สวัสดีค่ะ เรากับน้องสาวไปญี่ปุ่นเมื่ออาทิตย์ก่อนมาค่ะ เป็นครั้งแรกของน้องสาวเราค่ะที่ได้ไปเที่ยวญี่ปุน
พวกเราได้เข้าพักโรงแรมแห่งหนึ่งย่านอุเอะโนะ โรงแรมหายากนิดนึง วันแรกที่ไปถึงกว่าจะเช็คอินก็เกือบสองทุ่มแล้ว
ตอนขึ้นลิฟท์ไปบนห้อง จู่ๆ ตาขวาของเรากระตุก เมื่อเดินออกจากลิฟท์เรารู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังมอง
ห้องของเราอยู่ในมุมสุดของตึก มีประตูบานใหญ่ที่หนาและแข็งต้องใช้แรงดึงมหาศาลมาก
วันนั้นเราเหนื่อยมาก ออกไปกินข้าว กลับเข้ามาอาบน้ำก็สี่ทุ่มแล้ว เรากินยาแก้ปวดแล้วนอนไปเลย
แต่แล้วเราก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงหัวเราะของเด็กผู้ชายและเสียงดึงประตูดังกึกๆ อยู่นานมากจนเกือบลุกไปเปิดประตูดูแล้ว
ตอนนั้นตีหนึ่ง คงไม่มีลูกใครมาวิ่งเล่นแบบนี้แน่ สักพักเสียงเริ่มดังหนักขึ้น ถี่ขึ้นจนต้องสบถออกไป "หุ้ย! หนวกหู คนจะนอน"
เสียงยังไม่หยุด จนสุดท้ายเราสบถเป็นเวอร์ชั่นญี่ปุ่นค่ะ "หุ้ย! อุรุไซ!" เสียงก็เงียบกลับสู่ความสงบอีกครั้ง
เราไม่ได้เห็นเขา แต่น้องสาวที่ไปกลับเจอเป็นรูปร่างของเด็กคนนั้นในวันถัดๆ มา วันแรกที่เจอ เราไม่อยากพูดให้น้องรู้สึกกลัวจึงเงียบๆ
แต่ก็ถามน้องว่า นอนได้ไหม อยากย้ายโรงแรมไหม น้องก็บอกว่า ไม่เป็นไร วันแรกอาจจะยังไม่ชิน ห้องก็ไม่ได้เล็กนะ
เราก็โอเคๆ งั้นนอนที่นี่ต่อ เพราะคิดมันคงไม่มาอีก แต่เราก็ต้องเจอมันไปตลอด 7 วัน เสียงประตูห้องดังกึกๆ เหมือนมีคนมาดึง
จะว่าลมก็ไม่ใช่ เพราะอยู่มุมสุด เป็นจุดอับลมที่สุด คนอื่นปิดห้องแล้วสะเทือนมาโดนก็ไม่ใช่ด้วยสิ
ห้องก็ล็อคแน่นจนไม่รู้จะแน่นยังไงแล้ว ถ้าจะให้แน่นกว่านี้ต้องเอาไม้ตอกตะปูติดแล้ว
วันต่อๆ มา ขอเปลี่ยนห้องก็ไม่ได้ด้วย ห้องพักเต็ม
อันนี้เป็นส่วนที่น้องสาวเจอนะคะ
มีอยู่วันหนึ่งตอนเราไปอาบน้ำ น้องได้ยินเสียงดึงกึกๆ ดังถี่มาก
จนรำคาญก็เลยเดินไปส่องตรงตาแมว เห็นเด็กผู้ชายใส่เสื้อสีฟ้าเหมือนเล่นอะไรซักอย่างอยู่ แบบยิ้มๆ ขำๆ อยู่คนเดียว
แล้วน้องเราคิดว่าต้องเป็นอีเด็กนี่แน่ๆ ที่มาดึงเล่นทุกคืน ก็เปิดประตูออกไปเลย ไม่ได้จะด่ามันนะแต่จะบอกให้มันกลัวว่า นี่ห้อง gu นะ gu ไม่เล่นนะ
แต่พอเปิดออกไปไม่มีใครเลย น้องก็วิ่งออกจากห้องไปดูให้แน่ใจว่ามันแอบอยู่ตรงอีกฝั่งไรงี้รึเปล่า ปรากฏก็ไม่มีใครเลย
พอกลับเข้าห้อง จู่ๆ ไฟห้องก็ดับเอง (ห้องด้านนอกที่น้องนั่งอยู่) พอเราออกจากห้องน้ำก็ถามน้องว่า ปิดไฟทำไม? น้องก็ไม่ได้ตอบ
เราก็เปิดสวิตซ์ได้ตามปกติ ตอนนั้นคิดว่าไม่ใช่ผีหรอก ไฟตกแน่เลย จากนั้นเราก็เริ่มจัดของที่ซื้อในกระเป๋า น้องนั่งอยู่บนเตียง
เรานั่งกับพื้นใกล้ประตูห้อง น้องบอกว่าก่อนเราไปนั่งยังได้ยินเสียงกึกๆ อยู่เลย แต่พอเราไปนั่งก็หาย น้องสาวก็มองเราแปลกๆ
จนเราต้องถามไป "ทำไมมองแบบนั้น?" น้องก็ตอบเปล่าๆ แต่คืนนั้นน้องก็สวดมนต์ชุดใหญ่ ซึ่งเราไม่ได้สวดหลับไปเลย
ก็ไม่เจออะไร วันหลังๆ เหมือนชิน ถึงจะดังกึกๆ เราก็หลับไม่รู้เรื่อง ฮ่าๆๆ จนถึงวันสุดท้ายก็ยังได้ยินอยู่
น้องก็เห็นเป็นรูปร่างบ้าง แต่เด็กคนนั้นไม่เข้ามาด้านในห้องนะคะ และโชคดีที่ยังเป็นแค่ผีเด็ก ถ้าเป็นผู้ใหญ่คงเผ่นไปโรงแรมอื่นแล้ว
เรากับน้องต่างไม่ยอมพูดเรื่องนี้กันจนกระทั่งถึงไทยค่ะ ต่างคนต่างก็กลัว ถ้าพูดกันที่ญี่ปุ่นแล้วกลัวจะไม่กล้านอนโรงแรมนั้นต่อ
****************เพิ่มเติมค่ะ (ลืมไปเลย)**************************
ช่วงดึกๆ จะได้ยินเสียงครืดดดด ครืดดดดด ครืดดดดด ฝั่งผนังที่น้องสาวเรานอน
ตอนแรกเรากับน้องคิดว่าเป็นเสียงข้างห้องค่ะ แต่ก็นึกไปนึกมา เฮ้ยยย ห้องเราเป็นห้องสุดท้ายนี่หว่า
แล้วเสียงมาจากไหน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านคะ อาจจะไม่น่ากลัวเท่าไหร่นะคะ
เจอผีครั้งแรกที่ญี่ปุ่น
พวกเราได้เข้าพักโรงแรมแห่งหนึ่งย่านอุเอะโนะ โรงแรมหายากนิดนึง วันแรกที่ไปถึงกว่าจะเช็คอินก็เกือบสองทุ่มแล้ว
ตอนขึ้นลิฟท์ไปบนห้อง จู่ๆ ตาขวาของเรากระตุก เมื่อเดินออกจากลิฟท์เรารู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังมอง
ห้องของเราอยู่ในมุมสุดของตึก มีประตูบานใหญ่ที่หนาและแข็งต้องใช้แรงดึงมหาศาลมาก
วันนั้นเราเหนื่อยมาก ออกไปกินข้าว กลับเข้ามาอาบน้ำก็สี่ทุ่มแล้ว เรากินยาแก้ปวดแล้วนอนไปเลย
แต่แล้วเราก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงหัวเราะของเด็กผู้ชายและเสียงดึงประตูดังกึกๆ อยู่นานมากจนเกือบลุกไปเปิดประตูดูแล้ว
ตอนนั้นตีหนึ่ง คงไม่มีลูกใครมาวิ่งเล่นแบบนี้แน่ สักพักเสียงเริ่มดังหนักขึ้น ถี่ขึ้นจนต้องสบถออกไป "หุ้ย! หนวกหู คนจะนอน"
เสียงยังไม่หยุด จนสุดท้ายเราสบถเป็นเวอร์ชั่นญี่ปุ่นค่ะ "หุ้ย! อุรุไซ!" เสียงก็เงียบกลับสู่ความสงบอีกครั้ง
เราไม่ได้เห็นเขา แต่น้องสาวที่ไปกลับเจอเป็นรูปร่างของเด็กคนนั้นในวันถัดๆ มา วันแรกที่เจอ เราไม่อยากพูดให้น้องรู้สึกกลัวจึงเงียบๆ
แต่ก็ถามน้องว่า นอนได้ไหม อยากย้ายโรงแรมไหม น้องก็บอกว่า ไม่เป็นไร วันแรกอาจจะยังไม่ชิน ห้องก็ไม่ได้เล็กนะ
เราก็โอเคๆ งั้นนอนที่นี่ต่อ เพราะคิดมันคงไม่มาอีก แต่เราก็ต้องเจอมันไปตลอด 7 วัน เสียงประตูห้องดังกึกๆ เหมือนมีคนมาดึง
จะว่าลมก็ไม่ใช่ เพราะอยู่มุมสุด เป็นจุดอับลมที่สุด คนอื่นปิดห้องแล้วสะเทือนมาโดนก็ไม่ใช่ด้วยสิ
ห้องก็ล็อคแน่นจนไม่รู้จะแน่นยังไงแล้ว ถ้าจะให้แน่นกว่านี้ต้องเอาไม้ตอกตะปูติดแล้ว
วันต่อๆ มา ขอเปลี่ยนห้องก็ไม่ได้ด้วย ห้องพักเต็ม
อันนี้เป็นส่วนที่น้องสาวเจอนะคะ
มีอยู่วันหนึ่งตอนเราไปอาบน้ำ น้องได้ยินเสียงดึงกึกๆ ดังถี่มาก
จนรำคาญก็เลยเดินไปส่องตรงตาแมว เห็นเด็กผู้ชายใส่เสื้อสีฟ้าเหมือนเล่นอะไรซักอย่างอยู่ แบบยิ้มๆ ขำๆ อยู่คนเดียว
แล้วน้องเราคิดว่าต้องเป็นอีเด็กนี่แน่ๆ ที่มาดึงเล่นทุกคืน ก็เปิดประตูออกไปเลย ไม่ได้จะด่ามันนะแต่จะบอกให้มันกลัวว่า นี่ห้อง gu นะ gu ไม่เล่นนะ
แต่พอเปิดออกไปไม่มีใครเลย น้องก็วิ่งออกจากห้องไปดูให้แน่ใจว่ามันแอบอยู่ตรงอีกฝั่งไรงี้รึเปล่า ปรากฏก็ไม่มีใครเลย
พอกลับเข้าห้อง จู่ๆ ไฟห้องก็ดับเอง (ห้องด้านนอกที่น้องนั่งอยู่) พอเราออกจากห้องน้ำก็ถามน้องว่า ปิดไฟทำไม? น้องก็ไม่ได้ตอบ
เราก็เปิดสวิตซ์ได้ตามปกติ ตอนนั้นคิดว่าไม่ใช่ผีหรอก ไฟตกแน่เลย จากนั้นเราก็เริ่มจัดของที่ซื้อในกระเป๋า น้องนั่งอยู่บนเตียง
เรานั่งกับพื้นใกล้ประตูห้อง น้องบอกว่าก่อนเราไปนั่งยังได้ยินเสียงกึกๆ อยู่เลย แต่พอเราไปนั่งก็หาย น้องสาวก็มองเราแปลกๆ
จนเราต้องถามไป "ทำไมมองแบบนั้น?" น้องก็ตอบเปล่าๆ แต่คืนนั้นน้องก็สวดมนต์ชุดใหญ่ ซึ่งเราไม่ได้สวดหลับไปเลย
ก็ไม่เจออะไร วันหลังๆ เหมือนชิน ถึงจะดังกึกๆ เราก็หลับไม่รู้เรื่อง ฮ่าๆๆ จนถึงวันสุดท้ายก็ยังได้ยินอยู่
น้องก็เห็นเป็นรูปร่างบ้าง แต่เด็กคนนั้นไม่เข้ามาด้านในห้องนะคะ และโชคดีที่ยังเป็นแค่ผีเด็ก ถ้าเป็นผู้ใหญ่คงเผ่นไปโรงแรมอื่นแล้ว
เรากับน้องต่างไม่ยอมพูดเรื่องนี้กันจนกระทั่งถึงไทยค่ะ ต่างคนต่างก็กลัว ถ้าพูดกันที่ญี่ปุ่นแล้วกลัวจะไม่กล้านอนโรงแรมนั้นต่อ
****************เพิ่มเติมค่ะ (ลืมไปเลย)**************************
ช่วงดึกๆ จะได้ยินเสียงครืดดดด ครืดดดดด ครืดดดดด ฝั่งผนังที่น้องสาวเรานอน
ตอนแรกเรากับน้องคิดว่าเป็นเสียงข้างห้องค่ะ แต่ก็นึกไปนึกมา เฮ้ยยย ห้องเราเป็นห้องสุดท้ายนี่หว่า
แล้วเสียงมาจากไหน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านคะ อาจจะไม่น่ากลัวเท่าไหร่นะคะ