ซีเกททุ่มอีก 1.53 หมื่นล้าน ขยายกำลังการผลิตเกือบเท่าตัวภายใน 5 ปี หวังยึดไทยเป็นฐานผลิตส่งป้อนฮาร์ดไดรฟ์ทั่วโลก ชี้ไทยยังมีจุดแข็งด้านทักษะฝีมือ ค่าจ้างยังไม่สูงมากนัก พร้อมเป็นจุดศูนย์กลางกระจายสินค้าทำตลาดในภูมิภาคเอเชีย เผยปีที่ผ่านมาส่งออกสินค้ามีมูลค่ากว่า 1.1 แสนล้านบาท
นายเจฟฟรี่ย์ ดี ไนการ์ด รองประธานอาวุโส ฝ่ายปฏิบัติการหัวอ่านและบันทึกข้อมูล บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี จำกัด(มหาชน) ผู้ผลิต ฮาร์ดไดรฟ์ชั้นนำระดับโลก เปิดเผยว่า ในช่วง 5 ปี(2558-2562) บริษัทมีแผนที่จะใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 1.53 หมื่นล้านบาท สำหรับการสร้างอาคารเพื่อขยายกำลังการผลิตและวิจัยพัฒนา ของโรงงานซีเกท ที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งถือเป็นโรงงานผลิตฮาร์ดไดรฟ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกของซีเกท โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2.37 แสนตารางเมตร จากปัจจุบัน 1.6 แสนตารางเมตร ซึ่งจะทำให้ซีเกทสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น จากการเติบโตของเทคโนโลยีคลาวด์สตอเรจในปัจจุบัน
โดยงบลงทุนดังกล่าวบริษัทจะแบ่งเป็นงบก่อสร้างอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกถึง 4.6 พันล้านบาท และอีก 1.07 หมื่นล้านบาท จะใช้สำหรับการลงทุนด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จะทยอยลงทุนในช่วง 5 ปีนี้ โดยระยะแรกนี้จะดำเนินการก่อสร้างอาคารให้แล้วเสร็จพร้อมใช้งานได้ภายในปี 2559 ซึ่งจะช่วยให้ซีเกทสามารถรองรับเทคโนโลยีใหม่ได้ดียิ่งขึ้น ถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งด้านการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นราว 2.5 พันตำแหน่ง จากปัจจุบันมีพนักงาน 1.2 หมื่นคน
สำหรับการลงทุนครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไทยและทั่วโลกว่ายังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเติบโตของตลาดข้อมูล เป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้มีการผลักดันและพัฒนาวิทยาการด้านเทคโนโลยีอื่นๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น คลาวด์เซอร์วิส แอพพลิเคชันบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ และโซเชียลมีเดียต่างๆ เป็นต้น ซึ่งในปี 2557 ที่ผ่านมา ซีเกทได้ลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาในประเทศไทยถึง 1.8 พันล้านบาท ทำให้สินค้าที่ออกมาสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมทั่วโลก
"โครงการลงทุนดังกล่าว ถือว่าใหญ่สุดใน 8 โครงการ ที่บริษัทได้รับการส่งเสริมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอมาเมื่อปีก่อน และไทยเป็นประเทศที่ซีเกทให้ความสำคัญเลือกลงทุนเป็นอันดับ 1 รองลงไปจะเป็นจีน และมาเลเซีย เนื่องจากมีทีมงานที่แข็งแกร่ง ทั้งด้านปฏิบัติการและด้านวิศวกรรม ประกอบกับมีค่าแรงที่ไม่สูงมากจนเกินไป ที่สำคัญไทยเป็นศูนย์กลางในภูมิภาค ที่สามารถกระจายสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ได้ โดยเฉพาะการเชื่อมต่อไปยังจีนและอินเดีย ซึ่งจากนี้ไปตลาดในภูมิภาคเอเชียจะเป็นตลาดที่สำคัญของซีเกท"
จาก
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=264943:15&catid=88:2009-02-08-11-23-46&Itemid=418
น่าจะมีผลกับ HTECH ที่ทำหัวกลึง HDD บ้างนะ
ซีเกท เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตแล้วครับ
นายเจฟฟรี่ย์ ดี ไนการ์ด รองประธานอาวุโส ฝ่ายปฏิบัติการหัวอ่านและบันทึกข้อมูล บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี จำกัด(มหาชน) ผู้ผลิต ฮาร์ดไดรฟ์ชั้นนำระดับโลก เปิดเผยว่า ในช่วง 5 ปี(2558-2562) บริษัทมีแผนที่จะใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 1.53 หมื่นล้านบาท สำหรับการสร้างอาคารเพื่อขยายกำลังการผลิตและวิจัยพัฒนา ของโรงงานซีเกท ที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งถือเป็นโรงงานผลิตฮาร์ดไดรฟ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกของซีเกท โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2.37 แสนตารางเมตร จากปัจจุบัน 1.6 แสนตารางเมตร ซึ่งจะทำให้ซีเกทสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น จากการเติบโตของเทคโนโลยีคลาวด์สตอเรจในปัจจุบัน
โดยงบลงทุนดังกล่าวบริษัทจะแบ่งเป็นงบก่อสร้างอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกถึง 4.6 พันล้านบาท และอีก 1.07 หมื่นล้านบาท จะใช้สำหรับการลงทุนด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จะทยอยลงทุนในช่วง 5 ปีนี้ โดยระยะแรกนี้จะดำเนินการก่อสร้างอาคารให้แล้วเสร็จพร้อมใช้งานได้ภายในปี 2559 ซึ่งจะช่วยให้ซีเกทสามารถรองรับเทคโนโลยีใหม่ได้ดียิ่งขึ้น ถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งด้านการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นราว 2.5 พันตำแหน่ง จากปัจจุบันมีพนักงาน 1.2 หมื่นคน
สำหรับการลงทุนครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไทยและทั่วโลกว่ายังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเติบโตของตลาดข้อมูล เป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้มีการผลักดันและพัฒนาวิทยาการด้านเทคโนโลยีอื่นๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น คลาวด์เซอร์วิส แอพพลิเคชันบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ และโซเชียลมีเดียต่างๆ เป็นต้น ซึ่งในปี 2557 ที่ผ่านมา ซีเกทได้ลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาในประเทศไทยถึง 1.8 พันล้านบาท ทำให้สินค้าที่ออกมาสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมทั่วโลก
"โครงการลงทุนดังกล่าว ถือว่าใหญ่สุดใน 8 โครงการ ที่บริษัทได้รับการส่งเสริมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอมาเมื่อปีก่อน และไทยเป็นประเทศที่ซีเกทให้ความสำคัญเลือกลงทุนเป็นอันดับ 1 รองลงไปจะเป็นจีน และมาเลเซีย เนื่องจากมีทีมงานที่แข็งแกร่ง ทั้งด้านปฏิบัติการและด้านวิศวกรรม ประกอบกับมีค่าแรงที่ไม่สูงมากจนเกินไป ที่สำคัญไทยเป็นศูนย์กลางในภูมิภาค ที่สามารถกระจายสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ได้ โดยเฉพาะการเชื่อมต่อไปยังจีนและอินเดีย ซึ่งจากนี้ไปตลาดในภูมิภาคเอเชียจะเป็นตลาดที่สำคัญของซีเกท"
จาก http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=264943:15&catid=88:2009-02-08-11-23-46&Itemid=418
น่าจะมีผลกับ HTECH ที่ทำหัวกลึง HDD บ้างนะ