"
ในทางปฏิบัติ ไม่ใช่ในทางความศรัทธาที่ต่างกันในด้านจิตวิญญาณ,ทุกๆศาสนามีคำสอนให้ทุกๆคนเป็นคนดี"
เมื่อสมัยผมเด็กๆ ในวันไหว้ครู จะมีบทสวดสรรเสริญ ครูบาอาจารย์อยู่บทหนึ่ง มี ประโยคที่ว่า;
"ธรรมะคือคุณากร" ซึ่งหมายความว่า "บ่อหรือที่รวมแห่งความดี, และหรือ "ผู้ประกอบด้วยความดีทั้งปวง"
ในทุกๆศาสนาสอนหลักธรรม ศีลธรรม, คุณธรรม และ จรรยาธรรม เพื่อที่จะ ให้มนุษย์ เป็น "ผู้ประกอบด้วยความดีทั้งปวง",
จึงจะเป็นผู้ที่มีความศรัทธาที่สามารถที่จะอยู่ร่วมกันได้ทุกๆสังคม ด้วยความเข้าใจกันและอยู่ร่วมสังคมเดียวกันอย่างสงบสุข
ดังนั้นการที่ผู้ต่างความศรัทธาจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบและนับถือซึ่งกันและกัน มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจหลักธรรม
ของกันและกัน ซึ่งบางครั้งอาจจะใช้เตือนสติกันได้อย่างมิตรภาพ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้"กาลามสูตร เป็นพระสูตรสำคัญสูตรหนึ่งในพระพุทธศาสนา ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ จากนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบัน แท้ที่จริง ในพระไตรปิฎกชื่อกาลามสูตรไม่ได้มีปรากฏอยู่ หากมีแต่ชื่อว่าเกสปุตตสูตร ทั้งนี้ก็เพราะว่า พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระสูตรนี้แก่ชาวกาลามะ ซึ่งอยู่ในเกสปุตตนิคม เพราะฉะนั้นจึงตั้งชื่อพระสูตรนี้ตามชื่อของนิคมนี้ว่าเกสปุตตสูตรแต่คนที่อยู่ในนิคมหรือ ตำบลนี้เป็นเชื้อสายหรือมีสกุลเดียวกัน คือ สกุลกาลามะเขาจึงเรียกประชาชนเหล่านี้ว่ากาลามชน ซึ่งมีโคตรอันเดียวกัน สกุลเดียวกัน คือ กาลามโคตร เพราะฉะนั้นเขาจึงเรียกพระสูตรนี้ว่า เกสปุตตสูตร แต่ชาวโลกทั่วไป มักจะเรียกพระสูตรนี้ว่า กาลามสูตร เพราะรู้สึกว่าจะเรียกได้ง่ายกว่า" จาก http://www.chatchawan.net/2014/02/kalama-sutta/
กาลามสูตรเป็นหลักธรรมที่ตรงกับหลักธรรมในศาสนาอิสลามเช่นกัน โดยสรุป หมายความว่า ก่อนที่เราจะเชื่อเรื่องราวอะไร ก็ตาม เราจะต้องไตร่ตรอง , สอบสวน ใช้ความพิจารณา ด้วย การฟัง, การเห็นด้วยตา,การใช้วาจาใต่ถามสอบสวนหาความจริงให้เข้าใจสาเหคุ,การใช้ ความคิด,อย่าเชื่อเพราะบุคลิกของผู้นำเรื่องราวเหล่านั้นมาบอกเรา ต้องใช้เหตุผลให้แน่ใจแล้วจึงเชื่อ แม้แต่ในเรื่องความศรัทธาก็ตาม
ศาสนาอิสลามสอนเรื่อง (กาลามสูตร)นี้อยู่ใน อัลกุรอานบทที่ 17
ซูเราะฮฺอัลอิสรออ์ (การเดินทางในเวลาราตรี) บัญญัติที่ 36 ซึ่งมีความว่า
وَلَا تَقْفُ مَا لَيْسَ لَكَ بِهِ عِلْمٌ ۚ إِنَّ السَّمْعَ وَالْبَصَرَ وَالْفُؤَادَ كُلُّ أُولَٰئِكَ كَانَ عَنْهُ مَسْئُولًا
And follow not that of which you have not the knowledge; surely the hearing and the sight and the heart,
all of these, shall be questioned about that.[Shakir 17:36]
หมายความว่า ก่อนที่เราจะเชื่อเรื่องราวอะไร ก็ตาม เราจะต้อง ไตร่ตรอง,สอบสวน ใช้ความพิจารณา ด้วย การฟัง, การเห็นด้วยตา,การใช้วาจาใต่ถามสอบสวนหาความจริงให้เข้าใจสาเหคุ,การใช้ ความคิด, อย่าเชื่อเพราะบุคลิกของผู้นำเรื่องราวเหล่านั้นมาบอกเรา ต้องใช้เหตุผลให้แน่ใจแล้วจึงเชื่อ แม้แต่ในเรื่องความศรัทธาก็ตาม, เราจะต้องนำอวัยวะซึ่งเป็นเครื่องมือในการสอบสวนที่พระเจ้าประทานให้เรามา นำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในเรื่องนี้
ในเรื่องความรู้เกี่ยวกับศาสนาอิสลามโดยเฉพาะหลักคำสอนในคัมภีร์นี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ ท่านสมาชิกพุทธศาสนิกชน จำเป็นจะต้องศึกษาและหาความเข้าใจที่ถูกต้องตามหลักธรรม "กาลามสูตร" ก่อนที่จะนำมากล่าวตำหนิศาสนาอิสลามในทาง Negative ตามเรื่องราวที่นักวิชาการชาวคริสเตียนบางท่าน นำมาเป็นบางส่วน หรือ เฉพาะส่วนที่สนองอารมณ์ของเขา เขียนโจมตีหลักการของ
อิสลาม และ คัมภีร์อัลกุรอาน ซึ่งมีข้อเขียนเหล่านี้อยู่มากตามเวบต่างๆ ในโลก Internet ทั้งในอดีตและปัจจุบัน
การทำความชั่วช้าของมุสลิม ISIS ไม่ได้เป็นผลของการสอนจากคัมภีร์อัลกุรอานของศาสนาอิสลาม มนุษย์ชั่วช้าเช่นนี้มีอยู่ในประวัติศาสตร์ เฃ่นกัน ซึ่งไม่เกี่ยวกับคำสอนที่เขา เหล่านั้นได้รับจากความศรัทธาใดๆตามที่ผมเข้าใจ
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงยังมีความเชื่อในคำกล่าวที่ว่า "คำสอนของทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดี ซึ่งยังคงเป็นความเป็นจริงอยู่คลอดเวลา"
ทุกๆศาสนามีคำสอนให้ทุกๆคนเป็นคนดี
ทุกๆศาสนามีคำสอนให้ทุกๆคนเป็นคนดี
"ธรรมะคือคุณากร" ซึ่งหมายความว่า "บ่อหรือที่รวมแห่งความดี, และหรือ "ผู้ประกอบด้วยความดีทั้งปวง"
ในทุกๆศาสนาสอนหลักธรรม ศีลธรรม, คุณธรรม และ จรรยาธรรม เพื่อที่จะ ให้มนุษย์ เป็น "ผู้ประกอบด้วยความดีทั้งปวง",
จึงจะเป็นผู้ที่มีความศรัทธาที่สามารถที่จะอยู่ร่วมกันได้ทุกๆสังคม ด้วยความเข้าใจกันและอยู่ร่วมสังคมเดียวกันอย่างสงบสุข
ดังนั้นการที่ผู้ต่างความศรัทธาจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบและนับถือซึ่งกันและกัน มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจหลักธรรม
ของกันและกัน ซึ่งบางครั้งอาจจะใช้เตือนสติกันได้อย่างมิตรภาพ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ศาสนาอิสลามสอนเรื่อง (กาลามสูตร)นี้อยู่ใน อัลกุรอานบทที่ 17
ซูเราะฮฺอัลอิสรออ์ (การเดินทางในเวลาราตรี) บัญญัติที่ 36 ซึ่งมีความว่า
وَلَا تَقْفُ مَا لَيْسَ لَكَ بِهِ عِلْمٌ ۚ إِنَّ السَّمْعَ وَالْبَصَرَ وَالْفُؤَادَ كُلُّ أُولَٰئِكَ كَانَ عَنْهُ مَسْئُولًا
And follow not that of which you have not the knowledge; surely the hearing and the sight and the heart,
all of these, shall be questioned about that.[Shakir 17:36]
หมายความว่า ก่อนที่เราจะเชื่อเรื่องราวอะไร ก็ตาม เราจะต้อง ไตร่ตรอง,สอบสวน ใช้ความพิจารณา ด้วย การฟัง, การเห็นด้วยตา,การใช้วาจาใต่ถามสอบสวนหาความจริงให้เข้าใจสาเหคุ,การใช้ ความคิด, อย่าเชื่อเพราะบุคลิกของผู้นำเรื่องราวเหล่านั้นมาบอกเรา ต้องใช้เหตุผลให้แน่ใจแล้วจึงเชื่อ แม้แต่ในเรื่องความศรัทธาก็ตาม, เราจะต้องนำอวัยวะซึ่งเป็นเครื่องมือในการสอบสวนที่พระเจ้าประทานให้เรามา นำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในเรื่องนี้
ในเรื่องความรู้เกี่ยวกับศาสนาอิสลามโดยเฉพาะหลักคำสอนในคัมภีร์นี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ ท่านสมาชิกพุทธศาสนิกชน จำเป็นจะต้องศึกษาและหาความเข้าใจที่ถูกต้องตามหลักธรรม "กาลามสูตร" ก่อนที่จะนำมากล่าวตำหนิศาสนาอิสลามในทาง Negative ตามเรื่องราวที่นักวิชาการชาวคริสเตียนบางท่าน นำมาเป็นบางส่วน หรือ เฉพาะส่วนที่สนองอารมณ์ของเขา เขียนโจมตีหลักการของ
อิสลาม และ คัมภีร์อัลกุรอาน ซึ่งมีข้อเขียนเหล่านี้อยู่มากตามเวบต่างๆ ในโลก Internet ทั้งในอดีตและปัจจุบัน
การทำความชั่วช้าของมุสลิม ISIS ไม่ได้เป็นผลของการสอนจากคัมภีร์อัลกุรอานของศาสนาอิสลาม มนุษย์ชั่วช้าเช่นนี้มีอยู่ในประวัติศาสตร์ เฃ่นกัน ซึ่งไม่เกี่ยวกับคำสอนที่เขา เหล่านั้นได้รับจากความศรัทธาใดๆตามที่ผมเข้าใจ
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงยังมีความเชื่อในคำกล่าวที่ว่า "คำสอนของทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดี ซึ่งยังคงเป็นความเป็นจริงอยู่คลอดเวลา"
ทุกๆศาสนามีคำสอนให้ทุกๆคนเป็นคนดี