หลังจากได้ฟังความจากเฮเลนแล้วคืนนั้นดาริอุสก็ฝันถึงห้องโถงใหญ่อีกครั้ง ร่างของดาริอุสแนบกำแพงเย็นเฉียบ ที่กลางห้อง เฮเลนในชุดสีขาวนั่งอย่างสั่นกลัวต่อเงาคนในแสงสลัวด้านหลัง แสงจากวงไสยเวทย์ไม่ช่วยให้เห็นมากขึ้นเลย สิ่งที่นางกลัวนั้นหนึ่งคือคนร่างสูง แล้วก็สัตว์อีกตัวหนึ่งที่ยืนเคียงข้าง ดูจากเงาตะคุ่มแล้วไม่น่าใช่ไคมีร่าของอาจารย์เรนฟอร์ด
“ถ้าเป็นแบบนี้ข้าก็ไม่ต้องกลัวเจ้าแล้วจริงไหม” เสียงทุ้มคุ้นหูแสดงอาการอวดเบ่งทำให้นางขวัญเสีย
“ข้าไม่ได้กลัวมัน แค่ไม่ชอบต่างหาก” เฮเลนพูดเสียงสั่น
“หากคราวหน้าเจ้ากล้าท้าทายพวกเราอีก ข้าจะพาเจ้าตัวนี้มาพบเจ้าอีกครั้งดีไหม เผื่อจะได้จำได้ว่าหน้าที่หลักของเจ้าคืออะไรเฮเลน”
นางกลางวงไสยเวทสีแดงสดพยักหน้าช้าๆ ดาริอุสคิดว่านางคงอยากให้เห็นสิ่งที่นางต้องแบกรับ คนที่มาข่มขู่คงเป็นหนึ่งในพวกอาจารย์กระมัง
“เข้าใจแล้ว เมตตาข้าด้วย”
“อย่ามาเล่นละคร!”
จากนั้นผู้ข่มขู่จะพูดอะไรต่อดาริอุสไม่ได้ยินอีกแล้ว รอบตัวไหววูบแล้วดับลงราวทุกสิ่งกลายเป็นความมืด แล้วกลับมารู้ตัวอยู่บนที่นอนเหมือนเดิม เขามองคาร์ลที่หลับสนิทอย่างมีความสุขแล้วแอบคิดว่าเหตุใดต้องเป็นเขาด้วย จากนั้นก็นอนต่อทั้งที่ยังมีเรื่องต้องคิดอีกมากมาย
ทั้งดาริอุสและคาร์ลยังไม่ปักใจเชื่อเฮเลนเสียทีเดียวเพราะตอนนี้มีเรื่องอื่นสำคัญกว่า สองวันถัดจากนั้นเขาได้รับมังกรดำคืนพร้อมตารางซ้อมจากอาจารย์บริดจ์แมนคนพี่ เขาจะต้องฝึกเบื้องต้นกับรุ่นพี่ในกลุ่มเดียวกันเป็นเวลาสองอาทิตย์ จากนั้นจึงฝึกจริงกับอาจารย์คัลวิน ซึ่งเฟฟนิลแอบกระซิบว่าอาจารย์คิดจะเคี่ยวเขาให้เก่งสุดกู่
เป็นปกติสำหรับเรื่องเล่าประเภทต่างๆทั้งปาฏิหาริย์และรักๆใคร่ๆ เรื่องของดาริอุสผู้ได้รับเลือกเป็นหนึ่งในนั้นร่วมกับเรื่องที่ว่าอาจารย์สองคนมีอะไรกันจนตั้งท้อง ซึ่งเขาต้องสาบานกับอาจารย์เรนฟอร์ดถึงสามครั้งว่าไม่ได้เป็นคนปูดเรื่อง ส่วนเรื่องที่เขาได้รับเลือกไปประลองโดยไม่มีการคัดตัวนั้น เขาโกหกไปว่าอาจารย์เลือกคนที่มีเวลาว่างมากที่สุดในชั้นปี เพื่อเวลาซ้อมจะได้ไม่ตีกับเวลาทำงาน
“เพราะเรียนรู้ได้ทั้งสามอย่างนี่เอง มิน่าตอนนั้นกระจกถึงเป็นสีดำ” รุ่นพี่หัวเกรียนคนที่ดาริอุสเจอตอนเข้ามาวันแรกเป็นผู้ช่วยฝึกใช้เวทมนตร์ เขาเป็นคนง่ายๆที่ยอมรับเรื่องแปลกประหลาดได้น่าตาเฉย เป็นผู้ไม่ชอบขยายข่าวและตกเป็นข่าวใดๆทั้งสิ้น
“แล้วเวทมนตร์เริ่มตรงไหนขอรับ เพื่อนข้าบอกว่าอันดับแรกคือนึกภาพให้ได้” ดาริอุสรับลูกแก้วที่มีสารเหลวข้นสีเงินอยู่ภายในมา มันใหญ่พอๆกับลูกมะพร้าวของทางใต้
“ใกล้เคียง หลักสำคัญของเวทมนตร์มีสามอย่าง สมาธิ เจตจำนง และพลังแฝง” รุ่นพี่หัวเกรียนอธิบายคร่าวๆ “สมาธิจะกำหนดขอบเขตพลัง เจตจำนงจะกำหนดบริบทของพลัง ส่วนพลังแฝงจะกำหนดปริมาณของพลัง...นี่เป็นของเล่นพื้นฐานของผู้ใช้เวทมนตร์ กำหนดใจให้มั่น บังคับของเหลวในลูกแก้วให้เป็นไปตามที่ต้องการ”
รุ่นพี่ลองทำให้ดูก่อนโดยใช้มือขวาสัมผัสผิวแก้ว สารสีเงินก่อตัวเป็นเปลวไฟลอยอยู่ติดกับส่วนที่นิ้วมือสัมผัส พอใช้มือซ้ายแตะก็มีบางส่วนแยกออกมาเป็นหยดน้ำลอยอยู่อีกด้านของลูกกลม ให้ดาริอุสบรรยายก็คงเหมือนวงแหวนเปิดมิติแบบที่พวกเขาลองใช้ครั้งแรก แค่เปลี่ยนจากจุดดำเป็นเจ้าของเหลวข้างในเท่านั้น
“ธาตุพื้นฐานคือ ดิน น้ำ ไฟ ทอง ไม้กับลมถือเป็นหนึ่งเดียว และธาตุใหญ่อีกสองคือแสงสว่างและความมืดแต่เราจะไม่ไปไกลถึงตรงนั้นหรอก” รุ่นพี่ปล่อยมือ เปลวไฟและหยดน้ำกลับเป็นสารสีเงินตามเดิม “เราต้องขอร้องและอ้อนวอนต่อธรรมชาติโดยใช้พลังแฝงของเราเป็นสื่อกลาง ลองสั่งให้หยดเงินในนั้นกลายเป็นน้ำเปล่าสิ ตั้งสติแล้วออกคำสั่งในหัว นึกภาพตามไปด้วย แล้วพลังแฝงจะเชื่อมต่อและทำงานเอง”
ดาริอุสลองเพ่งสมาธิแล้วออกคำสั่ง มันฟังดูบ้าๆแต่เขาพยายามนึกภาพอย่างที่คาร์ลบอก ของเหลวสีเงินในลูกแก้วค่อยๆใสขึ้นๆจนมีสภาพเหมือนน้ำเปล่า เมื่อหันไปสนใจความเปลี่ยนแปลงมันก็กลับเป็นสีเงินตามเดิม
“ทำได้ดีมาก อย่าใส่ใจความเปลี่ยนแปลง เพื่อนเจ้าใช้เวทมนตร์ได้ด้วยหรือ” รุ่นพี่ถาม
“แค่พื้นฐานขอรับ เขาอยู่สาขาผู้เรียกสัตว์ปิศาจเหมือนกันแต่ที่บ้านเขาเป็นผู้ใช้เวทมนตร์”
“อย่างนั้นพอแค่นี้เอาเจ้านี่กลับไปฝึกกับเพื่อนก็แล้วกัน อันดับแรกก็พื้นฐาน แล้วก็เริ่มใช้เวทมนตร์สร้างธาตุขึ้นมาจากอากาศรอบตัว เจ้าคงรู้ว่ารอบตัวเรามีธาตุอยู่ครบถ้วนแค่ต้องใช้พลังแฝงดึงออกมาเป็นรูปร่าง”
“แค่นี้หรือขอรับ” ดาริอุสประหลาดใจ นึกว่าจะให้ฝึกหนักกว่านี้เสียอีก
“ความจริงอาจารย์คัลวินบอกว่าให้ฝึกเจ้าชนิดวันเดียวใช้เวทมนตร์ธาตุพื้นฐานได้โดยไม่ต้องใช้ลูกกลมเลย ข้าว่ามันหนักไป สมัยเรียนปีแรกกว่าข้าจะทำได้จริงจังก็หลายวันอยู่”
“ขอบคุณขอรับ ข้าจะได้มีเวลาไปทำงานพิเศษก่อนทานอาหารกลางวัน เย็นนี้มีนัดกับอาจารย์อเล็กซานเดรียด้วย” ดาริอุสกล่าวขอบคุณรุ่นพี่อย่างสุภาพที่ช่วยไม่ให้เขาโดยอาจารย์คัลวินเคี่ยวจนเปื่อยไปเสียก่อน...
หลังคาบเรียนหลักการใช้อาวุธเวทซึ่งดาริอุสเป็นแกะสีน้ำตาลท่ามกลางเสื้อของนักเรียนสาขาผู้ใช้อาวุธเวท อาจารย์อเล็กซานเดรียก็บอกให้เขาอยู่รอจนนักเรียนคนอื่นออกไปจากบริเวณสนามส่วนนั้นหมดก่อน
“เดี๋ยวครูจะให้ยืมอาวุธที่ครูพบเจอระหว่างออกเดินทาง คงมีสักชิ้นสองชิ้นที่ยอมให้เธอเป็นผู้ใช้ได้” อาจารย์หญิงอธิบายอย่างเป็นกันเอง “ส่วนการฝึกใช้คงต้องฝากเฮเลน เพราะสภาพครูไม่เอื้ออำนวย”
“ก็บอกไปเลยสิว่ากำลังตั้งท้องอยู่ แพทย์สั่งห้ามออกแรงมากๆ” เฮเลนปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ นางกอดอกพูดเหน็บใส่อาจารย์หญิงอย่างไม่ใช่นิสัย “ข้าลดตัวลงมาเองคงไม่บ่นหรอกนะ”
“ข้าเพิ่งสังเกต เด็กคนนี้คล้ายเอริคสมัยก่อนมากเลยรู้ไหม...ข้าว่า เจ้าคงเปลี่ยนใจไปชอบผู้ชายเด็กกว่าแล้วกระมัง” อาจารย์หญิงไม่ยอมแพ้ ทั้งคู่ปล่อยรังสีที่ทำให้ดาริอุสอยากหนีกลับห้องเอาหัวซุกใต้หมอนโดยทันที
“ก็เจ้าแย่งของข้าไปแล้วนี่” เฮเลนเลิกคิ้ว
“เขาเป็นของข้ามาก่อนและยังเป็นอยู่ด้วย! แล้ววันนี้มาเพื่อยั่วประสาทข้าหรือ”
“ข้ามาทำหน้าที่แทนผู้หญิงไร้ยางอายที่ตั้งท้องก่อนแต่งต่างหาก อยู่ตระกูลสูงเสียเปล่า ทำตัว

”
ในพริบตาที่ประโยคสุดท้ายหลุดออกมาจากปากของเฮเลน ทั้งสี่ด้านรอบตัวพวกเขาก็กลายเป็นกลุ่มก้อนสีดำสนิทเหมือนวิชาเรียกสัตว์ปิศาจ เห็นได้ชัดเจนว่าอาจารย์หญิงพยายามระงับอารมณ์อย่างสุดขั้ว
“อย่างนั้นก็ดี...” อาจารย์อเล็กซานเดรียกัดฟันพูด ดาริอุสอยากหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้ “ครูจะเรียกออกมาเฉพาะอาวุธที่ยอมให้เธอใช้แสดงพลังนะเลวิส ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นนักใช้อาวุธเวท แต่เธอจะแสดงพลังได้เต็มที่และอาวุธยอมให้ใช้ได้ง่ายหากเป็นผู้ใช้อาวุธเวทเท่านั้นเอง”
วินาทีที่อาจารย์หญิงเอ่ยคำที่น่าจะเป็นการเรียกขานอาวุธหลายอย่างก็ลอยออกมาจากก้อนความมืดแทนที่จะเป็นสัตว์ปิศาจ มีดาบที่คล้ายกริชของดาริอุส โล่ไฟ สนับมือเหล็ก กระบองที่ดูน่ากลัวเล็กน้อย และเคียวน้ำแข็งด้ามยักษ์ที่แผ่รังสีความเย็นออกมาอย่างชัดเจน
ดาริอุสเหลียวหลังเพราะเฮเลนมีท่าทีเกรงกลัวเคียวเล่มนั้นอย่างเห็นได้ชัด อาจารย์หญิงยิ้มอย่างเยือกเย็นยกมือให้อาวุธทั้งหลายลอยกลับไป เหลือเพียงดาบที่ใบดาบแบ่งเป็นสองสีสัญลักษณ์ของไฟและน้ำแข็ง ความมืดรอบตัวก็หายไปด้วยพร้อมความหวาดกลัวของเฮเลน
“ไม่แค่ดวงตาเหมือนกัน อาวุธที่ยอมรับก็เหมือนกันด้วย แม้จะแค่ชิ้นเดียวก็เถอะ” อาจารย์หญิงกล่าวลอยๆ “เจ้าน่าจะเข้ากับชิ้นนี้มากกว่า ดาบทวิธาตุ คุณสมบัติเหมือนกริชทวิธาตุของเธอ แต่อันนี้เป็นของที่ทรงพลังและใช้งานได้จริง ของเล่นที่เธอได้ไปไม่ถึงครึ่งของเล่มนี้หรอก” อาจารย์หญิงบังคับให้ดาบลอยไปหาดาริอุส ด้ามเหล็กกล้าเย็นยะเยือกเหมือนเป็นคำทักทายคู่หูใหม่
“ครูให้ยืมใช้จนกว่าจะจบการประลอง จะได้มีเวลาซ้อมได้เต็มที่” อาจารย์หญิงกำชับ “หากทำพังหรือหายระวังหัวเธอจะหายไปด้วย เล่มนี้กว่าจะได้มาครูต้องสู้กับภูตแฝดเพลิงวารีเชียวนะ อย่างไรก็ดีกว่าเคียวเล่มนั้น ตอนแรกมันแทบแช่แข็งครูเสียแล้ว”
“เคียวอันนั้นหรือขอรับ” ดาริอุสนึกถึงเคียวใหญ่เล่มที่มีด้ามและใบมีดทำจากน้ำแข็ง ดูท่าทางจะเย็นจัดทีเดียว ไม่ผิดหากเฮเลนจะกลัวจนตัวสั่น
“มันคือเคียวแห่งเอเรสในตำนาน เป็นอาวุธประจำตัวของครูเอง” อาจารย์หญิงหัวเราะ “ตอนครูไปเข้าพิธีสร้างอาวุธประจำตัวมันปรากฏขึ้นมาเอง ของครูมีสามชิ้น กระบี่สลายเวท ดาบแห่งเฟรเซีย และเคียวแห่งเอเรสนี่ล่ะ”
“ครูต้องเปิดมิติแล้วเก็บอาวุธไว้เพราะมีมากเกินไป ที่เหลือฝากเฮเลนสอนด้วย ครูต้องกลับไปดูงานวิจัยก่อน” อาจารย์หญิงขอตัวกลับ “คราวหน้าถ้าปากเสียอีกโดนแน่เฮเลน” ก่อนไปอาจารย์คงลืมว่าดาริอุสอยู่ตรงนั้นด้วยจัดการเอาปูนยาหัวเฮเลนเสียเสร็จสรรพ
“ทีนี้ก็มีอาวุธแล้วนะ” เฮเลนพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ ดาริอุสเกรงว่านางหมายความว่าให้ใช้อาวุธชิ้นนี้ต่อกรกับเหล่าอาจารย์ “ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น มีเครื่องมือก็ดีกว่าเดิมไม่ใช่หรือ” นางรีบแก้ตัวจนผมเผ้ายุ่งเหยิง...
พอแก้ตัวเสร็จเฮเลนก็เริ่มอรรถาธิบายเกี่ยวกับอาวุธเวทมนตร์ในส่วนที่ดาริอุสไม่ใคร่เข้าใจนัก เนื่องจากไม่ได้เข้าเรียนช่วงต้นของการสอน เริ่มตรงที่ผู้ใช้อาวุธไม่ได้เลือกอาวุธแต่อาวุธเป็นผู้เลือกคนใช้เอง เมื่อผู้ใช้อาวุธเวทตายลงอาวุธประจำตัวจะอยู่ในสภาพจำศีลจนกว่าจะพบคนที่มันถูกใจและยอมให้ใช้งานเป็นเจ้าของคนต่อไป ดาริอุสลองใช้แส้สายฟ้าของเฮเลนบ้างปรากฏว่ามันไม่แสดงพลังอะไรออกมาเลย ผิดกับเฮเลนซึ่งใช้เผาหญ้าเป็นชื่อนางเพื่อความบันเทิง
“การใช้อาวุธเวทต่างกับวิชาอีกสองแขนงที่การควบคุมอาวุธเวทมนตร์ให้มันแสดงพลังออกมา อย่างเช่นแส้ของข้าสามารถปล่อยสายฟ้าออกมาได้ แต่ไม่เคยสงสัยบ้างหรือว่าถ้าผู้ใช้อาวุธเวทตายแล้วอาวุธเวทประจำตัวของเขาจะเป็นอย่างไร อาวุธเวททุกอย่างจะเลือกเจ้าของด้วยตัวของมันเอง เหมือนกับมังกรในแดนปีศาจที่รอคอยการเรียกออกมาใช้งานในมิตินี้
“หากเจ้าของอาวุธเวทตายมันจะรอคอยหรือไม่ก็ไปหาเจ้าของคนใหม่ที่มันยอมรับด้วยตัวของมันเอง อาวุธเวทหนึ่งชิ้นจะมีผู้ใช้ได้หลายคนในขณะนั้น ในทางกลับกันก็มีผู้ใช้อาวุธเวทอยู่เยอะที่ออกเดินทางตามหาอาวุธที่ถูกปิดผนึกและรอคอยเจ้าของอยู่ อันไหนที่ไม่ยอมรับตนเป็นเจ้าของก็เอามาขายเผื่อเจอคนที่อาวุธยอมรับ อันไหนที่ยอมรับตนก็เก็บไว้ใช้เอง
“มีบางครั้งที่อาวุธเวทยอมรับผู้ที่ไม่มีความสามารถด้านการใช้อาวุธเวท อย่างตอนที่พวกนางถูกจอมอสูรไล่ต้อน อเล็กซานเดรียได้เปิดมิติส่งอาวุธให้กับเอริคกับคาร์สันโดยออกคำสั่งให้อาวุธที่ยอมรับทั้งคู่เป็นเจ้าของเท่านั้นจึงจะออกไปได้ แล้วอาวุธที่ออกมาจากช่องมิติคืออาวุธในตำนานทำให้พลิกสถานการณ์ได้ เพราะนางใช้วิธีเปิดช่องมิติในการเก็บและเลือกใช้อาวุธเวทที่เหมาะกับสถานการณ์ คำว่าอัจฉริยะคงไม่ผิดไปมากนัก
“ในยุคนี้ผู้ใช้อาวุธเวทที่มีอาวุธในคลังหลากหลายที่สุดคืออาจารย์อเล็กซานเดรีย บริดจ์แมนคนนั้นล่ะ ก่อนหน้านางเป็นกษัตริย์ทางใต้” เฮเลนบรรยายคร่าวๆเกี่ยวกับผู้ใช้อาวุธเวท “บริดจ์แมนกันเรนฟอร์ดเป็นตระกูลใหญ่ในแคว้นทางตะวันออก เป็นผู้มีอันจะกินน่ะ พนันกันได้เลยว่าเรื่องใหญ่แน่หากข่าวเรื่องสองคนนั้นรั่วไปถึงหูคนใหญ่คนโต” นางหัวเราะลั่น
พอเสร็จจากภาคบรรยายก็เข้าภาคปฏิบัติ พอดีกับเหล่านักเรียนชั้นปีต่างๆที่เรียนเสร็จแล้วมาใช้สนามเพื่อออกกำลัง ดาริอุสจึงถือโอกาสเล่นสนุก สร้างกำแพงไฟและน้ำแข็งขึ้นมาจากดาบเล่มนั้น พลังของมันรุนแรงกว่ากริชของเขาหลายเท่าตัวทีเดียว ไม่ทันหายเห่ออาวุธใหม่คาร์ลที่มีเวลาว่างทั้งวันก็เดินมาสมทบ
“อย่าเอาไปเผาครีดอีกล่ะ” คาร์ลหัวเราะ เขาออกความเห็นว่าน่าจะฝึกเวทมนตร์เสียก่อนเพราะอาวุธเวทเป็นชนิดเดียวกับอาวุธประจำตัวของดาริอุส เพียงมีอานุภาพมากกว่าเท่านั้น เฮเลนจึงขอตัวกลับไปก่อน
“ข้าเป็นวิญญาณอารักษ์ของโรงเรียนนี่ จะให้มาจดจ่ออยู่ที่เดียวนานๆไม่ได้หรอก” ร่างของนางค่อยๆโปร่งใสขึ้นจนกลายเป็นอากาศธาตุ ดาริอุสกับคาร์ลมองตากันอย่างมีความหมาย
(มีต่อ)
โรงเรียนอสูรโคลโบลท์ ตอนที่ 7
“ถ้าเป็นแบบนี้ข้าก็ไม่ต้องกลัวเจ้าแล้วจริงไหม” เสียงทุ้มคุ้นหูแสดงอาการอวดเบ่งทำให้นางขวัญเสีย
“ข้าไม่ได้กลัวมัน แค่ไม่ชอบต่างหาก” เฮเลนพูดเสียงสั่น
“หากคราวหน้าเจ้ากล้าท้าทายพวกเราอีก ข้าจะพาเจ้าตัวนี้มาพบเจ้าอีกครั้งดีไหม เผื่อจะได้จำได้ว่าหน้าที่หลักของเจ้าคืออะไรเฮเลน”
นางกลางวงไสยเวทสีแดงสดพยักหน้าช้าๆ ดาริอุสคิดว่านางคงอยากให้เห็นสิ่งที่นางต้องแบกรับ คนที่มาข่มขู่คงเป็นหนึ่งในพวกอาจารย์กระมัง
“เข้าใจแล้ว เมตตาข้าด้วย”
“อย่ามาเล่นละคร!”
จากนั้นผู้ข่มขู่จะพูดอะไรต่อดาริอุสไม่ได้ยินอีกแล้ว รอบตัวไหววูบแล้วดับลงราวทุกสิ่งกลายเป็นความมืด แล้วกลับมารู้ตัวอยู่บนที่นอนเหมือนเดิม เขามองคาร์ลที่หลับสนิทอย่างมีความสุขแล้วแอบคิดว่าเหตุใดต้องเป็นเขาด้วย จากนั้นก็นอนต่อทั้งที่ยังมีเรื่องต้องคิดอีกมากมาย
ทั้งดาริอุสและคาร์ลยังไม่ปักใจเชื่อเฮเลนเสียทีเดียวเพราะตอนนี้มีเรื่องอื่นสำคัญกว่า สองวันถัดจากนั้นเขาได้รับมังกรดำคืนพร้อมตารางซ้อมจากอาจารย์บริดจ์แมนคนพี่ เขาจะต้องฝึกเบื้องต้นกับรุ่นพี่ในกลุ่มเดียวกันเป็นเวลาสองอาทิตย์ จากนั้นจึงฝึกจริงกับอาจารย์คัลวิน ซึ่งเฟฟนิลแอบกระซิบว่าอาจารย์คิดจะเคี่ยวเขาให้เก่งสุดกู่
เป็นปกติสำหรับเรื่องเล่าประเภทต่างๆทั้งปาฏิหาริย์และรักๆใคร่ๆ เรื่องของดาริอุสผู้ได้รับเลือกเป็นหนึ่งในนั้นร่วมกับเรื่องที่ว่าอาจารย์สองคนมีอะไรกันจนตั้งท้อง ซึ่งเขาต้องสาบานกับอาจารย์เรนฟอร์ดถึงสามครั้งว่าไม่ได้เป็นคนปูดเรื่อง ส่วนเรื่องที่เขาได้รับเลือกไปประลองโดยไม่มีการคัดตัวนั้น เขาโกหกไปว่าอาจารย์เลือกคนที่มีเวลาว่างมากที่สุดในชั้นปี เพื่อเวลาซ้อมจะได้ไม่ตีกับเวลาทำงาน
“เพราะเรียนรู้ได้ทั้งสามอย่างนี่เอง มิน่าตอนนั้นกระจกถึงเป็นสีดำ” รุ่นพี่หัวเกรียนคนที่ดาริอุสเจอตอนเข้ามาวันแรกเป็นผู้ช่วยฝึกใช้เวทมนตร์ เขาเป็นคนง่ายๆที่ยอมรับเรื่องแปลกประหลาดได้น่าตาเฉย เป็นผู้ไม่ชอบขยายข่าวและตกเป็นข่าวใดๆทั้งสิ้น
“แล้วเวทมนตร์เริ่มตรงไหนขอรับ เพื่อนข้าบอกว่าอันดับแรกคือนึกภาพให้ได้” ดาริอุสรับลูกแก้วที่มีสารเหลวข้นสีเงินอยู่ภายในมา มันใหญ่พอๆกับลูกมะพร้าวของทางใต้
“ใกล้เคียง หลักสำคัญของเวทมนตร์มีสามอย่าง สมาธิ เจตจำนง และพลังแฝง” รุ่นพี่หัวเกรียนอธิบายคร่าวๆ “สมาธิจะกำหนดขอบเขตพลัง เจตจำนงจะกำหนดบริบทของพลัง ส่วนพลังแฝงจะกำหนดปริมาณของพลัง...นี่เป็นของเล่นพื้นฐานของผู้ใช้เวทมนตร์ กำหนดใจให้มั่น บังคับของเหลวในลูกแก้วให้เป็นไปตามที่ต้องการ”
รุ่นพี่ลองทำให้ดูก่อนโดยใช้มือขวาสัมผัสผิวแก้ว สารสีเงินก่อตัวเป็นเปลวไฟลอยอยู่ติดกับส่วนที่นิ้วมือสัมผัส พอใช้มือซ้ายแตะก็มีบางส่วนแยกออกมาเป็นหยดน้ำลอยอยู่อีกด้านของลูกกลม ให้ดาริอุสบรรยายก็คงเหมือนวงแหวนเปิดมิติแบบที่พวกเขาลองใช้ครั้งแรก แค่เปลี่ยนจากจุดดำเป็นเจ้าของเหลวข้างในเท่านั้น
“ธาตุพื้นฐานคือ ดิน น้ำ ไฟ ทอง ไม้กับลมถือเป็นหนึ่งเดียว และธาตุใหญ่อีกสองคือแสงสว่างและความมืดแต่เราจะไม่ไปไกลถึงตรงนั้นหรอก” รุ่นพี่ปล่อยมือ เปลวไฟและหยดน้ำกลับเป็นสารสีเงินตามเดิม “เราต้องขอร้องและอ้อนวอนต่อธรรมชาติโดยใช้พลังแฝงของเราเป็นสื่อกลาง ลองสั่งให้หยดเงินในนั้นกลายเป็นน้ำเปล่าสิ ตั้งสติแล้วออกคำสั่งในหัว นึกภาพตามไปด้วย แล้วพลังแฝงจะเชื่อมต่อและทำงานเอง”
ดาริอุสลองเพ่งสมาธิแล้วออกคำสั่ง มันฟังดูบ้าๆแต่เขาพยายามนึกภาพอย่างที่คาร์ลบอก ของเหลวสีเงินในลูกแก้วค่อยๆใสขึ้นๆจนมีสภาพเหมือนน้ำเปล่า เมื่อหันไปสนใจความเปลี่ยนแปลงมันก็กลับเป็นสีเงินตามเดิม
“ทำได้ดีมาก อย่าใส่ใจความเปลี่ยนแปลง เพื่อนเจ้าใช้เวทมนตร์ได้ด้วยหรือ” รุ่นพี่ถาม
“แค่พื้นฐานขอรับ เขาอยู่สาขาผู้เรียกสัตว์ปิศาจเหมือนกันแต่ที่บ้านเขาเป็นผู้ใช้เวทมนตร์”
“อย่างนั้นพอแค่นี้เอาเจ้านี่กลับไปฝึกกับเพื่อนก็แล้วกัน อันดับแรกก็พื้นฐาน แล้วก็เริ่มใช้เวทมนตร์สร้างธาตุขึ้นมาจากอากาศรอบตัว เจ้าคงรู้ว่ารอบตัวเรามีธาตุอยู่ครบถ้วนแค่ต้องใช้พลังแฝงดึงออกมาเป็นรูปร่าง”
“แค่นี้หรือขอรับ” ดาริอุสประหลาดใจ นึกว่าจะให้ฝึกหนักกว่านี้เสียอีก
“ความจริงอาจารย์คัลวินบอกว่าให้ฝึกเจ้าชนิดวันเดียวใช้เวทมนตร์ธาตุพื้นฐานได้โดยไม่ต้องใช้ลูกกลมเลย ข้าว่ามันหนักไป สมัยเรียนปีแรกกว่าข้าจะทำได้จริงจังก็หลายวันอยู่”
“ขอบคุณขอรับ ข้าจะได้มีเวลาไปทำงานพิเศษก่อนทานอาหารกลางวัน เย็นนี้มีนัดกับอาจารย์อเล็กซานเดรียด้วย” ดาริอุสกล่าวขอบคุณรุ่นพี่อย่างสุภาพที่ช่วยไม่ให้เขาโดยอาจารย์คัลวินเคี่ยวจนเปื่อยไปเสียก่อน...
หลังคาบเรียนหลักการใช้อาวุธเวทซึ่งดาริอุสเป็นแกะสีน้ำตาลท่ามกลางเสื้อของนักเรียนสาขาผู้ใช้อาวุธเวท อาจารย์อเล็กซานเดรียก็บอกให้เขาอยู่รอจนนักเรียนคนอื่นออกไปจากบริเวณสนามส่วนนั้นหมดก่อน
“เดี๋ยวครูจะให้ยืมอาวุธที่ครูพบเจอระหว่างออกเดินทาง คงมีสักชิ้นสองชิ้นที่ยอมให้เธอเป็นผู้ใช้ได้” อาจารย์หญิงอธิบายอย่างเป็นกันเอง “ส่วนการฝึกใช้คงต้องฝากเฮเลน เพราะสภาพครูไม่เอื้ออำนวย”
“ก็บอกไปเลยสิว่ากำลังตั้งท้องอยู่ แพทย์สั่งห้ามออกแรงมากๆ” เฮเลนปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ นางกอดอกพูดเหน็บใส่อาจารย์หญิงอย่างไม่ใช่นิสัย “ข้าลดตัวลงมาเองคงไม่บ่นหรอกนะ”
“ข้าเพิ่งสังเกต เด็กคนนี้คล้ายเอริคสมัยก่อนมากเลยรู้ไหม...ข้าว่า เจ้าคงเปลี่ยนใจไปชอบผู้ชายเด็กกว่าแล้วกระมัง” อาจารย์หญิงไม่ยอมแพ้ ทั้งคู่ปล่อยรังสีที่ทำให้ดาริอุสอยากหนีกลับห้องเอาหัวซุกใต้หมอนโดยทันที
“ก็เจ้าแย่งของข้าไปแล้วนี่” เฮเลนเลิกคิ้ว
“เขาเป็นของข้ามาก่อนและยังเป็นอยู่ด้วย! แล้ววันนี้มาเพื่อยั่วประสาทข้าหรือ”
“ข้ามาทำหน้าที่แทนผู้หญิงไร้ยางอายที่ตั้งท้องก่อนแต่งต่างหาก อยู่ตระกูลสูงเสียเปล่า ทำตัว
ในพริบตาที่ประโยคสุดท้ายหลุดออกมาจากปากของเฮเลน ทั้งสี่ด้านรอบตัวพวกเขาก็กลายเป็นกลุ่มก้อนสีดำสนิทเหมือนวิชาเรียกสัตว์ปิศาจ เห็นได้ชัดเจนว่าอาจารย์หญิงพยายามระงับอารมณ์อย่างสุดขั้ว
“อย่างนั้นก็ดี...” อาจารย์อเล็กซานเดรียกัดฟันพูด ดาริอุสอยากหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้ “ครูจะเรียกออกมาเฉพาะอาวุธที่ยอมให้เธอใช้แสดงพลังนะเลวิส ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นนักใช้อาวุธเวท แต่เธอจะแสดงพลังได้เต็มที่และอาวุธยอมให้ใช้ได้ง่ายหากเป็นผู้ใช้อาวุธเวทเท่านั้นเอง”
วินาทีที่อาจารย์หญิงเอ่ยคำที่น่าจะเป็นการเรียกขานอาวุธหลายอย่างก็ลอยออกมาจากก้อนความมืดแทนที่จะเป็นสัตว์ปิศาจ มีดาบที่คล้ายกริชของดาริอุส โล่ไฟ สนับมือเหล็ก กระบองที่ดูน่ากลัวเล็กน้อย และเคียวน้ำแข็งด้ามยักษ์ที่แผ่รังสีความเย็นออกมาอย่างชัดเจน
ดาริอุสเหลียวหลังเพราะเฮเลนมีท่าทีเกรงกลัวเคียวเล่มนั้นอย่างเห็นได้ชัด อาจารย์หญิงยิ้มอย่างเยือกเย็นยกมือให้อาวุธทั้งหลายลอยกลับไป เหลือเพียงดาบที่ใบดาบแบ่งเป็นสองสีสัญลักษณ์ของไฟและน้ำแข็ง ความมืดรอบตัวก็หายไปด้วยพร้อมความหวาดกลัวของเฮเลน
“ไม่แค่ดวงตาเหมือนกัน อาวุธที่ยอมรับก็เหมือนกันด้วย แม้จะแค่ชิ้นเดียวก็เถอะ” อาจารย์หญิงกล่าวลอยๆ “เจ้าน่าจะเข้ากับชิ้นนี้มากกว่า ดาบทวิธาตุ คุณสมบัติเหมือนกริชทวิธาตุของเธอ แต่อันนี้เป็นของที่ทรงพลังและใช้งานได้จริง ของเล่นที่เธอได้ไปไม่ถึงครึ่งของเล่มนี้หรอก” อาจารย์หญิงบังคับให้ดาบลอยไปหาดาริอุส ด้ามเหล็กกล้าเย็นยะเยือกเหมือนเป็นคำทักทายคู่หูใหม่
“ครูให้ยืมใช้จนกว่าจะจบการประลอง จะได้มีเวลาซ้อมได้เต็มที่” อาจารย์หญิงกำชับ “หากทำพังหรือหายระวังหัวเธอจะหายไปด้วย เล่มนี้กว่าจะได้มาครูต้องสู้กับภูตแฝดเพลิงวารีเชียวนะ อย่างไรก็ดีกว่าเคียวเล่มนั้น ตอนแรกมันแทบแช่แข็งครูเสียแล้ว”
“เคียวอันนั้นหรือขอรับ” ดาริอุสนึกถึงเคียวใหญ่เล่มที่มีด้ามและใบมีดทำจากน้ำแข็ง ดูท่าทางจะเย็นจัดทีเดียว ไม่ผิดหากเฮเลนจะกลัวจนตัวสั่น
“มันคือเคียวแห่งเอเรสในตำนาน เป็นอาวุธประจำตัวของครูเอง” อาจารย์หญิงหัวเราะ “ตอนครูไปเข้าพิธีสร้างอาวุธประจำตัวมันปรากฏขึ้นมาเอง ของครูมีสามชิ้น กระบี่สลายเวท ดาบแห่งเฟรเซีย และเคียวแห่งเอเรสนี่ล่ะ”
“ครูต้องเปิดมิติแล้วเก็บอาวุธไว้เพราะมีมากเกินไป ที่เหลือฝากเฮเลนสอนด้วย ครูต้องกลับไปดูงานวิจัยก่อน” อาจารย์หญิงขอตัวกลับ “คราวหน้าถ้าปากเสียอีกโดนแน่เฮเลน” ก่อนไปอาจารย์คงลืมว่าดาริอุสอยู่ตรงนั้นด้วยจัดการเอาปูนยาหัวเฮเลนเสียเสร็จสรรพ
“ทีนี้ก็มีอาวุธแล้วนะ” เฮเลนพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ ดาริอุสเกรงว่านางหมายความว่าให้ใช้อาวุธชิ้นนี้ต่อกรกับเหล่าอาจารย์ “ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น มีเครื่องมือก็ดีกว่าเดิมไม่ใช่หรือ” นางรีบแก้ตัวจนผมเผ้ายุ่งเหยิง...
พอแก้ตัวเสร็จเฮเลนก็เริ่มอรรถาธิบายเกี่ยวกับอาวุธเวทมนตร์ในส่วนที่ดาริอุสไม่ใคร่เข้าใจนัก เนื่องจากไม่ได้เข้าเรียนช่วงต้นของการสอน เริ่มตรงที่ผู้ใช้อาวุธไม่ได้เลือกอาวุธแต่อาวุธเป็นผู้เลือกคนใช้เอง เมื่อผู้ใช้อาวุธเวทตายลงอาวุธประจำตัวจะอยู่ในสภาพจำศีลจนกว่าจะพบคนที่มันถูกใจและยอมให้ใช้งานเป็นเจ้าของคนต่อไป ดาริอุสลองใช้แส้สายฟ้าของเฮเลนบ้างปรากฏว่ามันไม่แสดงพลังอะไรออกมาเลย ผิดกับเฮเลนซึ่งใช้เผาหญ้าเป็นชื่อนางเพื่อความบันเทิง
“การใช้อาวุธเวทต่างกับวิชาอีกสองแขนงที่การควบคุมอาวุธเวทมนตร์ให้มันแสดงพลังออกมา อย่างเช่นแส้ของข้าสามารถปล่อยสายฟ้าออกมาได้ แต่ไม่เคยสงสัยบ้างหรือว่าถ้าผู้ใช้อาวุธเวทตายแล้วอาวุธเวทประจำตัวของเขาจะเป็นอย่างไร อาวุธเวททุกอย่างจะเลือกเจ้าของด้วยตัวของมันเอง เหมือนกับมังกรในแดนปีศาจที่รอคอยการเรียกออกมาใช้งานในมิตินี้
“หากเจ้าของอาวุธเวทตายมันจะรอคอยหรือไม่ก็ไปหาเจ้าของคนใหม่ที่มันยอมรับด้วยตัวของมันเอง อาวุธเวทหนึ่งชิ้นจะมีผู้ใช้ได้หลายคนในขณะนั้น ในทางกลับกันก็มีผู้ใช้อาวุธเวทอยู่เยอะที่ออกเดินทางตามหาอาวุธที่ถูกปิดผนึกและรอคอยเจ้าของอยู่ อันไหนที่ไม่ยอมรับตนเป็นเจ้าของก็เอามาขายเผื่อเจอคนที่อาวุธยอมรับ อันไหนที่ยอมรับตนก็เก็บไว้ใช้เอง
“มีบางครั้งที่อาวุธเวทยอมรับผู้ที่ไม่มีความสามารถด้านการใช้อาวุธเวท อย่างตอนที่พวกนางถูกจอมอสูรไล่ต้อน อเล็กซานเดรียได้เปิดมิติส่งอาวุธให้กับเอริคกับคาร์สันโดยออกคำสั่งให้อาวุธที่ยอมรับทั้งคู่เป็นเจ้าของเท่านั้นจึงจะออกไปได้ แล้วอาวุธที่ออกมาจากช่องมิติคืออาวุธในตำนานทำให้พลิกสถานการณ์ได้ เพราะนางใช้วิธีเปิดช่องมิติในการเก็บและเลือกใช้อาวุธเวทที่เหมาะกับสถานการณ์ คำว่าอัจฉริยะคงไม่ผิดไปมากนัก
“ในยุคนี้ผู้ใช้อาวุธเวทที่มีอาวุธในคลังหลากหลายที่สุดคืออาจารย์อเล็กซานเดรีย บริดจ์แมนคนนั้นล่ะ ก่อนหน้านางเป็นกษัตริย์ทางใต้” เฮเลนบรรยายคร่าวๆเกี่ยวกับผู้ใช้อาวุธเวท “บริดจ์แมนกันเรนฟอร์ดเป็นตระกูลใหญ่ในแคว้นทางตะวันออก เป็นผู้มีอันจะกินน่ะ พนันกันได้เลยว่าเรื่องใหญ่แน่หากข่าวเรื่องสองคนนั้นรั่วไปถึงหูคนใหญ่คนโต” นางหัวเราะลั่น
พอเสร็จจากภาคบรรยายก็เข้าภาคปฏิบัติ พอดีกับเหล่านักเรียนชั้นปีต่างๆที่เรียนเสร็จแล้วมาใช้สนามเพื่อออกกำลัง ดาริอุสจึงถือโอกาสเล่นสนุก สร้างกำแพงไฟและน้ำแข็งขึ้นมาจากดาบเล่มนั้น พลังของมันรุนแรงกว่ากริชของเขาหลายเท่าตัวทีเดียว ไม่ทันหายเห่ออาวุธใหม่คาร์ลที่มีเวลาว่างทั้งวันก็เดินมาสมทบ
“อย่าเอาไปเผาครีดอีกล่ะ” คาร์ลหัวเราะ เขาออกความเห็นว่าน่าจะฝึกเวทมนตร์เสียก่อนเพราะอาวุธเวทเป็นชนิดเดียวกับอาวุธประจำตัวของดาริอุส เพียงมีอานุภาพมากกว่าเท่านั้น เฮเลนจึงขอตัวกลับไปก่อน
“ข้าเป็นวิญญาณอารักษ์ของโรงเรียนนี่ จะให้มาจดจ่ออยู่ที่เดียวนานๆไม่ได้หรอก” ร่างของนางค่อยๆโปร่งใสขึ้นจนกลายเป็นอากาศธาตุ ดาริอุสกับคาร์ลมองตากันอย่างมีความหมาย
(มีต่อ)