โรงเรียนอสูรโคลโบลท์ ตอนที่ 1

กระทู้สนทนา
ระหว่างเดินตามรุ่นพี่ดาริอุสจำเด็กชายแว่นหนากับเด็กหญิงถักเปียซึ่งอยู่กลุ่มเดียวกันได้จึงรีบเดินเข้าไปทัก มีเพียงเด็กชายสวมแว่นผอมกะหร่องที่ทักตอบ ส่วนเด็กหญิงเมินดาริอุสแล้วเดินหนีไปกับพวกผู้หญิง เขาถอนใจกับตัวเองว่าทั้งที่ท้องฟ้าแจ่มใสแท้ๆจิตใจของเด็กผู้หญิงเหตุใดจึงขุ่นมัวถึงเพียงนี้ เมื่อมีคนทักทายย่อมต้องทักตอบเป็นมรรยาทที่ดีไม่ใช่หรือ

    “ข้าชื่อคาร์ล เพอร์รอตต์” ดาริอุสถูกดึงออกจากภวังค์เรื่องดินฟ้าอากาศ คงมีแต่ผู้ชายด้วยกันกระมังที่เข้าใจธรรมเนียมของผู้ชายด้วยกันได้

    “ดาริอุส เลวิส มาจากเมืองไดเกรซ”

    “ตรงนั้นหยุดคุยสักที” รุ่นพี่ร้องบอกให้เด็กใหม่หยุดฟัง เขาลังเลอยู่เกือบอึดใจแล้วหยุดฟัง

    “ปีนี้จะมีรุ่นอื่นมาเรียนพร้อมปีหนึ่งใหม่อีกห้าคน หอชายสามห้องหอหญิงสี่ห้อง” ดาริอุสหันรีหันขวางจนถามได้ว่ากำลังพูดถึงเรื่องการแบ่งห้องพักกันอยู่ พวกเขาจะได้อยู่ห้องละสองคน พวกเขาเดินตัดสนามหญ้าจนเห็นหอคอยมังกรว่าความจริงเป็นทรงพีระมิดอ้วนๆไม่มีทางเข้า รูปสลักมังกรตรงส่วนยอดดูทรงพลังเหมือนกับจะบินออกมาได้ทุกขณะ ตัวหอคอยทำด้วยหินอ่อนสีทรายสวยงามรับกับรูปสลักที่ยอดหอ

    “ทางขวาคือหอพักชายทางซ้ายคือหอพักหญิง เส้นหินอ่อนรอบๆคือเขตอาคม หากมีคนเดินผ่านหลังยามสองพื้นจะทำการจับกุมและผนึกเอาไว้จนกว่าจะมีอาจารย์คนใดคนหนึ่งมาช่วยแก้ผนึกให้ หากอยากผ่านนอกเวลาก็ต้องหาทางฝ่าไปเอง ไม่ต้องห่วงการผนึกจะป้องกันอันตรายทุกรูปแบบ เสียดายที่กันไม่ให้คนอื่นเห็นไม่ได้”

    ดาริอุสมองเส้นบอกเขตสีขาวฝุ่นเขรอะรอบตัวหอด้วยความกังวล หินอ่อนสีขาวแทบกลืนไปกับสนามหญ้าและทางเดิน สมองของดาริอุสตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดไม่ทำให้เห็นหรือปักป้ายเตือนราวกับตั้งใจให้นักเรียนอยากลองพิสูจน์ความกล้าด้วยการผ่านเขตผนึกอย่างไรอย่างนั้น อย่างไรการถูกจับผนึกอยู่กับที่ไม่เลวร้ายเท่ากับการถูกคนอื่นเห็นในสภาพน่าอเนจอนาถใจ แต่สักวันเขาจะเรียนรู้วิชาต่างๆให้มากขึ้นและลองเขตอาคมของหอพักดูด้วยตัวเองจะได้รู้ว่ามันทำงานอย่างไร รุ่นพี่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งเดินมานำเหล่าเด็กผู้หญิงไปหอพักหญิง หอพักทั้งสองเป็นอาคารสีขาวสวยสูงสามชั้น ชั้นล่างสุดมีม้านั่งสำหรับให้นั่งอ่านหนังสือ ด้านหลังหอคอยมังกรมีร้านอาหารเปิดอยู่รุ่นพี่จึงอธิบายว่าแต่ละสาขามีร้านอาหารของตัวเอง

    “ปีนี้ชั้นสองว่างมากพอไม่ต้องขึ้นไปถึงชั้นสาม มีเรื่องอะไรไปบอกนักเรียนหัวหน้าหอพักที่ชั้นสามห้องริมขวาสุด” รุ่นพี่พาขึ้นบันไดหอพัก บริเวณกลางอาคารมีระเบียงเล็กๆให้แสงส่องลงทางเดินสีคราม “จับคู่ห้องละสองคน พอดีสองห้องเลยนี่ เขียนชื่อใส่ใบรายชื่อแล้วรับกุญแจห้องไป ห้องน้ำในตัวจะมีแม่บ้านและนักเรียนจ้างงานมาทำความสะอาดให้สองวันต่อครั้ง”

    ดาริอุสไม่ลังเลจะจับคู่กับเด็กชายใส่แว่นตัวเล็กนิดเดียว พวกเขารีบเปิดประตูห้องด้วยความกระตือรือร้น ห้องพักโทรมเล็กน้อยแต่เตียงและโต๊ะเขียนหนังสือยังไม่เลวร้ายมากมายนัก ด้านตรงข้ามที่นอนมีม่านขึงกั้นเป็นสัดส่วนสำหรับอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ด้านหนึ่งมีประตูระเบียงห้องสำหรับตากผ้าและเปิดให้ลมพัดผ่านเข้าออก

    “พรุ่งนี้มารวมตัวที่หอคอยมังกรก่อนแปดโมงเช้า เจอกันด้านขวาของฝั่งอาจารย์” รุ่นพี่ผู้ชายเสริมก่อนเดินกลับไปว่าไม่ต้องปิดประตูเพราะนักเรียนที่ทำงานขายของมาถึงแล้ว เป็นเด็กแว่นเงียบขรึมเดินนำรถลากเทียมกิ้งก่าสีแดงตัวเท่าลูกม้า มีพังผืดที่หลังน่ากลัว ดวงตาสีเหลืองของมันมองพวกดาริอุสด้วยความสนใจเหมือนลูกสุนัขตัวน้อย

    “หากจะทำงานหาเงินเองก็เขียนชื่อพร้อมรายการสิ่งของที่ต้องการลงในนี้ ค่าของจะถูกหักจากค่าจ้างทำงานรายวัน”  

    พวกดาริอุสสี่คนรุมเลือกสิ่งของบนรถลาก มีทั้งเสื้อเครื่องแบบ ชุดลำลอง สมุดเครื่องเขียน รวมไปถึงนาฬิกากลและขวดน้ำดื่ม ยังไม่นับของจิปาถะอย่างเครื่องใช้ในห้องน้ำ อ่างซักผ้า และนิยายเล่มเล็กๆที่ดูเหมือนนักเรียนเป็นผู้เขียนและเข้าเล่มเองด้วยตัวเอง ดาริอุสอดทึ่งไม่ได้ที่รุ่นพี่คนนี้สามารถข้าวของมากมายขึ้นบันไดได้ด้วยตัวคนเดียว

    “นั่นเป็นนิยายของชมรมคนรักนิยาย รายได้ครึ่งหนึ่งเข้ากองทุนหนังสือสู่รุ่นน้อง ราคาหนังสือสำหรับนักเรียนจ้างงานจะถูกลดลงครึ่งหนึ่งของราคาเต็ม หากเสื้อผ้าไม่พอดีไปเปลี่ยนที่ร้านขายของได้เลย ส่วนหนังสือเรียนจะเอามาขายพรุ่งนี้หลังการสอบจบของปีสี่” รุ่นพี่ขยับแว่นเบาๆอย่างภาคภูมิเมื่อดาริอุสถามถึงหนังสือนิยาย “สามคนที่ลงชื่อทำงาน เลวิส เพอร์รอตต์ อาร์เคน ไปลงชื่อทำงานและยืมเงินกับอาจารย์เอริค ภายในสองอาทิตย์แรกของเทอมนี้ ขอแนะนำว่าอย่าไปตอนพักเที่ยงเพราะอาจารย์มักไม่อยู่ที่ตึกหลักช่วงนั้น”

    ดาริอุสปิดประตูห้องแล้วเริ่มการสำรวจไม่สนใจกองข้าวของข้างที่นอน เขาเลือกเตียงใกล้ประตูด้วยความเคยชิน เมื่อก่อนเขากับน้องสาวนอนห้องเดียวกันคนที่ได้นอนด้านในสุดคือน้องสาวที่น่ารัก ระเบียงห้องมีราวเหล็กกั้นพร้อมที่ตากผ้าแบบยึดติดผนัง ห้องน้ำมีดวงไฟเวทมนตร์ที่ทำงานเมื่อมีคนเข้าไป ที่อาบน้ำเป็นท่อสูงติดฝักบัวแบบผู้วิเศษใช้กัน ดาริอุสมองหาผลึกน้ำสำหรับสอดเข้าไปในท่อตอนอาบน้ำไม่เจอ กลับเจอลูกบิดเล็กๆที่พอบิดไปทางซ้ายจะมีน้ำไหลออกมาจากฝักบัว คงเป็นสิ่งประดิษฐ์เพื่อความสะดวกแบบเดียวกับนาฬิกากลไกหรือผลึกน้ำที่แค่ออกคำสั่งน้ำปริมาณมหาศาลจะไหลออกมาจากผลึกแก้ว

    “จำขนาดผิด เสื้อคลุมหลวมไปหน่อยว่าไหมคาร์ล”

    ไม่ทันหายเห่อตู้ใส่เสื้อผ้าใหม่ดาริอุสก็รีบลองชุดเครื่องแบบทันที ชุดเครื่องแบบที่ว่าออกจะหรูหราไปสักนิดสำหรับนักเรียนธรรมดา เสื้อคอปกแขนยาว กางเกงและเข็มขัดสีน้ำตาลเข้ม เสื้อคลุมหลวมโคร่งที่เลือกผิดขนาดยาวจรดข้อเท้ามีสีน้ำตาลดำเข้ากับสีผมของเขาพอกลัดกระดุมเสร็จกลับไม่รู้สึกว่าอึดอัดเลยสักนิด เขานับจำนวนกระเป๋าบนเสื้อคลุมได้ห้าแห่ง ที่หน้าอกหนึ่ง บริเวณเข็มขัดสอง ในสาบเสื้อด้านในมีกระเป๋าเล็กๆอีกสอง ยังไม่นับรองเท้าผ้าสีเดียวกับเสื้อคลุมที่ลงความเห็นได้อย่างเดียวว่าเป็นการตบแต่งเกินจำเป็นตั้งแต่หัวจรดเท้า

    “ดูเหมือนแพงแต่ราคาถูกมาก” คาร์ลเพื่อนใหม่ของเขาเอ่ยอย่างมั่นใจ “เสื้อคลุมผ้าโหลเป็นสินค้าส่งออกของแคว้นนี้ รองเท้าก็เป็นผ้าหนาราคาถูก ข้าทำพังประจำท่านพ่อกับท่านแม่จึงซื้อใหม่ให้ตลอด ของพวกนี้คุณภาพสูงกว่าราคา ผิดกับของที่พวกเศรษฐีใช้ ปิดทองเสียเลิศเลอกลับอยู่ได้ไม่ถึงปี”

    “เก่งจัง ข้าเป็นลูกชาวนาไม่รู้เรื่องพวกนี้หรอก” ดาริอุสตอบอย่างร่าเริงพับเสื้อคลุมเตรียมเอาไปเปลี่ยนกับร้านค้า “ที่บ้านก็ไม่มีใครเป็นผู้วิเศษอีกต่างหาก”

    “พ่อข้าเป็นผู้วิเศษประจำเมือง เสียดายที่เข้าสาขาผู้ใช้เวทมนตร์ไม่ได้จึงต้องหาเงินใช้เอง ตอนติดต่อไปก็โดนบ่นจนหูชาเลยละ” เด็กชายก้มหน้าถอนหายใจ ดาริอุสเห็นว่าอีกฝ่ายก็เลือกขนาดกางเกงผิดเหมือนกัน ดาริอุสคิดว่าเพื่อนใหม่คนนี้คงมีรูปร่างพอๆกับน้องสาวของเขา

    “ครอบครัวผู้วิเศษใช้ชีวิตประจำวันแบบไหนบ้างหรือ”

    ทั้งคู่คุยกันระหว่างเดินไปร้านขายของ ดาริอุสเพิ่งรู้วันนี้เองว่าครอบครัวของผู้วิเศษไม่ต่างอะไรกับคนปกติ ผู้พ่อออกไปทำงานแต่เช้าบางวันก็เอางานมาทำต่อที่บ้าน แม่อยู่ทำงานบ้าน ส่วนลูกก็ไปเรียนพื้นฐานจนอายุครบสิบห้าปีจึงให้เข้าโรงเรียนเวทมนตร์ การใช้เวทมนตร์ในชีวิตประจำวันถือเป็นเรื่องปกติเหมือนกับที่เขาช่วยบันทึกรายรับรายจ่ายของครอบครัว ส่วนลึกของความคิดของดาริอุสประท้วงมาว่าเกิดในครอบครัวปกติดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องมีพิธีรีตองหรือกรอบระเบียบมาบังคับ คาร์ลเพื่อนใหม่ของดาริอุสต้องหาเงินเรียนเองเพราะไม่ได้เข้าสาขาผู้ใช้เวทมนตร์เหมือนพ่อ แถมเด็กในตระกูลสูงๆจะต้องเข้าเรียนเวทมนตร์ตั้งแต่อายุสิบเอ็ดปีอีก หากเป็นเขาคงปวดหัวตายแน่

    อาคารที่เปิดเป็นร้านขายของเป็นตึกสองชั้นจะบอกว่าอยู่กึ่งกลางระหว่างหอพักสาขาผู้ใช้สัตว์ปีศาจกับผู้ใช้อาวุธเวทก็ผิดไปสักนิด ความจริงตำแหน่งของหอพักสองสาขาตั้งอยู่เป็นมุมป้านเมื่อมองจากร้านขายของ อาคารหลักสูงใหญ่อยู่กึ่งกลางระหว่างสัญลักษณ์สองสาขาราวกับจงใจ ดาริอุสละเลยท้องฟ้าสีใสมองอาคารหลักกับหอพักสลับกันพยายามนึกว่าเมื่อครู่มีอะไรพุ่งขึ้นมาในหัว

    “ข้าเห็นแล้วว่าเพราะอะไร ซื้อของเสร็จประเดี๋ยวเราขึ้นไปดูจากอาคารหลัก” คาร์ลขยับแว่นแก้เขิน พวกเขารีบไปร้านขายเสื้อผ้าเพื่อขอเปลี่ยนเครื่องแบบก่อนไปอาคารหลัก ดาริอุสคิดว่าจะไปขอลงชื่อทำงานเสียวันนี้เลยจะได้ไม่เสียเที่ยว “จะใช้มนตร์เคลื่อนย้ายไป ข้าพอเรียนเรื่องเวทมนตร์มาบ้าง”...


    ดาริอุสพยายามทำตัวให้ชินกับแรงกระตุกและแสงสีเหลืองของมนตร์เคลื่อนย้าย ในพริบตาที่แสงจางลงพวกเขาก็มายืนอยู่บนหลังคาอาคารหลักตำแหน่งเดียวกับที่รุ่นพี่พาพวกเขาขึ้นมา คาร์ลชวนเดินรอบๆก็พบว่าหอทั้งสามและสถานที่อีกสามแห่งถูกจัดวางบนตำแหน่งที่เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน

    “ทั้งหกที่วางตัวตามตำแหน่งวงไสยเวทย์ดาวหกแฉกโดยมีอาคารหลักนี้เป็นศูนย์กลาง” คาร์ลลูบผมสีดำสนิทอธิบายอย่างผู้รู้ “บางแห่งวางผังเมืองเป็นรูปแบบวงไสยเวทย์เพื่อความสวยงามแต่บางแห่งไม่ ที่ทำงานของพ่อข้ามีรูปสลักศิลาล้อมรอบเป็นรูปดาวหกแฉกเพื่อผนึกห้องเก็บข้อมูลลับไม่ให้รั่วไหลออกมา ดาวห้าแฉกเพิ่มพูน ดาวหกแฉกยับยั้ง”

    “ยอดไปเลย เป็นไปได้ไหมว่าใช้ผนึกอาณาเขตไม่ให้สิ่งเลวร้ายเข้ามาได้ อย่างจอมมารหรือสัตว์ร้าย” ดวงตาสีน้ำตาลของดาริอุสส่องประกายด้วยความอยากรู้ แค่รู้ว่าเพื่อนคนนี้เติบโตในครอบครัวผู้วิเศษสมองของเขาก็คิดคำถามได้เป็นสิบเป็นร้อยแล้ว

    “ถ้าทำอย่างนั้นจะต้องมีแหล่งพลังเวทมหาศาลค้ำจุนเพราะดาวหกแฉกอันนี้กินพื้นที่กว้างมาก” คาร์ลเขินจนหน้าแดงก่ำ “อาจทำเพื่อความสวยงามก็ได้ มีสามสาขาสามสถานที่เลยให้จัดเรียงเป็นดาวหกแฉก”

    “เด็กน้อยสองคนนั้นมาทำอะไรกันหรือ” เสียงหวานเจื้อยแจ้วเรียกให้พวกดาริอุสแหงนคอขึ้นมองหลังคาอาคารเรียนชั้นสูงขึ้นไป ผู้หญิงผมเหลืองเหมือนอาจารย์คนนั้นไม่มีผิดกำลังโบกมือทักทายจากด้านบน แถมกำลังกอดแขนของอาจารย์ผมน้ำตาลอยู่อีกต่างหาก “คนนั้นคือดาริอุส เลวิสใช่ไหม ครูคืออาจารย์อเล็กซานเดรีย บริดจ์แมนอาจารย์ประจำสาขาผู้ใช้อาวุธเวท และเป็นคนรักของอาจารย์เรนฟอร์ดของพวกเธอสาขาผู้ใช้สัตว์ปิศาจด้วย”

    “อย่าทำให้นักเรียนเข้าใจผิดสิ” เสียงของอาจารย์ผมน้ำตาลให้ความรู้สึกเหนื่อยหน่ายจนบรรยายไม่ถูก “เรื่องเข้าพักคงเสร็จเรียบร้อยแล้วสินะจึงมาเดินเล่นกันตรงนี้” ไม่รู้ดาริอุสคิดไปเองหรือเปล่าว่าตัวเองเป็นที่สนใจของอาจารย์ทั้งหลาย หลายครั้งที่รู้สึกเหมือนมีบางสิ่งกำลังจ้องมองเขาอย่างเอาเป็นเอาตายตอนอยู่ในอาคารหลังนี้

    “เรียบร้อยแล้วขอรับ พวกเราจึงคิดมาขอลงชื่อยืมเงินโรงเรียนเดี๋ยวนี้เลยขอรับ” ดาริอุสตอบ อยู่ๆขนต้นคอเขาก็ลุกชันรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาเสียอย่างนั้น

    “อย่างนั้นก็ขึ้นมาชั้นสี่ พวกครูจะไปรอที่บันไดใกล้ๆก็แล้วกัน” ไม่ทันให้อาจารย์พูดจบคาร์ลก็ทำบางสิ่ง สายลมรอบตัวพวกเขารวมตัวแน่นเหมือนตาข่ายดึงรั้งตัวเด็กชายทั้งสองขึ้นไปยืนด้านบนชั้นเดียวกับอาจารย์ ความจริงดาริอุสเกือบตกลงไปแล้วแต่อาจารย์เรนฟอร์ดช่วยจับแขนเอาไว้ทัน

    “ไม่เลวสำหรับเด็กอายุแค่นี้ น่าแปลกที่มาอยู่สาขาผู้ใช้สัตว์ปีศาจ” อาจารย์ผมน้ำตาลกล่าวชม เมื่อมองจากชั้นสูงขึ้นมาดาริอุสพลันรู้สึกแปลกๆเหมือนกับเคยเห็นทิวทัศน์แบบนี้มาก่อน ราวกับเคยเที่ยวเล่นและอาศัยอยู่ที่อาคารหลังนี้ทั้งที่ไม่เคยมา “ตอนทดสอบหน้ากระจก กระจกฉายภาพอะไรออกมา ผลึกสีดำสนิทหรือผลึกใสสะอาด”

    “ผลึกดำโปร่งแสงขอรับ ดูขุ่นๆจนน่าสงสัยด้วย” บทสนทนาระหว่างอาจารย์กับเพื่อนเรียกดาริอุสให้ตื่นจากภวังค์ “ของหมอนี่แปลกกว่าอีกเป็นสีดำสนิทเลย”

(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่