กาลามสูตร --- ยึดไว้แค่เตือนใจหรือเพื่อสร้างความสับสนแก่ตนเอง

บุคคล 2 ประเภท

บุคคลคนที่หนึ่ง กอดกาลามสูตรไว้แน่น เอากาลามสูตรเป็นที่ตั้ง ไม่น้อมใจเชื่อในคำสอนง่ายๆ
สงสัยนั่นนี่อยู่ตลอดเวลา ไม่ยอมลงมือปฎิบัติ (เพราะไม่เชื่อ) จนในที่สุด
เมื่อตนเองพิสูจน์ไม่ได้ แต่ก็ทนไม่ได้ที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่ขัดกับความเห็นของตนเอง
ก็เลยบัญญัติธรรมมันมาขึ้นใหม่เสียเลย

บุคคลที่สองเลื่อมใสศรัทธาในคำสอน เชื่อมั่นในพระปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
หมั่นลงมือปฎิบัติตามคำสั่งสอนอย่างไม่หวาดหวั่น ไม่ลังเล ตั้งใจแสวงหาผล
จากการปฎิบัติที่ตนเองศรัทธา


ท่านทั้งหลาย บุคคลทั้งสองนี้ ใครพึงหวังความเจริญได้ ?

*******************************************************************************

บุคคลที่สองพึงหวังความเจริญได้ เพราะศรัทธาชื่อว่าเป็นกำลัง
เป็นสิ่งที่เกื้อหนุนสู่การบรรลุธรรม

ท่านทั้งหลาย บุคคลแรกหนักไปด้วยความสงสัย ตั้งตนไว้ไม่ถูก
เป็นผู้เตรียมพร้อมที่จะออกทะเลได้ทุกเมื่อ เพราะอะไร
เพราะแท้จริงแล้วกาลามสูตร พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ เพื่อเตือนสติชาวกาลามะ
เป็นพระสูตรที่ถูกจริตกับชาวกาลามะ ผู้ซึ่งพบเจอกับคำสอนมากมายจากลัทธิอื่น
เป็นพระสูตรเฉพาะ ไม่ได้เป็นพระสูตรที่เป็นของทั่วไป ไม่ได้เหมาะกับทุกคน
โดยเฉพาะคนที่มีศรัทธา ก็ไม่จำเป็นที่จะหยิบยกพระสูตรนี้ขึ้นมากล่าวให้เสียเวลา

------------------------------------------------------------------------------------------

เสมือนบุรุษหลงทางมา ต้องการถามทางจากผู้รู้
เมื่อผู้รู้บอกทางที่ถูก บุรุษนั้นเชื่อแล้วจึงดำเนินไปในทางนั้น ก็เป็นอันว่าจบ
ไม่จำเป็นที่ผู้รู้จะต้องมากล่าว กาลามสูตร เพื่อให้บุรุษเกิดความลังเลใจอีก

แต่เมื่อผู้รู้บอกทางที่ถูก แล้วบุรุษนั้นไม่เชื่อ
กาลามสูตรพึงเป็นสิ่งสุดท้ายที่เหนี่ยวรั้งเขาไว้

สรุปคือ เมื่อผู้รู้คาดหวังประโยชน์ให้เกิดขึ้นแก่บุรุษผู้หลงทางนั้น
กาลามสูตรไม่พึงนำมากล่าวเริ่ม ไม่พึงนำมากล่าวนำ
เพราะจะทำให้บุรุษคนนั้น เกิดความสงสัยโดยใช่เหตุ
(*ลบท่อนสุดท้ายเพราะอ่านดูแล้ว ไม่สอดคล้องครับ)

------------------------------------------------------------------------------------------

จริงอยู่ กาลามสูตรสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ในสถานการณ์ต่างๆ
แต่การจะเริ่มปฎิบัติ พึงปลุกศรัทธาให้เกิดก่อน พึงเชื่อมั่นให้ได้ก่อน
เพราะหากไม่มีศรัทธา ไม่มีความเชื่อมั่นในคำสั่งสอนแล้ว
สุดท้ายก็จะกลายเป็นคนที่คิดเล็กคิดน้อย จับผิดเล็กๆน้อยๆ
ไม่เว้นแม้แต่ภาษา ไวยกรณ์ จนบ่อนทำลายพระศาสนาโดยไม่รู้ตัว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่