สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ขอเอาเรื่องราวของเรามาเล่าสู่กันฟัง ผมเกิดในครอบครัวที่อบอุ่น ได้รับการศึกษาที่ดี เรื่อยมาจนกระทั่งจบปริญญาในสถาบันรัฐบาลแห่งหนึ่ง พอจบมาก็ได้เข้าทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการสื่อสาร แห่งหนึ่งทันที ฟังดูแล้วเหมือนกับว่าชีวิตจะดีมาก มั่นคง นั่นนู่นนี่ ที่หลายคนต้องการ แต่.....ความจริงที่สวยงามนี้ล่ะมันค่อยๆกัดกร่อนความเป็นตัวเราให้หมดลงทีละน้อยๆ จากเดิมหลังเรียนจบ มีเป้าหมายว่าอยากมีบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ๆซักหลัง มี BM ขับ มีเงินเก็บ ไปเที่ยวต่างประเทศ ปีละครั้ง และก็มีเวลาออกค่ายช่วยเหลือคนที่เค้ายากกว่าเรา เมื่อเข้าทำงานความจริงที่น่ากลัวก็ค่อยๆโผล่ออกมาทีละนิด อย่างช้าๆ เป้าหมายที่เคยตั้งไว้ก็ค่อยๆหดลง ที่ละนิดๆ จากปีแรกอยากได้บ้านเดี่ยว ก็หดลงเหลือคอนโดในปีที่สาม หดลงเหลือแค่ห้องเช่าเล็กๆในปีที่ห้า จากรถคันโก้ ก็เหลือเพียง ปอ. กะ รถเมล์ฟรี ส่วนเงินเก็บเลิกพูด ได้สามสี่หมื่นก็หมดไปกับ ภาษีสังคม เรื่องเที่ยวเมืองนอก กะ เวลาที่ออกค่าย ลืมไปได้เลย ทำงานอาทิตย์ละหกวัน แถมบางอาทิตย์ เจ้านายขอร้องให้ช่วยงานวันหยุดแบบฟรีๆ ก็ต้องจำใจทำจากคำพูดที่ว่า "ทำเพื่อทีม" เพื่อนๆข้างนอก ครอบครัวมองเรา อย่างชื่นชมว่าก้าวหน้าในหน้าที่การงาน แต่คนที่รู้ว่าไม่ใช่คือตัวเรา ตัวเราคนเดียวเท่านั้น แต่ความโชคดีที่ แฟน เราเป็นคนที่เคารพการตัดสินใจเรา ดังนั้นเค้าจะไม่แทรกแซง การตัดสินใจเรา เราติดกับดักอยู่ประมาณ ห้าปีตลอดห้าปีที่ใช้ชีวิตแบบไร้ค่า ห้าปีที่ใช้ชีวิตแบบเครื่องจักร ทำงานตามโปรแกรมที่ถูกตั้งเอาไว้ห้าปีที่ เป้าหมาย ความตั้งใจ จางหายไปหมด และวันสำคัญก็มาถึง วันที่บริษัทพาเราไปเที่ยวประจำปีที่ เชียงใหม่ มันทำให้เราได้นั่งนิ่งๆอยู่กับตัวเอง ทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นตลอดห้าปี และเริ่มวางแผนออกจากกับดักอันนี้ให้ได้ภายในเวลา 1 เดือน
จากคนไม่มีค่า กลายเป็นคนที่มีคุณค่า พลิกชีวิตขึ้นจากเหว ในเวลา 1 เดือน