นักรบจันทรา ตอนที่ 6

กระทู้สนทนา
ไบรอัน แบล็คสโตนต้องกล่าวว่าเป็นความผิดของเขาเองที่มัวแต่ยุ่งกับการจัดการท่านหญิงโรเซลลิน่า ทำให้สหายต้องถูกลากมาเกี่ยวด้วยจนไม่ทันสังเกตว่าฝ่ายปิศาจมีความเคลื่อนไหว ปิศาจของฝ่ายมืดระดับหัวหน้าตนหนึ่งนำขบวนกองทัพสัตว์ฝ่ายมืดเข้าโจมตีทางใต้ของทวีปใหญ่ แม้เขาจะใช้เวทเคลื่อนย้ายทันทีที่ได้ข่าวแต่ก็เกือบสายไป

    กองทัพของมนุษย์โดยการนำของอัศวินที่เขาคัดเลือกเองกำลังตั้งรับเปล่าสัตว์ร้ายพันธุ์ต่างๆที่ถือกำเนิดจากความมืด ถามกองหลังได้ความว่า ทัพปิศาจเข้าจู่โจมทันทีที่อัศวินส่งข่าวไปยังเมืองข้างเคียงและผู้กล้าแสงตะวัน

    “คราวนี้ถือเป็นกรณีฉุกเฉินดาริอุส เราจะไปช่วยที่กลางวงล้อมเลย แสดงฝีมือดาบของเจ้าให้ข้าเห็นด้วยการคุ้มกันที่ยอดเยี่ยม หลังจากนั้นเราค่อยแบ่งเงินทุนที่ได้รับมาจากท่านหญิงโรเซลฯกัน”

    ผู้กล้าแสงตะวันไล่ลูกจ้างให้โยนสัมภาระไปกองข้างกระโจมหลังหนึ่งก่อนใช้มนตร์เคลื่อนย้ายเพื่อนช่วยเหล่ามนุษย์ที่กำลังล่าถอย พวกเขาโผล่อยู่กลางอากาศพอดีกับแท่นดินใหญ่งอกขึ้นมารองรับ ดาริอุสกระชับดาบในมือเตรียมป้องกันนายจ้าง

    ภาพด้านล่างคือนรกแดงฉาน เลือดของสัตว์อสูรและมนุษย์เจิ่งนองเป็นทุ่งดอกไม้สีแดงสด ไบรอันเริ่มงานของเขาทันที อย่างแรกที่ควรทำคือทำที่กั้นทั้งสองฝ่ายเอาไว้ ปักหลักเป็นกำแพงกั้น

    พลังเวทแห่งผืนปฐพีหลั่งไหลออกจากมือทั้งสองข้าง เสาดินขนาดสองคนโอบงอกเงยขึ้นเรียงกันสองฟาก ประหนึ่งจะกางกั้นกองทัพของมนุษย์และอมนุษย์ไว้ฉะนั้น เหล่าทหารเห็นว่าความช่วยเหลือมาถึงก็ใช้เสาดินเป็นจุดกำบังและหลบหลีก ฝ่ายปิศาจเห็นว่าผู้กล้าปรากฏตัวจึงแบ่งกำลังปีนเสาหินขึ้นมา ซึ่งเป็นหน้าที่ของดาริอุสที่จะกำจัดพวกนั้นก่อนถึงตัวผู้กล้า!

    “ความจริงไม่อยากใช้เจ้าตัวนี้เท่าไหร่นักหรอก แต่เพื่อเมืองของเอมี่ จะให้พวกนี้บุกเข้าไปไม่ได้” ผู้กล้าแสงตะวันถอนหายใจกับตัวเองแล้วดึงบางอย่างออกมาจากเข็มขัด ตรงจุดที่คนทั่วไปมักใช้คาดดาบ มันคือขลุ่ยผิวสีเงินบริสุทธิ์ สะท้อนแสงตะวันอย่างไม่แยแสต่อสภาพเบื้องล่างที่ชุลมุนดั่งนรกคลั่ง

    เสียงเพลงเปี่ยมล้นด้วยพลังเวทของไบรอันดังกังวานสั่งการผืนดินให้เคลื่อนตัว มังกรธาตุดินงอกร่างขึ้นจากผืนดินอันอุดมไปด้วยปิศาจ ร่างของมันแกร่งดุจหินผา ดวงตาสีดำเลื่อนลอย ไม่ว่าจะบินไปทางใดก็มีเข็มดินจำนวนมหาศาลงอกเงยขึ้นเสียบร่างที่หยั่งเท้าบนพื้นอย่างน่าอนาถ

    แล้วฝั่งมนุษย์ก็เป็นต่อ เหล่าปิศาจถูกล้อมด้วยกรงดินด้วยฝีมือของผู้กล้าแสงตะวัน!

    ขณะที่เหล่าสัตว์ปิศาจนอกเขตหนามดินถอยทัพ พลันมีบางสิ่งส่องประกายขาววาบพุ่งมาทางผู้กล้าที่มิอาจขยับตัวได้ หากดาริอุสโผเข้ามาปัดไว้ทัน มันคือดาบเล่มใหญ่หลายแฉกจากที่ใดไม่ทราบได้

    ไม่ทันให้สงสัยที่มาของดาบเล่มนั้น ตัวเจ้าของก็พุ่งเข้ามาดั่งมังกรทะยาน ดาริอุสไหวทันคว้าตัวนายจ้างหลบได้อย่างหวุดหวิด มังกรดินสลายร่างเป็นฝุ่นผงร่วงสู่พื้น เงาร่างสีดำยืนขึ้นอย่างผ่าเผยให้เห็นเกราะสีดำเลื่อมดั่งนิลกาฬ ผ้าคลุมไหล่ที่พลิ้วสะบัดคือดาบและกระบี่ที่ติดกันเป็นพืดดั่งแผ่นเหล็กสีขาวที่บิดงอได้เหมือนผ้า

    ผู้กล้าแสงตะวันถ่มดินออกจากปากแล้วลุกขึ้นในทันใด ดาริอุสก็เช่นกัน เหมือนจะปรับตัวกับสถานการณ์ฉุกละหุกได้อย่างรวดเร็ว ตามข้อมูลที่ได้รับมา หมอนี่อยู่ระดับหัวหน้าเทียบเคียงกับเวเบอร์ เป็นปิศาจอย่างแท้จริง

    นามนั้นคือ ชาโดว์สตีล! ปิศาจแห่งสรรพาวุธ!

    “มาทักทายตามธรรมเนียมก่อนดีไหมผู้กล้า” เสียงของชาโดว์สตีลนั้นแหบพร่าผิดจากสภาพที่สวมเกราะและหมวกเหล็กใหญ่โต “ท่านคงรู้ชื่อข้าแล้ว เพราะท่านมีสายอยู่ในหมู่พวกเรา”

    “แต่คงไม่รู้กระมังว่าเป็นใคร” ไบรอันยกมือห้ามดาริอุสที่เตรียมดาบเข้าต่อกร “รอก่อนดาริอุส รอจังหวะก่อน”

    “ที่จะมาคุยไม่ใช่เรื่องนั้น ข้าต้องการให้ท่านเปิดทางให้ข้าผู้กล้าแสงตะวัน” ปิศาจในเกราะเหล็กประนีประนอม “เพื่อยาตราทัพของข้าสู่ซีเนีย ทางเรารู้วิธีเข้าไปแล้ว...ท่านดัชเชลกล่าวว่า เราไม่ได้มีความบาดหมางโดยตรงกับผู้กล้าแสงตะวัน หากมีกับจักรวรรดิทั้งสองต่างหาก ดังนั้นโปรดหลีกทางให้เราด้วย”

    “ข้าถือคติไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน” ผู้กล้าแสงตะวันหมุนขลุ่ยผิวในมือรอส่งสัญญาณ “แต่ทางที่พวกเจ้าจะผ่านไปมีอดีตคนรักของข้าอยู่ ข้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่านางจะปลอดภัยจากการเดินทัพของพวกเจ้า”

    “อย่างที่เวเบอร์เตือนเลย ท่านไม่ได้ทำเพื่ออุดมการณ์หรือเพื่อโลก แต่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น”

    “ซึ่งมันสวนทางกับความเห็นของพวกเจ้า ช่วยเข้าใจข้าด้วยนะ” ผู้กล้ายิ้มเยาะ “แล้วเจ้าว่าอย่างไรดาริอุส ผู้กล้าควรทำเพื่อช่วยโลกหรือเพื่อความต้องการส่วนตัว”

    ดาริอุสผู้ถูกดึงเข้าสู่การสนทนานิ่งไปด้วยความประหลาดใจ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ว่า

    “หากการช่วยโลกคือความต้องการส่วนตัว ข้าเลือกความต้องการส่วนตัว!”

    ไม่ทันสิ้นเสียงร่างของดาริอุสและไบรอันก็ลอยขึ้นไปในอากาศ ก่อนที่บรรดามีดดาบจากผ้าคลุมจะพุ่งเข้าใส่เพียงเสี้ยววินาที ในพริบตาที่ผู้กล้าแสงตะวันคว้าตัวลูกน้องเอาไว้ ทั้งนี้เพื่อหลบดาบจากศัตรูเบื้องหน้า และเปิดโอกาสให้นางอัศวินมังกรไซเรน่าส่งกระสุนหอกเข้ามาแทรกกลางการสนทนา เป้าหมายคือศัตรูในเกราะดำ!

    “มาช่วยช้านะ” ไบรอันหันไปบอกหญิงสาวบนหลังมังกร นางอยู่ในชุดรบเต็มยศ กำลังเรียกหอกประจำตัวกลับสู่มือเพราะมันถูกปัดไปไม่ถึงตัวเป้าหมาย ท่าทางนางอิดโรยหากยังมีความแจ่มใสเหลือในดวงตาสีอำพัน

    นางอัศวินมังกรไซเรน่าจะบ่นกลับมาอย่างไรเขาไม่รู้ ผู้กล้าแสงตะวันยืดอกพูดกับศัตรูอย่างหน้าไม่อายว่าตอนนี้ตนมีกำลังเสริมแล้ว

    “ข้าไม่ใช่ผู้กล้าตามขนบ เรื่องสู้ตัวต่อตัวเจ้าอย่าฝันหวานไป” ไบรอันแยกเขี้ยวขู่ “พวกเราทั้งสามคนจะรุมเจ้าคนเดียวนี่ล่ะ”

    ไม่พูดเปล่า ผู้กล้าแสงตะวันใช้เวทมนตร์สั่งการอากาศธาตุให้ใบดาบของดาริอุสปกคลุมด้วยเปลวไฟ มืออีกข้างใช้เวทมนตร์กระตุ้นสายฟ้าในอากาศให้อาวุธของนางอัศวินมังกรดูดซับเอาไว้ เพื่อให้ทั้งคู่เข้าประจัญบานส่วนเขาจะช่วยจากทางด้านหลังด้วยเวทมนตร์

    “พอได้แล้วชาโดว์สตีล!” เสียงคำรามกึกก้องดั่งฟ้าถล่มหยุดการต่อสู้ทั้งเบื้องล่างและเบื้องบน

    เจ้าของเสียงคือเวเบอร์ เฟียร์เลส เขากำลังลอยอยู่กลางอากาศอย่างงามสง่า สีหน้ากราดเกรี้ยวหันมาทางเพื่อนปิศาจเกราะดำ ทั้งมนุษย์และปิศาจต่างตะลึงงันจนหยุดต่อสู้กัน

    “กล้ามากนะที่ขัดคำสั่งข้า! ยกกองทัพมาทางนี้โดยพลการ” คำพูดแต่ละคำของเวเบอร์แฝงพลังอำนาจจนพื้นดินสะเทือน ดั่งจะทลายขุนเขาได้ด้วยการคำรณในครั้งเดียว

    “ข้าไม่ใช่ลูกน้องของเจ้า!” ปิศาจเกราะดำตอบอย่างอหังการ

    “ไม่ใช่ลูกน้องแต่เป็นลูกไล่” เวเบอร์แฝงความขบขันในคำพูด “ข้าสามารถกลับไปตามพวกนั้นมากุดหัวเจ้าซ้ำอีกรอบได้นะ จะกลับไปกับข้าดีๆ หรืออยากรับมือกับผู้กล้าอีกคนหนึ่ง...ซึ่งผู้กล้าแสงตะวันคนนี้เทียบไม่ติดฝุ่น”

    แทนคำตอบ ผ้าคลุมสีดำติดอาวุธสะบัดปล่อยดาบสองเล่มออกมาปักฉึกเบื้องหน้าผู้กล้าแสงตะวันและผู้ติดตามเป็นการข่มขวัญ แล้วกลายเป็นกลุ่มก้อนสีดำหายไปในอากาศ ไบรอันถอนหายใจอย่างโล่งอก คลายเวทมนตร์ที่คลุมดาบและหอกของผู้ติดตามออก

    “วันนี้ขอตัวก่อนผู้กล้าแสงตะวัน” เวเบอร์ก้มหน้าพูดด้วยแววตาดูถูก ราวกับไม่ได้เจอกันมานานแล้ว “หากข้าเป็นท่านจะรีบไปเตรียมตัวที่เพียรซ์ แล้วเจอกัน”

    แล้วเวเบอร์ก็กลายเป็นกลุ่มแสงสีเหลืองทองพุ่งไปอีกฝั่งฟากฟ้า การต่อสู้ระหว่างทหารและปิศาจก็ใกล้จบแล้ว ผู้กล้าแสงตะวันทรุดลงนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน

    “โชคดีที่มันถอยกลับไปเอง ข้าไม่เหลือแรงสู้ต่อแล้ว” ไบรอัน แบล็คสโตนหอบหายใจ การใช้เวทมนตร์เคลื่อนย้ายกินพลังมาก แถมยังต้องควบคุมมังกรธาตุอีก หากศัตรูไม่ถอยเขาคงต้องเป็นฝ่ายถอยเสียเองแน่

    “ไซเรน่า ฝากต้อนปิศาจในกรงขังไปทางด้านตรงข้ามทีข้าจะเปิดทางให้มันหนี เจ้าก็นั่งพักก่อนดาริอุส เลือดโชกเลยนี่”

    “ทั้งเลือดข้าและเลือดพวกมันทั้งสองอย่างนั่นล่ะ” ท่านลูกจ้างนั่งพักแล้วถอนหายใจยาวเหยียด “โชคดีที่นางมาช่วยทัน ข้าคนเดียวไม่แน่ว่าจะเอาอยู่หรือเปล่า”

    “ต่อไปเจ้าต้องประเมินสถานการณ์ให้มากกว่านี้ และต้องแม่นยำในแผนการ” ผู้กล้ากล่าวลอยๆ “ที่สำคัญคือเจ้าต้องเชื่อใจพวกพ้อง จำคำข้าไว้นะ”

    “แล้วเราจะไปเพียรซ์กันต่อเลยไหม ท่านผู้กล้า”

    “เจ้าเห็นว่าข้ายังใช้มนตร์เคลื่อนย้ายไหวอีกหรือ! เดี๋ยวบอกให้ไซเรน่าพาข้าลงไปด้วย” ไบรอันตอบด้วยอารมณ์ฉิว...

    ภายหลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น เหล่าทหารที่บาดเจ็บถูกพาไปรักษาตัว ปิศาจที่เหลืออยู่หนีกระจัดกระจายในเมื่อขาดตัวหัวหน้าสั่งการ เหล่าแม่ทัพและผู้กล้าแสงตะวันได้รับสินน้ำใจจากพระราชาในฐานะที่ช่วยปกป้องเมืองเอาไว้ ไบรอันทิ้งดาริอุสเอาไว้ที่สถานพยาบาลเหล่าทหารแล้วแอบไปที่แห่งหนึ่ง แม้จะอยากลืมเท่าไรแต่เท้าและหัวใจมันนำทางไปเอง

    “ไม่เจอกันนานนะไบรอัน โทรมมาเชียว” หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเขากำลังหอบผ้ามัดใหญ่ร้องทัก ผู้กล้าแสงตะวันกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจที่มิอาจอยู่ใกล้ๆได้อีก

    “สบายดีแล้วใช่ไหมเอมิลี่” เขากำลังพบหน้าคนรักเก่า ความจริงต้องการแค่มาเห็นหน้า ไม่คิดว่าจะเจอกันแบบนี้ “เห็นว่าก่อนข้าเดินทางออกจากเมืองเจ้าไม่ค่อยสบายนี่นา”

    “ท่านพ่อบอกว่าเป็นคำสาปโบราณ แปลกดีที่มันเป็นเองหายเอง” หญิงสาวหัวเราะน้อยๆ ทำให้วันที่คุกกรุ่นด้วยแผนการและคาวเลือดของไบรอันกลายเป็นวันที่สดใสไปได้ เหมือนกับได้รับความชุ่มชื้นจากน้ำค้างยามเช้า

    ไม่มีคำสาปใดที่เป็นเองหายเองได้หรอกนะ ไบรอันคิดด้วยความเจ็บปวด

    “แต่หายดีแล้วใช่ไหม ไม่เป็นอะไรอีกแล้วนะ” ความห่วงใยไหลออกมาทางริมฝีปากอย่างช่วยไม่ได้ เขารักนางผู้นี้ เคยรัก แต่ตอนนี้คงรักไม่ได้อีกแล้ว

    “กลับเป็นปกติแล้ว” หญิงสาวพยักหน้าแล้วชูนิ้วนางข้างซ้ายให้ดูแหวนวงหนึ่ง “หลังจากนั้นท่านพ่อก็ให้ข้าหมั้นกับลูกชายเศรษฐี ไม่ถามข้าสักคำว่ารอท่านกลับมาหรือเปล่า”

    ข้านี่ล่ะที่เป็นคนบอกให้พ่อเจ้าจับคลุมถุงชนเอง ไบรอันกลืนคำพูดนี้ลงไปทั้งน้ำตา

    “ดีแล้ว” ผู้กล้าแสงตะวันแสร้งขยี้ตา ทำเป็นพิงกำแพงเพราะแทบหมดแรงยืน “อยู่กับคนอื่นดีกว่าอยู่กับคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างข้า”

    “แล้วท่านมาทำอะไรที่นี่หรือ ท่าทางอย่างกับไปสู้กับอะไรมาอย่างนั้น หรือจะเกี่ยวกับสงครามที่ชายแดน!”

    “ก็มีธุระนิดหน่อย แวะมาทัก คนรักของข้ามาตามแล้ว” ไบรอันปดเมื่อเห็นมังกรของไซเรน่าบินมาลงเทียบ “หลังจากนี้ขอให้โชคดีนะเอมิลี่ แล้วสักวันคงได้เจอกันอีก” ผู้กล้าแสงตะวันโผเผขึ้นหลังมังกรคู่กับไซเรน่าที่ไม่เข้าใจสถานการณ์เท่าไรนัก

    “คนรู้จักหรือไบรอัน” ไซเรน่าโยนสายคล้องบังเหียนกันตกให้

    “ฝากไบรอันด้วยนะ บางเวลาเขาเป็นเจ้าบื้อน่ะ ต้องฝึกเขาให้เชื่องรู้ไหม” คนรักเก่าของไบรอันร้องทักไซเรน่าที่ยังทำตัวไม่ถูก “แล้วจะส่งข่าวไปบอกวันแต่งงานนะไบรอัน” หญิงสาวโบกมืออย่างร่าเริง

    ผู้กล้าสะท้อนเฮือกด้วยความเจ็บปวดยิ่งกว่าโดนดาบแทง เขากล่าวลาหญิงสาวแล้วเร่งไซเรน่าให้รีบเอามังกรขึ้นบิน

    “คนรู้จักหรือ” นางอัศวินมังกรถามซ้ำ “แล้วจะร้องไห้ทำไมล่ะนั่น”

    “หุบปากแล้วพากลับเร็วๆ มีธุระอะไรจึงมาตาม รู้อยู่ว่าข้าไม่ไปไหนไกลหรอก” ไบรอันเช็ดน้ำตาอย่างเอาจริงเอาจัง อย่างน้อยนางก็มีความสุขเมื่อไม่มีเขา

    “ร้องไห้อย่างกับโดนสาวทิ้งอย่างนั้นล่ะ” นางอัศวินมังกรไม่วายล้อ

    ไม่รู้ว่านางพยายามปลอบใจเขาด้วยการสั่งให้มังกรบินตีลังกาผาดโผนหรือเปล่า กว่าจะถึงค่ายพักทหารไบรอันก็งอมเหมือนกล้วยแก่จัดอีกหน เดินหน้าเข้ากระโจมพักอย่างทุลักทุเล

    “มาแล้วนั่นไง ข้าบอกแล้วว่าท่านผู้กล้าแค่ออกไปสูดอากาศ” ดาริอุสกำลังคุยกับใครสักคนผ่านเวทติดต่อรูปวงกลม เมื่อมันหันมาอีกด้านจึงรู้ว่าอีกฝ่ายคือท่านหญิงโรเซลลิน่าเจ้าเก่า พระนางคงติดต่อหาเขาที่ค่ายแต่ไม่พบจึงพูดคุยกับดาริอุสแทน

(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่