" เริ่ม " เส้นบางๆที่คั่นระหว่างความสำเร็จ หรือ ล้มเหลว

ขอเกริ่นก่อนว่า ผมกำลังจะออกจากงานประจำ มาเปิดร้านขายขนมไทยเล็กๆ แต่ยังคิดไม่ตกว่าจะไปทางไหนต่อดี เลยอยากจะมาแบ่งปัน ให้อ่านกัน อย่างน้อยๆ เวลาผ่านไปเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไร จะมีกระทู้นี่แหละคอยเตือนใจตัวเอง ให้ ยอมรับผลของการตัดสินใจ

"การเริ่มคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะการไม่เริ่มคือความล้มเหลว"
     คือ ประโยคที่ผมได้ยินขณะนั่งทำงาน จึงได้รู้ว่า พี่ข้างๆกำลังดูรายการ human ride อยู่ และแล้ว ประโยคนี้ก็วนเวียนอยู่ในหัวผม ทั้งวัน และก็ได้ข้อสรุปว่า เราควรจะก้าวออกจากสิ่งที่พัธนาการเราอยู่ คือ ความกลัวที่จะเริ่ม
    ปัจจุบันตัวผมเองทำงาน ประจำ มา2 ที่ ที่แรกเป็น fore man คอยสอดส่องดูแลตามไซต์งานก่อสร้าง เช่นทำถนนในซอย เป็นต้น ทำได้อยู่สัก 6 7 เดือนก็มีความจำเป๋นที่ต้องย้านมาอยู่ จังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ ที่นี่ผมทำงานเป็น Graphic design บ. สิ่งพิมพ์ กินเงินเดือนที่ 2x,xxxx ด้วยความสามารถ ติดต่อลูกค้าชาวต่างชาติ รับงานหน้าร้าน กระจายงาน ตามงาน ออกบิล และ ออกแบบ 3D ต่างๆ (ออกแบบภายใน) แต่ด้วยปัญหาหลายๆอย่าง เช่น เงินเดือนได้ไม่ตรงบ้าง ผ่อนจ่ายบ้าง(กว่าจะครบก็วันที่20 ) หักประกันสังคมแล้วไม่ทำให้  โดนด่า แต่ก็สู้ทำมา 1 ปี
          ระหว่างที่ทำงานจากการที่ครอบครัวผมเป็นช่างทำขนมไทย และทำอาหารอร่อย ผมก็มีรับทำข้าวกล่องไปขายบ้าง
ตามออเด้อ โดนส่วนตัวแล้ว ผมเป็นคนชอบทำอาหาร คือได้เป็นลูกมือของแม่ และของคุณยาย ผมก็จะได้คลุกคลี กับการทำขนมไทยและเบเกอรี่ มาตั้งแต่เล็กๆ ทั้งการทำเม็ดขนุน หยอดทองหยอด จับจีบทองหยิบ โรยฝอยทอง นั่งหนมชั้น ผิงขนมหม้อแกง พอโตขึ้นมา ผมไม่เคยพลาดที่จะหยิบขนมที่บ้านติดไม่ติดมือไปฝากครูบ้าง เพื่อนบ้าง ทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันมาตลอดว่า อร่อยมาก และจะถามหาขนมบ้านผมอยู่เนืองๆ เนื่องจากที่บ้านค่อนข้างจะอินดี้ จะรับทำตามออเด้อเท่านั้น และถ้าคุณยายทำไม่ไหวก็ไม่ทำ (มีงี้ด้วย) แต่จากที่ผมชิมมา ขนมยาย มันก็อร่อยกว่าที่อื่นจริงๆ(ขอโทษด้วยนะครับอันนี้ คหสต) เพราะ ทุกครั้งที่เจอร้านขนมไทย ผมจะลองซื้อมากินเกือบทุกครั้ง เมื่อเร็วๆนี้ ก็มีออเด้อ ขนมเทียน 10000 ลูก
        ผมก็เลยหันมามองสิ่งที่ตัวเองมี คือ ต้นทุน ที่คนอื่นไม่มี คือวิชาการทำขนม ผมคิดแล้วคิดอีก คิดจนบางทีนอนไม่หลับ ว่า เห้ยเราจะปล่อยให้ ขนมไทยของยายเรา หายไปเฉยๆหรอ(วะ)
ไม่ได้การละต้องทำอะไรสักอย่าง (มีของดีอยู่กับตัว จะปล่อยใว้ทำไม) ผมได้แต่พูดกับตัวเอง ไปวันๆ เพราะความกลัวว่า ถ้าออกจากงานประจำแล้ว เจ๊งจะเอาอะไรกินวะ จนมาถึงวันนี้ ผมไม่ค่อยกลัวละ แต่ก็ยังมีหวั่นๆบ้านะครับ สิ่งที่ทำให้ผมคิดได้คือ Batman ตอน อยู่ในคุกที่เป็นหลุมๆ คงนึกกันออกไช่ไหมครับ
คือถ้าเรากลัวตาย มันก็จะมีแรงผลักดันให้เราสู้ เอาง้ายยยง่าย คือเดิมพันกันไปเลย ด้วยความที่ว่า อายุเรายังน้อง ภาระหนี้สินก็ไม่มี  มีแค่ค่าโทรศัพท์ เดือนละ 1600 ที่ผ่อนอยู่ อีก3 เดือนก็จะจบ เอาวะ ลองสักตั้ง เหนื่อยไม่กลัวอยู่แล้ว
           ตัวผมเองทำงานมาตั้งแต่เล็กๆ คือคุณพ่อผม เป็นชาวประมง มีเรือเป็นของตัวเอง  ตั้งแต่เด็กๆ ช่วงปิดเทอมก็จะได้ไปอยู่ระนอง ช่วยพ่อขายปลา (ไม่ถึงกับช่วยมาก ก็ไปเดินดูปลา) พอโตมาอีกหน่อย พ่อก็สวนว่า เราเป็นลูกเถ้าเก๋เรือ ถ้าลูกทำให้ลูกน้องเห็นว่าลูกเจ้านายยังทำ เขาจะได้มีกำลังใจ จากนั้นผมเลยได้ไป โยนถังปลาลงเรือ วันนึงก็ 1000 ถัง ได้ค่าขนมบ้างนิดหน่อย  โตมา เลยไม่ค่อยกลัวงานหนัก (แต่ก็มีขี้เกียจบ้าง)

***** ขอค้างใว้ตรงนี้ก่อนนะครับ ยังมีต่ออีก นิดหน่อย *****
ผมไม่ได้เข้า พันทิบ มานานมากแล้ว ลืมว่าลงรูปยังไงรบกวนพี่ๆแนะนำหน่อยครับ เผื่อพี่ๆอยากเห็นหน้าตาขนมที่บ้าน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่