯ  ขอรับ เดือนของท่าน        คืนวันผ่าน รวมกัน เป็นเดือนไหม
ได้คำตอบ ปริศนา ก่อนลุกไป                เดือนฉันไซร้ ฉายส่อง ผ่องฟ้านวล
ศรีธนญชัย บอกใบ้ ให้ขบคิด            เวลานิด เณรรู้จริง ทุกสิ่งล้วน
ครั้นมองไป ในสระ เห็นจันทร์นวล            พลันรู้ควร ทำเช่นไร ในคดี
    คืนต่อมา เรียกคู่ความ ตามมาพบ        บอกว่าครบ สองเดือน เยือนวันนี้
คุณพระอ้าง ไม่ครบ ทบทวนดี                ปราชญ์น้อยชี้ จันทร์ฟ้า ว่าหนึ่งเดือน
    อีกเดือนอยู่ ในสระ นะท่านศรี            คงคราวนี้  ครบสอง ไม่ต้องเลื่อน
ศรีธนญชัย ชดใช้ ใบ้กลับเรือน            อับอายเพื่อน แพ้เด็ก เล็กวานซืน
    ศรีธนญชัย แพ้คดี เป็นครั้งแรก        จนอยากแทรก ดินไกล ไปที่อื่น
รู้สึกเหมือน ไม่มี ที่อยู่ยืน                อกขมขื่น ริษยา มาประดัง
    เห็นปราชญ์น้อย ได้รับ พระราชทาน        ตำแหน่งงาน เลื่อนใหญ่ ให้อีกครั้ง
อีกแก้วแหวน เงินทอง ท้องพระคลัง            เหมือนก่อนครั้ง ตนได้ ให้เท่ากัน
    ดังกล่าวว่า เหนือฟ้า ยังมีฟ้า            คลื่นใหม่มา ใหญ่แรง กว่าเก่านั้น
ศรีธนญชัย ไม่เคย เผื่อใจปัน                ว่ามีวัน ต้องแพ้พ่าย ให้แก่ใคร


                                  
……………………………..


    ข้อคิด  - ปัญหามีไว้เพื่อแก้ กลุ้มใจเป็นเรื่องปกติและไม่มีประโยชน์อะไรตั้งสติ ค่อยๆคิดหาทางแก้ เวลาและปัญญาแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง


10.7 ประลองครั้งสุดท้าย


    
แสนอับอาย แพ้เด็ก เล็กวานซืน        คิดแก้คืน ประลอง ปัญญาใหม่
เพื่อกู้หน้า ศักดิ์ศรี ที่เสียไป                ตัดสินใจ เข้าเฝ้า เจ้าแผ่นดิน
    ศรีธนญชัย กราบทูล ถ้อยคำตรง        ว่าประสงค์ ลองเชาว์ ให้ตัดสิน
ก็ดีสิ  เจ้าศรีฯ  ตรัสได้ยิน                คนทั่วถิ่น คงยินดี มีประลอง    
    การประลอง มีสิ่ง เดิมพันใด            ตรัสสนใจ เห็นดี  มีทั้งผอง
ศรีธนญชัย อึ้งคิด จริงจังตรอง                หากว่าต้อง แพ้พ่าย ขอตายไป
    แม้ชนะ สุดแท้ แต่พระองค์            จะประสงค์ เห็นชอบ ตัดสินให้
ถ้อยคำกล่าว จริงจัง กว่าครั้งใด            เจ้าแผ่นดิน แปลกใจ ในพูดจา
    แม้จะคุ้น เคยมุข สนุกเล่น            สิบปีเห็น ชินอยู่ รู้ทีท่า
วันนี้พูด ขึงขัง ทั้งหน้าตา                เฮ้ยเจ้าศรี ข้าว่า ควรเปลี่ยนแปลง
    ศรีธนญชัย กล่าวแพ้ มีแต่ตาย            ไม่เสียดาย ชีวา ปัญญาแล้ง
ไม่เปลี่ยนคำ ยืนยัน ถ้อยแสดง            เดิมพันแข่ง นัดพรุ่ง รุ่งอีกวัน
    เหล่าเสนา คุ้นเล่น เป็นสหาย            รู้แข่งตาย ตกใจ ในแข่งขัน
ร่วมดีร้าย มากมาย กลายผูกพัน            ต่างคิดหวั่น ใจลึก นึกกังวล
    ครั้นถึงวัน ประลอง เชาว์ปัญญา        ปริศนา ตั้งด้วย แตงโมผล
ศรีธนญชัย กล่าวทาย เริ่มแยบยล            สีผ่าผล ข้างใน ขาวหรือดำ
    นักปราชญ์น้อย ตอบขาว ไม่ลังเล        ไม่เปลี่ยนเฉ ขาวแน่ หัวเราะขำ
ศรีธนญชัย หัวเราะบ้าง ตอบสีดำ            ลำพองทำ มั่นใจ ในทำนาย
เจ้าเด็กน้อย ไม่สิ้น กลิ่นน้ำนม            วันนี้ตรม ต้องพบ กับแพ้พ่าย
ปริศนา ครั้งนี้ คงพ้นอาย                ศรีธนญชัย คาดหมาย ทายมั่นใจ
    เมื่อทำนาย ทั้งสอง ลองผ่าผล            มีทั้งขาว ดำปน เลือกสีไหน
ใต้เปลือกขาว เมล็ดดำ ทำอย่างไร            ทั้งขุนนาง น้อยใหญ่ ร้องฮือฮา
    คุณพระว่า ดำถูก แตงโมใน            กรรมการ ตอบใช่ จริงอย่างว่า
ศรีธนญชัย ชนะแล้ว เสียงร้องมา            ปราชญ์น้อยว่า ช้าก่อน ผ่อนใจเย็น
    บอกให้ผ่า เมล็ด  ดูข้างใน            ไม่คิดไว้ ปรากฏผล ทุกคนเห็น
ล้วนข้างใน เมล็ดแตง ทุกทั่วเป็น            เนื้อขาวเด่น แวววาว ราวมุกงาม
    ท้องพระโรง ฮือฮา พาเงียบหยุด        คุณพระเหงื่อ กาฬผุด หยุดคำถาม
หน้าซีดเผือด สมองตื้อ อื้อลุกลาม            ถูกเด็กหยาม นิ่งอึ้ง ทึ่งปัญญา
    เจ้าแผ่นดิน ประทับนิ่ง ไม่ติงไหว        สงสารใจ ตลกหลวง ห่วงปัญหา
เรื่องเดิมพัน ประกาศตาย วายชีวา            เกียรติหน้าตา ดับหาย อับอายไกล
         เพียงนาที ศรีธนญชัย เป็นลมล้ม        ทรุดซานซม มือเท้าเย็น สุดทนไหว
ข่าวพ่ายแพ้ แพร่สะพัด ทั่วทันใด            ศรีธนญชัย ตรอมใจ ไม่ฟื้นคืน

                              
…………………………………….


    ข้อคิด  - คำว่า "เพื่อน" ไม่แยกเผ่าพันธุ์ และชนชั้นวรรณะแม้ว่าเพื่อนเป็นคนพาล ใช่ว่าเราต้องเป็นคนพาล
เรามีหน้าที่คือเป็นเพื่อนที่ดีของเขา ช่วยเหลือ ส่งเสริมให้เขาได้มีโอกาสทำในสิ่งที่ถูกต้อง
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องคบด้วยสติรู้ อยู่ในระดับและระยะที่เหมาะสม


10.8 ล้มป่วย

    
ยิ่งนานวัน อาการ ยิ่งทรุดหนัก            มีเมียรัก เคียงใกล้ ให้ใจชื่น
ห้ามผู้ใด เยี่ยมไข้ ทุกวันคืน                ตรมขมขื่น กล้ำกลืน เกินหักใจ
    สร้างกระท่อม พักเพลีย เตี้ยอุดอู้        นอนป่วยอยู่ ลำพัง หลังเรือนใหญ่
สูงเหนือดิน สี่ศอก เข้านอกใน                ข้าวน้ำยา หาให้ ต้องหมอบคลาน
    จนวันหนึ่ง ศรีธนญชัย ไข้ทรุดหนัก        เรียกเมียรัก ขอบใจ ในวันผ่าน
มอบทรัพย์ก่อน สิ้นลม สะสมนาน            ตาประสาน เงียบไป ไม่พูดจา
    ท่านพี่ต้อง หายป่วย ดีดังเดิม            ศรีนวลเติม สดใส ใจอ่อนล้า
ศรีธนญชัย ยิ้มเศร้า เคล้าน้ำตา            พลางส่ายหน้า เหม่อลอย ถ้อยรำพัน
    ชีวิตพี่ รุ่งเรือง และหรรษา            ด้วยปัญญา ของตน เป็นหลักมั่น
ในยามนี้ สิ้นไร้ คล้ายฆ่ากัน                ชีวิตนั้น อยู่ต่อไป ไม่คิดมี
    อันทรัพย์สิน ยศถา บรรดาศักดิ์        ใช่ว่าจัก สำคัญ เท่าศักดิ์ศรี
เกียรติยศ สำคัญยิ่ง ผู้ชายมี                ขอน้องพี่ เข้าเฝ้า เจ้าแผ่นดิน
    ทูลเสด็จ เยี่ยมที่ กระท่อมพัก            พี่ป่วยหนัก ไม่อาจเยือน เหมือนเคยสิ้น
ศรีนวลเจ้า รับคำ น้ำตาริน                คิดถึงวัน อยู่กิน  เคียงกันมา
    เมียรักเฝ้า เจ้าแผ่นดิน ในวันนั้น        กล่าวสามี หม่อมฉัน ฝากทูลว่า
มีข้อความ สำคัญ เจรจา                ขอเมตตา ก่อนตาย วายชีวี

                          
…………………………………..


    ข้อคิด - สิ่งที่ดีที่สุดบางครั้งอาจได้จากคนที่เลวที่สุดก็เป็นได้ เช่น บทเรียนชีวิต
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่