ท้อ. ยังไม่ได้ลงมือทำ อย่าเพิ่งท้อ

เคยมั้ย เวลาเราเห็น...ซึ่งเหตุการณ์นั้นยังไม่เกิดขึ้นกับเรา แต่เรานึกเลย
ถ้าเป็นเรา เราคงทำไม่ได้แต่...

เมื่อเหตุการณ์นั้นๆมาถึงจริงๆ เราก็ทำได้...

ตัวฉันเอง กว่าจะมาถึงตอนนี้ เวลานี้  เป็นบ่อยเลยค่ะ ท้อตั้งแต่ยังไม่ได้ลงมือทำ...แต่มันก็ผ่านไปได้



ตอนนั้น ต้องดูแล พ่อกับแม่ที่แก่และป่วยพร้อมทีเดียวกันทั้งสองคน

พ่อ เป็นอัมพฤกษ์พูดไม่ได้ แม่ เป็นเบาหวาน ความดัน ไขมันในเส้นเลือด เส้นเลือดหัวใจตีบและพาร์กิลสัน
เข้าๆออกๆ รพ เป็นว่าเล่น

วันนั้นพาพ่อไป รพ หาหมอตามนัด ไปเจอคนป่วย ที่เค้านอนบนเตียง ให้อาหารทางสายยางและเจาะคอช่วยหายใจ
ฉันเห็นแล้วก็สงสาร(ตอนนั้นพ่อยังแค่นั่งรถเข็น)
นึกในใจ ถ้าพ่อฉันเป็นมากขนาดนี้ ฉันคงดูแลไม่ได้และทำไม่เป็น

แต่แล้ววันหนึ่ง พ่อกินอาหารแล้วติดคอ
ทำให้สมองขาดอ๊อกซิเจนท่านเป็นอัมพาตต้องเจาะคอช่วยหายใจและให้อาหารทางสายยาง...
ท่านขยับตัวไม่ได้ ต้องพลิกตัวทุกสี่ชั่วโมง
ต้องฟีดอาหาร
ต้องทำกายภาพให้ทุกวัน
ต้องทำความสะอาดร่างกายทุกวัน ตัดผม โกนขน ตัดเล็บ ท่อที่คอต้องเอาออกมาต้มทำความสะอาด
ต้องดูดเสมหะฯลฯ






ฉันต้องดูแลพ่อที่อยู่ในสภาพนั้นเป็นปีๆ จนท่านจากไป

ฉันก็ทำได้ เมื่อถึงเวลาที่เราต้องเจอมันจริงๆ






อีกเหตุการณ์ที่นึกท้อ แต่เมื่อฉันตั้งหลักสู้กับมัน...
เหตุการณ์นั้นก็ผ่านไปได้อย่างสวยงาม...
ฉันเปิดร้านขายอาหารตามสั่งค่ะ



แรกเริ่มเลย ฉันไม่คิดว่าจะทำเองเพราะไม่เคยมี ปสก ทางด้านนี้
เคยแต่ทำให้ลูกๆให้สามี ให้คนในครอบครัวกินเท่านั้น

แต่เพื่อนรุ่นน้องที่เค้าเปิดขายอยู่เดิมนั้นเค้าจะเลิก จะไม่ขายแล้ว
ฉันก็เสียดายร้าน(เพราะทำเลมันดีอยู่ข้างๆอำเภอ)


จึงบอกเค้าว่า ถ้าเธอจะเลิกพี่ขอ ...
เพื่อนรุ่นน้องก็ยกให้ทันที


ฉัน วางแผนไว้ในใจแล้วว่า....
ช่วงแรกฉันจะชวนเพื่อนรุ่นน้องอีกคนที่ฉันรู้จักที่เค้ามี ปสก ทางด้านนี้(เคยเป็นแม่ครัวร้านอาหาร)มาเป็นแม่ครัว
ส่วนฉัน จะเป็นคนลงทุนและอยู่หน้าร้าน

แรกๆฉันจะให้ค่าจ้างเค้าเป็นรายวันไปก่อนถ้าร้านพออยู่ได้ฉันจะยกให้เธอบริหารเองฉันจะปลีกตัวออกมา
ที่คิดแบบนั้นเพราะ เพื่อนรุ่นน้องคนนี้ ฐานะไม่ดี สามีก็เป็นลูกจ้างรายวัน
ตัวเธอก็  ยังไม่มีอาชีพเป็นชิ้นเป็นอัน ที่ทำอยู่ก็เป็นลูกจ้างเขา


ฉันชวนเธอมาทำด้วยเธอตอบตกลงทันที
ตกลงฉันให้ค่าตัวเธอ150บาท(ขายช่วงเย็นสามสี่ทุ่มก็เก็บร้าน)

แรกๆที่เปิดขายใหม่ ยังไม่มีคนรู้จัก รายรับน่าใจหายค่ะ300-400 บาทเท่านั้น
จ่ายค่าตัวให้เพื่อนแล้ว หักค่าน้ำ ค่าไฟ เหลือเงินกลับบ้านร้อยกว่าบาท...

แต่ ฉันก็ไม่ท้อนะ

ยังคงไปเปิดร้านตามปกติแต่ที่ฉันท้อคือ....


เพื่อนรุ่นน้องคนนี้พอเห็นฉันชวนมาทำร้านด้วยได้ ค่าจ้างวันละ150บาท
เธอไปกู้เงินรายวัน(หมวกกันน็อค)
ฉันไม่สนใจเพราะเรื่องใครเรื่องมันถ้าเธอยังมีปัญญาส่งก็เรื่องของเธอ

พอหลายวันเข้า เธอคงหมุนเงินไม่ทัน
วันนั้นฉันเปิดร้านแล้ว รอเธอจนเย็นเธอก็ไม่มาสักที
เย็นมากเข้าฉันใจเสีย

สักพักเธอโทรมาบอกว่า ขอเบิกเงินค่าตัวก่อนได้มั้ยจะส่งรายวัน
เพราะตอนนี้หลบพวกเก็บเงินรายวันอยู่
เเรกๆฉันก็ให้แต่พอบ่อยๆครั้งเข้า ฉันก็ไม่ไหว(รายรับก็ยังน้อย) เหมือนดินพอกหางหมู

จนวันหนึ่งฉันตัดสินใจไม่ให้เบิกเงินล่วงหน้าแแล้วเธอบอกไม่ให้เบิกก็ไปทำร้านไม่ได้ เธอขู่ฉัน...
เมื่อเธอไม่มาฉันหมดแรง ท้อ เพราะไม่เคยทำ คิดจะปิดร้านแล้วกลับบ้าน....

แต่มีน้องคนหนึ่งเธอขายเย็นตาโฟข้างๆกัน เธอบอก ยะไปเต๊อะปี้ ถ้าถูกใจเปิ้นก็ปิ๊กมาแห๋ม ถ้าบ่อถูกใจเปิ้นก็บ่อมา
จะยะหื้อถูกปากคนทุกคนคงบ่อใช่

ฉันคิด อืมมมจริง






มีต่อค่ะ ขอกดส่งก่อน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่