ดาริอุสถูกปลุกให้ขึ้นมาจากห้องใต้ดินตอนเช้ามืดก่อนนักเรียนคนอื่นๆจะตื่น ครีดที่นอนข้างๆก็พลอยตื่นแล้วเดินตามมาด้วย เฟฟนิลที่มาตามดูง่วงเหงาคงอยู่เฝ้ายามเกือบทั้งคืน ผิดกับครีดที่ร่าเริงเหมือนทุกครั้งไม่มีท่าทีหวาดกลัวหรือซึมเศร้าเลย จนอดคิดไม่ได้ว่ามันคงเป็นมังกรรบเหมือนมังกรดำอื่นๆไม่ได้แน่
“อาจารย์เรนฟอร์ดต้องการให้เป็นการประชุมที่ไกลหูไกลตานักเรียนคนอื่นสักหน่อยจึงต้องปลุกแต่เช้าอย่างนี้” เฟฟนิลหาวหวอดขยี้ผมดำที่ยุ่งเหยิงพิกล ดาริอุสหาวตามต่อคิดว่าไปล้างหน้าแล้วให้ครีดงับมือสักหนสองหนคงตื่นเต็มตา
“แกไม่ง่วงบ้างหรือครีด” ดาริอุสมองครีดที่กระโดดขึ้นบันไดแคบๆของห้องใต้ดิน
ด้านนอกยังมีแสงสลัวๆแต่พอมองเห็นได้ว่ามีมังกรและสัตว์วิเศษอีกสองสามตัวเดินตรวจรอบๆเขตสนามสอบ
“ขอไปพักสักงีบนะ” เฟฟนิลส่งดาริอุสที่กองไฟกองใหญ่ที่สุด แล้วเปลี่ยนร่างเป็นมังกรดำไปสมทบกับกลุ่มมังกรที่หลับอยู่ในป้อมดินชั่วคราวที่อาจารย์คัลวินเสกขึ้นมา ดาริอุสแอบนั่งข้างๆเพื่อให้ได้ยินด้วยแต่ถูกอาจารย์คัลวินลากตัวเข้ามานั่งฟังใกล้ๆจะได้ผิงไฟไปในตัว
เขานั่งตัวลีบฟังอาจารย์เรนฟอร์ดและอาจารย์คัลวินพูดถึงหนทางแก้ไข จากการทดลองของเฟฟนิลเมื่อวานนี้อาจารย์ทั้งสองจึงยอมรับว่าเฮเลนเก่งขึ้นและมีพลังมากขึ้นกว่าที่พวกเขาคิดจริงๆ
ชื่อดาริอุสถูกยกมาพูดเมื่ออาจารย์ใหญ่บอกว่าเขาควรออกไปนอกโรงเรียนชั่วคราวเพื่อป้องกันตัวเขาเอง และเฮเลนจะได้ไม่สามารถกลืนพลังของเขาได้ทันที
“แล้วจะให้เขาอยู่ที่ไหน ขนาดซัลแฟลร์นางยังแอบไปพาตัวเขามาได้” อาจารย์เรนฟอร์ดจิบน้ำบางอย่างที่ส่งกลิ่นเหม็นเขียวแปลกๆ “ข้าอยากทดลองอะไรสักอย่าง ตอนนี้เรามีครีด ไม่เหมือนกับตอนนั้น” อาจารย์ลูบหัวครีดที่เดินไปอ้อนและงับมือของอาจารย์ทุกคนจนครบ
“มันมีนิสัยอย่างนี้เองขอรับ ขออภัยด้วย” ดาริอุสขอโทษอาจารย์ใหญ่ที่คลำมือด้วยความเจ็บ
“ข้าคิดว่าจะให้ครีดทำลายเขตอาคมของนางแล้วใช้อาวุธเทพทั้งสองชิ้นแทงหัวใจนางพร้อมกัน”
อาจารย์เรนฟอร์ดทำให้ดาริอุสสะดุ้งโหยง แค่คืนเดียวพวกอาจารย์ก็หาวิธีทำลายหัวใจของเฮเลนได้แล้วหรือ หัวสมองที่ชาตื้อของเขาเร่งคิดเลือกหาวิธีอย่างบ้าคลั่ง อาจารย์คนอื่นๆก็เห็นดีด้วยเพราะไม่มีความคิดที่ดีกว่านี้อีกแล้ว
ดาริอุสมองเห็นอาจารย์อเล็กซานเดรียก็คิดว่าหากอาจารย์แต่งงานคงต้องลาออกไปเป็นแม่บ้านทำให้ไม่ยอมแต่งงานกับอาจารย์เรนฟอร์ด ไม่ทันคิดเสร็จเขาก็มองเห็นทางเลือกที่สามได้ทันที ทางเลือกที่ไม่ต้องให้เขาไปเป็นทาสของเฮเลนและเขาไม่ต้องทำร้ายนาง เหมือนกับที่อาจารย์อเล็กซานเดรียและอาจารย์เรนฟอร์ดกำลังทำอยู่
“แต่เคียวแห่งเอเรสนี่สิ” อาจารย์หญิงขมวดคิ้วมองมาทางลูกของเพื่อนเก่า “ข้าไม่อยากเห็นเด็กน้อยคนนี้ถูกแช่แข็งไปเปล่าๆ” ดาริอุสนึกไม่ออกว่าเคียวแห่งเอเรสหนึ่งในอาวุธเทพของอาจารย์ไอริสมีพลังอย่างไรแต่มันต้องร้ายกาจมากแน่
“เดี๋ยวเรียกเสือน้ำแข็งหรือเทพธิดาน้ำแข็งออกมาถือให้ก็ได้ เวลาใช้ก็แค่รับมาเท่านั้น” อาจารย์เรนฟอร์ดเสริมหน้าตาย
“เดี๋ยวก่อนขอรับ ข...ข้ามีความคิดดีๆขอรับ” ดาริอุสพูดติดๆขัดๆเมื่อสายตาของอาจารย์ทุกคนจ้องมองมาที่เขา แม้แต่ครีดก็พาลหันมามองด้วยแววตาสงสัยไปด้วย “แค่ให้ข้าไปคุยกับนางก็พอขอรับ”
ตอนแรกดาริอุสก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ได้เล่าสิ่งที่คิดอยู่ให้เหล่าอาจารย์ฟัง ว่าถ้าเฮเลนไม่ทำร้ายเขาและอาจารย์เรนฟอร์ดบางทีนางอาจไม่อยากทำร้ายใครจริงๆก็ได้
“ให้อาจารย์เรนฟอร์ดกับครีดไปด้วยก็ได้ขอรับ ถ้านางไม่ยอมรับข้อเสนอของข้าก็ใช้ครีดกับดาบสลายเวทจัดการ” ดาริอุสตอบอย่างมุ่งมั่น อาจารย์อเล็กซานเดรียดีดนิ้วอุทานว่าลืมดาบสลายเวทไปได้อย่างไร...
เมื่อดวงตะวันเลื่อนพ้นเหลี่ยมเขาได้เล็กน้อยอาจารย์เรนฟอร์ดและดาริอุสก็ทำตามแผนทันที เขาตื่นเต้นเมื่ออาจารย์บอกว่าจะใช้ดาบแห่งเฟรเซียเปิดทางเพราะเหล่าอสุรกายที่ปิดล้อมสนามสอบอยู่คงไม่ยอมให้ผ่านง่ายๆแน่ หากพวกเขาสามารถเดินไปอยู่นอกสนามสอบได้โดยไม่ถูกทำร้ายก็แสดงว่าสิ่งที่ดาริอุสคิดนั้นถูกต้อง นางไม่ได้อยากทำร้ายใครจริงๆ
อาจารย์เรนฟอร์ดถอนหายใจแล้ววาดดาบเห่งเฟรเซียเบาๆ ไฟที่ลุกปกคลุมคมดาบพุ่งออกไปหากำแพงอสูรราวกับมีเวทมนตร์ ไม่ถึงอึดใจเปลวไฟเล็กๆที่ลุกติดตัวอสูรตนหนึ่งก็ลุกไหม้กลายเป็นทะเลเพลิงในพริบตา เมื่ออาจารย์ตวัดดาบลงอีกครั้งเปลวไฟหย่อมตรงกลางพลันหายไปเกิดทางเดินโล่งที่มีเปลวไฟเป็นกำแพง เหล่าอสูรที่คิดเข้ามาปิดช่องว่างต่างถูกแผดเผามอดไหม้เป็นจุล
“เหม็นหน่อยนะ” อาจารย์เรนฟอร์ดย่นจมูกเดินนำหน้าเข้าไปในเส้นทางที่ถูกเปิดด้วยเปลวเพลิง “หากจะทดสอบสมมุติฐานของเธอมีแต่ต้องเดินไปเท่านั้น”
ดาริอุสคิดว่าอาจารย์พูดเล่นแต่พอเดินเข้าไปในเขตเปลวไฟก็ต้องเบ้หน้าเพราะกลิ่นเหม็นไหม้คลุ้งราวกับกำลังอยู่ในป่าใหญ่ที่ลุกไหม้
บางจุดมีกลิ่นยางไหม้บางจุดมีแค่กลิ่นไหม้ธรรมดาโชยมา เขาคิดว่ากลิ่นส่วนหนึ่งอาจมาจากเหล่าอสุรกายกลุ่มแรกที่ถูกเผาไป แต่อีกส่วนหนึ่งมาจากซากศพของเหล่าอสุรกายที่พยายามเข้ามาปิดช่องว่างของเปลวเพลิง
เขาพยายามอดทนและกลั้นลมหายใจเป็นครั้งคราว พยายามคิดว่าโชคดีแล้วที่ไม่ร้อนทั้งที่มีเปลวไฟขนาบข้างอยู่จริงๆ อาจารย์เรนฟอร์ดก็เร่งเดินจนเขาลังเลว่าอาจารย์ควบคุมกำแพงไฟได้อีกไม่นานหรือทนเหม็นไม่ไหวกันแน่ แม้แต่ครีดยังบินล่วงหน้าไปด้วยความที่ทนกลิ่นไม่ไหว
ในที่สุดพวกเขาก็หลุดพันจากนรกกลิ่นเหม็นไหม้เมื่อมาถึงอาคารหลัก ดาริอุสคิดถูกและอาจารย์ก็ทำถูกที่เชื่อเขา กำแพงไฟหายไปเมื่ออาจารย์เรนฟอร์ดตวัดดาบ เหล่าอสุรกายที่ยังเหลืออยู่ต่างรีบร้อนวิ่งเข้ามาปิดเส้นทางทันทีราวกับเป็นคำสั่งสำคัญ อาจารย์สบถเมื่อได้ยินเสียงระเบิดและเสียงกรีดร้องมาทางสนามสอบ
“มีแต่ต้องรีบแล้วตอนนี้” อาจารย์มีเดียเรียกไคมีร่าของตนออกมา
ไม่ว่าดาริอุสจะเห็นกี่ครั้งก็ยังแปลกใจว่าอาจารย์เอาลักษณะไหนใส่ให้มันบ้างถึงได้ออกมาเป็นกริฟฟินที่มีปีกมังกรและมีหัวมังกรอีกสองหัวงอกออกจากโคนปีก ส่วนหางของมันก็เป็นมังกร ยังไม่ทันคิดเสร็จอาจารย์ก็กระโดดขึ้นหลังไคมีร่าแล้วบินเข้าไปในอาคารหลักทันที เขาก็กระโดดขึ้นหลังครีดแล้วให้มันบินตามไปด้วยความเร็วสูงสุด
ดาริอุสใจหายใจคว่ำหลายหนเมื่อครีดบินเฉี่ยวแงะประตูห้องเรียนออกมาทิ้งไว้บนทางเดินด้วยอุ้งเท้าแกร่งของมัน อย่างน้อยมันก็ไม่หลงทางเพราะตามไคมีร่าไปติดๆ จนกระทั่งถึงห้องอาจารย์ใหญ่ไคมีร่าที่อยู่ข้างหน้าก็พุ่งหลาวลงไปในช่องลับ
ครีดน้อยก็พุ่งลงไปบ้างทำให้ดาริอุสเกือบหัวใจวายเสียเดี๋ยวนั้น
“เดี๋ยวก่อนเฮเลน ข้าแค่อยากคุยด้วย” ดาริอุสร้องเมื่อมีเหล่าอสุรกายปรากฏตัวขึ้นจากพื้นห้อง เขาต้องการคุยกับนางไม่ใช่คุยกับเหล่าอสุรกายพวกนี้ “ดูสิข้าไม่มีเคียวแห่งเอเรสติดมาสักหน่อย”
เหล่าอสุรกายหายวับไปราวกับเป็นแค่ภาพลวงตา เกิดแสงสว่างวาบขึ้นเบื้องหน้าดาริอุสและอาจารย์เรนฟอร์ด เฮเลนในร่างผู้ใหญ่มองเขาทั้งคู่ด้วยแววตาสงสัยปนระแวงที่ไม่มีอาวุธสังหารอีกชิ้นติดมาด้วย
“ข้ามีข้อต่อรองให้เจ้าเฮเลน ถ้าตกลงเจ้าก็รอด ถ้าไม่ รับรองได้ว่าครีดกับอาจารย์เรนฟอร์ดจะทำลายหัวใจของเจ้าในพริบตาเดียว” ดาริอุสทำให้เฮเลนผงะเพราะไม่คิดว่าเขาจะต่อรองเอาดื้อๆแบบนี้
ครีดตัวน้อยคำรามเบาๆด้วยเพื่อย้ำคำของเจ้าของ
“ก่อนที่เราจะทำการต่อรองข้าอยากถามเจ้าสักครั้งเฮเลน ข้าอยากรู้ใจจริงของเจ้า” ดาริอุสจ้องนางอสูรอย่างแน่วแน่จนนางเปลี่ยนร่างเป็นเด็กเหมือนกับที่เขารู้จัก “หากเจ้ากลืนพลังของข้าได้เจ้าจะทำอะไรต่อ และเจ้าคิดว่าข้าคือเพื่อนจริงหรือเปล่า”
“ทุกคนย่อมไฝ่หาอิสระแม้ข้าก็ไม่มีข้อยกเว้น ไม่มีใครชอบถูกพันธนาการหรอก” เฮเลนตอบเสียงเศร้า
“เรื่องนั้นเราเข้าใจได้” ดาริอุสตอบก่อนอาจารย์เรนฟอร์ด
“แล้วสำหรับข้าเจ้าเป็นมากกว่าเพื่อนเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นนิสัยหรือน้ำเสียงเจ้าเหมือนกับเขาทุกอย่าง ข้าอยากอยู่ใกล้เจ้าเพราะรู้สึกเหมือนกับอยู่ใกล้ๆกับคนที่ข้ารัก เหมือนกับสมัยก่อน เป็นความคิดที่บ้ามากใช่ไหม” เฮเลนพูดเบาๆ ดาริอุสไม่รู้ว่านางเล่นละครหรือเปล่าแต่ตอนนี้เขาเชื่อใจนาง
“ถ้าอย่างนั้นเรามาตกลงกันดีกว่า เจ้าคิดว่าข้าคือคนสำคัญ ส่วนข้าก็คิดว่าเจ้าคือเพื่อนรักอีกคน ต่างฝ่ายต่างไม่อยากทำร้ายอีกฝ่าย คงไม่มีทางที่ดีกว่านี้” ดาริอุสก้าวออกมาข้างหน้า อาจารย์เรนฟอร์ดกับครีดนิ่งเงียบราวกับกลืนเข้ากับอากาศธาตุฉะนั้น
“เจ้าจะหยุดทุกอย่างอยู่แค่นี้ได้ไหม ให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม อย่างไรเจ้าก็ยังออกไปคุยกับข้าได้ เราสามคนไปหาอะไรกินด้วยกัน พอถึงเวลาสอบก็ช่วยบอกคำตอบให้ข้าบ้าง” ดาริอุสทำให้อาจารย์เรนฟอร์ดกระแอมเบาๆ
ดาริอุสกับเฮเลนจ้องตากันราวกับกำลังอ่านความคิดของอีกฝ่าย เขาไม่มีความรู้สึกกลัวแม้แต่นิดเมื่อเทียบกับตอนที่พบกับเวเบอร์ในมิติปีศาจ เฮเลนหัวเราะเบาๆแล้วยื่นมือมาจับกับมือของเขาราวกับตอบรับข้อตกลง...
เวลาผ่านไปจนกระทั่งสุดปลายเทอมแรก
“ตอนนั้นข้าเสียดายจริงๆที่หมอนั่นเรียกกบทะเลทรายออกมา ข้ากลัวกบที่สุดเพราะมันเคยกระโดดเข้ามาในปากข้าตอนเล่นน้ำเมื่อยังเป็นเด็ก พอเห็นมันชัดๆข้าก็ตะโกนดังจนไม่อยากเชื่อแล้ววิ่งไปชนไคมีร่าของตัวเอง มันโดนเหยียบครีบจึงเผลอใช้หางฟาดข้าตกเวทีสลบไปพักหนึ่ง แพ้โดยไม่ทันสู้ ทำได้แค่รอบแปดคนสุดท้ายเท่านั้นเอง”
ดาริอุสทำหน้าเหม็นเบื่อละเลงทาน้ำมันลงบนหลังของครีดอยู่ในโรงมังกร ข้างหน้าของเขามีกระจกน้ำแข็งบานใหญ่ฉายภาพดรากานกำลังกุมท้องเพราะพยายามกลั้นหัวเราะจนตัวงอ ไม่ว่าใครที่ฟังเรื่องที่เขาแพ้ในงานประลองระหว่างโรงเรียนก็ต่างพากันหัวร่องอหายกันทั้งนั้นแม้แต่คาร์ลที่กลัวหนอนตัวเล็กๆก็ตาม ล่าสุดแม้แต่อาจารย์เรนฟอร์ดที่ไม่ค่อยพูดยังเผลอหลุดหัวเราะออกมาเลยด้วยซ้ำ
“ข้าขอโทษ” ดรากานปาดน้ำตา
ดาริอุสบอกว่าไม่ว่าใครก็หัวเราะด้วยกันทั้งนั้น
“มาได้ครึ่งทางก็ถือว่าเยี่ยมแล้ว ต่อไปก็ฝึกไคมีร่าของเจ้าให้กินกบเป็นอาหารสิ พอคู่ต่อสู้เรียกกบออกมาไคมีร่าของเจ้าจะได้เข้าไปเล่นงานจนหายไปเจ้าจะได้ไม่ต้องเจอมันอีก”
ดาริอุสร้องเบาๆเพราะคิดไปไม่ถึงขั้นนั้น แต่ต้องขอบคุณดรากานที่ตอนนั้นช่วยเตือนสติไม่ให้ทำร้ายเพื่อนรักอย่างเฮเลน ตอนนี้นางไม่ถูกควบคุมพฤติกรรมโดยอาจารย์ใหญ่แต่ยังคงเป็นวิญญาณประจำโรงเรียนอยู่เพราะเริ่มชอบงานดูแลเด็กนักเรียนเสียแล้ว
ตอนนั้นดาริอุสตกลงกับอาจารย์ใหญ่ก่อนที่จะไปตกลงกับเฮเลนจึงได้อภิสิทธิ์เหนือนักเรียนคนอื่นๆ หากเขาทำคะแนนสอบปลายปีได้มากกว่าสองในสาม และเรียนจนจบหลักสูตรของทั้งสามสาขาได้จะได้ทำงานในโรงเรียนในฐานะผู้ช่วยสอนเหมือนกับเฟฟนิล
ในระหว่างนั้นเขาก็จะเป็นเพื่อนกับเฮเลนและทำตัวเหมือนกับแฟนหนุ่มของนางไปจนกว่าพลังเวทของนางจะหมดหรือจนกว่าเขาจะตายไปจากโลกนี้
ด้วยวิธีนี้ดาริอุสก็จะได้ทำงานและใช้ชีวิตอย่างผู้วิเศษจริงๆและเฮเลนก็จะได้อยู่ใกล้ๆเขาตลอดตามที่ต้องการ แถมเหล่าอาจารย์ยังไม่ต้องหัวเสียกับการควบคุมเนางด้วยเวทมนตร์ชั้นสูงอีกด้วย
“จริงสิ เพราะชิ้นส่วนหัวใจของเพื่อนเจ้าทำให้ทางข้าวุ่นวายพอดู เวเบอร์ใช้พลังเวทผ่านทางเหล่าขุนพลปีศาจเพื่อบังคับเหล่าปีศาจจำนวนมหาศาลให้บุกโจมตีเมืองใหญ่ ข้าเล่าไปหรือยังว่าพวกข้าต่อกรกับปีศาจนับแสนระหว่างที่รอกำลังเสริม ในระหว่างนั้นสหายของข้าก็เข้าต่อสู้กับขุนพลปีศาจเพื่อทำลายการควบคุม ไลล่าสู้กับเวเบอร์ได้อย่างสูสีเลยเพราะซีซาร์กลายเป็นเกราะให้...” แล้วดรากานก็เล่าเรื่องนี้ให้ฟังเป็นครั้งที่สาม
“เวเบอร์เป็นพวกปีศาจจริงหรือขอรับ” ดาริอุสยกปีกครีดเพื่อทาน้ำมันส่วนข้อพับปีก จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าเวเบอร์เป็นคนเลวจริงหรือไม่
“เจ้านั่นเป็นพวกนกสองหัว” ดรากานมองซ้ายมองขวากระซิบกับดาริอุสราวกับเป็นความลับสุดยอด “พอนายของเขามาเข้ากับข้าก็เปลี่ยนข้างมาอยู่ด้วยทันที แต่ข้าคิดว่าเขามาเป็นพวกเดียวกันเพราะไลล่ามากกว่า”
(มีต่อ)
โรงเรียนอสูรโคลโบลท์ ตอนจบ
“อาจารย์เรนฟอร์ดต้องการให้เป็นการประชุมที่ไกลหูไกลตานักเรียนคนอื่นสักหน่อยจึงต้องปลุกแต่เช้าอย่างนี้” เฟฟนิลหาวหวอดขยี้ผมดำที่ยุ่งเหยิงพิกล ดาริอุสหาวตามต่อคิดว่าไปล้างหน้าแล้วให้ครีดงับมือสักหนสองหนคงตื่นเต็มตา
“แกไม่ง่วงบ้างหรือครีด” ดาริอุสมองครีดที่กระโดดขึ้นบันไดแคบๆของห้องใต้ดิน
ด้านนอกยังมีแสงสลัวๆแต่พอมองเห็นได้ว่ามีมังกรและสัตว์วิเศษอีกสองสามตัวเดินตรวจรอบๆเขตสนามสอบ
“ขอไปพักสักงีบนะ” เฟฟนิลส่งดาริอุสที่กองไฟกองใหญ่ที่สุด แล้วเปลี่ยนร่างเป็นมังกรดำไปสมทบกับกลุ่มมังกรที่หลับอยู่ในป้อมดินชั่วคราวที่อาจารย์คัลวินเสกขึ้นมา ดาริอุสแอบนั่งข้างๆเพื่อให้ได้ยินด้วยแต่ถูกอาจารย์คัลวินลากตัวเข้ามานั่งฟังใกล้ๆจะได้ผิงไฟไปในตัว
เขานั่งตัวลีบฟังอาจารย์เรนฟอร์ดและอาจารย์คัลวินพูดถึงหนทางแก้ไข จากการทดลองของเฟฟนิลเมื่อวานนี้อาจารย์ทั้งสองจึงยอมรับว่าเฮเลนเก่งขึ้นและมีพลังมากขึ้นกว่าที่พวกเขาคิดจริงๆ
ชื่อดาริอุสถูกยกมาพูดเมื่ออาจารย์ใหญ่บอกว่าเขาควรออกไปนอกโรงเรียนชั่วคราวเพื่อป้องกันตัวเขาเอง และเฮเลนจะได้ไม่สามารถกลืนพลังของเขาได้ทันที
“แล้วจะให้เขาอยู่ที่ไหน ขนาดซัลแฟลร์นางยังแอบไปพาตัวเขามาได้” อาจารย์เรนฟอร์ดจิบน้ำบางอย่างที่ส่งกลิ่นเหม็นเขียวแปลกๆ “ข้าอยากทดลองอะไรสักอย่าง ตอนนี้เรามีครีด ไม่เหมือนกับตอนนั้น” อาจารย์ลูบหัวครีดที่เดินไปอ้อนและงับมือของอาจารย์ทุกคนจนครบ
“มันมีนิสัยอย่างนี้เองขอรับ ขออภัยด้วย” ดาริอุสขอโทษอาจารย์ใหญ่ที่คลำมือด้วยความเจ็บ
“ข้าคิดว่าจะให้ครีดทำลายเขตอาคมของนางแล้วใช้อาวุธเทพทั้งสองชิ้นแทงหัวใจนางพร้อมกัน”
อาจารย์เรนฟอร์ดทำให้ดาริอุสสะดุ้งโหยง แค่คืนเดียวพวกอาจารย์ก็หาวิธีทำลายหัวใจของเฮเลนได้แล้วหรือ หัวสมองที่ชาตื้อของเขาเร่งคิดเลือกหาวิธีอย่างบ้าคลั่ง อาจารย์คนอื่นๆก็เห็นดีด้วยเพราะไม่มีความคิดที่ดีกว่านี้อีกแล้ว
ดาริอุสมองเห็นอาจารย์อเล็กซานเดรียก็คิดว่าหากอาจารย์แต่งงานคงต้องลาออกไปเป็นแม่บ้านทำให้ไม่ยอมแต่งงานกับอาจารย์เรนฟอร์ด ไม่ทันคิดเสร็จเขาก็มองเห็นทางเลือกที่สามได้ทันที ทางเลือกที่ไม่ต้องให้เขาไปเป็นทาสของเฮเลนและเขาไม่ต้องทำร้ายนาง เหมือนกับที่อาจารย์อเล็กซานเดรียและอาจารย์เรนฟอร์ดกำลังทำอยู่
“แต่เคียวแห่งเอเรสนี่สิ” อาจารย์หญิงขมวดคิ้วมองมาทางลูกของเพื่อนเก่า “ข้าไม่อยากเห็นเด็กน้อยคนนี้ถูกแช่แข็งไปเปล่าๆ” ดาริอุสนึกไม่ออกว่าเคียวแห่งเอเรสหนึ่งในอาวุธเทพของอาจารย์ไอริสมีพลังอย่างไรแต่มันต้องร้ายกาจมากแน่
“เดี๋ยวเรียกเสือน้ำแข็งหรือเทพธิดาน้ำแข็งออกมาถือให้ก็ได้ เวลาใช้ก็แค่รับมาเท่านั้น” อาจารย์เรนฟอร์ดเสริมหน้าตาย
“เดี๋ยวก่อนขอรับ ข...ข้ามีความคิดดีๆขอรับ” ดาริอุสพูดติดๆขัดๆเมื่อสายตาของอาจารย์ทุกคนจ้องมองมาที่เขา แม้แต่ครีดก็พาลหันมามองด้วยแววตาสงสัยไปด้วย “แค่ให้ข้าไปคุยกับนางก็พอขอรับ”
ตอนแรกดาริอุสก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ได้เล่าสิ่งที่คิดอยู่ให้เหล่าอาจารย์ฟัง ว่าถ้าเฮเลนไม่ทำร้ายเขาและอาจารย์เรนฟอร์ดบางทีนางอาจไม่อยากทำร้ายใครจริงๆก็ได้
“ให้อาจารย์เรนฟอร์ดกับครีดไปด้วยก็ได้ขอรับ ถ้านางไม่ยอมรับข้อเสนอของข้าก็ใช้ครีดกับดาบสลายเวทจัดการ” ดาริอุสตอบอย่างมุ่งมั่น อาจารย์อเล็กซานเดรียดีดนิ้วอุทานว่าลืมดาบสลายเวทไปได้อย่างไร...
เมื่อดวงตะวันเลื่อนพ้นเหลี่ยมเขาได้เล็กน้อยอาจารย์เรนฟอร์ดและดาริอุสก็ทำตามแผนทันที เขาตื่นเต้นเมื่ออาจารย์บอกว่าจะใช้ดาบแห่งเฟรเซียเปิดทางเพราะเหล่าอสุรกายที่ปิดล้อมสนามสอบอยู่คงไม่ยอมให้ผ่านง่ายๆแน่ หากพวกเขาสามารถเดินไปอยู่นอกสนามสอบได้โดยไม่ถูกทำร้ายก็แสดงว่าสิ่งที่ดาริอุสคิดนั้นถูกต้อง นางไม่ได้อยากทำร้ายใครจริงๆ
อาจารย์เรนฟอร์ดถอนหายใจแล้ววาดดาบเห่งเฟรเซียเบาๆ ไฟที่ลุกปกคลุมคมดาบพุ่งออกไปหากำแพงอสูรราวกับมีเวทมนตร์ ไม่ถึงอึดใจเปลวไฟเล็กๆที่ลุกติดตัวอสูรตนหนึ่งก็ลุกไหม้กลายเป็นทะเลเพลิงในพริบตา เมื่ออาจารย์ตวัดดาบลงอีกครั้งเปลวไฟหย่อมตรงกลางพลันหายไปเกิดทางเดินโล่งที่มีเปลวไฟเป็นกำแพง เหล่าอสูรที่คิดเข้ามาปิดช่องว่างต่างถูกแผดเผามอดไหม้เป็นจุล
“เหม็นหน่อยนะ” อาจารย์เรนฟอร์ดย่นจมูกเดินนำหน้าเข้าไปในเส้นทางที่ถูกเปิดด้วยเปลวเพลิง “หากจะทดสอบสมมุติฐานของเธอมีแต่ต้องเดินไปเท่านั้น”
ดาริอุสคิดว่าอาจารย์พูดเล่นแต่พอเดินเข้าไปในเขตเปลวไฟก็ต้องเบ้หน้าเพราะกลิ่นเหม็นไหม้คลุ้งราวกับกำลังอยู่ในป่าใหญ่ที่ลุกไหม้
บางจุดมีกลิ่นยางไหม้บางจุดมีแค่กลิ่นไหม้ธรรมดาโชยมา เขาคิดว่ากลิ่นส่วนหนึ่งอาจมาจากเหล่าอสุรกายกลุ่มแรกที่ถูกเผาไป แต่อีกส่วนหนึ่งมาจากซากศพของเหล่าอสุรกายที่พยายามเข้ามาปิดช่องว่างของเปลวเพลิง
เขาพยายามอดทนและกลั้นลมหายใจเป็นครั้งคราว พยายามคิดว่าโชคดีแล้วที่ไม่ร้อนทั้งที่มีเปลวไฟขนาบข้างอยู่จริงๆ อาจารย์เรนฟอร์ดก็เร่งเดินจนเขาลังเลว่าอาจารย์ควบคุมกำแพงไฟได้อีกไม่นานหรือทนเหม็นไม่ไหวกันแน่ แม้แต่ครีดยังบินล่วงหน้าไปด้วยความที่ทนกลิ่นไม่ไหว
ในที่สุดพวกเขาก็หลุดพันจากนรกกลิ่นเหม็นไหม้เมื่อมาถึงอาคารหลัก ดาริอุสคิดถูกและอาจารย์ก็ทำถูกที่เชื่อเขา กำแพงไฟหายไปเมื่ออาจารย์เรนฟอร์ดตวัดดาบ เหล่าอสุรกายที่ยังเหลืออยู่ต่างรีบร้อนวิ่งเข้ามาปิดเส้นทางทันทีราวกับเป็นคำสั่งสำคัญ อาจารย์สบถเมื่อได้ยินเสียงระเบิดและเสียงกรีดร้องมาทางสนามสอบ
“มีแต่ต้องรีบแล้วตอนนี้” อาจารย์มีเดียเรียกไคมีร่าของตนออกมา
ไม่ว่าดาริอุสจะเห็นกี่ครั้งก็ยังแปลกใจว่าอาจารย์เอาลักษณะไหนใส่ให้มันบ้างถึงได้ออกมาเป็นกริฟฟินที่มีปีกมังกรและมีหัวมังกรอีกสองหัวงอกออกจากโคนปีก ส่วนหางของมันก็เป็นมังกร ยังไม่ทันคิดเสร็จอาจารย์ก็กระโดดขึ้นหลังไคมีร่าแล้วบินเข้าไปในอาคารหลักทันที เขาก็กระโดดขึ้นหลังครีดแล้วให้มันบินตามไปด้วยความเร็วสูงสุด
ดาริอุสใจหายใจคว่ำหลายหนเมื่อครีดบินเฉี่ยวแงะประตูห้องเรียนออกมาทิ้งไว้บนทางเดินด้วยอุ้งเท้าแกร่งของมัน อย่างน้อยมันก็ไม่หลงทางเพราะตามไคมีร่าไปติดๆ จนกระทั่งถึงห้องอาจารย์ใหญ่ไคมีร่าที่อยู่ข้างหน้าก็พุ่งหลาวลงไปในช่องลับ
ครีดน้อยก็พุ่งลงไปบ้างทำให้ดาริอุสเกือบหัวใจวายเสียเดี๋ยวนั้น
“เดี๋ยวก่อนเฮเลน ข้าแค่อยากคุยด้วย” ดาริอุสร้องเมื่อมีเหล่าอสุรกายปรากฏตัวขึ้นจากพื้นห้อง เขาต้องการคุยกับนางไม่ใช่คุยกับเหล่าอสุรกายพวกนี้ “ดูสิข้าไม่มีเคียวแห่งเอเรสติดมาสักหน่อย”
เหล่าอสุรกายหายวับไปราวกับเป็นแค่ภาพลวงตา เกิดแสงสว่างวาบขึ้นเบื้องหน้าดาริอุสและอาจารย์เรนฟอร์ด เฮเลนในร่างผู้ใหญ่มองเขาทั้งคู่ด้วยแววตาสงสัยปนระแวงที่ไม่มีอาวุธสังหารอีกชิ้นติดมาด้วย
“ข้ามีข้อต่อรองให้เจ้าเฮเลน ถ้าตกลงเจ้าก็รอด ถ้าไม่ รับรองได้ว่าครีดกับอาจารย์เรนฟอร์ดจะทำลายหัวใจของเจ้าในพริบตาเดียว” ดาริอุสทำให้เฮเลนผงะเพราะไม่คิดว่าเขาจะต่อรองเอาดื้อๆแบบนี้
ครีดตัวน้อยคำรามเบาๆด้วยเพื่อย้ำคำของเจ้าของ
“ก่อนที่เราจะทำการต่อรองข้าอยากถามเจ้าสักครั้งเฮเลน ข้าอยากรู้ใจจริงของเจ้า” ดาริอุสจ้องนางอสูรอย่างแน่วแน่จนนางเปลี่ยนร่างเป็นเด็กเหมือนกับที่เขารู้จัก “หากเจ้ากลืนพลังของข้าได้เจ้าจะทำอะไรต่อ และเจ้าคิดว่าข้าคือเพื่อนจริงหรือเปล่า”
“ทุกคนย่อมไฝ่หาอิสระแม้ข้าก็ไม่มีข้อยกเว้น ไม่มีใครชอบถูกพันธนาการหรอก” เฮเลนตอบเสียงเศร้า
“เรื่องนั้นเราเข้าใจได้” ดาริอุสตอบก่อนอาจารย์เรนฟอร์ด
“แล้วสำหรับข้าเจ้าเป็นมากกว่าเพื่อนเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นนิสัยหรือน้ำเสียงเจ้าเหมือนกับเขาทุกอย่าง ข้าอยากอยู่ใกล้เจ้าเพราะรู้สึกเหมือนกับอยู่ใกล้ๆกับคนที่ข้ารัก เหมือนกับสมัยก่อน เป็นความคิดที่บ้ามากใช่ไหม” เฮเลนพูดเบาๆ ดาริอุสไม่รู้ว่านางเล่นละครหรือเปล่าแต่ตอนนี้เขาเชื่อใจนาง
“ถ้าอย่างนั้นเรามาตกลงกันดีกว่า เจ้าคิดว่าข้าคือคนสำคัญ ส่วนข้าก็คิดว่าเจ้าคือเพื่อนรักอีกคน ต่างฝ่ายต่างไม่อยากทำร้ายอีกฝ่าย คงไม่มีทางที่ดีกว่านี้” ดาริอุสก้าวออกมาข้างหน้า อาจารย์เรนฟอร์ดกับครีดนิ่งเงียบราวกับกลืนเข้ากับอากาศธาตุฉะนั้น
“เจ้าจะหยุดทุกอย่างอยู่แค่นี้ได้ไหม ให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม อย่างไรเจ้าก็ยังออกไปคุยกับข้าได้ เราสามคนไปหาอะไรกินด้วยกัน พอถึงเวลาสอบก็ช่วยบอกคำตอบให้ข้าบ้าง” ดาริอุสทำให้อาจารย์เรนฟอร์ดกระแอมเบาๆ
ดาริอุสกับเฮเลนจ้องตากันราวกับกำลังอ่านความคิดของอีกฝ่าย เขาไม่มีความรู้สึกกลัวแม้แต่นิดเมื่อเทียบกับตอนที่พบกับเวเบอร์ในมิติปีศาจ เฮเลนหัวเราะเบาๆแล้วยื่นมือมาจับกับมือของเขาราวกับตอบรับข้อตกลง...
เวลาผ่านไปจนกระทั่งสุดปลายเทอมแรก
“ตอนนั้นข้าเสียดายจริงๆที่หมอนั่นเรียกกบทะเลทรายออกมา ข้ากลัวกบที่สุดเพราะมันเคยกระโดดเข้ามาในปากข้าตอนเล่นน้ำเมื่อยังเป็นเด็ก พอเห็นมันชัดๆข้าก็ตะโกนดังจนไม่อยากเชื่อแล้ววิ่งไปชนไคมีร่าของตัวเอง มันโดนเหยียบครีบจึงเผลอใช้หางฟาดข้าตกเวทีสลบไปพักหนึ่ง แพ้โดยไม่ทันสู้ ทำได้แค่รอบแปดคนสุดท้ายเท่านั้นเอง”
ดาริอุสทำหน้าเหม็นเบื่อละเลงทาน้ำมันลงบนหลังของครีดอยู่ในโรงมังกร ข้างหน้าของเขามีกระจกน้ำแข็งบานใหญ่ฉายภาพดรากานกำลังกุมท้องเพราะพยายามกลั้นหัวเราะจนตัวงอ ไม่ว่าใครที่ฟังเรื่องที่เขาแพ้ในงานประลองระหว่างโรงเรียนก็ต่างพากันหัวร่องอหายกันทั้งนั้นแม้แต่คาร์ลที่กลัวหนอนตัวเล็กๆก็ตาม ล่าสุดแม้แต่อาจารย์เรนฟอร์ดที่ไม่ค่อยพูดยังเผลอหลุดหัวเราะออกมาเลยด้วยซ้ำ
“ข้าขอโทษ” ดรากานปาดน้ำตา
ดาริอุสบอกว่าไม่ว่าใครก็หัวเราะด้วยกันทั้งนั้น
“มาได้ครึ่งทางก็ถือว่าเยี่ยมแล้ว ต่อไปก็ฝึกไคมีร่าของเจ้าให้กินกบเป็นอาหารสิ พอคู่ต่อสู้เรียกกบออกมาไคมีร่าของเจ้าจะได้เข้าไปเล่นงานจนหายไปเจ้าจะได้ไม่ต้องเจอมันอีก”
ดาริอุสร้องเบาๆเพราะคิดไปไม่ถึงขั้นนั้น แต่ต้องขอบคุณดรากานที่ตอนนั้นช่วยเตือนสติไม่ให้ทำร้ายเพื่อนรักอย่างเฮเลน ตอนนี้นางไม่ถูกควบคุมพฤติกรรมโดยอาจารย์ใหญ่แต่ยังคงเป็นวิญญาณประจำโรงเรียนอยู่เพราะเริ่มชอบงานดูแลเด็กนักเรียนเสียแล้ว
ตอนนั้นดาริอุสตกลงกับอาจารย์ใหญ่ก่อนที่จะไปตกลงกับเฮเลนจึงได้อภิสิทธิ์เหนือนักเรียนคนอื่นๆ หากเขาทำคะแนนสอบปลายปีได้มากกว่าสองในสาม และเรียนจนจบหลักสูตรของทั้งสามสาขาได้จะได้ทำงานในโรงเรียนในฐานะผู้ช่วยสอนเหมือนกับเฟฟนิล
ในระหว่างนั้นเขาก็จะเป็นเพื่อนกับเฮเลนและทำตัวเหมือนกับแฟนหนุ่มของนางไปจนกว่าพลังเวทของนางจะหมดหรือจนกว่าเขาจะตายไปจากโลกนี้
ด้วยวิธีนี้ดาริอุสก็จะได้ทำงานและใช้ชีวิตอย่างผู้วิเศษจริงๆและเฮเลนก็จะได้อยู่ใกล้ๆเขาตลอดตามที่ต้องการ แถมเหล่าอาจารย์ยังไม่ต้องหัวเสียกับการควบคุมเนางด้วยเวทมนตร์ชั้นสูงอีกด้วย
“จริงสิ เพราะชิ้นส่วนหัวใจของเพื่อนเจ้าทำให้ทางข้าวุ่นวายพอดู เวเบอร์ใช้พลังเวทผ่านทางเหล่าขุนพลปีศาจเพื่อบังคับเหล่าปีศาจจำนวนมหาศาลให้บุกโจมตีเมืองใหญ่ ข้าเล่าไปหรือยังว่าพวกข้าต่อกรกับปีศาจนับแสนระหว่างที่รอกำลังเสริม ในระหว่างนั้นสหายของข้าก็เข้าต่อสู้กับขุนพลปีศาจเพื่อทำลายการควบคุม ไลล่าสู้กับเวเบอร์ได้อย่างสูสีเลยเพราะซีซาร์กลายเป็นเกราะให้...” แล้วดรากานก็เล่าเรื่องนี้ให้ฟังเป็นครั้งที่สาม
“เวเบอร์เป็นพวกปีศาจจริงหรือขอรับ” ดาริอุสยกปีกครีดเพื่อทาน้ำมันส่วนข้อพับปีก จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าเวเบอร์เป็นคนเลวจริงหรือไม่
“เจ้านั่นเป็นพวกนกสองหัว” ดรากานมองซ้ายมองขวากระซิบกับดาริอุสราวกับเป็นความลับสุดยอด “พอนายของเขามาเข้ากับข้าก็เปลี่ยนข้างมาอยู่ด้วยทันที แต่ข้าคิดว่าเขามาเป็นพวกเดียวกันเพราะไลล่ามากกว่า”
(มีต่อ)