19. วิเคราะห์หุ้น WG : บริษัท ไว้ท์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)


ลักษณะธุรกิจ
แบ่งได้เป็น 3 ประเภทคือ
1. ธุรกิจด้านการนำเข้าและจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์อุตสาหกรรม
2. ธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์
3. ธุรกิจร่วมทุนในบริษัทย่อย













ด้านผู้ถือหุ้น
อันดับที่ 1. บริษัท โอสถสภา จำกัด ถือหุ้นเป็นสัดส่วน 23.37%
ซึ่งในมุมมองน้องสี่คิดว่า การที่บริษัท โอสถสภา จำกัด ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนที่สูงครับ

เค้าคงมองเห็นโอกาสบ้างอย่างในธุรกิจนี้จึงได้เข้ามาลงทุนไว้บางส่วนไว้ก่อน
อาจจะเป็นในเรื่องของ Product ระหว่างกันของ WG และ บริษัท โอสถสภา จำกัด ก็เป็นได้ครับ


อีกทั้งในปีนี้เอง เป็นปีที่ 123 ของบริษัท โอสถสภา จำกัด ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่เก่าแก่มากๆ
อยู่มาได้เกิน 100 ปี น้องสี่ถือว่าเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งพอสมควรเลยครับ

เพราะคงจะต้องผ่านบททดสอบต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตการเมืองและวิกฤตอื่นๆ
ดังนั้น แน่นอนว่าประสบการณ์และกลยุทธ์การอยู่รอดในวิกฤตต่างๆ ของ บริษัท โอสถสภา จำกัด ย่อมมีมากพอตัวเลยครับ



ด้านผู้ถือหุ้นย้อนหลังนะครับ
จะเห็นว่าในปี 1997 ถือหุ้นอันดับที่ 1 โดยบริษัท เอ็ม.ดี.เอ็กซ์. จำกัด (มหาชน)
และปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็น บริษัท โอสถสภา จำกัด ถือหุ้นอันดับที่ 1 แทนครับ




ส่วนถัดมานะครับในด้านของ "ข้อมูลแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร (แบบ 59-2)"
น้องสี่พบว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทางผู้บริหารซื้อ-ขาย หุ้นค่อนข้างบ่อยครับ

ซึ่งในส่วนประเด็นนี้เอง ก็น่าจับตามองอีกหนึ่งประเด็นนะครับ
เพราะว่าการที่ผู้บริหาร ซื้อ-ขาย หุ้นตัวเองบ่อย ก็อาจจะเป็นสัญญาณบอกบางอย่างได้ครับ

ถึงแม้จะซื้อขายในจำนวนที่ไม่มาก ไม่กระทบตลาดเท่าไหร่ก็ตาม
แต่ถ้าเป็นคนนอกที่มองเค้าไปเพื่อวิเคราะห์ในส่วนนี้ ก็อาจมองและประเมินเบื้องต้นได้ว่า

ทางผู้บริหารอาจจะรู้ข้อมูลบางอย่างก่อนเราหรือเปล่า??
ซึ่งความจริงแล้วทางผู้บริหารอาจจะรู้พร้อมกับนักลงทุนอย่างเราๆ ก็ได้ครับ

ดังนั้น ด้วยความที่เราเป็นนักลงทุนภายนอก เราเองก็คงจะต้องตั้งคำถามต่อใช่ไหมครับว่า
ผู้บริหารจะรู้ข้อมูลพร้อมเราจริงๆ หรือเปล่า? ซึ่งก็คงต้องประเมินทิศทางกันต่อไปนะครับ

แต่ด้านที่ดีก็มีนะครับ เช่น เป็นการจับสัญญาณว่า ถ้าผู้บริหารซื้อ ก็อาจจะเป็นสัญญาณว่าหุ้นมีแนวโน้มที่จะขึ้นต่อ
แต่หากผู้บริหารขายหุ้นออกมา หุ้นก็อาจมีแนวโน้มที่จะลงต่อก็เป็นได้ครับ

ซึ่งจุดนี้เอง ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ตัวอื่นๆ ได้เช่นกันนะครับ
อาจจะไม่ได้เป็นสัญญาณ 100% แต่ก็ใช้ประเมินได้ในระดับหนึ่งครับผม


ด้านงบการเงิน
1. ด้าน RoA RoE และ Net Profit Margin
ทาง WG สามารถรักษาไว้ในระดับที่ดีใช้ได้เลยครับ

2. ด้าน P/E และ P/BV
จะเห็นว่าในช่วงที่ผ่านปี 2553 - 2556
WG จะมี P/Eอยู่ที่ประมาณ 7 - 10 เท่า และ P/BV ประมาณ 1 - 1.3 เท่า ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ใช้ได้ครับ

แต่ทว่าในปีนี้ ปี 2557 ราคาหุ้นของ WG ค่อนข้างขึ้นมาสูงในระดับหนึ่งแล้ว
หรืออาจจะมองได้ว่าค่อนข้างเกินพื้นฐานมาส่วนหนึ่งแล้วครับ
ทำให้ค่า P/E และ P/BV เริ่มขึ้นมาเยอะ จึงทำให้หุ้น WG นั้นเริ่มดูแพงแล้วครับ

3. ในส่วนของ Dividend Yield จะพบว่า ในช่วงทีผ่านมาให้ผลตอบที่อยู่ประมาณ 4%กว่าๆ - 6%
ซึ่งในมุมมองน้องสี่ถือว่า ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างดีใช้ได้เลยครับ เหมาะแก่การถือรับปันผลไปเรื่อยๆ

แต่อย่างบอกที่นะครับ ในปี 2557 นี้ ราคาถูกลากขึ้นไปแรง ทำให้ Dividend Yield ในส่วนนี้เองอยู่ที่ประมาณ 3% กว่าๆ
ซึ่งก็อาจจะยังไม่เหมาะสำหรับในช่วงนี้ หากจะต้องการเก็บหุ้นนะครับ เพราะราคานำไปสูง

อีกทั้งกำไรในปีนี้คาดว่าจะทรงๆ ประมาณในช่วงปีที่ผ่านๆ มาครับ
ดังนั้นปันผล ณ ราคาแถวๆ นี้ จึงยังไม่ค่อยคุ้มค่ากับการลงทุนเท่าไหร่ครับ

4. ด้านการจ่ายเงินปันผลนะครับ ในช่วงระยะเวลาประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมานะครับ
WG เองมีการจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอดีครับผม



ด้านรายได้
ด้านรายได้ของ WG จะค่อนข้างทรงๆ ตัวนะครับอยู่ในระดับประมาณ 1000 - 1100 ล้านบาทครับ
แต่ประเด็นที่น่าจับตามองก็คือ ในส่วนของบางทีนั้นที่รายได้ลดลง แต่กลับทำกำไรได้มากขึ้น

ซึ่งส่วนนี้เองก็เป็นการบ่งบอกได้ว่าทาง WG นั้นมีการควบคุมต้นทุน + ค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ดีครับ
เพราะโดยส่วนใหญ่แล้ว ในหลายๆ บริษัท หากรายได้ลดลง ส่วนใหญ่กำไรจะลดลงตามไปด้วยครับ



โครงสร้างรายได้ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย
โดยส่วนใหญ่รายได้จะมาจากธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์อุตสาหกรรม ครับผม


ด้านบัญชีสินทรัพย์ หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น
โดยภาพรวมในส่วนของ 3 บัญชีนี้นะครับ
น้องสี่พบว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีสินทรัพย์ + ส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งเป็นสัญญาณบอกที่ดีครับว่า กิจการก็ค่อยๆ โตมาเรื่อยๆ โดยเติบโตมาจากกำไรสะสมในแต่ละปีนั่นเอง

อีกทั้งหนี้สินของบริษัทเองก็น้อยมากๆ อีกเช่นกัน ดังนั้น จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการผิดชำระหนี้เลยครับ
และที่สำคัญในส่วนของ "มูลค่าหุ้นที่เรียกชำระแล้ว" ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานั้น

กิจการไม่มีการเรียกเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นเลยครับ ซึ่งจุดนี้เอง น้องสี่มองว่าเป็นจุดแข็งของบริษัทเลยก็ได้นะ
เพราะการที่บริษัทไม่เรียกเพิ่มทุนเรื่อยๆ เป็นการบอกเราได้ว่า บริษัทค่อนข้างมีความสามารถของตัวเองในระดับที่ดีเลยทีเดียว

โดยผู้ถือหุ้นเองก็สบายได้ใจว่า ไม่ต้องนำเงินไปเพิ่มในบริษัทบ่อยๆ ลงแล้ว ลงอีก บางทีเอาไปลงเรื่อยๆ
ลงจนเงินหายไปแล้ว หายไปอีกก็มี (ลองไปสังเกตบริษัทที่เพิ่มทุนบ่อยๆ ดูนะครับ ซึ่งถ้าเจอแล้วก็ควรเลี่ยงไว้ถ้าไม่แน่ใจนะครับ)

แต่อย่างไรก็ตาม การเพิ่มทุน ก็อาจจะไม่ได้เลวร้ายในทุกกรณีนะครับ
เพราะหากบริษัทจำเป็นต้องนำเงินไปลงทุนต่อ ก็อาจจะเพิ่มทุนโดยจากจ่ายเงินปันผลเป็น "หุ้น"

ตัวอย่างบริษัท HMPRO เป็นต้นครับ ที่จ่ายปันผลเป็นหุ้นมาหลายครั้ง เพื่อนำเงินไปขยายสาขาต่อเรื่อยๆ
ถ้าเหตุผลแบบนี้ นักลงทุนก็รับได้นะครับ เพราะกิจการมีเหตุผลที่ดี ขยายสาขาต่อ >>> ทำให้กำไรเพิ่มขึ้น

แต่บางบริษัท รียกเพิ่มทุนเพื่อนำเงินไปชำระหนี้สินต่างๆ
ซึ่งถ้าเจอการเพิ่มทุนแบบนี้ น้องสี่แนะนำให้เลี่ยงนะครับ เพราะมันการบ่งบอกว่า
บริษัทมีการบริหารงาน + การจัดการที่ไม่ดีพอครับ ทำให้ต้องมาเบียดเบียนกับผู้ถือหุ้นครับผม


ด้านบัญชีสินทรัพย์
พบว่าสินทรัพย์ส่วนใหญ่ของ WG จะอยู่ในรูปแบบสินทรัพย์หมุนเวียนเป็นส่วนมากครับ
โดยมี เงินสด , เงินลงทุนระยะสั้น , ลูกหนี้การค้า และสินค้าคงเหลือครับ

ซึ่งสินทรัพย์เหล่านี้ สะดวกและรวดเร็วในการแปลงกับมาเป็นเงินสดได้ดีครับ
จึงทำให้มั่นใจได้ว่า WG เองมีสภาพคล่องในส่วนนี้ที่สูงพอสมควรเลยครับ


ด้านบัญชีหนี้สิน + ส่วนของผู้ถือหุ้น
ในส่วนของหนี้สินนั้นจะเห็นว่า WG มีหนี้สินส่วนใหญ่คือ เจ้าหนี้การค้า นะครับ
ไม่มีหนี้สินในส่วนของเงินเงินกู้เลย ดังนั้น จึงมั่นใจได้เลยครับว่า จะไม่มีการผิดชำระหนี้เงินกู้ + ดอกเบี้ยจ่าย ครับ

และในส่วนของผู้ถือหุ้น พบว่าส่วนใหญ่จะอยู่ในบัญชีกำไรสะสมครับ ประมาณ 1100 ล้านบาท
หรือคิดเป็นสัดส่วนจาก กำไระสม/ส่วนของผู้ถือหุ้นทั้งหมด จะได้อยู่ที่ประมาณ (1100/1500) *100 = 73%

ซึ่งในมุมมองน้องสี่ถือว่าสูงมากๆ นะครับ หากเพื่อนๆ ลองไปเปรียบเทียบกับหุ้นในตัวใหญ่ๆ
จะพบว่าในสัดส่วนของ "กำไระสม/ส่วนของผู้ถือหุ้นทั้งหมด" จะน้อยกว่า 50% ครับ

ดังนั้น จึงแปลได้ว่า การที่ WG มีสัดส่วน "กำไระสม/ส่วนของผู้ถือหุ้นทั้งหมด" อยู่ที่ประมาณ 73%
ตั้งแต่เปิดกิจการมาเรื่อยๆ กำไรในแต่ละปีที่ทำได้ ทยอยเก็บสะสมเข้ามาในบริษัท ซึ่งเป็นการบอกการเจริญเติบโตของบริษัทนั่นเองครับ

ด้านกราฟ
กราฟ Week

จากกราฟ Week น้องสี่พบว่า ราคาหุ้นของ WG ยังแสดงเป็นขาขึ้นอยู่ครับ
แต่หากเพื่อนๆ สังเกตตรงที่น้องสี่วงกลมจะเห็นว่า ในช่วงปี 2011 เดือนที่ 10/วันที่ 3

ช่วงนั้นเป็นช่วงน้ำท่วมครับ ทำให้หุ้นส่วนใหญ่ราคาตกลงมาในระดับที่ต่ำครับ
คือเราสามารถใช้ค่า RSI ในภาพ Time Frame ที่เหมาะสมจับจังหวะในการลงทุนในหุ้นได้ครับ
ซึ่งถ้าใครสามารถเก็บหุ้นดีๆ บริษัทดีๆ ได้ในช่วงที่ RSI ต่ำๆ ได้ ก็จะได้หุ้นในราคาที่ค่อนข้างเหมาะสมเลยครับ

แต่ทว่า ในราคาปัจจุบัน หากเพื่อนๆ ลองมองตรงวงกลมที่ 2 ที่น้องสี่ดอกจันไว้นะครับ
จะเห็นได้เลยว่า ราคาขึ้นมาแบบไม่ค่อยมี Volume เลย เมื่อเทียบกับช่วงก่อนๆ นะครับ

แปลว่า ณ จุดๆ นี้ ราคาขึ้นมาแบบไม่แข็งแรงครับ
จึงทำให้มีโอกาสที่ราคาก็อาจจะลงมาแรงๆ โดยไม่มี Volume ได้เช่นกันนะครับ

เพราะฉะนั้นแล้ว หากหุ้นที่เราเจอเป็นหุ้นที่งบการเงินดีอย่างไรก็ตาม
การจับจังหวะในการลงทุนก็สำคัญเช่นกันนะครับ เพราะถ้าหุ้นดี แต่ราคาแพงอยู่

ถ้าเราเข้าไปเก็บสะสมไว้ ก็อาจจะทำให้เรามี Risk > Reward ก็เป็นได้ครับ
ซึ่งในจุดนี้เอง เราสามารถนำกราฟเทคนิคคอลมาช่วยในการจับจังหวควบคู่ไปกับการวิเคราะห์งบการเงินได้นะครับ

เราเองก็จะปลอดภัยไปในทั้ง 2 ด้าน เพราะถ้าอิงด้านไหน ด้านหนึ่งมากจนเกินไป มันก็ไม่สมดุลกัน
พอไม่สมดุลกัน โอกาสที่เราจะพลาดจังหวะในการลงทุนก็มีสูงไปด้วยเช่น
ดังนั้น น้องสี่แนะนำว่า ควรจะนำการวิเคราะห์ทั้ง 2 ด้านมาช่วยเสริมในการลงทุนในหุ้นให้ดียิ่งขึ้นนะครับ

*** ข้อควรระวัง สำคัญครับ***

1. ควรระมัดระวังในเรื่องของสภาพคล่องของหุ้นนะครับ
เนื่องจากหุ้นมีสภาพคล่องน้อย ทำให้มีช่องว่างระหว่างราคาค่อนข้างมากครับ

2. เป็นหุ้นที่เน้นลงทุนระยะยาวครับ อาจจะไม่เหมาะกับการลงทุนเพื่อเก็งกำไรนะครับ

3. ในประเด็นของ "การเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร (แบบ 59-2)"
ควรจะจับตามองเป็นระยะๆ นะครับ โดยถ้าหากผู้บริหารเริ่มมีการซื้อ-การขายหุ้น
ก็อาจนำข้อมูลในส่วนนี้มาจับจังหวะในการลงทุนครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่