พิภพจอมนาง (ตุ๊ดทะลุมิติ) ตอนที่ ๒ สัตว์พันปี : บทที่ ๘ ความเศร้ามีอยู่ทุกที่

กระทู้สนทนา
ตอนที่ผ่านมา

บทที่ ๑ http://pantip.com/topic/32585189
บทที่ ๒ http://pantip.com/topic/32602706
บทที่ ๓ http://pantip.com/topic/32624570
บทที่ ๔ http://pantip.com/topic/33134702
บทที่ ๕ http://pantip.com/topic/33193541
บทที่ ๖ http://pantip.com/topic/33210238
บทที่ ๗ http://pantip.com/topic/33227741



สัตว์พันปี : บทที่ ๘ ความเศร้ามีอยู่ทุกที่

องค์ชายหกสนทนากับสี่สาวอยู่ระยะหนึ่งแล้วจึงค่อยบอกธุระ ที่เขามาหาก็เพราะอยากบอกให้ทราบว่ามีการเปลี่ยนตัวผู้ที่จะพานางสี่คนท่องเที่ยว โดยเปลี่ยนจากองค์ชายห้าเป็นตนแทน เนื่องจากฮ่องเต้มีบัญชาให้องค์ชายเหวินหรงไปทำภารกิจอย่างอื่น

เรื่องไม่คาดคิดนี้ส่งผลต่อแผนการขององค์ชายสาม แต่ก็ไม่ทำให้เสียงาน ฮ่องเต้มีรับสั่งให้องค์ชายห้าเดินทางไปยังเมืองอื่น ซึ่งต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะทำภารกิจเสร็จ เผลอๆ อาจนานกว่าการพาสี่สาวเที่ยวด้วยซ้ำ

แว่นดีใจที่ไม่ต้องเที่ยวกับองค์ชายห้าแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าฮ่องเต้ใช้เขาไปทำงานอะไร เมื่อสอบถาม องค์ชายหกก็เล่าให้ฟังอย่างไม่ปิดบังว่าไปปราบโจร

ทันทีที่ได้ยินคำบอกเล่าขององค์ชายลี่หยาง ในหัวของแว่นก็ปรากฏภาพแพนด้าสวมชุดเกราะถือง้าว

‘เหวินหรงเอ๋ย เจ้าจงกลิ้งหลุนๆ ไปปราบพวกโจรร้ายให้สิ้น’

ไม่ใช่อะ...มันไม่ใช่ มันมีบางอย่างไม่ถูกต้อง ถึงองค์ชายห้าจะมีวรยุทธ์ แต่แค่ตะกายขึ้นม้าก็ลำบากแล้ว ถ้าสู้ๆ กันอยู่ เกิดอาวุธหลุดมือขึ้นมาจะทำอย่างไร

‘มั่นใจเกินล้าน พี่ไม่มีปัญญาเก็บแน่’

“องค์ชายห้าต้องเดินทางเมื่อไรเจ้าคะ” แว่นถาม

“พรุ่งนี้ตอนเช้ามืด”

เขาไม่ได้ไปด้วยนี่เองก็เลยมาลา แล้วยังมอบของสำคัญอย่างนกคุ้มภัยให้อีก แว่นไม่เข้าใจเลยว่าชายหนุ่มคิดอะไรอยู่ คนที่ควรพกเครื่องรางติดตัวคือองค์ชายเหวินหรงต่างหากไม่ใช่กุ้ยฮวา

“ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ นึกได้ว่ามีธุระ” แว่นเอ่ยก่อนผลุนผลันออกไป

องค์ชายเหวินหรงต้องไปทำงานเสี่ยงอันตราย นอกจากมาเฝ้าฮองเฮาเพื่อทูลลาแล้ว ก็น่าจะอยู่รับประทานอาหารเย็นกับพระมารดาด้วย แว่นเลยคิดว่าถ้ารีบไปตอนนี้ต้องมีโอกาสได้เจอตัว เขาอยากคืนนกหยกให้ ไม่ก็อวยพรให้เดินทางอย่างปลอดภัย ตอบแทนน้ำใจบ้าง

แว่นวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นบันไดมาจนถึงจุดที่มีทหารหญิงเฝ้าอยู่ พวกนางเปิดทางให้เข้าไปในทันที แต่แว่นก็ยังรีรอ

ขณะนี้องค์ชายรองกำลังเดินนำหน้าอยู่ห่างไปไม่กี่ช่วงตัว แว่นไม่มีที่ให้หลบจึงรอให้เขาไปก่อน องค์ชายจงเต๋อไม่รู้ว่ากุ้ยฮวาอยู่ด้านหลัง จนกระทั่งทหารหญิงถามแว่นเสียงดังว่าทำไมไม่เข้าไป ชายหนุ่มจึงหันหลังกลับมามอง องค์ชายรองส่งยิ้มให้ เขาเอามือไขว้หลังเพื่อซ่อนสิ่งที่นำมาแล้วหยุดรออย่างจงใจ

แว่นทำเป็นไม่เห็นรอยยิ้มนั้น แต่ก็รักษามารยาทด้วยการเดินไปหาเพื่อแสดงความเคารพ

“ข้ากำลังอยากพบเจ้าพอดี ดีจริงที่บังเอิญมาเจอกัน”

“องค์ชายมีสิ่งใดให้หม่อมฉันรับใช้เพคะ”

ในระหว่างที่รอคำตอบ แว่นเห็นว่าองค์ชายอยู่ใกล้เกินไปจึงขยับตัวถอยออกมาให้เกินช่วงเอื้อม การกระทำของแว่นไม่ถือว่าผิดหลักมารยาท เพราะมันเป็นระยะห่างอันสมควรระหว่างบุรุษกับสตรี องค์ชายรองเห็นท่าทีระวังตัวเกินไปก็คลี่ยิ้ม นางถอยหนีได้เขาก็เดินเข้าไปหาได้ พริบตาเดียวระยะห่างก็กลับมาเท่าเก่า

องค์ชายจงเต๋อไม่เปิดโอกาสให้ขยับหนีอีก ชายหนุ่มดึงความสนใจโดยการยื่นถุงผ้าใบใหญ่ให้

“รับไปสิ”

“อะไรเพคะ” แว่นถามโดยยังไม่รับมา ชายหนุ่มจึงเปิดถุงผ้าออกให้ดูของข้างใน

“ต้นแฉกขนนก!” แว่นอุทานก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาด้วย “เอามาให้หม่อมฉันทำไมเพคะ”

“ได้ยินว่าเจ้าอยากได้ ข้าเลยหามาให้”

“ได้ยินจากใครเพคะ”

“ไท่ตง เขาเป็นมหาดเล็กของข้าและเป็นญาติกับนางกำนัลที่ป่วย” ชายหนุ่มตอบตามตรงโดยไม่คิดปิดบัง

แว่นโล่งใจที่องค์ชายรองไม่ได้มีหูทิพย์ เขาตัดสินใจรับต้นแฉกขนนกเอาไว้ เพราะเห็นว่ามันสามารถเอาไปช่วยคนได้ และเป็นเพียงของเล็กน้อยไร้ราคา

“ถุงค่อนข้างหนัก ให้ข้าหิ้วไปส่งให้ดีกว่า”

องค์ชายรองไม่รอให้หญิงสาวยื่นของให้ แต่เป็นฝ่ายแย่งไปถือเสียเอง แว่นไม่ทันได้ปฏิเสธเพราะมัวแต่มองนิ้วชี้ข้างขวาของเขา มันบวมเบ่งผิดปกติ ท่าทางเหมือนถูกต่อต่อย

“แผลนี่...”

“แค่ซุ่มซ่ามน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” ชายหนุ่มรีบซ่อนมือเอาไว้ด้านหลัง

พิษต่อสร้างความเจ็บปวดพอสมควร แต่องค์ชายรองข่มความรู้สึกเอาไว้ไม่ให้แสดงออกมาทางสีหน้า ชายหนุ่มถือกำเนิดจากมารดาที่มีฐานันดรต่ำ จึงมีทิฐิมานะสูง บาดแผลเพียงเท่านี้เล็กน้อยเกินกว่าจะเอามาเรียกร้องขอความเห็นใจ หากแสดงออกว่าเจ็บมีแต่จะถูกตำหนิว่าใจเสาะ

“นอกจากที่นิ้วแล้ว องค์ชายโดนต่อยที่ไหนอีกไหมเพคะ”

“ไม่มีแล้ว”

แว่นไม่เชื่อเลยสักนิด องค์ชายรองถนัดซ้ายแต่กลับใช้มือขวาถือของ แสดงว่าใต้แขนเสื้อข้างซ้ายต้องมีบาดแผลที่สาหัสกว่านิ้วมืออยู่

“ได้ใช้รากต้นแฉกขนนกทาแผลหรือยังเพคะ”

แว่นหวังให้คนฉลาดอย่างองค์ชายรองรู้วิธีใช้สมุนไพรที่สู้อุตส่าห์เสี่ยงอันตรายไปหามา ทว่าคำตอบที่ได้กลับไม่ใช่อย่างที่หวัง

“แผลแค่นี้ เอาเหล็กในออกเดี๋ยวเดียวก็หาย”

แว่นถอนหายใจออกมา องค์ชายรองกล้าเสี่ยงเข้าป่าที่มีต่ออาละวาด ทั้งที่ไม่รู้ว่าของที่กุ้ยฮวาต้องการใช้ทำประโยชน์อะไร

‘อยากเอาใจสาวจนเสียสติไปแล้วหรือไง’

“อย่าทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนี้อีกนะเพคะ” แว่นอดติงไม่ได้

“เรื่องเล็กน้อยต่างหาก ไม่อันตรายเลยสักนิด” องค์ชายรองเอ่ยด้วยท่าทีสบายๆ

แว่นทั้งอ่อนใจและหมั่นไส้ จึงใช้มือทั้งสองข้างบีบท่อนแขนของชายหนุ่ม

“เจ้าไม่สบายรึ” องค์ชายรองถามอย่างตกใจ เมื่ออยู่ๆ นางก็โผเข้ามาหา

“เปล่าเพคะ หม่อมฉันแค่จะพิสูจน์ให้ดูว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย หม่อมฉันไม่ดีใจหรอกนะเพคะที่ต้องมาเห็นคนอื่นบาดเจ็บเพราะตัวเอง”

แว่นไม่รู้ตำแหน่งที่โดนต่อต่อยก็เลยคลำมั่ว กระนั้นก็เสียเวลาไม่นาน บาดแผลที่แขนขององค์ชายรองบวมมาก พอเจอจุดที่เล็งไว้ เขาก็ออกแรงบีบจนคนปากแข็งร้องลั่น

องค์ชายรองยกมือขึ้นมาปิดปาก ชายหนุ่มหน้าเสียที่เผลอแสดงความอ่อนแอออกมา เขาเกลียดตัวเองเสียจริงที่ไม่รู้จักอดกลั้น กุ้ยฮวาคงดูแคลนอยู่ว่าทำตัวไม่สมเป็นชายชาตรี

ชายหนุ่มรีบปรับสีหน้าแล้วหันมาสบตาด้วย ขณะนี้ดวงตาสงบนิ่งเย็นชาของนางเปลี่ยนเป็นพราวระยับ ริมฝีปากคลี่ออกเป็นรอยยิ้ม ท่าทางสนุกที่ได้เอาชนะ

“เห็นไหมเพคะว่ามันไม่คุ้ม”

“อะไรกัน เจ้าชอบคนไม่เอาไหนมากกว่างั้นรึ” กล่าวจบองค์ชายรองก็หัวเราะออกมาเสียงดัง

หลายปีที่ไม่ได้พบหน้ากุ้ยฮวาเปลี่ยนไปมาก สิ่งเดียวที่ยังเหมือนเดิมคือเสน่ห์ที่ได้ผลกับคนอื่น ไม่เคยเข้าตานางเลยสักข้อ นางบอกว่าชอบบุรุษที่ห้าวหาญ แต่กลับยอมสนทนาเวลาที่ทำตัวไม่ได้ความ

แว่นปล่อยชายหนุ่มให้หัวเราะอย่างเต็มที่โดยไม่ขัด ขณะนี้องค์ชายจงเต๋อดูเหมือนกลายเป็นอีกคน มันเหมือนกับว่าเขาถอดหน้ากากอันแสนสมบูรณ์แบบทิ้ง เผยให้เห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มขี้เล่น

เนื้อแท้ขององค์ชายรองอาจจะไม่ใช่คนทะเยอทะยาน เขาคงผ่านอะไรมามาก ถึงได้ต้องสวมหน้ากากปิดบังตัวตนที่แท้จริงเอาไว้

แว่นรู้ตัวว่าความใจอ่อนอาจทำให้คิดเข้าข้างศัตรู แต่ถึงกระนั้นก็ยังอยากเชื่อความรู้สึกตัวเองสักหน

“รีบไปส่งหม่อมฉันเถอะเพคะ ใกล้ค่ำแล้ว ขากลับจะเดินทางลำบาก”

“ห่วงข้ารึ” ชายหนุ่มถามตาพราว

แว่นไม่ตอบคำถาม เขาเดินเงียบๆ ไปจนถึงบริเวณเรือนแยก จึงค่อยบอกให้องค์ชายรออยู่ที่นี่ก่อน สักอึดใจหนึ่งแว่นก็กลับมาพร้อมกับรากต้นแฉกขนนกที่พร้อมใช้งาน

“หม่อมฉันจะทายาให้เพคะ ยานี้ทำมาจากรากต้นแฉกขนนก หม่อมฉันแบ่งใส่ถุงไว้ให้แล้ว กลับไปให้นำไปโขลกจนละเอียด ผสมกับเหล้าเล็กน้อย แล้วนำกากมาทาหรือพอกที่แผลบ่อยๆ จนกว่าจะหายนะเพคะ”

แว่นมัวแต่พูดแล้วก้มหน้าก้มตาทาแผลให้ จึงมองไม่เห็นสีหน้าขององค์ชายรอง ถ้าเหลียวมองสักนิดคงได้เห็นว่าคนดีใจจนแทบจะลอยได้เป็นอย่างไร

“ขอบใจเจ้ามาก กลับไปข้าจะทำตามวิธีที่สอน”

“ดีมากเพคะ”

แว่นเงยหน้าขึ้นมามอง เขาทำพลาดเสียแล้วที่ไปสบตาด้วย แววตาขององค์ชายจงเต๋อทั้งอบอุ่นและลึกซึ้งในคราวเดียว ให้อารมณ์ประหนึ่งผืนทรายกำลังโอบกอดทะเลเอาไว้อย่างอ่อนโยน

หัวใจของแว่นเต้นรัว ในหัวมีภาพเด็กผู้ชายคนหนึ่งปรากฏอยู่ ใบหน้าของเด็กชายปริศนาที่เคยเล่นด้วยกันใต้ต้นทับทิมยังคงพร่ามัว มีเพียงน้ำเสียงอ่อนโยนเท่านั้นที่กังวานชัด

‘ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเอง ไม่ร้องนะกุ้ยฮวา’

แว่นไม่รู้ว่าเหตุใดกุ้ยฮวาจึงร้องไห้ เขาทราบเพียงอ้อมกอดของเด็กผู้ชายคนนั้นช่างอบอุ่นเหลือเกิน

“พี่...รอง” แว่นเอ่ยประโยคนี้ออกมาโดยไม่รู้ตัว

“เจ้ายอมเรียกข้าว่าพี่รองแล้วรึ” องค์ชายรองยิ้มกว้าง

ชายหนุ่มยื่นมือมาลูบศีรษะ น่าเสียดายที่มีโอกาสสัมผัสเส้นผมนุ่มลื่นเพียงอึดใจ กุ้ยฮวาก็ผละหนีไปเสียก่อน

“หม่อมฉันทำแผลเสร็จแล้ว ขอทูลลาเลยก็แล้วกันเพคะ” แว่นย่อตัวให้อย่างเร่งรีบ แล้วจ้ำอ้าวหนีไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมามอง


คำเตือนของกุ้ยอี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาเร่งฝีเท้า แต่ไม่ใช่เหตุผลของการกระทำทั้งหมดนี่ แว่นถามตัวเองว่าเหตุใดจึงต้องหนี ทำไมถึงไม่ยอมทดสอบความจริงในใจองค์ชายรองดูสักครั้ง ทั้งที่เขาอาจจะเป็นเด็กผู้ชายคนนั้น คนที่เคยมีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกันมากมาย

แว่นคิดวิเคราะห์ทั้งในมุมมองของตัวเองและกุ้ยฮวา น่าแปลกที่คำตอบมันออกมาเหมือนกันอย่างประหลาด

‘กลัว’ คำนี้ลอยเด่นในหัว แว่นกลัวเพราะรู้ว่าองค์ชายรองมีเสน่ห์ทำให้หวั่นไหว ตราบใดที่ยังไม่ได้ข้อมูลมากพอ แว่นก็จะไม่เสี่ยงเข้าไปค้นใจเด็ดขาด

ส่วนเหตุผลของกุ้ยคือเวลาห้าปีนานพอทำให้คนเปลี่ยนแปลงไป องค์ชายทุกองค์ล้วนแตกต่างจากเด็กชายในความทรงจำ นางจึงไม่กล้ามองลึกลงไปในใจใคร ด้วยกลัวความผิดหวังจากการไม่พบคนที่แสนคะนึงหา

แว่นกลับมาที่ห้องเพื่อปรับอารมณ์อยู่พักใหญ่ กว่าจะรู้ว่าหลงลืมเรื่องสำคัญเวลาก็ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว แว่นรีบออกจากห้องเพื่อตามหาองค์ชายห้า ไม่รู้ว่าโชคดีหรือร้ายที่บังเอิญเจอฮุ่ยเสียนอยู่บริเวณที่ประทับของฮองเฮา

“ฮุ่ยเสียน เจ้าเห็นองค์ชายห้าหรือเปล่า”

“เห็น” นางตอบรับห้วนๆ สีหน้าฟ้องชัดว่ากำลังหงุดหงิด

แว่นอยากได้คำตอบเลยพูดเสียงนุ่มแล้วยิ้มสู้

“เจ้าพอจะบอกได้ไหมว่าองค์ชายอยู่ไหน”

”องค์ชายเพิ่งกลับออกไปเมื่อครู่”

ตอบเสร็จนางก็หมุนตัวเดินหนีเหมือนไม่อยากเสวนาด้วย

“ขอบคุณนะฮุ่ยเสียน” แว่นตะโกนไล่หลัง ก่อนเดินย้อนกลับไปตามทางที่มา

ท่านหญิงฮุ่ยเสียนพูดจริงหรือโกหกลองสอบถามทหารที่เฝ้าทางเข้าออกดูก็รู้แล้ว เสียก็แต่จากตรงนี้ไปยังทางเข้าไกลมาก วันนี้แว่นทั้งเดินทั้งวิ่ง ไหนจะแช่น้ำร้อน ไหนจะหนีตายจากต่อ อาการแน่นหน้าอกเลยกำเริบหลายครั้ง ถ้ายังฝืนต่อไปต้องแย่แน่ เขาเลยกลับไปที่ห้องเพื่อเขียนจดหมายแทน

แว่นฝากซีอิ๋งให้วิ่งเอาจดหมายไปให้ทหาร หากองค์ชายห้ายังไม่กลับออกไปก็ให้ทหารช่วยมอบจดหมายให้เขา แต่ถ้ากลับออกไปแล้วก็ให้เอาของกลับมาคืน

แว่นฉลาดรู้จักแก้ปัญหา แต่น่าเสียดายที่เอาแต่รีบเร่งจึงทำให้คลาดกันกับองค์ชายเหวินหรง ตอนท่านหญิงฮุ่ยเสียนโกหกว่าองค์ชายกลับไปแล้ว เจ้าตัวอยู่ห่างไปไม่เท่าไร แต่บริเวณนั้นเป็นทางแยก องค์ชายยังไม่ทันก้าวพ้นผนังที่บังตัวเองเอาไว้ แว่นก็เดินจากไปเสียแล้ว

ฮุ่ยเสียนโกหกคำโตไปเลยสะดุ้งเมื่อเห็นองค์ชายห้า

“ข้าไม่ขอโทษหรอกนะ” ท่านหญิงคนงามเชิดหน้าหนี

นางคิดว่าตัวเองทำถูกต้องแล้วที่ขัดขวางไม่ให้พบกัน ผู้หญิงอย่างนั้นไม่ควรเข้าใกล้เหวินหรงในระยะร้อยลี้ด้วยซ้ำ

ฮุ่ยเสียนแอบเห็นกุ้ยฮวากับองค์ชายรองอยู่ด้วยกัน กุ้ยฮวามัวแต่เอาใจใส่ทำแผลให้องค์ชายรองจนไม่ทันสังเกตนาง ส่วนองค์ชายรองก็ไม่มองอย่างอื่นเลยนอกจากสตรีตรงหน้า มองอย่างไรก็เหมือนคนรักกัน ทว่าแทนที่จะพอใจ ฮุ่ยเสียนกลับยิ่งชิงชังศัตรูความรัก

กุ้ยฮวาเป็นอย่างนี้ตลอด ตอนบ่ายนางทำให้เหวินหรงยิ้มไม่หุบ พอตกเย็นกลับมาหวานชื่นกับองค์ชายรอง แล้วก็ไม่ยอมเลือกใครเลย นางใช้ความงามล่อลวงชายหนุ่ม ทำตัวอ่อนแอน่าสงสารเพื่อปั่นหัวคนเหล่านั้น เหวินหรงเศร้าทุกครั้งที่นางดีกับคนอื่น แต่อีกวันก็ยิ้มร่าเพียงเพราะนางชายตามอง

นี่น่ะหรือโอรสกษัตริย์ผู้ต้องเชิดหน้าอย่างภาคภูมิ มองอย่างไรก็น่าเวทนาสิ้นดี ฮุ่ยเสียนเกลียดเหลือเกินเวลาเหวินหรงเป็นอย่างนี้

“ขอโทษนะฮุ่ยเสียน” องค์ชายเหวินหรงเอ่ย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่