เมื่อเทียบกับมังกรบินชั้นจักรพรรดิแล้วเฟฟนิลบินได้เร็วพอตัว คงเพราะเหตุการณ์ฉุกละหุกทำให้นางบินด้วยความเร็วเต็มที่ ระหว่างนั้นอาจารย์เรนฟอร์ดก็ทำสมาธิเพื่อเก็บกักพลังเวทอีกครั้ง ส่วนดาริอุสกับครีดนั้นชมวิวเพลินจนเห็นพระจันทร์ขึ้น พวกเขากำลังขึ้นเหนือไปทางเมืองที่เขาอยู่ กว่าจะไปถึงคงดึกมากแล้ว
“ไม่ต้องห่วงเลวิส พวกเราและเฟฟนิลจะไม่ได้รับผลกระทบจากการบินระยะไกล เดี๋ยวขากลับครูใช้มนตร์เคลื่อนย้ายให้เอง” อาจารย์เรนฟอร์ดพูดเบาๆให้ดาริอุสมั่นใจว่าจะกลับไปช่วยทุกคนได้แน่
พวกเขาข้ามเขตหุบเขาสูงชันและป่ารกเบื้องล่างราวลมกรด ลมหนาวจากที่สูงบาดผิวจนรู้สึกได้ กระทั่งสามารถมองเห็นหมู่บ้านคนที่เส้นขอบฟ้าไกลโพ้นซึ่งอาจารย์เรนฟอร์ดบอกว่าเป็นเมืองไดเกรซ
“ดาริอุส ทำไมลูก...”
ออกจะเป็นการเสียมารยาทที่มาเยี่ยมยามดึก โชคดีที่แม่ของดาริอุสกำลังทำบัญชีอยู่จึงยังไม่นอน นางออกมารับพวกเขาด้วยสีหน้างงงวยที่เห็นลูกชายซึ่งไปอยู่โรงเรียนประจำกลับมาในเวลาค่ำมืดพร้อมอาจารย์และมังกรอีกสองตัว
“ขออภัยที่มารบกวนเวลานี้ เรามีธุระด่วน” อาจารย์เรนฟอร์ดแทบระงับอาการเร่งร้อนไม่ไหว
“หรือจะเกี่ยวกับดาริอุส เขาต้องออกจากโรงเรียนหรือ”
“ไม่ใช่หรอก แต่ท่านสะดวกหรือไม่หากข้าขอพบพ่อของเด็กคนนี้”
“เขาหลับไปแล้ว”
“ท่านทราบหรือไม่ว่าเขามาจากเมืองไหน ชื่อจริงของเขาคืออะไร” อาจารย์เรนฟอร์ดรุกอย่างไม่ใส่ใจมารยาท
“ข้าไม่รู้”
คำตอบทำให้ดาริอุสประหลาดใจ แม่ของเขาน่าจะรู้ไม่ใช่หรือว่าพ่อเป็นคนที่ใด แม้จะเป็นคนพเนจรก็ตาม
“เขาความจำเสื่อมใช่ไหม เมื่อสิบหกปีก่อน ท่านจึงมอบชื่อและชื่อสกุลใหม่ให้” อาจารย์เรนฟอร์ดคาดคั้นอย่างนุ่มนวล ดาริอุสไม่ขอเจอกับการคาดคั้นแบบนี้เด็ดขาดแม้ว่ามือของเขาจะอยู่ในปากครีดก็ตาม
“ใช่แล้ว เขาหล่นลงมาจากท้องฟ้าในสภาพปางตาย ข้าจึงช่วยเหลือและให้อยู่ด้วยเพราะเขาความจำเสื่อมจำไม่ได้แม้แต่ชื่อตัว ไม่นานเราก็แต่งงานกันเพราะคำสั่งเสียของพ่อข้า” แม่ของดาริอุสเล่าด้วยความสงสัย เขาเพิ่งรู้ว่าพ่อของเขาความจำเสื่อม เพราะอย่างนี้เขาจึงไม่เคยรู้จักหรือเจอญาติข้างพ่อเลยแม้แต่คนเดียว “ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรกันหรือ”
“ข้าสงสัยว่าสามีท่านคือสหายของข้า” อาจารย์เรนฟอร์ดยิ้มอย่าดีใจ “ข้าพอรู้จักคนที่ช่วยคืนความทรงจำให้เขาได้ ถ้าท่านยอมให้ข้า...”
ตอนแรกดาริอุสคิดว่าแม่ของเขาคงยอมให้พ่อเข้ารับการรักษา พอคิดอีกครั้ง เมื่อได้รับความทรงจำคืนก็จะเปลี่ยนไปเป็นอีกคนไม่ใช่หรือ เขาเริ่มกลัว หากได้ความทรงจำกลับคืนมาแล้วพ่อของเขาจะไม่ใช่พ่อของเขาอีกต่อไป แต่จะกลับไปเป็นเพื่อนรักของพวกอาจารย์เหมือนเดิม ความวิตกเข้าครอบงำที่นั้นอย่างช้าๆ
“ข้ารู้จักแพทย์เก่งๆที่ช่วยคืนความจำให้เขาได้! ” แม่ของดาริอุสนิ่วหน้าคำรามอย่างกับโกรธเคืองกันมาแรมปี “แต่ดีเรคไม่เคยต้องการความทรงจำคืน ตอนนี้เรามีความสุขพออยู่แล้ว อยู่กับปัจจุบันไม่ต้องคิดถึงอดีตทั้งหลายแหล่”
แม่ของดาริอุสทำให้อาจารย์เรนฟอร์ดชะงักและครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเรียบเหมือนปกติ
“อย่างนั้นต้องขออภัยด้วยที่สร้างความรำคาญใจให้ท่านในเวลานี้” อาจารย์โน้มตัวขอโทษอย่างสุภาพ
“แต่เขาคงไม่รังเกียจหากได้พบคนที่รู้อดีตของตนบ้างแม้จะไม่ได้ความทรงจำคืน” แม่ของดาริอุสตอบอย่างสุภาพเช่นกัน “แล้วที่พาลูกข้ามาที่นี่มีเรื่องอะไรกันหรือ”
อาจารย์เรนฟอร์ดคงคาดไม่ถึงว่าคำตอบที่ได้รับจะเป็นอย่างนี้ พ่อของดาริอุสมีความน่าจะเป็นมากพอที่จะเป็นเพื่อนของพวกอาจารย์ แต่ถ้าไม่ได้รับความทรงจำคืนเรื่องต่อสู้คงต้องตัดออกโดยดุษณี เรื่องใช้อาวุธพ่อของเขาพอใช้ได้อยู่ แต่เรื่องเวทมนตร์มันคนละอย่างกันเลย
“ข้าเพิ่งทดสอบพบว่าลูกของท่านคือลูกของเพื่อนข้า” อาจารย์เรนฟอร์ดตอบอย่างเยือกเย็น “จึงอยากมาพบด้วยความร้อนใจ”
“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อขอรับอาจารย์” ดาริอุสกระซิบถาม ไม่อยากให้แม่ของเขากังวลด้วยเรื่องของเฮเลนที่ต้องการตัวเขาอยู่
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร” อาจารย์เรนฟอร์ดหันมาทางดาริอุสอย่างแน่วแน่ “เธอต้องเลือกแล้วเลวิส จะกลับไปช่วยพวกเพื่อนๆกับครู หรือจะอยู่รับรู้ความสุขพักใหญ่ เธอก็เห็นแล้วว่านางออกไปพาตัวมาจากเมืองอื่น จะมาเคาะประตูบ้านเจ้าตอนนี้ก็ไม่แปลกสักนิด”
อาจารย์เรนฟอร์ดทำให้ดาริอุสต้องคิดหนัก พลังของเขาอาจมีส่วนสำคัญในการต่อสู้กับเฮเลนและช่วยเพื่อนนักเรียน ถึงสุดท้ายจะถูกจับตัวไปเป็นพลังให้กับนางก็ตาม แต่ถ้าเขาเลือกที่จะอยู่ที่บ้านพวกอาจารย์คงต้านไม่ไหวและต้องมีคนตาย แล้วสุดท้ายนางก็จะมาพาตัวเขากลับไปอยู่ดี ทั้งสองทางมีค่าเท่ากันไม่ว่าจะเลือกทางใดก็ไม่มีความต่าง
แต่เขาอยากถามเฮเลนอีกครั้งว่านางเห็นเขาเป็นเพียงแหล่งพลังเวทจริงหรือเปล่าทำให้เกิดความลังเล แม่ของเขาที่ไม่เข้าใจสถานการณ์จับบ่าของเขาราวกับบอกคำตอบให้ ครีดก็ใช้จมูกดุนมือของเจ้านายเบาๆด้วยความที่ขี้เล่น สุดท้ายความที่เป็นห่วงคาร์ลและความรู้สึกที่มีต่อเฮเลนทำให้ตอบตกลง เขาจะกลับไปโรงเรียนพร้อมกับอาจารย์เรนฟอร์ดอีกครั้ง
“เดี๋ยวข้ากลับมาเล่าให้ฟังขอรับท่านแม่” ดาริอุสตอบอย่างแน่วแน่ เขาต้องการกลับไปจริงๆ กลับไปสู่ความจริงที่ว่าโลกนี้คือการต่อสู้ดิ้นรน การหลบหนีไม่ช่วยอะไรเลยสักนิดนอกจากยืดเวลาตาย
พวกเขาบอกลาแม่ของดาริอุสอย่างนอบน้อมอีกครั้ง อาจารย์เรนฟอร์ดกล่าวขอบคุณดาริอุสเมื่อแม่ของเขากลับเข้าบ้านไปแล้ว
“ขอบใจที่เลือกช่วยพวกครู ไม่มีแผนสำรองก็เท่ากับไม่มีแผน” อาจารย์เรนฟอร์ดว่า “เฟฟนิลกลับร่างมนุษย์ ข้าจะใช้มนตร์เคลื่อนย้ายไปยังบริเวณกำแพงที่เฮเลนสร้าง”
“ทำไมเฮเลนไม่อยากทำร้ายอาจารย์กับข้าล่ะขอรับ”
ดาริอุสถามอาจารย์ขณะที่รอเฟฟนิลกลับมาอยู่ในร่างมนุษย์เพื่อให้ใช้มนตร์เคลื่อนย้ายได้สะดวกขึ้น
“ครูกับเธอคงหน้าเหมือนคนรักเก่าของนางกระมัง เคยได้ยินนางเล่าว่าตอนเป็นคน นางถูกฆ่าทั้งที่กำลังจะเข้าพิธีหมั้นกับคนรักอยู่แล้ว”
ดาริอุสนั่งคิดถึงเรื่องที่เฮเลนเคยเล่า บางทีตอนนั้นนางอาจเปิดใจพูดความจริงกับเขาก็ได้ แต่มันทำให้ตัดสินใจลำบากขึ้นว่าจะทำอย่างไร ถ้านางคืนชีพอาจมีคนตายแต่ถ้าฆ่าก็เท่ากับเขาฆ่าคนที่เปิดใจพูดเรื่องของตัวเอง
เขาจำคำพูดจากหนังสือนิยายที่เพิ่งอ่านไปได้ดี ว่าหากได้เปิดใจพูดกับใครสักคนแล้ว ก็เท่ากับเราแบ่งปันชีวิตของตนให้กับคนผู้นั้นด้วย เขาไม่รู้ว่าจะสามารถสังหารคนที่มาแบ่งปันชีวิตให้กับเขาได้หรือไม่...
อาจารย์เรนฟอร์ดคงรีบจนลืมไปว่ามนตร์เคลื่อนย้ายจัดพวกเข้ากับมนตร์ผนึก ซึ่งครีดสามารถกินเป็นอาหารได้ทำให้พลังของมันลดลงส่วนหนึ่ง จุดที่เขาเคลื่อนย้ายออกมาจึงห่างเขตโรงเรียนไกลลิบ แต่ยังมองเห็นโดมแสงสีเหลืองได้อยู่ เฟฟนิลเปลี่ยนร่างเป็นมังกรอีกครั้งพาทุกคนบินกลับโรงเรียนตามหน้าที่
ดาริอุสมองเห็นหายนะได้อย่างชัดเจนเมื่อบินเข้าใกล้เขตโรงเรียน แสงสีและแรงระเบิดทำให้ต้นไม้รอบๆสั่นไหวเหมือนกับมีงานเทศกาลอะไรสักอย่าง อาจารย์เรนฟอร์ดสบถเบาๆเพราะคิดอยู่แล้วว่านางอสูรโคลโบลท์จะต้องฉวยโอกาสนี้เข้าทำร้ายนักเรียนแล้วใช้เป็นตัวประกัน
ครีดร้องเบาๆด้วยความตกใจที่ถูกเฟฟนิลคาบลำตัวของมันขึ้นแล้วเหวี่ยงไปทางโรงเรียนจากนั้นนางก็บินตามเข้าไปทันที ดาริอุสจึงรู้ว่ามันเป็นวิธีทำลายเขตอาคมแบบฉับไวไม่ต้องรอให้ครีดยุรยาตรไปจัดการ ครีดน้อยตั้งท่าจะตะปบหลังของนางเพื่อแก้แค้นแต่ถูกหยุดด้วยเสียงคำรามของมังกรรุ่นพี่
“อสุรกายพวกนั้นสร้างจากพลังของนางเอง” อาจารย์เรนฟอร์ดชี้ให้ดูเหล่าปีศาจบนพื้นดิน บางพวกรูปร่างผิดรูป บางพวกท่าทางดุร้ายน่ากลัว บางพวกดูน่าขยะแขยงด้วยร่างเหลวเละเหมือนมีดินโคลนพอกตัวอยู่
เฟฟนิลสบถอย่างหัวเสียเมื่อมีปีศาจตัวหนึ่งปล่อยสายฟ้ามาทางนาง เปลวไฟร้อนแรงของมังกรพวยพุ่งออกจากปากเผาไหม้เหล่าอสุรกายเป็นทางยาว เสียงร้องโอดครวญไม่ทำให้เปลวไฟของนางลดความร้ายกาจลงแม้แต่น้อย เมื่อนางมังกรครึ่งมนุษย์ลงจอดใกล้กลุ่มนักเรียนสาขาเวทกลุ่มหนึ่งแล้วก็พ่นไฟออกมาอีกครั้งเพื่อแผดเผากลุ่มอสุรกายที่อยู่ใกล้ที่สุด
“พวกเราพยายามออกไปขนอาหารและสัตว์เลี้ยงที่เหลืออยู่ มีนักเรียนบาดเจ็บหลายคนแต่ไม่มีใครตาย” อาจารย์คัลวินตะโกนแข่งกับเสียงระเบิด แสงไฟวูบวาบเหมือนตะเกียงในยามดึก “แล้วไหนล่ะคาร์สัน”
“ภรรยาเขากลัวความแตกแยกหากได้ความทรงจำคืน ข้าจึงพารุ่นลูกมาแทน”
อาจารย์เรนฟอร์ดหัวเราะน้อยๆหลังจากกระโดดลงจากหลังของเฟฟนิล ดาริอุสไม่รู้ว่าเขาควรทำอย่างไรบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่อยากทำคือเดินออกไปจากสนามสอบแล้วสังหารเฮเลนด้วยมือของเขาเอง
“เดี๋ยวครูไปสั่งงานสักพักหนึ่ง ไปพักตรงกองไฟนั่นก่อนสิดาริอุส” อาจารย์เรนฟอร์ดทำให้เขารู้สึกประหม่าด้วยการเรียกชื่อต้น คาร์ลวิ่งมาหาบอกว่าพวกปีศาจปรากฏตัวแล้วยิงพลังเวทเข้ามาหลายสิบหนหลังจากพวกเขาออกไปนอกเขตโรงเรียน...
ดาริอุสครุ่นคิดระหว่างนั่งผิงไฟมองดูอาจารย์ทั้งหมดสั่งงานอย่างเคร่งเครียด นักเรียนปีหนึ่งและปีสองถูกส่งลงไปอยู่ในห้องใต้ดินของอาจารย์ใหญ่เพื่อป้องกันอันตราย ส่วนนักเรียนปีสามถูกจัดสรรเวรยามอย่างทั่วถึง แต่ละกะจะต้องมีพวกอาจารย์และมังกรอยู่ด้วยอย่างน้อยหนึ่งคน
ครีดตัวน้อยเพิ่งละจากกองเสบียงของมังกรมาเห็นเจ้านายกำลังนั่งหดหู่อยู่หน้ากองไฟก็เข้ามาเลียแก้มเบาๆด้วยความเป็นห่วง ดาริอุสยิ้มเศร้าแล้วลูบหัวครีดตอบ เขาต้องขอบคุณมันที่ช่วยปลุกขึ้นมาจากความฝันถึงแม้ตอนนั้นกระดูกมือเขาจะหักไปสองสามท่อนก็ตาม
ทันใดนั้นชื่อของคนที่อาจให้คำปรึกษาได้เมื่อก็ลอยเข้ามาในหัว ไม่แน่ดรากานที่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้คงช่วยเขาได้ แต่บางทีเวเบอร์ที่อาวุโสกว่าอาจให้คำตอบที่ดีกว่าก็ได้ ชื่อของที่ปรึกษาทั้งสองคนลอยวนอยู่ในหัว
แนวทางคำตอบของทั้งคู่ลอยเข้ามาในหัวของเขาแม้จะรู้จักในเวลาสั้นๆ ดรากานคงหาทางประนีประนอม ส่วนเวเบอร์คงให้บุกตะลุยให้แหลกไปข้างหนึ่งด้วยพลัง สิ่งใดที่เขาควรเลือกดีหนอ
แล้วเขาก็ลูบรอยแผลเป็นบนใบหน้าของครีด การต่อสู้มีแต่จะเจ็บปวดทั้งสองฝ่าย น่าจะหาทางรอมชอมกันมากกว่า
“ขอบใจครีด” ดาริอุสขยี้หัวครีดอีกรอบหนึ่งก่อนใช้เวทมนตร์สร้างกระจกน้ำแข็งบานใหญ่ขึ้นตรงหน้า โชคดีที่เขายังมีเศษผงเวทมนตร์อยู่ก้นกระเป๋ากางเกง “ดาริอุส ดรากาน” เขาเน้นเสียงตรงชื่อสกุลเพราะกลัวจะติดต่อไม่ได้หรือกลายเป็นว่าเขาติดต่อกับตัวเอง
ผิวหน้าของกระจกน้ำแข็งเกิดแสงสีเขียวเรื่อๆแล้วหายไป เงาบนกระจกไม่ใช่เงาของดาริอุสอีกแล้วแต่มันเปลี่ยนเป็นเงาของชายผู้หนึ่ง เขามีผมสีน้ำตาลมีดวงตาสีพระจันทร์ เขาที่อีกด้านของกระจกกำลังเปิดตู้เสื้อผ้าค้นหาบางสิ่ง แสงสว่างที่ส่องเข้ามาทางด้านข้างเหนือม่านกั้นทำให้รู้ว่ามีความแตกต่างกันของช่วงเวลา
“เลวิสใช่ไหม” อีกฝ่ายถามอย่างประหม่าพลางบอกว่าโชคดีที่ปลีกตัวกลับมาก่อน “ที่นั่นเป็นกลางคืนหรือ ถ้าไม่รีบขอเปลี่ยนเสื้อผ้าสักนิดนะ ข้าจะเป็นลมสักสิบครั้งเพราะชุดบ้านี่” ดรากานขยับคอของเสื้อคอตั้งสีเหลืองปักดิ้นทองที่ข้อมือและชายเสื้อ ดาริอุสคิดว่าชุดนี้ดูอึดอัดมากกว่าชุดนักเรียนของสาขาเขา
ดรากานหายไปจากกระจกไปพักใหญ่ก็กลับมาด้วยเสื้อคอปกสีขาวดูสุภาพและเย็นสบายกว่า
“ยุ่งอยู่หรือเปล่าขอรับ” ดาริอุสคิดว่าห้องที่ดรากานอยู่ดูหรูหราราวกับพระราชวังหรือปราสาท ไม่ว่าจะเป็นม่านกั้นขลิบทอง แจกันลายดอกไม้หลากสี หรือภาพวาดใส่กรอบไม้ฉลุลายอย่างประณีต
“ถ้าเป็นสักครึ่งชั่วโมงก่อนข้ายุ่งแทบไม่ได้พักเลย วันนี้มีงานแต่งตั้งเจ้าหญิงองค์ใหม่ จึงต้องตื่นเช้าไปยืนฟังพวกข้าหลวงพูดอะไรยาวยืด แล้วต้องไปดูพิธีขอนกเพลิงประจำตัวอีก ชุดก็ต้องสุภาพ การวางตัวต้องเป็นผู้ดี ข้าล่ะเบื่องานพิธีจริงๆ”
(มีต่อ)
โรงเรียนอสูรโคลโบลท์ ตอนที่ 15
“ไม่ต้องห่วงเลวิส พวกเราและเฟฟนิลจะไม่ได้รับผลกระทบจากการบินระยะไกล เดี๋ยวขากลับครูใช้มนตร์เคลื่อนย้ายให้เอง” อาจารย์เรนฟอร์ดพูดเบาๆให้ดาริอุสมั่นใจว่าจะกลับไปช่วยทุกคนได้แน่
พวกเขาข้ามเขตหุบเขาสูงชันและป่ารกเบื้องล่างราวลมกรด ลมหนาวจากที่สูงบาดผิวจนรู้สึกได้ กระทั่งสามารถมองเห็นหมู่บ้านคนที่เส้นขอบฟ้าไกลโพ้นซึ่งอาจารย์เรนฟอร์ดบอกว่าเป็นเมืองไดเกรซ
“ดาริอุส ทำไมลูก...”
ออกจะเป็นการเสียมารยาทที่มาเยี่ยมยามดึก โชคดีที่แม่ของดาริอุสกำลังทำบัญชีอยู่จึงยังไม่นอน นางออกมารับพวกเขาด้วยสีหน้างงงวยที่เห็นลูกชายซึ่งไปอยู่โรงเรียนประจำกลับมาในเวลาค่ำมืดพร้อมอาจารย์และมังกรอีกสองตัว
“ขออภัยที่มารบกวนเวลานี้ เรามีธุระด่วน” อาจารย์เรนฟอร์ดแทบระงับอาการเร่งร้อนไม่ไหว
“หรือจะเกี่ยวกับดาริอุส เขาต้องออกจากโรงเรียนหรือ”
“ไม่ใช่หรอก แต่ท่านสะดวกหรือไม่หากข้าขอพบพ่อของเด็กคนนี้”
“เขาหลับไปแล้ว”
“ท่านทราบหรือไม่ว่าเขามาจากเมืองไหน ชื่อจริงของเขาคืออะไร” อาจารย์เรนฟอร์ดรุกอย่างไม่ใส่ใจมารยาท
“ข้าไม่รู้”
คำตอบทำให้ดาริอุสประหลาดใจ แม่ของเขาน่าจะรู้ไม่ใช่หรือว่าพ่อเป็นคนที่ใด แม้จะเป็นคนพเนจรก็ตาม
“เขาความจำเสื่อมใช่ไหม เมื่อสิบหกปีก่อน ท่านจึงมอบชื่อและชื่อสกุลใหม่ให้” อาจารย์เรนฟอร์ดคาดคั้นอย่างนุ่มนวล ดาริอุสไม่ขอเจอกับการคาดคั้นแบบนี้เด็ดขาดแม้ว่ามือของเขาจะอยู่ในปากครีดก็ตาม
“ใช่แล้ว เขาหล่นลงมาจากท้องฟ้าในสภาพปางตาย ข้าจึงช่วยเหลือและให้อยู่ด้วยเพราะเขาความจำเสื่อมจำไม่ได้แม้แต่ชื่อตัว ไม่นานเราก็แต่งงานกันเพราะคำสั่งเสียของพ่อข้า” แม่ของดาริอุสเล่าด้วยความสงสัย เขาเพิ่งรู้ว่าพ่อของเขาความจำเสื่อม เพราะอย่างนี้เขาจึงไม่เคยรู้จักหรือเจอญาติข้างพ่อเลยแม้แต่คนเดียว “ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรกันหรือ”
“ข้าสงสัยว่าสามีท่านคือสหายของข้า” อาจารย์เรนฟอร์ดยิ้มอย่าดีใจ “ข้าพอรู้จักคนที่ช่วยคืนความทรงจำให้เขาได้ ถ้าท่านยอมให้ข้า...”
ตอนแรกดาริอุสคิดว่าแม่ของเขาคงยอมให้พ่อเข้ารับการรักษา พอคิดอีกครั้ง เมื่อได้รับความทรงจำคืนก็จะเปลี่ยนไปเป็นอีกคนไม่ใช่หรือ เขาเริ่มกลัว หากได้ความทรงจำกลับคืนมาแล้วพ่อของเขาจะไม่ใช่พ่อของเขาอีกต่อไป แต่จะกลับไปเป็นเพื่อนรักของพวกอาจารย์เหมือนเดิม ความวิตกเข้าครอบงำที่นั้นอย่างช้าๆ
“ข้ารู้จักแพทย์เก่งๆที่ช่วยคืนความจำให้เขาได้! ” แม่ของดาริอุสนิ่วหน้าคำรามอย่างกับโกรธเคืองกันมาแรมปี “แต่ดีเรคไม่เคยต้องการความทรงจำคืน ตอนนี้เรามีความสุขพออยู่แล้ว อยู่กับปัจจุบันไม่ต้องคิดถึงอดีตทั้งหลายแหล่”
แม่ของดาริอุสทำให้อาจารย์เรนฟอร์ดชะงักและครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเรียบเหมือนปกติ
“อย่างนั้นต้องขออภัยด้วยที่สร้างความรำคาญใจให้ท่านในเวลานี้” อาจารย์โน้มตัวขอโทษอย่างสุภาพ
“แต่เขาคงไม่รังเกียจหากได้พบคนที่รู้อดีตของตนบ้างแม้จะไม่ได้ความทรงจำคืน” แม่ของดาริอุสตอบอย่างสุภาพเช่นกัน “แล้วที่พาลูกข้ามาที่นี่มีเรื่องอะไรกันหรือ”
อาจารย์เรนฟอร์ดคงคาดไม่ถึงว่าคำตอบที่ได้รับจะเป็นอย่างนี้ พ่อของดาริอุสมีความน่าจะเป็นมากพอที่จะเป็นเพื่อนของพวกอาจารย์ แต่ถ้าไม่ได้รับความทรงจำคืนเรื่องต่อสู้คงต้องตัดออกโดยดุษณี เรื่องใช้อาวุธพ่อของเขาพอใช้ได้อยู่ แต่เรื่องเวทมนตร์มันคนละอย่างกันเลย
“ข้าเพิ่งทดสอบพบว่าลูกของท่านคือลูกของเพื่อนข้า” อาจารย์เรนฟอร์ดตอบอย่างเยือกเย็น “จึงอยากมาพบด้วยความร้อนใจ”
“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อขอรับอาจารย์” ดาริอุสกระซิบถาม ไม่อยากให้แม่ของเขากังวลด้วยเรื่องของเฮเลนที่ต้องการตัวเขาอยู่
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร” อาจารย์เรนฟอร์ดหันมาทางดาริอุสอย่างแน่วแน่ “เธอต้องเลือกแล้วเลวิส จะกลับไปช่วยพวกเพื่อนๆกับครู หรือจะอยู่รับรู้ความสุขพักใหญ่ เธอก็เห็นแล้วว่านางออกไปพาตัวมาจากเมืองอื่น จะมาเคาะประตูบ้านเจ้าตอนนี้ก็ไม่แปลกสักนิด”
อาจารย์เรนฟอร์ดทำให้ดาริอุสต้องคิดหนัก พลังของเขาอาจมีส่วนสำคัญในการต่อสู้กับเฮเลนและช่วยเพื่อนนักเรียน ถึงสุดท้ายจะถูกจับตัวไปเป็นพลังให้กับนางก็ตาม แต่ถ้าเขาเลือกที่จะอยู่ที่บ้านพวกอาจารย์คงต้านไม่ไหวและต้องมีคนตาย แล้วสุดท้ายนางก็จะมาพาตัวเขากลับไปอยู่ดี ทั้งสองทางมีค่าเท่ากันไม่ว่าจะเลือกทางใดก็ไม่มีความต่าง
แต่เขาอยากถามเฮเลนอีกครั้งว่านางเห็นเขาเป็นเพียงแหล่งพลังเวทจริงหรือเปล่าทำให้เกิดความลังเล แม่ของเขาที่ไม่เข้าใจสถานการณ์จับบ่าของเขาราวกับบอกคำตอบให้ ครีดก็ใช้จมูกดุนมือของเจ้านายเบาๆด้วยความที่ขี้เล่น สุดท้ายความที่เป็นห่วงคาร์ลและความรู้สึกที่มีต่อเฮเลนทำให้ตอบตกลง เขาจะกลับไปโรงเรียนพร้อมกับอาจารย์เรนฟอร์ดอีกครั้ง
“เดี๋ยวข้ากลับมาเล่าให้ฟังขอรับท่านแม่” ดาริอุสตอบอย่างแน่วแน่ เขาต้องการกลับไปจริงๆ กลับไปสู่ความจริงที่ว่าโลกนี้คือการต่อสู้ดิ้นรน การหลบหนีไม่ช่วยอะไรเลยสักนิดนอกจากยืดเวลาตาย
พวกเขาบอกลาแม่ของดาริอุสอย่างนอบน้อมอีกครั้ง อาจารย์เรนฟอร์ดกล่าวขอบคุณดาริอุสเมื่อแม่ของเขากลับเข้าบ้านไปแล้ว
“ขอบใจที่เลือกช่วยพวกครู ไม่มีแผนสำรองก็เท่ากับไม่มีแผน” อาจารย์เรนฟอร์ดว่า “เฟฟนิลกลับร่างมนุษย์ ข้าจะใช้มนตร์เคลื่อนย้ายไปยังบริเวณกำแพงที่เฮเลนสร้าง”
“ทำไมเฮเลนไม่อยากทำร้ายอาจารย์กับข้าล่ะขอรับ”
ดาริอุสถามอาจารย์ขณะที่รอเฟฟนิลกลับมาอยู่ในร่างมนุษย์เพื่อให้ใช้มนตร์เคลื่อนย้ายได้สะดวกขึ้น
“ครูกับเธอคงหน้าเหมือนคนรักเก่าของนางกระมัง เคยได้ยินนางเล่าว่าตอนเป็นคน นางถูกฆ่าทั้งที่กำลังจะเข้าพิธีหมั้นกับคนรักอยู่แล้ว”
ดาริอุสนั่งคิดถึงเรื่องที่เฮเลนเคยเล่า บางทีตอนนั้นนางอาจเปิดใจพูดความจริงกับเขาก็ได้ แต่มันทำให้ตัดสินใจลำบากขึ้นว่าจะทำอย่างไร ถ้านางคืนชีพอาจมีคนตายแต่ถ้าฆ่าก็เท่ากับเขาฆ่าคนที่เปิดใจพูดเรื่องของตัวเอง
เขาจำคำพูดจากหนังสือนิยายที่เพิ่งอ่านไปได้ดี ว่าหากได้เปิดใจพูดกับใครสักคนแล้ว ก็เท่ากับเราแบ่งปันชีวิตของตนให้กับคนผู้นั้นด้วย เขาไม่รู้ว่าจะสามารถสังหารคนที่มาแบ่งปันชีวิตให้กับเขาได้หรือไม่...
อาจารย์เรนฟอร์ดคงรีบจนลืมไปว่ามนตร์เคลื่อนย้ายจัดพวกเข้ากับมนตร์ผนึก ซึ่งครีดสามารถกินเป็นอาหารได้ทำให้พลังของมันลดลงส่วนหนึ่ง จุดที่เขาเคลื่อนย้ายออกมาจึงห่างเขตโรงเรียนไกลลิบ แต่ยังมองเห็นโดมแสงสีเหลืองได้อยู่ เฟฟนิลเปลี่ยนร่างเป็นมังกรอีกครั้งพาทุกคนบินกลับโรงเรียนตามหน้าที่
ดาริอุสมองเห็นหายนะได้อย่างชัดเจนเมื่อบินเข้าใกล้เขตโรงเรียน แสงสีและแรงระเบิดทำให้ต้นไม้รอบๆสั่นไหวเหมือนกับมีงานเทศกาลอะไรสักอย่าง อาจารย์เรนฟอร์ดสบถเบาๆเพราะคิดอยู่แล้วว่านางอสูรโคลโบลท์จะต้องฉวยโอกาสนี้เข้าทำร้ายนักเรียนแล้วใช้เป็นตัวประกัน
ครีดร้องเบาๆด้วยความตกใจที่ถูกเฟฟนิลคาบลำตัวของมันขึ้นแล้วเหวี่ยงไปทางโรงเรียนจากนั้นนางก็บินตามเข้าไปทันที ดาริอุสจึงรู้ว่ามันเป็นวิธีทำลายเขตอาคมแบบฉับไวไม่ต้องรอให้ครีดยุรยาตรไปจัดการ ครีดน้อยตั้งท่าจะตะปบหลังของนางเพื่อแก้แค้นแต่ถูกหยุดด้วยเสียงคำรามของมังกรรุ่นพี่
“อสุรกายพวกนั้นสร้างจากพลังของนางเอง” อาจารย์เรนฟอร์ดชี้ให้ดูเหล่าปีศาจบนพื้นดิน บางพวกรูปร่างผิดรูป บางพวกท่าทางดุร้ายน่ากลัว บางพวกดูน่าขยะแขยงด้วยร่างเหลวเละเหมือนมีดินโคลนพอกตัวอยู่
เฟฟนิลสบถอย่างหัวเสียเมื่อมีปีศาจตัวหนึ่งปล่อยสายฟ้ามาทางนาง เปลวไฟร้อนแรงของมังกรพวยพุ่งออกจากปากเผาไหม้เหล่าอสุรกายเป็นทางยาว เสียงร้องโอดครวญไม่ทำให้เปลวไฟของนางลดความร้ายกาจลงแม้แต่น้อย เมื่อนางมังกรครึ่งมนุษย์ลงจอดใกล้กลุ่มนักเรียนสาขาเวทกลุ่มหนึ่งแล้วก็พ่นไฟออกมาอีกครั้งเพื่อแผดเผากลุ่มอสุรกายที่อยู่ใกล้ที่สุด
“พวกเราพยายามออกไปขนอาหารและสัตว์เลี้ยงที่เหลืออยู่ มีนักเรียนบาดเจ็บหลายคนแต่ไม่มีใครตาย” อาจารย์คัลวินตะโกนแข่งกับเสียงระเบิด แสงไฟวูบวาบเหมือนตะเกียงในยามดึก “แล้วไหนล่ะคาร์สัน”
“ภรรยาเขากลัวความแตกแยกหากได้ความทรงจำคืน ข้าจึงพารุ่นลูกมาแทน”
อาจารย์เรนฟอร์ดหัวเราะน้อยๆหลังจากกระโดดลงจากหลังของเฟฟนิล ดาริอุสไม่รู้ว่าเขาควรทำอย่างไรบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่อยากทำคือเดินออกไปจากสนามสอบแล้วสังหารเฮเลนด้วยมือของเขาเอง
“เดี๋ยวครูไปสั่งงานสักพักหนึ่ง ไปพักตรงกองไฟนั่นก่อนสิดาริอุส” อาจารย์เรนฟอร์ดทำให้เขารู้สึกประหม่าด้วยการเรียกชื่อต้น คาร์ลวิ่งมาหาบอกว่าพวกปีศาจปรากฏตัวแล้วยิงพลังเวทเข้ามาหลายสิบหนหลังจากพวกเขาออกไปนอกเขตโรงเรียน...
ดาริอุสครุ่นคิดระหว่างนั่งผิงไฟมองดูอาจารย์ทั้งหมดสั่งงานอย่างเคร่งเครียด นักเรียนปีหนึ่งและปีสองถูกส่งลงไปอยู่ในห้องใต้ดินของอาจารย์ใหญ่เพื่อป้องกันอันตราย ส่วนนักเรียนปีสามถูกจัดสรรเวรยามอย่างทั่วถึง แต่ละกะจะต้องมีพวกอาจารย์และมังกรอยู่ด้วยอย่างน้อยหนึ่งคน
ครีดตัวน้อยเพิ่งละจากกองเสบียงของมังกรมาเห็นเจ้านายกำลังนั่งหดหู่อยู่หน้ากองไฟก็เข้ามาเลียแก้มเบาๆด้วยความเป็นห่วง ดาริอุสยิ้มเศร้าแล้วลูบหัวครีดตอบ เขาต้องขอบคุณมันที่ช่วยปลุกขึ้นมาจากความฝันถึงแม้ตอนนั้นกระดูกมือเขาจะหักไปสองสามท่อนก็ตาม
ทันใดนั้นชื่อของคนที่อาจให้คำปรึกษาได้เมื่อก็ลอยเข้ามาในหัว ไม่แน่ดรากานที่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้คงช่วยเขาได้ แต่บางทีเวเบอร์ที่อาวุโสกว่าอาจให้คำตอบที่ดีกว่าก็ได้ ชื่อของที่ปรึกษาทั้งสองคนลอยวนอยู่ในหัว
แนวทางคำตอบของทั้งคู่ลอยเข้ามาในหัวของเขาแม้จะรู้จักในเวลาสั้นๆ ดรากานคงหาทางประนีประนอม ส่วนเวเบอร์คงให้บุกตะลุยให้แหลกไปข้างหนึ่งด้วยพลัง สิ่งใดที่เขาควรเลือกดีหนอ
แล้วเขาก็ลูบรอยแผลเป็นบนใบหน้าของครีด การต่อสู้มีแต่จะเจ็บปวดทั้งสองฝ่าย น่าจะหาทางรอมชอมกันมากกว่า
“ขอบใจครีด” ดาริอุสขยี้หัวครีดอีกรอบหนึ่งก่อนใช้เวทมนตร์สร้างกระจกน้ำแข็งบานใหญ่ขึ้นตรงหน้า โชคดีที่เขายังมีเศษผงเวทมนตร์อยู่ก้นกระเป๋ากางเกง “ดาริอุส ดรากาน” เขาเน้นเสียงตรงชื่อสกุลเพราะกลัวจะติดต่อไม่ได้หรือกลายเป็นว่าเขาติดต่อกับตัวเอง
ผิวหน้าของกระจกน้ำแข็งเกิดแสงสีเขียวเรื่อๆแล้วหายไป เงาบนกระจกไม่ใช่เงาของดาริอุสอีกแล้วแต่มันเปลี่ยนเป็นเงาของชายผู้หนึ่ง เขามีผมสีน้ำตาลมีดวงตาสีพระจันทร์ เขาที่อีกด้านของกระจกกำลังเปิดตู้เสื้อผ้าค้นหาบางสิ่ง แสงสว่างที่ส่องเข้ามาทางด้านข้างเหนือม่านกั้นทำให้รู้ว่ามีความแตกต่างกันของช่วงเวลา
“เลวิสใช่ไหม” อีกฝ่ายถามอย่างประหม่าพลางบอกว่าโชคดีที่ปลีกตัวกลับมาก่อน “ที่นั่นเป็นกลางคืนหรือ ถ้าไม่รีบขอเปลี่ยนเสื้อผ้าสักนิดนะ ข้าจะเป็นลมสักสิบครั้งเพราะชุดบ้านี่” ดรากานขยับคอของเสื้อคอตั้งสีเหลืองปักดิ้นทองที่ข้อมือและชายเสื้อ ดาริอุสคิดว่าชุดนี้ดูอึดอัดมากกว่าชุดนักเรียนของสาขาเขา
ดรากานหายไปจากกระจกไปพักใหญ่ก็กลับมาด้วยเสื้อคอปกสีขาวดูสุภาพและเย็นสบายกว่า
“ยุ่งอยู่หรือเปล่าขอรับ” ดาริอุสคิดว่าห้องที่ดรากานอยู่ดูหรูหราราวกับพระราชวังหรือปราสาท ไม่ว่าจะเป็นม่านกั้นขลิบทอง แจกันลายดอกไม้หลากสี หรือภาพวาดใส่กรอบไม้ฉลุลายอย่างประณีต
“ถ้าเป็นสักครึ่งชั่วโมงก่อนข้ายุ่งแทบไม่ได้พักเลย วันนี้มีงานแต่งตั้งเจ้าหญิงองค์ใหม่ จึงต้องตื่นเช้าไปยืนฟังพวกข้าหลวงพูดอะไรยาวยืด แล้วต้องไปดูพิธีขอนกเพลิงประจำตัวอีก ชุดก็ต้องสุภาพ การวางตัวต้องเป็นผู้ดี ข้าล่ะเบื่องานพิธีจริงๆ”
(มีต่อ)