รักร่วมเพศในคาทอลิกอาจจะเป็นที่ยอมรับได้แล้ว Pope Francis ทรงตอบพวกที่ต่อต้านได้แซ่บมากครับ

ผมนับถือศาสนาคริสต์นะครับ ผมก็พยายามทำตัวให้เป็นคนดี พยายามรักผู้อื่น พยายามกตัญญูต่อพ่อแม่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำไม่ได้ คือเรื่องที่ผมรักกับคนเพศเดียวกัน และทุกครั้งที่ผมไปวัด ไปแก้บาป คุณพ่อก็จะบอกว่าให้กลับใจไปชอบผู้หญิง และที่เป็นแบบนี้มันเป็นบาปนะ บางครั้งแทนที่เราตั้งไปวัดจะมีความชื่นใจกลับบ้าน กลับกลายเป็นขมขื่นแทน เพราะหาทางออกไม่ได้ ผมลองดูในศาสนาอื่นๆ ศาสนาพุทธเป็นแบบนี้ไม่ผิด ศาสนาอิสลามถือเรื่องนี้เหมือนกัน ผมอยู่กับความทุกข์มาตลอด 30 ปี จนบางครั้งใจมันชินชาไปแล้ว แต่ผมก็ยังไปวัดทุกอาทิตย์นะ พยายามทำในสิ่งที่เหลืออยู่ที่ผมทำให้ได้มันดี เผื่อจะชดเชยบาปได้ แต่ผมก็มีความคิดน้อยเนื้อต่ำใจอยู่ลึกๆ นะครับ เพื่อนคนอื่นเหมือนกับผมทุกอย่าง เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ รักเพื่อนมนุษย์ พยายามเป็นลูกที่ดีของพระ แต่ต่างกันเพียงเพศของผมที่ผมเป็น มันทำให้ศาสนามองว่าผมเป็นคนบาป เป็นคนไม่ดี ส่วนเพื่อนๆ ก็แต่งงานได้ ได้รับพระพรจากพระ ผมไปงานแต่งงานก็รู้สึกอย่างนี้ทุกครั้ง ผมแต่งงานไม่ได้ มีคนรักก็บาปอีก แต่ผมเองก็เลือกที่จะซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตนเองนะครับ ผมไม่สามารถไปแต่งงานกับผู้หญิงได้ และผมคิดเองว่า หากเราพยายามเป็นคนดี และเราก็มีแฟนที่ดีที่น่ารัก เราไม่เอารัดเอาเปรียบใคร แถมยังรักและช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วย แบบนี้มันจะทำให้บาปจนต้องตกนรกเลยหรือครับ ?? ผมก็แค่อยากมีคนรักเหมือนกับคนอื่น ผมเองก็รักและซื่อสัตย์ต่อแฟน คบกันมา 13 ปีแล้ว ถ้าเอาตามปัจจุบันผมก็เป็นคนบาปนะครับ (แม้จะพยายามทำดีหลายอย่างชดเชยแล้วก็ตาม)

ผมเคยคิดเองว่า สุดท้ายผมจะตกนรกหรือขึ้นสวรรค์น่าจะขึ้นกับสิ่งทั้งหมดที่ผมทำตอนมีชีวิตไม่ใช่แค่เพราะเพศที่ผมเป็น และพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่น่ารักมาก พระองค์คงทรงเข้าใจผม แต่ที่ผ่านมาศาสนาต่อต้านมาตลอด ทั้งๆ ที่ความรู้ในปัจจุบัน การรักร่วมเพศนั้นเป็นพฤติกรรมที่ยืนยันแล้วว่าพบในสัตว์ทุกสปีชีส์ พบมาตั้งแต่ในอดีตแล้ว และก็ไม่ใช่ว่าคนที่เป็นเลือกที่จะเป็น แต่มันเกิดขึ้นเอง และก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ถึงแม้ว่าผมไม่รู้จะจัดการกับชีวิตของผมอย่างไร แต่ผมก็มีความคิดแบบนี้แหละ ยังมีคนที่เค้าเป็นแบบนี้อีกมากที่ต้องฆ่าตัวตาย ถูกเอารัดเอาเปรียบในสังคม  ทั้งๆ ที่เขาเองก็เป็นคนดี และหลายคนเขาต้องตายไปโดยไม่รู้เลยว่าชีวิตของเขามีคุณค่ามากแค่ไหนในสายพระเนตรของพระองค์พระผู้สร้าง ผมก็ได้แต่สวดภาวนาเรื่อยมาขอให้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นสักที ผมรอมานาน

จนล่าสุด ท่าทีของพระสันตะปาปาฟรานซิส ตั้งแต่ทรงขึ้นดำรงตำแหน่งประมุขของพระศาสนจักร ซึ่งศาสนาคริสต์เองก็ถือเป็นตัวแทนขององค์พระเยซูเจ้าในโลกนี้ แรกๆ ก็ได้ตรัสว่า “หากคนคนหนึ่งเขาเป็นคนรักร่วมเพศ แต่มีจิตใจดีที่จะใฝ่หาพระเจ้า ข้าพเจ้าเป็นใครเล่า ที่จะไปตัดสินเขา?” ผมได้อ่านก็อึ้ง และดีใจชื่นใจ พระองค์ทรงมีน้ำพระทัยที่เข้าใจคนอื่นมากๆ จนปลายปีที่แล้ว พระสันตะปาปาทรงเรียกประชุมพระคาร์ดินัลจากทั่วโลกเพื่อประชุมสมัชชาเรื่องครอบครัว พระสันตะปาปาทรงขอให้คาทอลิกเปิดกว้างต่อรักร่วมเพศมากขึ้น พระคาร์ดินัลมากกว่าครึ่งหนึ่งเห็นชอบด้วย แต่เสียงไม่ถึง 2/3 พระสันตะปาปาจึงให้เวลา 1 ปี ต.ค.นี้เรียกประชุมใหม่และจะสรุปท่าทีของคาทอลิกต่อคนรักร่วมเพศใหม่ แต่เท่าที่ผมทราบไม่แน่ใจนะครับ ว่าหากเสียงไม่ถึง 2/3 แต่ก็ขึ้นกับพระวินิจฉัยของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว หากพระองค์ทรงตัดสินอย่างไรก็จะเป็นไปตามนั้น

หลายวันก่อน พระองค์ทรงให้สัมภาษณ์กับ Lithuanian newspaper ทรงเห็นด้วยกับการแต่งงานของเพศเดียวกันเพราะเป็นสิทธิของมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งเป็นท่าทีที่แปลกมากสำหรับผู้นำสูงสุดของคาทอลิก พระองค์ตรัสว่า
“เราได้เรียนรู้หลายอย่างเกี่ยวกับ homosexuality ในหลายปีมานี้  ตอนนี้เรารู้แล้วว่า การที่คนคนหนึ่งเป็นเกย์นั้น ไม่ใช่ทางเลือกที่เขาสามารถเลือกได้  แต่เป็นสิ่งที่เขาเกิดมาเป็นอย่างนั้น  ถ้าองค์พระเจ้าของเราตัดสินพระทัยว่าคนบางคนควรเกิดขึ้นมาในโลกในแบบนี้ เราเป็นใครที่จะไปตดสินพวกเขา”     “และส่วนพวกที่ชอบตัดสิน ที่ไหนในใบเบิ้ลที่กล่าวไว้ว่า การแต่งงานนั้นสงวนไว้สำหรับคนต่างเพศเท่านั้น? หรือว่าอยู่ในบัญญัติสิบประการ?  พ่อก็ไม่เห็นมีนะ ถ้าคุณคิดว่าการขัดขวางการแต่งงานของคนเพศเดียวกันมันสำคัญขนาดนั้นล่ะก็ พระเยซูเจ้าก็ทรงน่าจะกล่าวถึงบ้างนะ พ่อไม่รู้ บางทีอาจจะครั้งหนึ่งในไบเบิ้ลนะ”  
“ไบเบิ้ลกล่าวถึงการห้ามกินสัตว์ต้องห้ามพวกปลาหมึกพวกหอยมากกว่ากล่าวถึงเรื่องรักร่วมเพศอีก แต่ก็มีพวกนักต่อต้านเกย์หัวรุนแรง รวมถึงคาทอลิกบางคนด้วย พ่อก็เห็นยังกินกินกุ้งอยู่เลยและก็ไปเที่ยวสั่งสอนคนอื่นให้จัดการอย่างไรกับชีวิตของเขา พ่อเองมองคนพวกนี้เป็นพวกหัวรั้นและไม่มีพระเจ้าในจิตใจ และพ่อจะเป็นคนเผชิญหน้ากับคนพวกนี้เอง”

ล่าสุดนี้ เดือนม.ค. หลังจากได้รับจดหมายจากคู่หมั้นรักร่วมเพศคู่หนึ่ง พระองค์ทรงอนุญาตให้เขาทั้งสองเข้าเฝ้า พระสงฆ์ท้องถิ่นเคยเรียกเขาว่า เป็น “ลูกของปิศาจ (daughter of devil)  เขาก็เขียนจดหมายถึงพระองค์เพื่ออธิบายเรื่องราวชีวิตของเขา ในที่สุด พระสันตะปาปาได้โทรศัพท์มาหาเขา 2-3 ครั้ง ในครั้งแรก ทรงบอกเขาว่า “พระเจ้าทรงรักลูกของพระองค์ทุกคน "ในแบบที่เขาเป็น" และ เธอก็เป็นลูกของพระและพระศาสนจักรก็รักเธอและยอมรับเธอในแบบที่เธอเป็นนะ” ในที่สุด พระสันตะปาปาทรงเชิญเขาทั้งสองคนเข้าพบโดยรับปากจะออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้ ถึงวันนั้น เขาก็ถามพระองค์ว่า เขาเบี่ยงเบนทางเพศแบบนี้ จะมีที่แห่งไหนในบ้านของพระเจ้าสำหรับเขาไหม พระองค์ทรงตอบเขาโดยการสวมกอดเขาอย่างอบอุ่น ช่างเป็นภาพที่ประทับใจหาใดเปรียบ

ท้ายที่สุด พระองค์ทรงให้สัมภาษณ์ว่า การที่คนถือศาสนานั้นก็เพื่อที่จะไปสวรรค์  คนพวกนี้พยายามที่จะทำให้พระเจ้าทรงเห็นว่าเขาเหมาะสมกว่าคนอื่นที่จะได้รับเลือก พวกเขาจึงตัดสินคนอื่นๆ เช่น พวกชนกลุ่มน้อย พวกอพยพย้ายถิ่น พวก single mother เพื่อที่พวกเขาจะได้ดูดีในสายตาของพระเจ้า "แต่พระเจ้าพระองค์ไม่ทรงมองการตัดสินแบบนี้หรอก มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกันเฉพาะพระพักตร์พระองค์ และการที่คนคนหนึ่งกล่าวว่า ผมศักดิ์สิทธิ์กว่าอีกคนเพราะเขาเป็นเกย์ หรือเพราะเขาพูดภาษาที่ต่างไป นี่แหละ. . .เป็นวิถีทางที่จะทำให้ไปนรก”

ผมได้อ่านแล้วก็รู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาไหล นี่มันคือชีวิตจริงของคนอีกมากมายบนโลก มีคนเหล่านี้จริงๆ นะที่พยายามจะทำความดี แต่เพียงเพราะเขาเป็นแบบนี้ ศาสนาก็ประนาม ไปวัดหาพระแต่ก็จะต้องท้อใจ เสมือนตกนรกทั้งเป็น พระสันตะปะปาฟรานซิสพระองค์ทรงช่างเป็นคนที่มีหัวอกหัวใจที่เข้าใจผู้อื่น ผมมองเห็นพระเยซูในตัวพระองค์ทุกครั้งเวลาที่ผมได้อ่านข่าวพระองค์ทรงให้สัมภาษณ์ และหากจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในพระศาสนจักร ผมก็จะเป็นคนหนึ่งที่ดีใจมากที่สุดในโลก เพราะพระเยซูเจ้าเคยตรัสไว้ว่า ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงแก้ ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย ขอให้พระองค์ทรงทำให้ปัญหานี้หมดไปจากโลกเสียทีเถิดครับ จากการกีดกัน สาปแช่ง สู้ทำให้ทุกคนไม่ว่าใครเข้ามาอยู่ในศาสนา และก็เป็นลูกที่ดีของพระกันให้หมดไม่ดีกว่าหรอครับ เพื่อนๆ มีความเห็นอย่างไรกันบ้างครับ ยิ้ม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่