กสทช.ยันทีวีพูลคืนใบอนุญาตได้แต่ต้องจ่ายก่อนพันล้าน หารือผู้ผลิต-ไปรษณีย์แก้ส่งกล่องล่าช้า

กสทช.ยันทีวีพูลคืนใบอนุญาตทีวีดิจิทัลได้ แต่ต้องจ่ายเงินค้างค่าประมูล อีก 5 งวดที่เหลือให้ครบกว่า 1,000 ล้านบาท ถ้าไม่คืนก็ยังมีทางออกคือย้ายไปดาวเทียม-เคเบิล ที่ไม่มีระเบียบห้ามไว้ แต่ถ้าไม่ทำต่อจริง กสทช.ก็ต้องเปิดประมูลใหม่นำไปรวมกันแล้วทำช่องไฮเดฟแทน

วันที่ 26 พ.ค.2558 นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ กรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านเศรษฐศาสตร์ และกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งขอยกเลิกใบอนุญาตประกอบกิจการ จากนางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย ประธานกรรมการบริษัทไทยทีวี ผู้บริหารทีวีดิจิทัล 2 ช่อง คือ ไทยทีวี และ LOCA ซึ่งหากจะขอยกเลิกกิจการสามารถทำได้ แต่จะต้องจ่ายเงินที่ค้างจากการประมูลทีวีดิจิทัล อีก 5 งวดที่เหลือ กว่า 1,000 ล้านบาท ให้ครบถ้วนก่อน

โดยช่องไทยทีวี เป็นช่องที่ประมูลในกลุ่มประเภทข่าวสารสาระ ประมูลเป็นเงินรวม 1,328 ล้านบาท และช่องโลก้า เป็นกลุ่มรายการเด็ก เป็นเงิน 648 ล้านบาท แต่หากบริษัทไม่จ่ายเงินงวดที่ค้างอยู่ตามระเบียบเงื่อนไขการประมูล ก็จะสามารถยึดได้จากเงินค้ำประกัน หรือ แบงก์การันตี ที่บริษัทให้ไว้ตั้งแต่ช่วงเข้าร่วมประมูล

นายธวัชชัยกล่าวว่า ส่วนแนวโน้มที่จะไม่คืนใบอนุญาตนั้น ก็มีแนวทาง แต่บริษัทต้องหารือกับกสทช. ก่อน เพื่อหาทางออกร่วมกัน เช่น หาพันธมิตรมาร่วมประกอบธุรกิจ หรือ เพิ่มสัดส่วนการเพิ่มทุน แต่ยังอยู่ในเกฑณ์ ที่ กสทช. กำหนด ส่วนแนวโน้มที่ทางบริษัทจะไปออกอากาศผ่านโครงข่ายดาวเทียม และเคเบิล ก็สามารถทำได้ เพราะไม่มีกฎหมายห้ามไว้ แต่ต้องออกอากาศในสัดส่วนที่มีโฆษณาตามกำหนด

“ผู้ประกอบการทุกรายคาดการณ์อยู่แล้วว่า ภายใน 2-3 ปี การเปลี่ยนผ่านสู่ทีวีดิจิตอลจะลำบาก แต่ขณะนี้เพิ่งผ่านไป 1 ปี และมีบริษัทของนางพันธุ์ท์พาเพียงรายเดียว ที่ขอยกเลิก แต่ยังมีอีกหลายช่องที่เดินหน้าธุรกิจ หากทีวีดิจิตอลหายไป 1-2 ช่อง กสท. มี 2 วิธี คือ การจัดประมูลใหม่ และนำไปรวมกันเพื่อทำช่องประเภทความชัดสูง หรือ ไฮเดฟฟิเนชั่น แต่การยื่นคืนช่องต้องออกมาชัดเจน และไม่มีใครสนใจที่จะมาทำธุรกิจข่าวต่อ” นายธวัชชัยกล่าว

ด้านพ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธานคณะกรรมการกสท. เปิดเผยว่า ยังไม่สามารถให้รายละเอียดกรณีดังกล่าวได้ และยังบอกไม่ได้ว่าทำได้หรือไม่ เพราะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยฝ่ายกฎหมายก่อน และก็ไม่อยากให้ความเห็นส่วนตัวด้วย ส่วนกรณีที่ไม่จ่ายเงินค่าประมูลงวดที่สอง เป็นแค่การชำระหนี้ทั่วไป เหมือนการซื้อรถที่ต้องแบ่งจ่าย 3 งวด แล้วค้างชำระบางงวด ซึ่งตามขั้นตอน สำนักงาน กสทช.จะต้องทำหนังสือสอบถามไปยังบริษัทไทย และเชิญให้มาชำระเงิน โดยคิดดอกเบี้ยตามเงื่อนไขกำหนด

สำหรับ บริษัท ไทยทีวี ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิทัล 2 ช่อง คือ ช่อง 17 ไทยทีวี ในประเภทข่าวสาร ประมูลมา 1,328 ล้านบาท และ ช่อง 15 โลก้า รายการประเภทเด็ก เยาวชน และครอบครัว ประมูลมาด้วยราคา 648 ล้านบาท รวมมูลค่า 1,976 ล้านบาท โดยการชำระเงิน จะต้องแบ่งจ่าย 6 งวด และถ้าไทยทีวี ไม่จ่ายเงินในงวดที่สอง จะต้องเสียดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อปี หรือ คิดเป็นดอกเบี้ยวันละ 6 หมื่นบาท (รวม 2 ช่อง) โดยเริ่มเก็บตั้งแต่วันนี้ (26 พฤษภาคม 2558)

ส่วนกรณี ค่าเช่าโครงข่ายเสาสัญญาณทีวีดิจิทัล (MUX) ที่บริษัทเช่าโครงข่ายของไทยพีบีเอสนั้น นายธวัชชัยระบุว่า เป็นเรื่องที่บริษัทกับไทยพีบีเอส ต้องไปเจรจาตกลงกันเอง ส่วนโครงข่าย ที่จะว่างลง หาก ทั้ง 2 ช่อง คืนใบอนุญาตนั้น จะเป็นสิทธิ์ของไทยพีบีเอส ในการตัดสินใจได้ว่า จะเปิดโอกาสให้ ผู้ประกอบการรายใดเช่าแทนและแจ้งให้ กสทช. รับทราบ

ด้านน.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม(กสทช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมเชิญทุกส่วนร่วมเป็นคณะทำงานแก้ปัญหาคูปอง พร้อมหารือไปรษณีย์หลังแจกทุกล็อตมิ.ย.นี้ว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา ตนทำหนังสือถึงนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เพื่อขอเสนอให้มีการตั้งคณะทำงานร่วมในโครงการแจกคูปองเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลทีวี สืบเนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในโครงการแจกคูปองฯ จนกระทั่งนำมาสู่หนังสือเปิดผนึกล่าสุดจากชมรมผู้ประกอบการกล่องรับสัญญาณดิจิทัลทีวีภาคพื้นดิน เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา

น.ส.สุภิญญากล่าวว่า ตนได้เสนอต่อท่านเลขาธิการในที่ประชุม กสทช. เมื่อครั้งที่ 5/2558 (20 พ.ค.) และผู้อำนวยการสำนักการพัสดุและบริหารทรัพย์สิน (พย.) ในที่ประชุม กสท. ครั้งที่ผ่านมาเกี่ยวกับการตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

“ดิฉันมอบหมายให้สำนักงานเร่งดำเนินการ แต่งตั้งคณะทำงานโดยมีองค์ประกอบตัวแทนจากหน่วยงานดังต่อไปนี้ ผู้ประกอบการกล่องรับสัญญาณดิจิทัลทีวีที่เข้าร่วมโครงการกับสำนักงาน กสทช. ผู้รับใบอนุญาตโครงข่ายทีวีดิจิตอล ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ไปรษณีย์ไทย กรมการปกครอง และตัวแทนผู้บริโภค โดยตนจะเข้าร่วมประชุมด้วยในฐานะที่ปรึกษาคณะทำงานชุดดังกล่าว นอกจากนี้ ดิฉันประสงค์ให้สำนักงานฯ เชิญผู้บริหารระดับสูงของ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อร่วมประชุมเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการแจกคูปองโดยเร่งด่วนที่สุด ในวันศุกร์ที่ 5 มิ.ย. เวลา 10.00 น. ณ ที่ทำการบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด ถ.แจ้งวัฒนะ” น.ส.สุภิญญากล่าว

นอกจากนี้ในวันที่ 12 มิ.ย. นี้ สำนักงานเปิดเวทีรับฟังข้อคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับโครงการ รวมทั้งกรมการปกครอง กลุ่มบ้านเช่า เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูล ข้อเท็จจริงในการดำเนินงานที่ผ่านมา รวมทั้งให้ข้อเสนอแนะเพื่อประโยชน์ในการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพร่วมกันในอนาคต รวมทั้งหาแนวทางการแจกคูปองผู้ไม่มีสิทธิตามทะเบียนบ้านในรอบแรกต่อไป ที่โรงแรมเซ็นจูรี่พาร์ค กทม.

สรุปข้อมูลล่าสุดยอดผู้มีสิทธิ์ได้รับคูปองทั้งหมด 77 จังหวัด จำนวน 13,571,296 ครัวเรือน ได้รับคูปองแล้ว 9,372,807 ครัวเรือน (69.06%) ค้างที่ไปรษณีย์ 4,198,489 ฉบับ (33.84%) ใช้สิทธิ์แลกแล้ว 4,592,410 ฉบับ (33.84%) มีการเรียกเก็บเงินแล้ว 3,920,327 ฉบับ (85.37%) เป็นเงิน 2,705,025,630 บาท มีผู้เข้าร่วมโครงการ 61 ราย ซื้อสติ๊กเกอร์เข้าร่วมโครงการไปแล้ว 47 ราย จำนวน 14,076,839 ดวง (99.76%) นำสติ๊กเกอร์มาแลก 4,592,410 ดวง (30.03%) ทั้งนี้สำนักงานเตรียมทำสติ๊กเกอร์เพิ่มประมาณ 4,230,000 ดวง

ที่มาของข่าว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่