ภาคธุรกิจฟันธง บริโภคไตรมาส 2 "ฟื้นช้า"
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานผลสำรวจความเชื่อมั่นทางนักธุรกิจที่มีต่อแนวโน้มไตรมาส 2 ปี 2558 พบว่า ภาวะธุรกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้ามีแนวโน้มปรับดีขึ้นเล็กน้อย สอดคล้องกับผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่คาดว่าการฟื้นตัวของการบริโภคยังล่าช้า โดยมีรายละเอียดดังนี้
การบริโภคภาคเอกชน ช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ทรงตัวจากไตรมาสก่อน โดยจากผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการพบว่า รายได้เกษตรกรที่ตกต่ำต่อเนื่องและภาวะหนี้ครัวเรือนยังเป็นปัจจัยฉุดรั้งการฟื้นตัวของการบริโภคให้ล่าช้ากว่าที่คาด
โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เช่นเดียวกับยอดขายสินค้าคงทน อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์และจักรยานยนต์ ที่ทรงตัวสะท้อนกำลังซื้อบางส่วนที่ยังไม่ฟื้นตามความเชื่อมั่น ขณะที่ยอดขายสินค้าไม่คงทนขยายตัวได้น้อยกว่าที่คาดไว้มาก ส่งผลให้ธุรกิจต้องปรับตัวโดยการแข่งขันทำโปรโมชั่นรุนแรงเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดในช่วงภาวะธุรกิจที่ชะลอลง
ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2 ปี 2558 การบริโภคมีแนวโน้มปรับดีขึ้นล่าช้ากว่าที่คาดไว้เดิม สะท้อนจากสัดส่วนของผู้ประกอบการที่ให้ความเห็นว่าการบริโภคภาคเอกชนจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่และต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2558 มีสัดส่วนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับผลสำรวจในช่วงปลายปี 2557
ประกอบกับยังไม่เห็นยอดขายในช่วงไตรมาสที่ 1 ฟื้นตัวชัดเจน สะท้อนความกังวลต่อภาวะการบริโภคภาคเอกชนที่ยังอ่อนแอ และอาจยังไม่เห็นการปรับตัวดีขึ้นที่ชัดเจนในช่วงไตรมาสที่ 2 แม้ผู้ประกอบการจะเห็นว่าครัวเรือนกลุ่มรายได้ปานกลางถึงสูงยังคงมีกำลังซื้อแต่ยังขาดความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในอนาคตจึงระมัดระวังการใช้จ่าย
สอดคล้องกับผลสำรวจความเห็นของสถาบันการเงินต่อแนวโน้มภาวะสินเชื่อที่คาดว่าความต้องการสินเชื่อเพื่อการบริโภคจะเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนมุมมองต่อแนวโน้มการบริโภคภาคเอกชนที่ดีขึ้น แต่สถาบันการเงินยังคงระมัดระวังการให้สินเชื่อส่วนหนึ่งจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า
สำหรับการลงทุนภาคเอกชน ช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ยังชะลอลงต่อเนื่อง ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เห็นว่ากำลังการผลิตที่มีอยู่มากเพียงพอต่อความต้องการทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศที่ปัจจุบันอยู่ในภาวะชะลอตัว จากการบริโภคภาคเอกชนที่ยังอ่อนแอ และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวกว่าที่คาด จึงทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ชะลอการตัดสินใจลงทุนในโครงการขนาดใหญ่
อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการบางส่วน อาทิ ธุรกิจโลจิสติกส์มีการลงทุนด้านwarehouse เพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและขนส่งที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีในระยะยาว ทั้งนี้ ความเห็นจากสถาบันการเงินพบว่าความต้องการสินเชื่อของธุรกิจเพิ่มขึ้นเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเป็นส่วนใหญ่มากกว่าที่จะเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
สำหรับในไตรมาสที่ 2 ปี 2558 การลงทุนมีแนวโน้มทรงตัว แม้ผู้ประกอบการคาดหวังว่าการลงทุนภาครัฐ จะช่วยกระตุ้นความต้องการในประเทศและเป็นปัจจัยนำการลงทุนภาคเอกชน แต่ผู้ประกอบการคาดว่าการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐจะสามารถเริ่มได้อย่างเร็วในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2558 เนื่องจากกระบวนการคัดเลือก ประมูล และอนุมัติโครงการต้องใช้ระยะเวลาอีกช่วงหนึ่ง
ทางด้าน การส่งออก พบว่า แนวโน้มไตรมาส 2 ยังทรงตัว โดยคาดว่าการส่งออกสินค้าจะปรับดีขึ้นในบางกลุ่มธุรกิจ ผู้ประกอบการธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์คาดว่าภาวะการส่งออกจะสามารถขยายตัวได้ดีในไตรมาสที่ 2 โดยเน้นส่งออกให้บริษัทในยุโรปเป็นหลัก
ส่วนผู้ประกอบการธุรกิจบริการโลจิสติกส์คาดว่าการขนส่งระหว่างประเทศจะอยู่ในระดับทรงตัวและฟื้นตัวได้ในไตรมาส4 ขณะที่การส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารบางประเภทยังได้รับผลกระทบจากการถูกตัดสิทธิGSPในตลาดยุโรปที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 1
“แม้คำสั่งซื้อจากประเทศรัสเซียจะปรับเพิ่มขึ้นจากมาตรการคว่ำบาตรของกลุ่มประเทศยุโรป แต่ปริมาณไม่มากนักเมื่อเทียบกับอุปสงค์ของตลาดหลักที่ชะลอตัว”
สำหรับธุรกิจท่องเที่ยวในไตรมาส2 คาดว่า ธุรกิจท่องเที่ยวยังปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมในภาคเหนือและภาคใต้เชื่อมั่นว่ารายได้ในไตรมาสที่ 2 จะขยายตัวจากปีก่อน สะท้อนจากอัตราการจองห้องพักล่วงหน้าเดือนเม.ย.ที่อยู่ในระดับสูง เนื่องจากนักท่องเที่ยวมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นจากการยกเลิกกฎอัยการศึก โดยนักท่องเที่ยวจีนยังคงเป็นแรง ขับเคลื่อนหลัก อีกทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวมากขึ้นด้วย ทำให้ผู้ประกอบการคาดว่าธุรกิจโรงแรมในไตรมาสที่ 2 จะขยายตัวดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แนวโน้มไตรมาส 2 ปี 2558 มีโอกาสปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป สะท้อนจากผลสำรวจความเห็นของสถาบันการเงินที่คาดว่าความต้องการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยยังคงปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า สอดคล้องกับผลการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการที่ พบว่าอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำจะช่วยกระตุ้นความต้องการที่อยู่อาศัย ทั้งการอยู่อาศัยจริงและการลงทุน
ในระยะต่อไป ผู้ประกอบการคาดว่าจะเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอาคารชุดสำหรับตลาดลูกค้าระดับกลางถึงบนที่ยังมีความต้องการอยู่ และคาดว่าอุปสงค์โดยรวมของตลาดที่อยู่ อาศัยจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เมื่อมีความ ชัดเจนของการลงทุนภาครัฐในไตรมาสที่ 4 ปี 2558
สำหรับการจ้างงาน พบว่า ไตรมาสที่ 2 ปี 2558 ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นว่าภาวะเศรษฐกิจจะปรับดีขึ้นเล็กน้อย จึงมีความต้องการแรงงานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจที่มีการขยายฐานการผลิต เปิดโรงงานใหม่ หรือขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง เช่น ธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจบริการโลจิสติกส์ ธุรกิจผลิต กระแสไฟฟ้า และธุรกิจค้าส่งค้าปลีก
ส่วนต้นทุนและราคา ในไตรมาส 2 พบว่า ผู้ประกอบการธุรกิจปิโตรเลียมคาดว่า ราคาน้ำมันจะอยู่ในระดับต่ำไปอีกจนถึงสิ้นปี 2558 ในขณะที่ผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คาดว่า ต้นทุนวัสดุก่อสร้างและที่ดินจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามสัญญาณการฟื้นตัวของภาคก่อสร้าง โดยเฉพาะราคาที่ดินในกรุงเทพฯ ตามแนวรถไฟฟ้าและผู้ประกอบการส่วนใหญ่ประเมินว่าค่าจ้างแรงงานจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะแรงงานฝีมือ โดยรวมแล้วผู้ประกอบการมองว่าต้นทุนโดยรวมจะทรงตัวจากไตรมาสที่หนึ่ง
Link :
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/645575
▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █ ภาคธุรกิจฟันธง บริโภคไตรมาส 2 'ฟื้นช้า' █ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂
ภาคธุรกิจฟันธง บริโภคไตรมาส 2 "ฟื้นช้า"
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานผลสำรวจความเชื่อมั่นทางนักธุรกิจที่มีต่อแนวโน้มไตรมาส 2 ปี 2558 พบว่า ภาวะธุรกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้ามีแนวโน้มปรับดีขึ้นเล็กน้อย สอดคล้องกับผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่คาดว่าการฟื้นตัวของการบริโภคยังล่าช้า โดยมีรายละเอียดดังนี้
การบริโภคภาคเอกชน ช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ทรงตัวจากไตรมาสก่อน โดยจากผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการพบว่า รายได้เกษตรกรที่ตกต่ำต่อเนื่องและภาวะหนี้ครัวเรือนยังเป็นปัจจัยฉุดรั้งการฟื้นตัวของการบริโภคให้ล่าช้ากว่าที่คาด
โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เช่นเดียวกับยอดขายสินค้าคงทน อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์และจักรยานยนต์ ที่ทรงตัวสะท้อนกำลังซื้อบางส่วนที่ยังไม่ฟื้นตามความเชื่อมั่น ขณะที่ยอดขายสินค้าไม่คงทนขยายตัวได้น้อยกว่าที่คาดไว้มาก ส่งผลให้ธุรกิจต้องปรับตัวโดยการแข่งขันทำโปรโมชั่นรุนแรงเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดในช่วงภาวะธุรกิจที่ชะลอลง
ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2 ปี 2558 การบริโภคมีแนวโน้มปรับดีขึ้นล่าช้ากว่าที่คาดไว้เดิม สะท้อนจากสัดส่วนของผู้ประกอบการที่ให้ความเห็นว่าการบริโภคภาคเอกชนจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่และต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2558 มีสัดส่วนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับผลสำรวจในช่วงปลายปี 2557
ประกอบกับยังไม่เห็นยอดขายในช่วงไตรมาสที่ 1 ฟื้นตัวชัดเจน สะท้อนความกังวลต่อภาวะการบริโภคภาคเอกชนที่ยังอ่อนแอ และอาจยังไม่เห็นการปรับตัวดีขึ้นที่ชัดเจนในช่วงไตรมาสที่ 2 แม้ผู้ประกอบการจะเห็นว่าครัวเรือนกลุ่มรายได้ปานกลางถึงสูงยังคงมีกำลังซื้อแต่ยังขาดความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในอนาคตจึงระมัดระวังการใช้จ่าย
สอดคล้องกับผลสำรวจความเห็นของสถาบันการเงินต่อแนวโน้มภาวะสินเชื่อที่คาดว่าความต้องการสินเชื่อเพื่อการบริโภคจะเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนมุมมองต่อแนวโน้มการบริโภคภาคเอกชนที่ดีขึ้น แต่สถาบันการเงินยังคงระมัดระวังการให้สินเชื่อส่วนหนึ่งจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า
สำหรับการลงทุนภาคเอกชน ช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ยังชะลอลงต่อเนื่อง ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เห็นว่ากำลังการผลิตที่มีอยู่มากเพียงพอต่อความต้องการทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศที่ปัจจุบันอยู่ในภาวะชะลอตัว จากการบริโภคภาคเอกชนที่ยังอ่อนแอ และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวกว่าที่คาด จึงทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ชะลอการตัดสินใจลงทุนในโครงการขนาดใหญ่
อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการบางส่วน อาทิ ธุรกิจโลจิสติกส์มีการลงทุนด้านwarehouse เพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและขนส่งที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีในระยะยาว ทั้งนี้ ความเห็นจากสถาบันการเงินพบว่าความต้องการสินเชื่อของธุรกิจเพิ่มขึ้นเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเป็นส่วนใหญ่มากกว่าที่จะเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
สำหรับในไตรมาสที่ 2 ปี 2558 การลงทุนมีแนวโน้มทรงตัว แม้ผู้ประกอบการคาดหวังว่าการลงทุนภาครัฐ จะช่วยกระตุ้นความต้องการในประเทศและเป็นปัจจัยนำการลงทุนภาคเอกชน แต่ผู้ประกอบการคาดว่าการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐจะสามารถเริ่มได้อย่างเร็วในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2558 เนื่องจากกระบวนการคัดเลือก ประมูล และอนุมัติโครงการต้องใช้ระยะเวลาอีกช่วงหนึ่ง
ทางด้าน การส่งออก พบว่า แนวโน้มไตรมาส 2 ยังทรงตัว โดยคาดว่าการส่งออกสินค้าจะปรับดีขึ้นในบางกลุ่มธุรกิจ ผู้ประกอบการธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์คาดว่าภาวะการส่งออกจะสามารถขยายตัวได้ดีในไตรมาสที่ 2 โดยเน้นส่งออกให้บริษัทในยุโรปเป็นหลัก
ส่วนผู้ประกอบการธุรกิจบริการโลจิสติกส์คาดว่าการขนส่งระหว่างประเทศจะอยู่ในระดับทรงตัวและฟื้นตัวได้ในไตรมาส4 ขณะที่การส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารบางประเภทยังได้รับผลกระทบจากการถูกตัดสิทธิGSPในตลาดยุโรปที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 1
“แม้คำสั่งซื้อจากประเทศรัสเซียจะปรับเพิ่มขึ้นจากมาตรการคว่ำบาตรของกลุ่มประเทศยุโรป แต่ปริมาณไม่มากนักเมื่อเทียบกับอุปสงค์ของตลาดหลักที่ชะลอตัว”
สำหรับธุรกิจท่องเที่ยวในไตรมาส2 คาดว่า ธุรกิจท่องเที่ยวยังปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมในภาคเหนือและภาคใต้เชื่อมั่นว่ารายได้ในไตรมาสที่ 2 จะขยายตัวจากปีก่อน สะท้อนจากอัตราการจองห้องพักล่วงหน้าเดือนเม.ย.ที่อยู่ในระดับสูง เนื่องจากนักท่องเที่ยวมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นจากการยกเลิกกฎอัยการศึก โดยนักท่องเที่ยวจีนยังคงเป็นแรง ขับเคลื่อนหลัก อีกทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวมากขึ้นด้วย ทำให้ผู้ประกอบการคาดว่าธุรกิจโรงแรมในไตรมาสที่ 2 จะขยายตัวดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แนวโน้มไตรมาส 2 ปี 2558 มีโอกาสปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป สะท้อนจากผลสำรวจความเห็นของสถาบันการเงินที่คาดว่าความต้องการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยยังคงปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า สอดคล้องกับผลการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการที่ พบว่าอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำจะช่วยกระตุ้นความต้องการที่อยู่อาศัย ทั้งการอยู่อาศัยจริงและการลงทุน
ในระยะต่อไป ผู้ประกอบการคาดว่าจะเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอาคารชุดสำหรับตลาดลูกค้าระดับกลางถึงบนที่ยังมีความต้องการอยู่ และคาดว่าอุปสงค์โดยรวมของตลาดที่อยู่ อาศัยจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เมื่อมีความ ชัดเจนของการลงทุนภาครัฐในไตรมาสที่ 4 ปี 2558
สำหรับการจ้างงาน พบว่า ไตรมาสที่ 2 ปี 2558 ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นว่าภาวะเศรษฐกิจจะปรับดีขึ้นเล็กน้อย จึงมีความต้องการแรงงานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจที่มีการขยายฐานการผลิต เปิดโรงงานใหม่ หรือขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง เช่น ธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจบริการโลจิสติกส์ ธุรกิจผลิต กระแสไฟฟ้า และธุรกิจค้าส่งค้าปลีก
ส่วนต้นทุนและราคา ในไตรมาส 2 พบว่า ผู้ประกอบการธุรกิจปิโตรเลียมคาดว่า ราคาน้ำมันจะอยู่ในระดับต่ำไปอีกจนถึงสิ้นปี 2558 ในขณะที่ผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คาดว่า ต้นทุนวัสดุก่อสร้างและที่ดินจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามสัญญาณการฟื้นตัวของภาคก่อสร้าง โดยเฉพาะราคาที่ดินในกรุงเทพฯ ตามแนวรถไฟฟ้าและผู้ประกอบการส่วนใหญ่ประเมินว่าค่าจ้างแรงงานจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะแรงงานฝีมือ โดยรวมแล้วผู้ประกอบการมองว่าต้นทุนโดยรวมจะทรงตัวจากไตรมาสที่หนึ่ง
Link : http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/645575