เรื่องราวชีวิตที่เริ่มจาก 0 ไป 100 แต่สุดท้ายต้องกลับมา 0 อีกครั้ง เพียงแค่ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิต ละต้องจบลงด้วยคำว่าหนี้ !
สำหรับตอนนี้ต้องบอกเล่าถึงอารมณ์ของผมในช่วงนี้ มีทั้ง เศร้า ท้อ มืดสนิท มีเกือบทุกอารมณ์ที่เกี่ยวกับด้านลบ ไม่มีใครให้ปรึกษาปัญหาเหล่านี้ได้ เลยอยากลองมาระบายในนี้
เล่าย่อๆ สำหรับปัญหาที่เจอในตอนนี้ ส่วนรายละเอียดทั้งหมดจะอยู่ย่อหน้าถัดไป
ปัจจุบัน ผมอยู่ 29 อีก 3 เดือน จะอายุ30 บริษัทยังมีรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 1-1.2 ล้าน ( แต่กำไรอยู่ที่ 70,000-100,000 ) ยังไม่หักค่าใช้จ่าย
ผมเป็นหนี้บัตรเครดิตทั้งหมด 1.7 ล้าน บริษัทกำลังจะล้มละลาย ตอนนี้เหลือแค่พนักงาน 1 คน รวมตัวผมเองเป็น 2 , ถ้าถามว่ารายได้ เป็นล้านทำไมถึงยังไปต่อไม่ได้ เพราะเป็นปัญหาจากเรื่องค่าใช้จ่ายบัตรเครดิตที่ เหมือนตอนสมัคร ไปเลือก ผ่อนระยะสั้น ทำให้ต้องจ่ายต่อเดือนค่อนข้างเยอะ เลยทำให้สต้อกที่จะต้องนำไปขาย ติดขัด ไม่มีเงินทุนหมุนเวียน ทุกอย่างเป็นผลมาจากการสูญเงินจากการลงทุนไป 3-4 ล้านในครั้งนั้น ทำให้การเงินรวนไปหมด 2-5 เดือนที่ผ่าน พยายามหาทางแก้ด้วยการกู้สินเชื่อมา เกือบ 10-20 รอบ ทุกธนาคาร ไม่ว่าจะบุคคล Sme สินเชื่อรวมหนี้ แต่ไม่ผ่านเลยสักธนาคาร บางทีให้เหตุผลไม่ผ่านเกณฑ์ บางทีบอกว่ารับแค่พนักงานประจำ ตอนนี้รู้สึกท้อมาก เพราะทำคนเดียว พยายามขายของใช้ ลดจำนวนพนักงาน เพื่อปรับให้รายได้เพียงพอกับการที่ต้องจ่ายบัตรเครดิตในแต่ละเดือน(ยอดค่อนข้างเยอะเพราะ ตอนนั้นเลือกผ่อนระยะสั้นไป) ธุรกิจของผมสามารถเติบโตได้อีกต้องการแค่เพียงเงินทุน เพราะ ได้วางแผนไว้หมดแล้วเกี่ยวกับการขาย การตลาด สต้อก แต่ขาดเพียงเงินไปต่อ
นี้คือเรื่องราวทั้งหมดของผม
ก่อนอื่นต้องขอเล่าย้อนสั้น ๆ ก่อนว่า ช่วง10 ปีก่อน
ตอนนั้นผมอายุ 19 ตัดสินใจออกมาทำงานเนื่องจากไม่มีทุนส่งตัวเองเรียนมหาลัย เพราะ ฐานะที่บ้านค่อนข้างยากจน มีเพียงแค่แม่ทำงานคนเดียว กับพ่อที่เกณียนอายุ ซึ่งไม่พอใช้ในแต่ละวัน ผมจึงตัดสินใจเข้ากรุงเทพมาหางานทำงาน เพราะไม่อยากเป็นภาระท่าน
ทำงานได้ 3 ปี เปลี่ยนงานและลองทำหลายๆ ที่แต่ก็เกิดความรู้สึกที่อยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ส่วนตัวผมชอบเล่นเกม เลยมองหาว่าตัวเองสามารถทำรายได้อะไรเกี่ยวกับเกมพวกนี้ได้ไหม เริ่มจากหาคอนเนคชั่น จนกระทั่ง ผมอายุ 23 ผมได้เปิดบริษัทเป็นของตัวเอง เป็นธุรกิจเกี่ยวกับเกม ทำมาได้ ช่วงปีแรกอยู่ในช่วง สตาทอัพ ลองผิดถูก จนกระทั่งเข้าปีที่ 2-3 บริษัทผมมีรายได้เฉลี่ย ต่อปี ปีละ 150 ล้านบาท ตกเดือนละ 12-13 ล้าน มีพนักงาน 15-20 คน ต้องบอกได้เลยว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่ พีคที่สุดในชีวิต รู้สึกภูมิใจในตัวเอง ที่สามารถเริ่มจาก 0 แล้วมาได้ขนาดนี้
มีเงินส่งให้พ่อแม่ทุกเดือน มีเงินเก็บกับทุนหมุนเวียนในบริษัทหลักล้าน ตอนนั้นผมรู้สึกว่าอยากเอาเงินพวกนี้ไปซื้อบ้าน รถ ที่เป็นทรัพย์สินของตัวเอง เป็นชื่อตัวเอง แต่อีกใจก็อยากเอาเงินพวกนี้ไปลงทุนต่อยอด ให้ได้ passsive income ละแน่นอนครับผมเลือก ลงทุน!
เข้าปีที่ 4-5 ช่วงนั้นกระแสคริปโต การขุด btc eth ค่อนข้างมาแรง
ผมแบ่งเงินเป็น 2 ก้อน ก้อนแรกลงทุนกับการขุด Eth
อีกก้อน ลงทุนกับเทรดคริปโต ใช้เวลาศึกษามาสักพัก ก็เริ่มมีกระแสเกี่ยวกับเกมคริปโต เข้ามา ช่วงแรกผมไม่สนใจพวกนี้เลย เพราะเหมือนพวกหลอกหลวง แต่หลังๆ มามีอินฟลู หลายคนเล่น แล้วมีรายได้จริง แถมยังมีการเอา คนดังหลายคนมีโปรโมท มันเลยทำให้ผมรู้สึกถึงความน่าเชื่อถือแล้วลองเล่นดู ลองศึกษาเกมต่างๆ เช่นพวก Bomb เกมตกปลา จนกระทั่งผมมารู้สึกกับไอเกมที่ชื่อว่า cyptomine หรือหลายๆคนเรียกว่าเกมยาน
เป็นเกมที่บูมมากช่วงนั้น ละกำไรดีที่สุด ผมตัดสินใจ All in ไปกับมัน ใช้เงินเก็บทั้งหมด รวมถึงทุนหมุนเวียนในบริษัท รวมๆ เกือบ 3 ล้าน ด้วยความที่หวังอยากได้กำไรเยอะ ถ้าลงทุนเยอะ
หลังจากที่ลงทุนไปช่วงแรก earn กำไรได้ดีมาก ด้วยความโลภ เงินกำไรที่ได้มาผมเอาไปลงทุนกับมันต่อ จนกระทั่ง เกมเริ่มมีปัญหา มูลค่าเหรียญเกมเริ่มตก ต้องเรียกว่าผมอยู่ในกลุ่มคนที่เข้าไว ออกไม่ทัน ทำให้มูลค่าพอตที่ลงทุนไป 3-4 ล้าน เหลือ หลัก แสนในพริบตา
ช่วงรู้ดาวน์มากครับ แต่ก็มีความคิดที่บอกกับตัวเอง ไม่เป็นไร เราหาเงินมาได้ขนาดนี้ ทำไมเราจะหาอีกไม่ได้
มีคนโดนแบบเราหนักกว่านี้ก็มี เราต้องสู้อีกครั้ง คำว่าสู้อีกครั้งของผมไม่ได้หมายถึงกลับไปเล่นเกมคริปโตหรือลงทุน เกี่ยวกับอะไรพวกนี้อีกครั้งนะครับ
ผมกลับมาโฟกัสที่บริษัทผม ซึ่งต้องบอกได้เลยว่าช่วงที่ โดน ลักพู(เสียเงินไปกับเกมคริปโต) ไปบริษัทมีรายได้ดรอปลงมามาก เพราะผมเอาทุนหมุนของบริษัทไปลงทุนด้วย จนทำให้ต้องรัดเข็มขัด ลดจำนวนพนักงานลง ลดค่าใช้จ่ายในการโปรโมท การจ้างโฆษณา ต่างๆ ลดลง แน่นอนครับ เข้าปีที่ 6 ของการทำบริษัท เป็นช่วงที่ ยอดบริษัทติดลบ ลูกค้าน้อยลง จากยอดขายที่เคยได้ 12-13 ล้านต่อเดือน ลดลง เหลือ 1-2 ล้านต่อเดือน แต่ความรู้สึกตอนนั้นไม่เคยคิดจะยอมแพ้ ต่อให้ล้มกี่คร้งก็อยากกลับมาลุกให้ได้
เข้าสู่ช่วงปีที่ 7 ผมตัดสินใจลองกู้สินเชื่อ ทำบัตเครดิต
เพื่อเอาลงทุนกับบริษัท อยากให้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล เนื่องด้วยค่าใช้จ่ายที่มากเกิน บวกกับยอดขายที่ติดลบ ทำให้บริษัทไปต่อไม่ไหว แต่ยังต้องทำต่อเพราะ ยังมีรายได้กับตรงนี้อยู่
ตัดสินใจลดจำนวนพนักงานครั้งสุดท้ายเผื่อให้ไปต่อได้
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ขออภัยที่มีความข้อความที่เขียนแล้วสับสบอ่านแล้ว งงๆ ยินดีรับความคิดเห็นของทุกคน ตอนนี้พยายามสู้ต่อ แม้จะเคยยอมแพ้แล้วคิดเรื่องไม่ดีไปหลายรอบ❤️ คิดไว้เสมอว่าปัญหาทุกอย่างมีทางแก้
เรื่องราวชีวิตที่เริ่มจาก 0 ไป 100 แต่สุดท้ายต้องกลับมา 0 อีกครั้ง เพียงแค่ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิต ละต้องจบลงด้วยคำว่า