ต่างชาติแห่ลงทุน EEC ไม่หยุด เนื้อหอม 8 เดือนปีนี้ 7.4 หมื่นล้าน

EEC ยังเนื้อหอม ต่างประเทศสนใจลงทุนล้นหลาม กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเปิดตัวเลขลงทุนช่วง 8 เดือนปีนี้ ดึงดูดเม็ดเงินกว่า 74,792 ล้านบาท คิดเป็น 33% ของเม็ดเงินลงทุนรวม จีนมาแรง เริ่มแซงแชมป์ญี่ปุ่น ตอกย้ำความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยบนเวทีโลก ขณะที่ตัวเลขการลงทุนจากต่างชาติรวมพุ่งแตะ 225,536 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 125% จากปีก่อน

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า การจดทะเบียนนิติบุคคลจัดตั้งใหม่ ในพื้นที่การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) นักลงทุนต่างชาติในช่วง 8 เดือนของปี 2568 (มกราคม-สิงหาคม 2568) จำนวน 197 ราย คิดเป็น 29% ของนักลงทุนต่างชาติในไทย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 จำนวน 34 ราย หรือคิดเป็น 21% โดยมีมูลค่า 74,792 ล้านบาท คิดเป็น 33% ของเงินลงทุนทั้งหมด

เป็นนักลงทุนจากประเทศจีน 48 ราย ลงทุน 14,862 ล้านบาท ญี่ปุ่น 47 ราย ลงทุน 27,153 ล้านบาท สิงคโปร์ 21 ราย ลงทุน 12,940 ล้านบาท และประเทศอื่น ๆ 81 ราย ลงทุน 19,837 ล้านบาท

ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ธุรกิจบริการออกแบบ จัดหาวัสดุและอุปกรณ์ ก่อสร้าง ติดตั้ง ทดสอบเครื่องจักรและระบบการทำงานต่าง ๆ สำหรับโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือและสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว ธุรกิจบริการทางวิศวกรรม โดยการออกแบบชิ้นส่วนยานยนต์ ธุรกิจบริการเขต Data Center และธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม เครื่องใช้ไฟฟ้าไมโครเวฟ ชิ้นส่วนยานพาหนะ ผลิตภัณฑ์โลหะและชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูป เป็นต้น

ขณะที่ การลงทุนของชาวต่างชาติ 8 เดือนของปี 2568 (มกราคม-สิงหาคม 2568) มีจำนวน 687 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 225,536 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 152 ราย (28%) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 (535 ราย) และมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 125,474 ล้านบาท (125%) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 (100,062 ล้านบาท)

อย่างไรก็ดี ชาวต่างชาติที่เข้ามาสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

1.ญี่ปุ่น 125 ราย คิดเป็น 18% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 71,844 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นการจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตต่าง ๆ ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย ธุรกิจบริการตรวจสอบคุณภาพสินค้าประเภทเครื่องประดับและธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า

2.สหรัฐอเมริกา 105 ราย คิดเป็น 15% เงินลงทุน 3,433 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจนายหน้าหรือตัวแทนในการรับจองห้องพัก โรงแรม และกิจกรรมนันทนาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว

3.สิงคโปร์ 93 ราย คิดเป็น 13% เงินลงทุน 68,495 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจนายหน้าและตัวแทนสำหรับการจองและซื้อขายโทเค็นดิจิทัล (Digital Token) ธุรกิจบริการ Data Center

4.จีน 87 ราย คิดเป็น 13% เงินลงทุน 20,785 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจการจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วน และส่วนประกอบ สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตต่าง ๆ

5.ฮ่องกง 74 ราย คิดเป็น 11% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 12,372 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจบริการขุดเจาะปิโตรเลียม ภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานและสัญญาแบ่งปันผลผลิตในอ่าวไทย ธุรกิจบริการรับจ้างตัดโลหะ ธุรกิจบริการโทรคมนาคมแบบที่หนึ่ง ประเภทไม่มีโครงข่ายเป็นของตัวเอง และธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า...

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/economy/news-1891497


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่