พิภพจอมนาง (ตุ๊ดทะลุมิติ) ตอนที่ ๑ ปฐมบทแห่งสี่โฉมสะคราญ : บทที่ ๑๙ ชนวนอาฆาต

กระทู้สนทนา
ตอนที่ผ่านมา
บทที่ ๑ http://pantip.com/topic/32197484    บทที่ ๒ http://pantip.com/topic/32215683
บทที่ ๓ http://pantip.com/topic/32232873    บทที่ ๔ http://pantip.com/topic/32251610
บทที่ ๕ http://pantip.com/topic/32269169    บทที่ ๖ http://pantip.com/topic/32286933
บทที่ ๗ http://pantip.com/topic/32304596    บทที่ ๘ http://pantip.com/topic/32319966
บทที่ ๙ http://pantip.com/topic/32338207    บทที่ ๑๐ http://pantip.com/topic/32355447
บทที่ ๑๑ http://pantip.com/topic/32373576      บทที่ ๑๒ http://pantip.com/topic/32390104
บทที่ ๑๓ http://pantip.com/topic/32406848      บทที่ ๑๔ http://pantip.com/topic/32423135
บทที่ ๑๕ http://pantip.com/topic/32438963      บทที่ ๑๖ http://pantip.com/topic/32454183
บทที่ ๑๗ http://pantip.com/topic/32470706      บทที่ ๑๘ http://pantip.com/topic/32487213


ปฐมบทแห่งสี่โฉมสะคราญ : บทที่ ๑๙ ชนวนอาฆาต

‘คุณจะทำอย่างไรเมื่อตกน้ำ?’

คำตอบของคนส่วนใหญ่มักออกมาในรูปแบบว่าให้ว่ายน้ำ ตีขา กลั้นหายใจหรือพยายามลอยตัวขึ้นมา ทุกคำตอบไม่ถือว่าผิดเพราะล้วนแต่เป็นวิธีการเอาตัวรอด ส่วนจะได้ผลหรือไม่นั้นก็แล้วแต่ทักษะที่ติดตัวของแต่ละบุคคล

สำหรับแว่น สิ่งที่จะทำให้เขาเอาตัวรอดในสถานการณ์เลวร้ายไปได้คือ ‘สติ’ แม้จะตกใจแต่แว่นก็สามารถปิดปากกลั้นหายใจได้ทันก่อนที่ร่างกายจะจมลงไป แว่นเป็นคนว่ายน้ำแข็งมาก สมัยที่เกณฑ์ทหารเขาเคยว่ายแบบประคองตัวเองข้ามสระกว้างกว่าร้อยเมตรทั้งที่ใส่ชุดฝึกหนาหนักมาแล้ว ถ้ายังอยู่ในร่างเดิมแว่นคงลอยขึ้นมาตีโป่งได้แบบสวยๆ แต่เมื่ออยู่ในร่างนี้เหตุการณ์มันกลับตาลปัตรไปเสียอย่างนั้น

กุ้ยฮวาไม่เพียงแต่อ่อนแอ ชุดที่นางสวมยังเป็นอุปสรรคใหญ่ในการว่ายน้ำ เสื้อผ้าหลายชั้นเริ่มอุ้มน้ำ ไหนจะน้ำหนักเครื่องประดับบนศีรษะกับของที่อยู่ในร่างกายอีก ของสวยงามเหล่านี้เปรียบเสมือนตุ้มถ่วงให้ร่างบอบบางจมดิ่งลงสู่ก้นสระ

หากปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินไปอย่างนี้ไม่ช้าแว่นจะขาดอากาศหายใจตาย เขารีบสะบัดรองเท้าทิ้งเป็นอย่างแรง แล้วถอดเสื้อคลุมยาวที่พันแข็งพันขาออก พอร่างกายเป็นอิสระมากขึ้น แว่นก็เร่งตีขาแล้วทะยานตัวขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างสุดกำลัง

ในที่สุดเขาก็สามารถหายใจเอาอากาศเฮือกแรกเข้ามาในปอดได้ แต่สภาพก็ไม่ค่อยดีนัก แว่นอยู่ในสภาพกึ่งลอยกึ่งจมทั้งที่ถีบขาเต็มที่ แม้จะถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกแล้วก็ยังเหลือเสื้อผ้าอีกสามชั้นกับเครื่องประดับอีกหลายสิบชิ้นที่พร้อมจะถ่วงร่างให้ลงไปนอนกองที่ก้นสระเมื่อหมดแรง

แว่นมองเห็นตะลิ่งอยู่ลิบๆ ที่หางตา ระยะทางขณะนี้ไกลเกินกว่าจะว่ายไปไหว ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ละความพยายาม แว่นไม่คิดจะตะโกนให้คนช่วยให้สิ้นเปลืองพลังงาน เขารักที่จะเก็บแรงเอาไว้แล้วพยายามว่ายให้ถึงขอบสระมากกว่า

ความพยายามของแว่นสัมฤทธิ์ผลเพิ่มขึ้นทีละน้อย ร่างของกุ้ยฮวาค่อยๆ เคลื่อนเข้าใกล้ฝั่ง อีกไม่เกินสามเมตรก็จะเกาะขอบสระได้ อนิจจาจู่ๆ แว่นก็รู้สึกหายใจขัด อาการแน่นหน้าอกกลับมาอีกครั้งอย่างไม่ทันตั้งตัว เจ้าอาการนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ทรมาน ยังทำให้ร่างกายหมดแรงเอาดื้อๆ

ตัวแว่นจมลงไปในน้ำอีกครั้ง ไม่นานเท้าก็สัมผัสพื้น จุดนี้อยู่ลึกประมาณสองเมตร น้ำจึงท่วมมิดศีรษะ ขนาดเอื้อมมือไปจนสุดแล้วก็ยังไม่พ้นน้ำ

‘อีกนิดเดียว ฝืนอีกหน่อยเท่านั้น’ แว่นบอกตัวเองเพื่อไม่ให้สิ้นหวัง ทั้งที่ร่างกายไม่ยอมเคลื่อนไหวและสติใกล้เลือนราง

ในขณะที่กำลังแย่ก็มีมือของใครคนหนึ่งมาคว้าข้อมือเอาไว้ แล้วฉุดตัวให้ขึ้นมาจากน้ำ อีกนิดเดียวแว่นก็จะมีอากาศหายใจอีกครั้ง ทว่าเสื้อผ้าอันแสนรุงรังกับติดเข้ากับตอไม้ น้ำในสระแห่งนี้ใสพอจะมองเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น องค์ชายรองจึงดำลึกลงไปเพื่อช่วยแกะชายเสื้อออก

แม้ชายหนุ่มจะทำทุกอย่างอย่างเร่งรีบ มันก็ยังช้าเกิดไปสำหรับคนที่ขาดอากาศหายใจมานาน แพรผ้าเนื้อดีที่กุ้ยฮวาสวมเหนียวเกินกว่าจะดึงให้ขาด ส่วนตอไม้ก็ใหญ่เกินกว่าจะยกไหว ในนาทีวิกฤตนั้นสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น อยู่ๆ น้ำที่รายล้อมอยู่รอบตัวก็หายไป

บัดนี้ผืนน้ำได้ถูกแหวกออกเป็นช่องทางเดินแคบๆ เมื่อน้ำหายไปกะทันหันองค์ชายรองกับแว่นจึงเสียหลังลงไปนั่งจมโคลนอยู่ที่ก้นสระ แว่นไอโขลกอย่างแรงแล้วรีบสูดอากาศเข้าไปในปอดอย่างหิวกระหาย ข้างกายมีองค์ชายรองช่วยดูแลแกะชายเสื้อออกจากตอไม้ให้

“รีบพาตัวท่านหญิงกับองค์ชายขึ้นมา” เสียงฮ่องเต้ทรงตะโกนสั่ง

ไม่กี่อึดใจเหล่าองครักษ์ก็กระโดดลุยโคลนมาหา ทว่าก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรมาก เพราะองค์ชายรองเป็นคนอุ้มกุ้ยฮวาขึ้นมาจากพื้น แล้วพาขึ้นมาด้านบนด้วยตัวเอง เมื่อทุกคนกลับขึ้นมาหมดแล้ว ม่านน้ำที่ถูกแหวกเป็นทางเดินก็กลับสู่สภาพปกติ

แว่นมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตื่นตะลึง เขากวาดตามองหาว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่ทันพบคำตอบเสื้อคลุมตัวใหญ่ก็ถูกคลุมลงบนตัว เหลียวไปก็เห็นว่ามันมาจากองค์ชายห้า ชายหนุ่มยังมีสีหน้าราบเรียบเช่นเดิม ส่งผ้าให้แล้วก็ผละไปยืนอยู่ด้านหลังฮ่องเต้

นอกจากฮ่องเต้ องค์ชายรองและองค์ชายห้าแล้ว ยังมีองค์รัชทายาทกับองค์ชายเจ็ดอยู่ด้วย ทุกคนล้วนมีสีหน้าเป็นห่วงกุ้ยฮวากันทั้งนั้น

“แข็งไว้ใจนะ ข้าจะพาเจ้ากลับที่พักแล้วตามหมอมาให้” องค์ชายรองปลอบพลางใช้เสื้อคลุมผืนใหญ่ห่อร่างของหญิงสาวเอาไว้ให้แน่นหนาขึ้น

จังหวะนั้นซีอิ๋งก็เข้ามาช่วยดูแลเจ้านายอีกคน เด็กสาวเพิ่งคลายจากอาการตกใจเมื่อสักอึดใจนี่เอง ตอนกุ้ยฮวาตกน้ำ ซีอิ๋งได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก พอมีสติก็ได้แต่ร้องตะโกนให้คนช่วยเหลือเพราะว่ายน้ำไม่เป็น

“ข้าขอโทษนะเจ้าคะคุณหนู” เด็กสาวกระซิบเสียงเครือ

“ข้าไม่เป็นไรหรอกซีอิ๋ง ไม่ใช่ความผิดเจ้าหรอก” แว่นปลอบแล้วจึงค่อยหันมาทางองค์ชายรอง “หม่อมฉันแค่ตกใจไม่ได้สำลักน้ำหรือบาดเจ็บ เดินกลับเองได้สบายเพคะ คงไม่ต้องรบกวนองค์ชาย”

แว่นปฏิเสธเพราะเคร่งครัดในคำสัญญา ทั้งที่ไม่มีแรงจะลุกขึ้นยืนเลยสักนิด

“เจ้ากลับเองไม่ได้หรอก อย่าดื้อเลย” องค์ชายรองกล่อม

นางช่างไม่รู้ตัวเลยว่าสภาพในตอนนี้ดูน่าเป็นห่วงแค่ไหน ตัวสั่นเป็นลูกนกยังไม่พอ ใบหน้ายังซีดเซียวราวกับศพ

“เสด็จพ่อ ลูกขอประทานอนุญาตพานางกลับที่พัก” องค์ชายรองหันไปทูลพระบิดาเพื่อที่หญิงสาวจะได้ไม่อิดออด

“เจ้าไปเปลี่ยนชุดเถอะจงเต๋อ เรื่องกุ้ยฮวาให้เหวินหรงจัดการ”

แววตาขององค์ชายรองดูผิดหวัง กระนั้นก็เก็บซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ได้อย่างมิดชิด ชายหนุ่มช่วยประคองกุ้ยฮวาให้ลุกขึ้นยืน เขาโอบตัวหญิงสาวเอาไว้จวบจนกระทั่งองค์ชายห้ามารับตัวนางไป

“ฝากนางด้วย” องค์ชายรองพูดกับน้องชาย

“อืม” องค์ชายห้ารับคำอย่างห้วนสั้น แล้วอุ้มหญิงสาวขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนโดยไม่ถามความสมัครใจของเจ้าตัวเลยสักคำเดียว

‘องค์ชายมีอยู่ตั้งเยอะ ไหงหวยไปออกที่แพนด้าได้เนี่ย’

แว่นปฏิเสธศัตรูรูปงามอย่างองค์ชายรอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลื้มใจเวลาถูกองค์ชายหุ่นหมีอุ้ม เขาแอบถอนหายใจอยู่เงียบๆ เพราะไม่สามารถขัดรับสั่งของฮ่องเต้ได้


องค์ชายห้าอุ้มกุ้ยฮวาไปส่งที่รถม้า เขาตามกลับมาถึงหอมรกตแล้วอยู่รอจนกระทั่งหมอตรวจอาการเรียบร้อยแล้วจึงกลับ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน องค์ชายห้าแทบไม่ได้ปริปากพูดสิ่งใดกับกุ้ยฮวาเลย พอขอบคุณเขาก็พยักหน้ารับด้วยสีหน้านิ่งสนิท

แว่นรู้ดีว่าองค์ชายห้าเป็นพวกเคร่งขรึมพูดน้อย กระนั้นก็ยังรู้สึกว่าเขาวางตัวห่างเหินผิดปกติ โดยเปรียบเทียบจากการปฏิบัติตัวกับคนอื่น ชายหนุ่มมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนตามความจำเป็น แต่หลีกเลี่ยงที่จะสนทนาและอยู่ใกล้กุ้ยฮวา แว่นอดคิดไม่ได้ว่าถูกเกลียด ทว่าพอชายตาไปเห็นเสื้อคลุมผืนโตแล้วก็นึกค้าน คงไม่มีใครใจกว้างยอมเสียสละเสื้อให้กับคนที่ไม่ชอบหน้าหรอก ก่อนหน้านี้ก็ยังช่วยจากองค์ชายแปดตั้งสองหน

“ไม่เข้าใจเลยว่าองค์ชายห้าคิดอะไรอยู่” แว่นพึมพำขณะนี่นั่งพักผ่อนอยู่บนเตียง

บังเอิญว่าซีอิ๋งอยู่ใกล้พอจะได้ยิน เด็กสาวจึงถามกลับว่าไม่เข้าใจเรื่องอะไร ทีแรกแว่นจะบอกปัด แต่สุดท้ายก็ขยายความให้ฟัง เผื่อว่ามุมมองของบุคคลที่สามจะช่วยไขข้อข้องใจให้

“เจ้าว่าองค์ชายห้าเกลียดข้าไหม”

“ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นหรอกเจ้าค่ะ” ซีอิ๋งยืนยันอย่างหนักแน่น “ทำไมคุณหนูจึงคิดอย่างนั้นเจ้าคะ”

“ก็องค์ชายไม่ยอมพูดกับข้าเลยนี่”

“องค์ชายเป็นคนพูดน้อยกระมังเจ้าคะ”

แสดงความเห็นเสร็จเด็กสาวก็หันไปรินน้ำสมุนไพรร้อนๆ มาให้คุณหนูจิบ นับเป็นโชคของกุ้ยฮวาที่ไม่ได้หายใจเอาน้ำในสระเข้าไป ทั้งยังถูกช่วยได้ทันก่อนที่จะหมดสติ นอกจากอาการหนาวสั่นแล้วก็ไม่พบอาการผิดปกติอย่างอื่น

แว่นปิดทุกคนเอาไว้ว่ามีอาการแน่นหน้าอกตอนตกน้ำ เขาแอบกินยาที่หลิ่งปินให้มาขณะเดินทางกลับมาที่หอมรกต กว่าจะเปลี่ยนชุดเตรียมพร้อมให้หมอหลวงตรวจอาการ ยาก็ออกฤทธิ์เรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีใครรู้ว่าที่สภาพหลังขึ้นจากน้ำดูย่ำแย่มากเป็นเพราะโรคประจำตัว

“เจ้ามีเหตุผลอะไรถึงมั่นใจว่าองค์ชายไม่ได้เกลียดข้า” แว่นถามต่อ

“เพราะองค์ชายห้าช่วยชีวิตคุณหนูเอาไว้อย่างไรเล่าเจ้าคะ”

“ช่วยอย่างไร เขาพาข้ามานี่เพราะพระบัญชาหรอก”

“นี่คุณหนูไม่ทราบหรือเจ้าคะว่าองค์ชายห้าเป็นคนใช้พลังปราณแหวกน้ำให้” ซีอิ๋งตอบก่อนจะพึมพำขอโทษว่าลืมไปว่าคุณหนูตกน้ำอยู่ก็เลยไม่เห็น

“แพนด้า…เอ๊ย! องค์ชายห้าเนี่ยนะ มาดไม่ให้เลย” แว่นถึงกับอึ้ง

แว่นศึกษาเรื่องราวต่างๆ ของโลกนี้มากพอจะรู้ว่าโลกนี้มีพวกพลังเหนือมนุษย์อยู่ ทั้งยังรู้ว่าส่วนใหญ่เป็นวิชาสำหรับชาวยุทธและเหล่าทหารกล้าซึ่งได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนัก ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าทุกคนจะประสบความสำเร็จจากการฝึกหนัก ต้องมีความสามารถเรื่องพลังปราณติดตัวมาเป็นต้นทุนด้วย คนประเภทนี้มีเพียงหยิบมือเท่านั้น แว่นเลยประหลาดใจที่องค์ชายห้ามีพลังปราณสุดแสนจะอลังการอยู่ในร่างอ้วนกลม

“ทุกคนก็ประหลาดใจเหมือนคุณหนูเลยเจ้าค่ะ” ซีอิ๋งให้ข้อมูลตามที่เห็น

“ไม่มีใครรู้หรือว่าองค์ชายห้ามีความสามารถแบบนี้”

“ไม่แน่ใจเจ้าค่ะ ข้ามัวแต่ตกใจเลยไม่ทันได้ซักถามหรือสังเกต” ซีอิ๋งตอบเสียอ่อย

เด็กสาวรู้สึกว่าตัวเองช่างไร้ประโยชน์เหลือเกิน เห็นคุณหนูตกอยู่ในอันตรายต่อหน้าต่อตา แต่กลับไม่สามารถช่วยเหลือได้ แว่นเห็นสีหน้าของสาวใช้ก็รู้ว่านางคิดอะไรอยู่จึงเอ่ยปลอบ แล้วให้เล่าเหตุการณ์ขณะที่ตัวเองจมน้ำให้ฟังแทน

“เล่าเท่าที่เจ้าจำได้ก็ถือว่าช่วยข้าแล้ว จะได้รู้ว่ามีใครเป็นห่วงบ้าง”

“องค์ชายสี่เป็นห่วงท่านอยู่เจ้าค่ะ เพราะตะโกนให้มหาดเล็กลงไปช่วย แต่องค์ชายแปดไม่ทำอะไรเลยนอกจากยืนมอง จบเรื่องแล้วยังหนีหายไปอีก”

ซีอิ๋งจำได้แม่นเพราะตอนที่นางตะโกนขอให้คนช่วย องค์ชายแปดไม่เพียงแต่ไม่ตอบรับคำขอ ยังเบือนหน้าหนีด้วย พวกมหาดเล็กแถวนั้นไม่มีใครว่ายน้ำเป็นเลย องค์ชายสี่จึงตั้งท่าจะลงไปช่วยเอง แต่ก็ชักช้าร่ำไรเสียจนไม่ทันการณ์ ถอดเสื้อไม่ทันเสร็จองค์ชายรองก็โดดน้ำลงไปช่วยกุ้ยฮวาเอาไว้แล้ว

บรรดาองค์ชายทั้งหลายกับฮองเต้มายังอุทยานกลางได้อย่างพอเหมาะเพราะความบังเอิญโดยแท้ ไม่รู้มีอะไรมาดลใจให้ฮ่องเต้ทรงอยากผ่อนคลายอิริยาบถ จึงมีรับสั่งให้รถม้าพระที่นั่งจอดระหว่างทางแล้วเสด็จลงมา บรรดาองค์ชายทั้งหลายกับเหล่าขุนนางทราบเรื่องจึงพากันลงมาเดินด้วยเพื่อตามเสด็จ

แว่นนึกโมโหองค์ชายแปดพอสมควร กระนั้นก็เคืองอยู่ได้ไม่นานเพราะมีเรื่องน่าหนักใจกว่า เรื่องแรกคือการขอบคุณองค์ชายรอง ถึงเขาจะเป็นคนที่ไม่สมควรเข้าใกล้ก็มีบุญคุณที่ช่วยชีวิต อย่างไรเสียก็ต้องตอบแทน ด้วยเงื่อนไขที่ไม่มากไปหรือน้อยไป ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องคิดให้ถ้วนถี่ เรื่องที่สองคืออีกสามวันก็ต้องตามเสด็จแล้ว มาตกน้ำอย่างนี้มีแววว่าจะถูกสั่งห้ามสูงมาก

กังวลไม่ทันไร ประตูห้องก็ถูกเคาะ ตามมาด้วยเสียงเรียกให้เปิดของกุ้ยอี้ ไม่ทันได้บอกว่าไม่เป็นไร พี่ชายผู้แสนดีก็โผเข้ามากอดปลอบขวัญ แต่เห็นทีฝ่ายที่ขวัญกระเจิงจะเป็นกุ้ยอี้ เพราะออกอาการมือไม้สั่นอย่างเห็นได้ชัด

“เจ้าอย่าตามเสด็จเลยนะกุ้ยฮวา พี่คงอยู่ไม่ได้หากเจ้าเป็นอะไรไป” ชายหนุ่มวิงวอน

แว่นได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ นึกแล้วเชียวว่าต้องงานเข้า คราวนี้ควรหาเหตุผลอะไรมากล่อมดีพี่ชายถึงจะยอมฟัง
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  แต่งนิยาย
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่