หลังจากอาจารย์คัลวินชื่นชมความสำเร็จของดาริอุสในการทำให้อาจารย์ล้มได้แล้ว ก็เริ่มอรรถาธิบายเกี่ยวกับศาสตร์ทั้งสามอย่างว่าแพ้ชนะทางกันอย่างไร เพื่อใช้ในการตอบโต้และแสดงความสามารถออกมาให้ถึงขีดสุด
“เวทมนตร์แพ้สัตว์ปิศาจเพราะเรื่องจำนวนและความอึด สัตว์ปิศาจแพ้อาวุธเวทเพราะความสามารถในการจำกัดพื้นที่ ส่วนอาวุธเวทแพ้เวทมนตร์เพราะความหลากหลาย นั่นคือสิ่งที่ทำให้ทั้งสามอย่างแพ้ชนะกันเป็นวงกลมอย่างไรล่ะ” อาจารย์คัลวินปัดเศษหญ้าและจัดผมหางม้าให้เข้าที่ระหว่างอธิบายไปด้วย “ดังนั้นเธอต้องมีสติและคิดให้เร็ว ได้ยินว่าเธอมีไคมีร่าด้วย หากมีมันก็เท่ากับมีทั้งสัตว์ปิศาจและเวทมนตร์ไปในตัว สร้างให้ดีล่ะ”
“อาจารย์เรนฟอร์ดบอกวิธีให้แล้วขอรับ”
“อีกแค่สองอาทิตย์จะถึงวันประลองแล้ว พยายามให้มากล่ะ” อาจารย์คัลวินลุกขึ้นอย่างสดชื่น “แต่อาทิตย์หน้าจะส่งหัวข้อโครงงานใหญ่ของปีหนึ่ง คิดหัวข้อไว้หรือยัง”
ปีหนึ่งต้องคิดโครงงานของตัวเองมาคนละหนึ่งอย่าง จะเป็นหัวข้อที่สนใจหรือไม่ก็ได้ ดาริอุสคิดเอาไว้แล้วว่าจะเลือกทำเรื่องเกี่ยวกับอาหารของสัตว์วิเศษ ต่างกับคาร์ลที่ทำเรื่องการพยาบาลสัตว์วิเศษ
“อาหารสัตว์วิเศษขอรับ” ดาริอุสตอบอย่างมุ่งมั่น คิดว่าเมื่อเสร็จเรื่องงานประลองเมื่อไรจะสะสมหนังสืออ้างอิงให้เต็มห้องให้จงได้
“เลือกได้น่าสนใจดี” อาจารย์คัลวินตอบอย่างเมตตา “ถึงเธอจะล้มครูไม่ได้ก็จะให้เลิกตอนนี้พอดี ครูมีนัดทานอาหารกลางวันในเมือง ไม่คิดว่าเธอจะทำให้ชุดครูเลอะได้”
เป็นสิ่งน่าเหลือเชื่อ อาจารย์ตกปากรับคำจะซ้อมประลองกับนักเรียนในขณะที่สวมใส่ชุดสำหรับไปเที่ยวกับผู้หญิงด้วย อย่างไรปีหนึ่งธรรมดาก็คงทำให้ชุดของอาจารย์มีริ้วรอยไม่ได้อยู่แล้วล่ะนะ
“อย่างนั้นตอนบ่ายข้าขอ...” ดาริอุสเอ่ยปากอย่างมีความหวัง จะได้พักตลอดช่วงบ่ายที่มีเรียน
“ไม่ได้” อาจารย์ตอบทันควัน “เธอทำตามเงื่อนไขครูได้แสดงว่าสอบผ่าน วันนี้ไม่ต้องซ้อมแล้ว ต้องไปเข้าเรียนช่วงบ่ายตามปกติ ครูจะส่งวิหคอาคมไปบอกอาจารย์เรนฟอร์ดเอง”
“ขอรับ” ดาริอุสตอบเสียงอ่อยก่อนคิดว่าจะไปสร้างไคมีร่าก่อนทานอาหารกลางวัน...
เมื่อกลับไปที่ห้องพักก็พบว่าคาร์ลกำลังปั่นรายงานสุดตัว เขาให้ความสนใจกับร่องรอยบาดแผลตามตัวดาริอุสพอสมควร ดีใจด้วยที่เขาผ่านการฝึกของอาจารย์คัลวินได้ด้วยดีและเห็นดีด้วยว่าควรสร้างไคมีร่าให้เสร็จๆไปเสียหนึ่งงาน
“แรกเริ่มต้องออกมาตัวเล็กแน่ๆ ว่าไหม” คาร์ลมองไข่ไคมีร่าที่ดาริอุสได้รับเขม็ง
“เขาย่อขนาดให้หรอก แต่เดิมมันใหญ่พกติดตัวลำบาก”
ดาริอุสรวบไข่ใบนั้นไว้ในฝ่ามือทั้งสองข้างแล้วตั้งสมาธิออกคำสั่งของมันเต็มที่ ไข่ใบนั้นก็ตอบสนองต่อความคิดของเขา มันค่อยๆขยายตัวแล้วร้อนขึ้นๆ พร้อมกันนั้นเขาได้ยินเสียงปริแตกที่พื้นผิว ถึงตอนนี้เขาต้องเริ่มร่างภาพรูปร่างแล้ว
สิ่งแรกที่ดาริอุสคิดคือไฮดร้าแคระสองหัว เท้าทั้งสองเป็นกึ่งครีบกึ่งปีกหนังแผ่นหนา เขาเป็นพืดที่ส่วนคอเอาไว้ปล่อยสายฟ้า หัวทั้งสองสามารถพ่นไฟกับน้ำแข็งได้ จากนั้นก็รายละเอียดยิบย่อยอื่นๆ เช่นการกินไฟดื่มน้ำแข็ง รวมไปถึงการดูดธาตุต่างๆมาไว้เป็นของตัวเองด้วย ยิ่งคิดไปรอยร้าวก็ยิ่งขยายตัวใหญ่ขึ้นๆ จนเกิดเป็นแสงสว่างจ้าไม่สามารถประคองไข่ไว้ในอุ้งมือได้อีกแล้ว
เมื่อแสงสว่างดับลงดาริอุสและคาร์ลก็เห็นสัตว์ประสมตัวใหม่ มันดูคล้ายไฮดร้าแคระตัวเท่าคน หลังของมันมีอักขระและกระดองคล้ายเต่า ครีบสองข้างแบนมีเล็บเท้าและพังผืดเอาไว้บินบนท้องฟ้า หัวที่เหมือนมังกรทั้งสองเลียหน้าเลียตาของเจ้านายอย่างรักใคร่ ครีดเมียงมองด้วยอาการลังเลแล้วเดินเลียบๆเคียงๆอย่างสงสัย
“ดีกันไว้นะครีด ไคมีร่า” ดาริอุสลูบหัวของครีดและไคมีร่าพร้อมกัน มังกรดำยอมรับเพื่อนใหม่ด้วยการตบครีบข้างหนึ่งแล้วคำรามเบาๆ
“มันทำอะไรได้บ้างเนี่ย” คาร์ลร้องอย่างตื่นเต้น
“พ่นไฟกับน้ำแข็ง ปล่อยสายฟ้าได้ด้วย” ดาริอุสขยับเขี้ยวมังกรเทียมที่เขาเอาเชือกร้อยทำเป็นสร้อยคอ มันสร้างก้อนความมืดเชื่อมโยงสู่มิติสัตว์ปิศาจออกมา “กลับไปยังโลกของเจ้าเสียก่อนไคมีร่า เอาไว้ข้าจะเรียกออกมาใช้งาน ชื่อของเจ้าคือฮิสซิส”
ไคมีร่าผงกหัวรับแล้วก้าวเดินสู่มิติของสัตว์ปิศาจ ดาริอุสตั้งชื่อมันว่าฮิสซิสเพราะมันส่งเสียงเหมือนงู
“ชื่อแปลกดีนี่นา” คาร์ลเดินไปห้องน้ำ “ให้อาหารมังกรแล้วไปหาอะไรทานดีกว่า ชาวบ้านทั่วไปเขาเป็นทาสแมว มีพวกเรานี่ล่ะทาสมังกร ข้าไปหยิบมาให้ครีดเอง”
ดาริอุสยิ้มแล้วรู้สึกรักมังกรของตนมากขึ้น...
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ใกล้หมดเทอมเด็กปีหนึ่งต้องเข้าเมืองเพื่อไปหาหนังสืออ้างอิงสำหรับทำโครงการประจำปี พาหนะคือเลื่อนยักษ์เทียมมังกรสี่ตัวหน้าสองหลังสอง พวกเขาต้องไปหาหนังสืออ้างอิงที่หอสมุดของเมืองใกล้ๆเพื่อหาหัวข้อที่ต้องการจริงๆ โดยมีอาจารย์คัลวินและอาจารย์ใหญ่คนเก่าคอยคุมไปด้วย
“ไม่เคยมีใครตกลงไปหรอก ไปแบบนี้ครูออกจะชอบ” อาจารย์คัลวินเอ็ดนักเรียนคนหนึ่งที่บอกว่าพวกเขาจะหล่นลงพื้นในสภาพนี้
หอสมุดที่พวกเขากำลังไปอยู่ที่เมืองซัลแฟลร์ ในอดีตมันคือปราสาทของเจ้าชายรัชทายาท ต่อมาพระองค์ทรงมอบให้เป็นหอสมุดของเมืองอย่างเป็นทางการ มีทั้งบริการค้นหาด้วยเวทมนตร์และคัดลอกเล่มใหม่โดยมีส่วนลดสำหรับนักเรียนด้วย
“ครูมีนัดด้วยเลยแต่งมาแบบไม่เป็นทางการ” อาจารย์คัลวินพูดกับนักเรียนคนหนึ่ง ไม่แคล้วมีนัดกับผู้หญิงอีกตามเคย “พวกเธอต้องหากันเอาเอง มีเวลาให้ถึงตอนเย็น”
“นัดกับคนไหนหรือคัลวิน” อาจารย์ใหญ่คนเก่าทัก เหล่านักเรียนหญิงหูผึ่งทันที
“มิเรียมขอรับอาจารย์” อาจารย์คัลวินตอบอายๆ “ขอคืนดีน่ะขอรับ”
“ตกลงอาจารย์มีคนรักมากี่คนแล้ว คราวก่อนเจ้าก็บอกว่าอาจารย์มีนัดกับผู้หญิงด้วยนี่” คาร์ลกระซิบกับดาริอุสแต่ไม่วายโดนอาจารย์บอกว่าพูดมากเกินไปแล้ว
ดาริอุสไม่เคยเห็นหอสมุดมาก่อน พอได้ยินจากคาร์ลว่าเป็นหอสมุดใหญ่ที่สุดในแคว้นยังอดตะลึงไม่ได้เมื่อเห็นของจริง อาคารสูงเจ็ดชั้นเป็นแถวยาวสวยงามสมเป็นอดีตปราสาทของเจ้าชาย ชั้นล่างสุดมีแผนที่และแผ่นผลึกสำหรับค้นหาหนังสือ และแท่นอาคมสำหรับเคลื่อนย้ายข้ามชั้น
เจ้าหน้าที่ของหอสมุดเป็นหญิงสาวท่าทางใจดีที่เชิดใส่อาจารย์คัลวินตั้งแต่แรกเห็น นางแนะนำคร่าวๆว่าอะไรอยู่จุดใดบ้าง สุดท้ายก็ปล่อยพวกเขาเป็นอิสระในการหาหนังสือเพื่อคัดลอกมาเก็บเป็นของตัวเองด้วยเวทมนตร์
“ดูแผนผังนี่สิ ส่วนสัตว์วิเศษอยู่ที่ชั้นห้า ซีกขวามือ” ดาริอุสกับคาร์ลพุ่งเข้าหาเป้าหมายทันที
หลังจากส่งเหล่านักเรียนให้มิเรียมคนรักเก่าดูแลแล้วคัลวินก็ไปหาซื้อดอกไม้สำหรับขอคืนดี เลวิสกับเพื่อนยังติดกันเป็นคู่หูเหมือนเขากับเอริคสมัยก่อนเพียงอายุมากกว่าเท่านั้น ทำให้อยากรู้มากขึ้นไปอีกว่าเด็กคนนี้จะเก่งขึ้นได้อีกสักเท่าไร จะเป็นเหมือนเพื่อนเก่าของเขาคนนั้นได้ไหม
“เป็นไปไม่ได้น่า”
คัลวิน บริดจ์แมนหันขวับเมื่อหางตากวาดไปเจอเฮเลน นางไม่น่าออกมาจากอาณาเขตที่พวกเขาวางได้ หากเห็นเพียงวูบเดียวจึงคิดเอาเองว่าตาฝาด พยายามหันซ้ายหันขวามองก็ไม่พบคนที่เหมือนนางเลยสักคน
“ยังกล้าโผล่หน้ามาให้เห็นอีกนะ!” มิเรียมเบะปาก นางเพิ่งเสร็จจากการแนะนำสถานที่ให้พวกนักเรียน “คนหน้าไม่อาย”
“มาขอโทษอย่างไรล่ะ” คัลวินยื่นช่อดอกไม้ให้แต่นางเผามันได้ในพริบตา “อย่างน้อยแค่ไปหาอะไรดื่มกันสักหน่อยก็ยังดี ข้าว่างจนถึงตอนเย็นโน่น”
“แค่ดื่มนะ ข้ายังอยู่ในเวลางาน” ท่าทางนางใจอ่อนลงสักนิดแล้วกระมัง “แต่ถ้าไปร้านนั้นข้าสาบานว่าจะเผามันเอง สาบานกับนรกเลยล่ะ” ...
ตกบ่ายฝนหลงฤดูก็ตั้งเค้าโดยไม่มีลาง คัลวินกับอาจารย์ใหญ่คนเก่าจำต้องบอกนักเรียนทั้งหลายว่าต้องรีบกลับแล้วเพื่อไปให้ถึงโรงเรียนก่อนพายุฝนจะตก คัลวินต้องเดินตรวจทีละชั้นเพื่อตามหาลูกศิษย์ทั้งสามสาขา บ้างก็กำลังคัดเลือกหนังสืออย่างขะมักเขม้นบางรายก็นอนหลับคาที่นั่งอ่านหนังสือเสียอย่างนั้น
“ใครหลับก็ส่งกลับโรงเรียนทั้งแบบนั้นเลยก็แล้วกัน กว่าจะรอให้ตื่นฝนคงหยุดไปนานแล้ว เราต้องกลับโรงเรียนก่อนค่ำ” อาจารย์ใหญ่เก่าบอกเขาอย่างนี้ตอนเตรียมมังกรก่อนการขนส่งเที่ยวกลับ
คัลวินหัวเราะน้อยๆ สมัยเป็นนักเรียนเขาก็โดนแบบนี้เหมือนกัน รู้สึกตัวอีกทีก็ไปตื่นในโรงเรียนแล้ว
“ชั้นนี้ยังมีใครอยู่อีกไหม” เขาทักนักเรียนคนหนึ่งที่กำลังขนหนังสือจากจุดคัดลอกไปวงเวททางลงไปชั้นล่าง
เขาพบเพื่อนรักของเลวิสอย่างง่ายดายที่ทางเข้าห้องน้ำชั้นห้า จึงบอกให้ไปรอที่เลื่อนเสียก่อนเพราะได้ความว่ายังมีหลายคนนอนหลับอยู่ในชั้นนี้
แล้วเขาก็พบนักเรียนคนโปรดของตน เลวิสนอนหลับโดยการนำเก้าอี้มาต่อกันเป็นแถว สิ่งที่น่าตระหนกระคนประหลาดใจคือผู้ที่อุทิศตักให้เขาหนุนหัวอยู่ นางคือเฮเลน ผู้ที่พวกเขาผนึกเอาไว้ในโรงเรียน!
“หมายความว่าอย่างไร เจ้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” คัลวินเกือบลืมลดเสียงลง
“หลายอย่าง” เฮเลนยิ้ม “ข้าสามารถออกมาจากผนึกของพวกเจ้าได้ตั้งนานแล้ว แถมสองในสี่ยังไม่สมบูรณ์หนทางยิ่งปลอดโปร่ง เจ้าก็มีส่วนช่วยในการช่วยข้าในทางอ้อมด้วยการช่วยเด็กคนนี้”
“เด็กคนนั้นเกี่ยวอะไรด้วย!” คัลวินขบฟัน คงต้องใช้กำลังแล้วกระมัง
“เจ้าเคยถามข้าใช่ไหมว่าใครถูก ระหว่างเจ้ากับเอริค...” เฮเลนเอียงคอด้วยความขี้เล่น “เอริค เรนฟอร์ดเป็นฝ่ายถูก คาร์สัน ฮอร์คเวน ยังมีชีวิตอยู่”
ความจริงสองสิ่งพุ่งเข้าหาคัลวินอย่างจัง อย่างแรกคือการมีชีวิตอยู่ของเพื่อนรักของเขาคาร์สัน ฮอร์คเวน ทั้งที่ตอนนั้นเห็นกับตาว่าโดนมนตร์ของจอมอสูรส่งไปที่อื่นก่อนเอริคจะคืนชีพให้ ความจริงอย่างที่สองคือแส้สายฟ้าของเฮเลนที่รอจังหวะอยู่ เมื่อคัลวินชะงักมันก็ทำงานทันที ส่วนปลายเรียวแหลมพุ่งทะลวงหน้าอกของเขาในฉับพลัน!
คัลวิน บริดจ์แมนล้มลงกับพื้นด้วยความแคลงใจ มนตร์เคลื่อนย้ายฉุกเฉินบนร่างของเขาทอแสงสีเหลืองทอง
“ชั้นนี้หมดหรือยัง คัลวิน”
การเข้ามาของอาจารย์ใหญ่เก่าทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป เขาคือคนที่เฮเลนเกรงมากที่สุด มนตร์เคลื่อนย้ายสีเหลืองทองห่อหุ้มร่างนางและเลวิสเอาไว้ แล้วเคลื่อนย้ายไปยังโรงเรียนเวทมนตร์ธาตุและศาสตร์แห่งมนตราโคลโบลท์ สถานที่ตั้งรับของนาง! ...
วันนี้เอริค เรนฟอร์ดคิดว่าคงสบายกว่าทุกวัน เหล่าปีหนึ่งไปทัศนศึกษาที่หอสมุดในเมืองกับคัลวินและอาจารย์ใหญ่เก่า อาการแพ้ท้องแทนลดลงเหลือแค่ความรู้สึกพะอึดพะอมหมดเรี่ยวแรงเท่านั้น ส่วนอเล็กซานเดรียนั้นก็ตอบตกลงแต่งงานกับเขาเสียทีโดยเขาจะแต่งเข้าตระกูลนั้นเอง
ทว่า ระหว่างที่กำลังสอนพวกปีสองอยู่วิหคอาคมของอาจารย์ใหญ่เก่าก็บินมาหาเขาด้วยความไวแสง แจ้งข่าวว่าทางหอสมุดมีเค้าฝนจะมีการใช้มนตร์เคลื่อนย้ายทยอยส่งเด็กนักเรียนปีหนึ่งกลับมาก่อน เอริคจึงวิ่งวุ่นจัดการให้สนามสอบปลอดคนเพื่อเป็นเป้าหมายของมนตร์เคลื่อนย้าย
“แต่ละสาขานับคนว่าครบหรือยัง” เอริคร้องบอกเหล่านักเรียนที่กลับมาด้วยมนตร์เคลื่อนย้ายให้เข้าแถวตามสาขา เขาแปลกใจที่เห็นเพื่อนของเลวิสแต่ไม่เห็นเจ้าตัว สองคนนี้เดินไปไหนมาไหนด้วยกันราวกับถูกทากาวติดกันไว้
“ดาริอุสหลับอยู่ขอรับอาจารย์ ประเดี๋ยวอาจารย์คัลวินจะส่งมาทีหลัง” เด็กชายตอบ
หากหลังจากนั้นสิ่งที่ถูกส่งมาด้วยมนตร์เคลื่อนย้ายคือร่างไร้วิญญาณของคัลวิน บริดจ์แมนเพื่อนของเขา เอริครีบไล่นักเรียนที่เข้ามามุงดูในขณะที่ใช้คมมีดสายลมกรีดลงบนท้องแขนตนหยดเลือดลงบนร่างบนพื้นหญ้า หากทันเขาอาจยังเรียกชีวิตคัลวินคืนมาได้
“ข้าแต่มหเทพแห่งเหล่าอสูร ข้าขอสังเวยโลหิตเพื่อแลกเปลี่ยน แลกเปลี่ยนโลหิตแห่งข้ากับวิญญาณของผู้วายชนม์ ข้าขอเอ่ยนาม จอมจักรพรรดิวิหคเพลิงฟ้าโฟเลน”
ระหว่างที่เอริคกำลังร่ายโคลงมนตราเรียกสัตว์ปีศาจนั้น เลือดน้อยนิดที่อยู่บนร่างของเพื่อนครูกลายเป็นไอน้ำสีแดงสดลอยเหนือบาดแผลที่หน้าอก เมื่อเขาท่องโคลงมนตราจบกลุ่มไอน้ำสีเลือดก็หายไปพร้อมกับบาดแผลอย่างน่าอัศจรรย์ คัลวินกลับมามีชีวิตอีกครั้งด้วยการช่วยเหลือจากเพื่อนรักของเขา
(มีต่อ)
โรงเรียนอสูรโคลโบลท์ ตอนที่ 12
“เวทมนตร์แพ้สัตว์ปิศาจเพราะเรื่องจำนวนและความอึด สัตว์ปิศาจแพ้อาวุธเวทเพราะความสามารถในการจำกัดพื้นที่ ส่วนอาวุธเวทแพ้เวทมนตร์เพราะความหลากหลาย นั่นคือสิ่งที่ทำให้ทั้งสามอย่างแพ้ชนะกันเป็นวงกลมอย่างไรล่ะ” อาจารย์คัลวินปัดเศษหญ้าและจัดผมหางม้าให้เข้าที่ระหว่างอธิบายไปด้วย “ดังนั้นเธอต้องมีสติและคิดให้เร็ว ได้ยินว่าเธอมีไคมีร่าด้วย หากมีมันก็เท่ากับมีทั้งสัตว์ปิศาจและเวทมนตร์ไปในตัว สร้างให้ดีล่ะ”
“อาจารย์เรนฟอร์ดบอกวิธีให้แล้วขอรับ”
“อีกแค่สองอาทิตย์จะถึงวันประลองแล้ว พยายามให้มากล่ะ” อาจารย์คัลวินลุกขึ้นอย่างสดชื่น “แต่อาทิตย์หน้าจะส่งหัวข้อโครงงานใหญ่ของปีหนึ่ง คิดหัวข้อไว้หรือยัง”
ปีหนึ่งต้องคิดโครงงานของตัวเองมาคนละหนึ่งอย่าง จะเป็นหัวข้อที่สนใจหรือไม่ก็ได้ ดาริอุสคิดเอาไว้แล้วว่าจะเลือกทำเรื่องเกี่ยวกับอาหารของสัตว์วิเศษ ต่างกับคาร์ลที่ทำเรื่องการพยาบาลสัตว์วิเศษ
“อาหารสัตว์วิเศษขอรับ” ดาริอุสตอบอย่างมุ่งมั่น คิดว่าเมื่อเสร็จเรื่องงานประลองเมื่อไรจะสะสมหนังสืออ้างอิงให้เต็มห้องให้จงได้
“เลือกได้น่าสนใจดี” อาจารย์คัลวินตอบอย่างเมตตา “ถึงเธอจะล้มครูไม่ได้ก็จะให้เลิกตอนนี้พอดี ครูมีนัดทานอาหารกลางวันในเมือง ไม่คิดว่าเธอจะทำให้ชุดครูเลอะได้”
เป็นสิ่งน่าเหลือเชื่อ อาจารย์ตกปากรับคำจะซ้อมประลองกับนักเรียนในขณะที่สวมใส่ชุดสำหรับไปเที่ยวกับผู้หญิงด้วย อย่างไรปีหนึ่งธรรมดาก็คงทำให้ชุดของอาจารย์มีริ้วรอยไม่ได้อยู่แล้วล่ะนะ
“อย่างนั้นตอนบ่ายข้าขอ...” ดาริอุสเอ่ยปากอย่างมีความหวัง จะได้พักตลอดช่วงบ่ายที่มีเรียน
“ไม่ได้” อาจารย์ตอบทันควัน “เธอทำตามเงื่อนไขครูได้แสดงว่าสอบผ่าน วันนี้ไม่ต้องซ้อมแล้ว ต้องไปเข้าเรียนช่วงบ่ายตามปกติ ครูจะส่งวิหคอาคมไปบอกอาจารย์เรนฟอร์ดเอง”
“ขอรับ” ดาริอุสตอบเสียงอ่อยก่อนคิดว่าจะไปสร้างไคมีร่าก่อนทานอาหารกลางวัน...
เมื่อกลับไปที่ห้องพักก็พบว่าคาร์ลกำลังปั่นรายงานสุดตัว เขาให้ความสนใจกับร่องรอยบาดแผลตามตัวดาริอุสพอสมควร ดีใจด้วยที่เขาผ่านการฝึกของอาจารย์คัลวินได้ด้วยดีและเห็นดีด้วยว่าควรสร้างไคมีร่าให้เสร็จๆไปเสียหนึ่งงาน
“แรกเริ่มต้องออกมาตัวเล็กแน่ๆ ว่าไหม” คาร์ลมองไข่ไคมีร่าที่ดาริอุสได้รับเขม็ง
“เขาย่อขนาดให้หรอก แต่เดิมมันใหญ่พกติดตัวลำบาก”
ดาริอุสรวบไข่ใบนั้นไว้ในฝ่ามือทั้งสองข้างแล้วตั้งสมาธิออกคำสั่งของมันเต็มที่ ไข่ใบนั้นก็ตอบสนองต่อความคิดของเขา มันค่อยๆขยายตัวแล้วร้อนขึ้นๆ พร้อมกันนั้นเขาได้ยินเสียงปริแตกที่พื้นผิว ถึงตอนนี้เขาต้องเริ่มร่างภาพรูปร่างแล้ว
สิ่งแรกที่ดาริอุสคิดคือไฮดร้าแคระสองหัว เท้าทั้งสองเป็นกึ่งครีบกึ่งปีกหนังแผ่นหนา เขาเป็นพืดที่ส่วนคอเอาไว้ปล่อยสายฟ้า หัวทั้งสองสามารถพ่นไฟกับน้ำแข็งได้ จากนั้นก็รายละเอียดยิบย่อยอื่นๆ เช่นการกินไฟดื่มน้ำแข็ง รวมไปถึงการดูดธาตุต่างๆมาไว้เป็นของตัวเองด้วย ยิ่งคิดไปรอยร้าวก็ยิ่งขยายตัวใหญ่ขึ้นๆ จนเกิดเป็นแสงสว่างจ้าไม่สามารถประคองไข่ไว้ในอุ้งมือได้อีกแล้ว
เมื่อแสงสว่างดับลงดาริอุสและคาร์ลก็เห็นสัตว์ประสมตัวใหม่ มันดูคล้ายไฮดร้าแคระตัวเท่าคน หลังของมันมีอักขระและกระดองคล้ายเต่า ครีบสองข้างแบนมีเล็บเท้าและพังผืดเอาไว้บินบนท้องฟ้า หัวที่เหมือนมังกรทั้งสองเลียหน้าเลียตาของเจ้านายอย่างรักใคร่ ครีดเมียงมองด้วยอาการลังเลแล้วเดินเลียบๆเคียงๆอย่างสงสัย
“ดีกันไว้นะครีด ไคมีร่า” ดาริอุสลูบหัวของครีดและไคมีร่าพร้อมกัน มังกรดำยอมรับเพื่อนใหม่ด้วยการตบครีบข้างหนึ่งแล้วคำรามเบาๆ
“มันทำอะไรได้บ้างเนี่ย” คาร์ลร้องอย่างตื่นเต้น
“พ่นไฟกับน้ำแข็ง ปล่อยสายฟ้าได้ด้วย” ดาริอุสขยับเขี้ยวมังกรเทียมที่เขาเอาเชือกร้อยทำเป็นสร้อยคอ มันสร้างก้อนความมืดเชื่อมโยงสู่มิติสัตว์ปิศาจออกมา “กลับไปยังโลกของเจ้าเสียก่อนไคมีร่า เอาไว้ข้าจะเรียกออกมาใช้งาน ชื่อของเจ้าคือฮิสซิส”
ไคมีร่าผงกหัวรับแล้วก้าวเดินสู่มิติของสัตว์ปิศาจ ดาริอุสตั้งชื่อมันว่าฮิสซิสเพราะมันส่งเสียงเหมือนงู
“ชื่อแปลกดีนี่นา” คาร์ลเดินไปห้องน้ำ “ให้อาหารมังกรแล้วไปหาอะไรทานดีกว่า ชาวบ้านทั่วไปเขาเป็นทาสแมว มีพวกเรานี่ล่ะทาสมังกร ข้าไปหยิบมาให้ครีดเอง”
ดาริอุสยิ้มแล้วรู้สึกรักมังกรของตนมากขึ้น...
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ใกล้หมดเทอมเด็กปีหนึ่งต้องเข้าเมืองเพื่อไปหาหนังสืออ้างอิงสำหรับทำโครงการประจำปี พาหนะคือเลื่อนยักษ์เทียมมังกรสี่ตัวหน้าสองหลังสอง พวกเขาต้องไปหาหนังสืออ้างอิงที่หอสมุดของเมืองใกล้ๆเพื่อหาหัวข้อที่ต้องการจริงๆ โดยมีอาจารย์คัลวินและอาจารย์ใหญ่คนเก่าคอยคุมไปด้วย
“ไม่เคยมีใครตกลงไปหรอก ไปแบบนี้ครูออกจะชอบ” อาจารย์คัลวินเอ็ดนักเรียนคนหนึ่งที่บอกว่าพวกเขาจะหล่นลงพื้นในสภาพนี้
หอสมุดที่พวกเขากำลังไปอยู่ที่เมืองซัลแฟลร์ ในอดีตมันคือปราสาทของเจ้าชายรัชทายาท ต่อมาพระองค์ทรงมอบให้เป็นหอสมุดของเมืองอย่างเป็นทางการ มีทั้งบริการค้นหาด้วยเวทมนตร์และคัดลอกเล่มใหม่โดยมีส่วนลดสำหรับนักเรียนด้วย
“ครูมีนัดด้วยเลยแต่งมาแบบไม่เป็นทางการ” อาจารย์คัลวินพูดกับนักเรียนคนหนึ่ง ไม่แคล้วมีนัดกับผู้หญิงอีกตามเคย “พวกเธอต้องหากันเอาเอง มีเวลาให้ถึงตอนเย็น”
“นัดกับคนไหนหรือคัลวิน” อาจารย์ใหญ่คนเก่าทัก เหล่านักเรียนหญิงหูผึ่งทันที
“มิเรียมขอรับอาจารย์” อาจารย์คัลวินตอบอายๆ “ขอคืนดีน่ะขอรับ”
“ตกลงอาจารย์มีคนรักมากี่คนแล้ว คราวก่อนเจ้าก็บอกว่าอาจารย์มีนัดกับผู้หญิงด้วยนี่” คาร์ลกระซิบกับดาริอุสแต่ไม่วายโดนอาจารย์บอกว่าพูดมากเกินไปแล้ว
ดาริอุสไม่เคยเห็นหอสมุดมาก่อน พอได้ยินจากคาร์ลว่าเป็นหอสมุดใหญ่ที่สุดในแคว้นยังอดตะลึงไม่ได้เมื่อเห็นของจริง อาคารสูงเจ็ดชั้นเป็นแถวยาวสวยงามสมเป็นอดีตปราสาทของเจ้าชาย ชั้นล่างสุดมีแผนที่และแผ่นผลึกสำหรับค้นหาหนังสือ และแท่นอาคมสำหรับเคลื่อนย้ายข้ามชั้น
เจ้าหน้าที่ของหอสมุดเป็นหญิงสาวท่าทางใจดีที่เชิดใส่อาจารย์คัลวินตั้งแต่แรกเห็น นางแนะนำคร่าวๆว่าอะไรอยู่จุดใดบ้าง สุดท้ายก็ปล่อยพวกเขาเป็นอิสระในการหาหนังสือเพื่อคัดลอกมาเก็บเป็นของตัวเองด้วยเวทมนตร์
“ดูแผนผังนี่สิ ส่วนสัตว์วิเศษอยู่ที่ชั้นห้า ซีกขวามือ” ดาริอุสกับคาร์ลพุ่งเข้าหาเป้าหมายทันที
หลังจากส่งเหล่านักเรียนให้มิเรียมคนรักเก่าดูแลแล้วคัลวินก็ไปหาซื้อดอกไม้สำหรับขอคืนดี เลวิสกับเพื่อนยังติดกันเป็นคู่หูเหมือนเขากับเอริคสมัยก่อนเพียงอายุมากกว่าเท่านั้น ทำให้อยากรู้มากขึ้นไปอีกว่าเด็กคนนี้จะเก่งขึ้นได้อีกสักเท่าไร จะเป็นเหมือนเพื่อนเก่าของเขาคนนั้นได้ไหม
“เป็นไปไม่ได้น่า”
คัลวิน บริดจ์แมนหันขวับเมื่อหางตากวาดไปเจอเฮเลน นางไม่น่าออกมาจากอาณาเขตที่พวกเขาวางได้ หากเห็นเพียงวูบเดียวจึงคิดเอาเองว่าตาฝาด พยายามหันซ้ายหันขวามองก็ไม่พบคนที่เหมือนนางเลยสักคน
“ยังกล้าโผล่หน้ามาให้เห็นอีกนะ!” มิเรียมเบะปาก นางเพิ่งเสร็จจากการแนะนำสถานที่ให้พวกนักเรียน “คนหน้าไม่อาย”
“มาขอโทษอย่างไรล่ะ” คัลวินยื่นช่อดอกไม้ให้แต่นางเผามันได้ในพริบตา “อย่างน้อยแค่ไปหาอะไรดื่มกันสักหน่อยก็ยังดี ข้าว่างจนถึงตอนเย็นโน่น”
“แค่ดื่มนะ ข้ายังอยู่ในเวลางาน” ท่าทางนางใจอ่อนลงสักนิดแล้วกระมัง “แต่ถ้าไปร้านนั้นข้าสาบานว่าจะเผามันเอง สาบานกับนรกเลยล่ะ” ...
ตกบ่ายฝนหลงฤดูก็ตั้งเค้าโดยไม่มีลาง คัลวินกับอาจารย์ใหญ่คนเก่าจำต้องบอกนักเรียนทั้งหลายว่าต้องรีบกลับแล้วเพื่อไปให้ถึงโรงเรียนก่อนพายุฝนจะตก คัลวินต้องเดินตรวจทีละชั้นเพื่อตามหาลูกศิษย์ทั้งสามสาขา บ้างก็กำลังคัดเลือกหนังสืออย่างขะมักเขม้นบางรายก็นอนหลับคาที่นั่งอ่านหนังสือเสียอย่างนั้น
“ใครหลับก็ส่งกลับโรงเรียนทั้งแบบนั้นเลยก็แล้วกัน กว่าจะรอให้ตื่นฝนคงหยุดไปนานแล้ว เราต้องกลับโรงเรียนก่อนค่ำ” อาจารย์ใหญ่เก่าบอกเขาอย่างนี้ตอนเตรียมมังกรก่อนการขนส่งเที่ยวกลับ
คัลวินหัวเราะน้อยๆ สมัยเป็นนักเรียนเขาก็โดนแบบนี้เหมือนกัน รู้สึกตัวอีกทีก็ไปตื่นในโรงเรียนแล้ว
“ชั้นนี้ยังมีใครอยู่อีกไหม” เขาทักนักเรียนคนหนึ่งที่กำลังขนหนังสือจากจุดคัดลอกไปวงเวททางลงไปชั้นล่าง
เขาพบเพื่อนรักของเลวิสอย่างง่ายดายที่ทางเข้าห้องน้ำชั้นห้า จึงบอกให้ไปรอที่เลื่อนเสียก่อนเพราะได้ความว่ายังมีหลายคนนอนหลับอยู่ในชั้นนี้
แล้วเขาก็พบนักเรียนคนโปรดของตน เลวิสนอนหลับโดยการนำเก้าอี้มาต่อกันเป็นแถว สิ่งที่น่าตระหนกระคนประหลาดใจคือผู้ที่อุทิศตักให้เขาหนุนหัวอยู่ นางคือเฮเลน ผู้ที่พวกเขาผนึกเอาไว้ในโรงเรียน!
“หมายความว่าอย่างไร เจ้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” คัลวินเกือบลืมลดเสียงลง
“หลายอย่าง” เฮเลนยิ้ม “ข้าสามารถออกมาจากผนึกของพวกเจ้าได้ตั้งนานแล้ว แถมสองในสี่ยังไม่สมบูรณ์หนทางยิ่งปลอดโปร่ง เจ้าก็มีส่วนช่วยในการช่วยข้าในทางอ้อมด้วยการช่วยเด็กคนนี้”
“เด็กคนนั้นเกี่ยวอะไรด้วย!” คัลวินขบฟัน คงต้องใช้กำลังแล้วกระมัง
“เจ้าเคยถามข้าใช่ไหมว่าใครถูก ระหว่างเจ้ากับเอริค...” เฮเลนเอียงคอด้วยความขี้เล่น “เอริค เรนฟอร์ดเป็นฝ่ายถูก คาร์สัน ฮอร์คเวน ยังมีชีวิตอยู่”
ความจริงสองสิ่งพุ่งเข้าหาคัลวินอย่างจัง อย่างแรกคือการมีชีวิตอยู่ของเพื่อนรักของเขาคาร์สัน ฮอร์คเวน ทั้งที่ตอนนั้นเห็นกับตาว่าโดนมนตร์ของจอมอสูรส่งไปที่อื่นก่อนเอริคจะคืนชีพให้ ความจริงอย่างที่สองคือแส้สายฟ้าของเฮเลนที่รอจังหวะอยู่ เมื่อคัลวินชะงักมันก็ทำงานทันที ส่วนปลายเรียวแหลมพุ่งทะลวงหน้าอกของเขาในฉับพลัน!
คัลวิน บริดจ์แมนล้มลงกับพื้นด้วยความแคลงใจ มนตร์เคลื่อนย้ายฉุกเฉินบนร่างของเขาทอแสงสีเหลืองทอง
“ชั้นนี้หมดหรือยัง คัลวิน”
การเข้ามาของอาจารย์ใหญ่เก่าทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป เขาคือคนที่เฮเลนเกรงมากที่สุด มนตร์เคลื่อนย้ายสีเหลืองทองห่อหุ้มร่างนางและเลวิสเอาไว้ แล้วเคลื่อนย้ายไปยังโรงเรียนเวทมนตร์ธาตุและศาสตร์แห่งมนตราโคลโบลท์ สถานที่ตั้งรับของนาง! ...
วันนี้เอริค เรนฟอร์ดคิดว่าคงสบายกว่าทุกวัน เหล่าปีหนึ่งไปทัศนศึกษาที่หอสมุดในเมืองกับคัลวินและอาจารย์ใหญ่เก่า อาการแพ้ท้องแทนลดลงเหลือแค่ความรู้สึกพะอึดพะอมหมดเรี่ยวแรงเท่านั้น ส่วนอเล็กซานเดรียนั้นก็ตอบตกลงแต่งงานกับเขาเสียทีโดยเขาจะแต่งเข้าตระกูลนั้นเอง
ทว่า ระหว่างที่กำลังสอนพวกปีสองอยู่วิหคอาคมของอาจารย์ใหญ่เก่าก็บินมาหาเขาด้วยความไวแสง แจ้งข่าวว่าทางหอสมุดมีเค้าฝนจะมีการใช้มนตร์เคลื่อนย้ายทยอยส่งเด็กนักเรียนปีหนึ่งกลับมาก่อน เอริคจึงวิ่งวุ่นจัดการให้สนามสอบปลอดคนเพื่อเป็นเป้าหมายของมนตร์เคลื่อนย้าย
“แต่ละสาขานับคนว่าครบหรือยัง” เอริคร้องบอกเหล่านักเรียนที่กลับมาด้วยมนตร์เคลื่อนย้ายให้เข้าแถวตามสาขา เขาแปลกใจที่เห็นเพื่อนของเลวิสแต่ไม่เห็นเจ้าตัว สองคนนี้เดินไปไหนมาไหนด้วยกันราวกับถูกทากาวติดกันไว้
“ดาริอุสหลับอยู่ขอรับอาจารย์ ประเดี๋ยวอาจารย์คัลวินจะส่งมาทีหลัง” เด็กชายตอบ
หากหลังจากนั้นสิ่งที่ถูกส่งมาด้วยมนตร์เคลื่อนย้ายคือร่างไร้วิญญาณของคัลวิน บริดจ์แมนเพื่อนของเขา เอริครีบไล่นักเรียนที่เข้ามามุงดูในขณะที่ใช้คมมีดสายลมกรีดลงบนท้องแขนตนหยดเลือดลงบนร่างบนพื้นหญ้า หากทันเขาอาจยังเรียกชีวิตคัลวินคืนมาได้
“ข้าแต่มหเทพแห่งเหล่าอสูร ข้าขอสังเวยโลหิตเพื่อแลกเปลี่ยน แลกเปลี่ยนโลหิตแห่งข้ากับวิญญาณของผู้วายชนม์ ข้าขอเอ่ยนาม จอมจักรพรรดิวิหคเพลิงฟ้าโฟเลน”
ระหว่างที่เอริคกำลังร่ายโคลงมนตราเรียกสัตว์ปีศาจนั้น เลือดน้อยนิดที่อยู่บนร่างของเพื่อนครูกลายเป็นไอน้ำสีแดงสดลอยเหนือบาดแผลที่หน้าอก เมื่อเขาท่องโคลงมนตราจบกลุ่มไอน้ำสีเลือดก็หายไปพร้อมกับบาดแผลอย่างน่าอัศจรรย์ คัลวินกลับมามีชีวิตอีกครั้งด้วยการช่วยเหลือจากเพื่อนรักของเขา
(มีต่อ)