มี 2 ข่าว "สุวรรณภูมิ" ครบรอบ 19 ปี และ 6 สนามบินภูมิภาค ขึ้นค่า PSC ผู้โดยสารจ่ายเพิ่ม 25 บาท เริ่ม ต.ค.68

"สุวรรณภูมิ" ครบรอบ 19 ปี รองรับผู้โดยสารแล้วกว่า 878 ล้าน 5.45 ล้านเที่ยวบิน

KEY POINTS
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิฉลองครบรอบ 19 ปีแห่งความสำเร็จในฐานะศูนย์กลางการบินหลักของภูมิภาค โดยได้รองรับผู้โดยสารกว่า 878 ล้านคน และเที่ยวบินกว่า 5.45 ล้านเที่ยวบิน ซึ่งสะท้อนบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ

มุ่งมั่นยกระดับสู่การเป็น “World Class Hospitality Airport” ผ่านการปรับปรุงบริการเพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจ ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับสากลจากการจัดอันดับโดย Skytrax ให้เป็นท่าอากาศยานระดับ 4 ดาว และการเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อที่มีศักยภาพสูง

เดินหน้าแผนพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับอนาคต ทั้งการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกภายในอาคารผู้โดยสาร การนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัย และการขยายเครือข่ายเส้นทางบินเพื่อตอกย้ำศักยภาพการเป็นศูนย์กลางการบิน

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ก้าวเข้าสู่ปีที่ 19 ด้วยความภาคภูมิใจในฐานะ “ประตูสู่ประเทศไทย” และศูนย์กลางการบินหลักของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
 

ตลอดเวลากว่าเกือบสองทศวรรษ สนามบินแห่งนี้ได้รองรับผู้โดยสารแล้วกว่า 878 ล้านคน เที่ยวบินกว่า 5.45 ล้านเที่ยว และขนส่งสินค้ากว่า 20 ล้านตัน สะท้อนถึงบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การคมนาคม และการท่องเที่ยวของไทย
 

นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการทสภ. กล่าวว่า วันที่ 28 กันยายน 2568 ถือเป็นหมุดหมายแห่งความสำเร็จ 19 ปีของสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ไม่เพียงทำหน้าที่เชื่อมโยงผู้โดยสารจากทั่วโลกเข้าสู่ประเทศไทย แต่ยังยืนยันศักยภาพในฐานะหนึ่งในศูนย์กลางการบินสำคัญที่สุดของภูมิภาค โดยเฉพาะปีงบประมาณ 2568 ที่ผ่านมา มีสายการบินให้บริการ 126 สายการบิน เที่ยวบินรวมกว่า 340,000 เที่ยว และผู้โดยสารกว่า 58 ล้านคน เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า แสดงถึงการฟื้นตัวและความเชื่อมั่นของนักเดินทางทั่วโลก
 


 

ด้วยวิสัยทัศน์ “World Class Hospitality Airport” ทสภ. มุ่งยกระดับการให้บริการ ไม่ใช่แค่เรื่องโครงสร้างขนาดใหญ่หรือเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่รวมถึงการสร้างประสบการณ์การเดินทางที่สะดวก ปลอดภัย และน่าประทับใจ ตั้งแต่ขั้นตอนเช็กอิน ความปลอดภัย ไปจนถึงการดูแลผู้โดยสารกลุ่มพิเศษ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และครอบครัว ควบคู่กับการใส่ใจสิ่งแวดล้อมและพลังงานอย่างยั่งยืน 
 

ทสภ. ยังได้รับการยอมรับระดับนานาชาติ โดยได้รับการยกระดับจากท่าอากาศยานระดับ 3 ดาวเป็นท่าอากาศยานระดับ 4 ดาว จากการประกาศของ Skytrax องค์กรที่ปรึกษาด้านการจัดอันดับคุณภาพของสายการบินและท่าอากาศยานชั้นนำระดับโลกจากสหราชอาณาจักร
 

รวมทั้งได้รับการจัดอันดับจาก Brilliant Maps ให้เป็นสนามบินที่มีสายการบินให้บริการมากที่สุดในโลก นอกจากนี้ จากรายงานของ ACI Asia - Pacific and Middle East (ACI APAC & MID) ซึ่งร่วมกับ PwC จัดให้ ทสภ. ติดอันดับ 7 สนามบินศูนย์กลางการเชื่อมต่อที่มีศักยภาพสูงสุด และอันดับ 9 ของสนามบินที่มีการเชื่อมต่อทางอากาศสูงสุดในปี 2567
 


 

ทสภ. ยังมีแผนพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มพื้นที่กิจกรรมใน Concourse และอาคาร SAT-1 การจัดพื้นที่ Kids Zone, Game Station, Recliner Area, Co-Working Space และ Piano Lounge รวมทั้งการติดตั้งเครื่องชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่ม การปรับปรุงห้องน้ำ 124 จุดทั่วสนามบิน การใช้ระบบ Passenger Validation System (PVS) และเครื่อง X-ray แบบ CT ที่แม่นยำและรวดเร็ว ตลอดจนระบบตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (ABC) เพื่อรองรับ E-passport
 


 

สำหรับแนวโน้มปีงบประมาณ 2569 ทสภ. คาดว่าจะมีเที่ยวบินรวมประมาณ 397,323 เที่ยวบินและมีผู้โดยสาร 67.7 ล้านคน โดยจะมีสายการบินใหม่มาให้บริการ อาทิ United Airlines (เส้นทางลาสเวกัส - ฮ่องกง - กรุงเทพฯ) และแม้ว่าการจัดสรรเที่ยวบินช่วงซัมเมอร์ยังไม่แล้วเสร็จ แต่ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่สะท้อนถึงศักยภาพของ ทสภ. ในฐานะศูนย์กลางการบินของภูมิภาค
 

ขณะเดียวกันแนวโน้มผู้โดยสารจากสหภาพยุโรป (EU) มีการขยายตัวต่อเนื่อง จากการที่สายการบินไทยกลับมาเปิดหลากหลายเส้นทางสู่ยุโรปเพื่อเพิ่ม Connectivity ตามนโยบาย Aviation Hub ของรัฐบาล รวมถึงผู้โดยสารจากอินเดียที่เติบโตต่อเนื่อง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการพึ่งพาตลาดจีนเพียงตลาดเดียว ในอนาคต ทสภ. ยังเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะสามารถเพิ่มเส้นทางบินตรงสู่สหรัฐอเมริกาได้ หลังจากองค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (Federal Aviation Administration – FAA) ปรับสถานะไทยกลับสู่ Category 1 (CAT1) ครั้งแรกในรอบ 10 ปี จากเดิมที่อยู่ใน Category 2 (CAT2) ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ FAA มีต่อความปลอดภัยของหน่วยงานการบินพลเรือนของไทยในการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งเปิดโอกาสให้สายการบินไทยและต่างชาติสามารถขยายเส้นทางบินไกลได้อย่างเต็มศักยภาพยิ่งขึ้น
 


 

นายกิตติพงศ์ กล่าวต่อว่า ทสภ. มีแผนเดินหน้าปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก ภายในอาคารผู้โดยสารและอาคารเทียบเครื่องบินอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับประสบการณ์การเดินทางของผู้โดยสารโดยมีโครงการสำคัญหลายด้าน อาทิ การปรับปรุงเป็นพื้นที่กิจกรรมระหว่างรอขึ้นเครื่องสำหรับผู้โดยสารขาออก ทั้ง ณ อาคารเทียบเครื่องบิน (Concourse C และ F) และอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่1 (SAT-1) เช่น การเพิ่มพื้นที่ Kids Zone, Game Station รวมทั้งโซนที่พักผ่อน เช่น Recliner Area (พื้นที่นั่งสำหรับเก้าอี้ปรับเอน) Co-Working Space, Piano Lounge และดิจิทัลพาร์ค พร้อมกับดำเนินการติดตั้งเครื่องชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มเป็น 203 ชุด จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 132 ชุด  รวมถึงเดินหน้าปรับปรุงห้องน้ำทั้งอาคารผู้โดยสารและอาคารเทียบเครื่องบินรวม 124 จุด โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จครบทุกจุดภายในปี 2571 ด้านการให้บริการและความปลอดภัย ทสภ. เพิ่มเครื่อง Passenger Validation System (PVS) พร้อมปรับเปลี่ยนเครื่อง X-ray เป็นแบบ CT ที่แม่นยำและรวดเร็วขึ้น รวมทั้งพัฒนาระบบตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (Automated Border Control: ABC) เพื่อรองรับ E-passport เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น
 

การยกระดับการให้บริการผู้โดยสาร ทสภ. ได้ขับเคลื่อนการเพิ่มศักยภาพการขนส่งสินค้าทางอากาศโดยต่อเนื่อง นอกจากการพัฒนาระบบ Freezone Smart Access ระบบบริหารการเข้า - ออกพื้นที่เขตปลอดอากร แก้ปัญหาการจราจรหนาแน่นจากรถขนส่งสินค้ากว่า 8,000 คันต่อวัน ลดความล่าช้าในการรับ - ส่งสินค้า และป้องกันสินค้าตกเครื่องแล้ว ในระยะต่อไป ทสภ. ยังให้ความสำคัญกับการเติบโตของ E-Commerce และตลาดโลก โดยมีแผนเพิ่มผู้ประกอบการคลังสินค้ารายที่ 3 ในปี 2571 เพื่อเสริมขีดความสามารถในการรองรับปริมาณสินค้าที่เติบโตต่อเนื่อง และขับเคลื่อนบทบาทของไทยในฐานะศูนย์กลางการค้า การลงทุนในภูมิภาคอาเซียน
 

การครบรอบ 19 ปี เป็นหลักหมุดที่สะท้อนความสำเร็จ ความเชื่อมั่น และการเติบโตของ ทสภ. ในทุกมิติและการก้าวเข้าสู่ปีที่ 20 คือก้าวของการยกระดับจาก “ประตูสู่ประเทศไทย” ไปสู่ “World Class Hospitality Airport” ที่พร้อมต้อนรับผู้โดยสารจากทั่วโลกด้วยมาตรฐานระดับสากล เป็นสนามบินที่คนไทยภูมิใจ และเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การคมนาคม และการท่องเที่ยวของประเทศต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน



6 สนามบินภูมิภาค ขึ้นค่า PSC ผู้โดยสารจ่ายเพิ่ม 25 บาท เริ่ม ต.ค.68

KEY POINTS
กรมท่าอากาศยาน (ทย.) จะปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออก (PSC) เพิ่มขึ้น 25 บาท สำหรับทั้งเที่ยวบินในประเทศและระหว่างประเทศ

การปรับขึ้นค่าบริการนี้จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ใน 6 สนามบินภูมิภาค ได้แก่ กระบี่, สุราษฎร์ธานี, อุบลราชธานี, ขอนแก่น, นครศรีธรรมราช และพิษณุโลก

อัตราค่า PSC ใหม่สำหรับเที่ยวบินในประเทศจะปรับเป็น 75 บาทต่อคน (จากเดิม 50 บาท) และเที่ยวบินระหว่างประเทศเป็น 425 บาทต่อคน (จากเดิม 400 บาท)

กรมท่าอากาศยาน(ทย.) เตรียมปรับขึ้น ค่าบริการผู้โดยสารขาออก หรือ Passenger Service Charge - PSC) ในสนามบินภูมิภาค 6 แห่งที่อยู่ในความรับผิดชอบของทย.
 

โดยกรมท่าอากาศยานจะเรียกเก็บค่า PSC เพิ่มขึ้น ซึ่งผู้โดยสารเพิ่มอีก 25 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 นี้
 

6 สนามบินที่กรมท่าอากาศยาน จะปรับเพิ่มค่าบริการผู้โดยสารขาออก หรือ ค่า PSC ได้แก่
ท่าอากาศยานกระบี่(KBV)
ท่าอากาศยานสุราษฏร์ธานี(URT)
ท่าอากาศยานอุบลราชธานี(UBP)
ท่าอากาศยานขอนแก่น(KKC)
ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช(NST)
ท่าอากาศยานพิษณุโลก(PHS) 
 

 

จากการจัดเก็บค่าบริการผู้โดยสารขาออก(Passenger Service Charge - PSC) เพิ่มอีก 25 บาทต่อผู้โดยสาร มีผลทั้งเที่ยวบินภายในประเทศ และเที่ยวบินระหว่างประเทศ ส่งผลให้ผู้โดยสารต้องจ่ายค่า PSC ดังนี้
ผู้โดยสารระหว่างประเทศ จากคนละ 400 บาท เป็นคนละ 425 บาท
ผู้โดยสารภายในประเทศ จากคนละ 50 บาท เป็นคนละ 75 บาท
 

ทั้งนี้ค่าบริการผู้โดยสารขาออก(PSC) นี้จะเรียกเก็บโดยสายการบินพร้อมกับการออกบัตรโดยสารแล้ว โดยอัตราใหม่สำหรับท่าอากาศยานของกรมท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งนั้นมีการเรียกเก็บสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไปและออกบัตรโดยสารตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นมา
 

สำหรับสนามบินแห่งอื่น ๆ ในสังกัดกรมท่าอากาศยานยังคงเก็บในอัตราเดิม


 

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่