เคยรู้สึกไหมว่ามีอะไรมาดลใจ ให้ทำโน่นทำนี่โดยที่ไม่ได้คิดที่อยากจะทำเลยตั้งแต่แรก

กระทู้คำถาม
เคยไหม ใจจดใจจ่อกับสิ่งหนึ่งอยู่ แล้วมีบางอย่างดลใจเราให้ทำอีกสิ่งหนึ่ง
อย่างเช่น กำลังนั่งอ่านหนังสือรับลมอยู่หน้าบ้านได้สักพัก แต่เหมือนมีอะไรสักอย่างทำให้เอะใจเดินไปหลังบ้าน ปรากฏว่ามีคนลืมปิดเตาแก๊ส คิดในใจ..ดีนะที่ไม่ระเบิด
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
** หมายเหตุ : เรื่องนี้ เป็นความเชื่อ ที่มีการบอกเล่าต่อๆ กันมา ยังไม่ถูกพิสูจน์อย่างเป็นทางการ โดยวิธีทางวิทยาศาสตร์ **

คุณเคยถูกใครทักบ้างหรือไม่ว่า....เมื่อวันนั้น วันนี้ ชั่วโมงนั้น ชั่วโมงนี้ เค้าได้พบเห็นคุณ ที่นั่น ที่นี่ โดยที่ตัวคุณเองแน่ใจว่า ในวันหรือเวลาดังกล่าว คุณไม่ได้อยู่ ณ สถานที่นั้นอย่างแน่นอน !!??

"ดอฟเพลแกงเกอร์ Doppelganger"  

http://board.postjung.com/580708.html

ดอพเพลแกงเกอร์ (เยอรมัน: doppelganger) เป็นความเชื่อ โดย doppel มีความหมายเดียวกับคำว่า double ในภาษาอังกฤษหรือแปลได้ว่า “ซ้ำสอง” ส่วนคำว่า ganger หมายถึง “goer” มีคำเรียกอีกอย่างว่า evil twin (แฝดปีศาจ) หรือ bilocation (การปรากฏตนในสองสถานที่) ซึ่งมีที่มาจากเรื่องเล่าขานพื้นบ้านของเยอรมัน

      นิยามกว้าง ๆ ของดอพเพลแกงเกอร์ กล่าวถึงปรากฏการณ์ที่มีการพบเห็นบุคคลหนึ่งผู้ในเวลาเดียวกันแต่ต่างสถาน ที่ ศัพท์นี้ได้ถูกนำมาใช้มากที่สุดกับกรณีของฝาแฝดผู้ชั่วร้าย ซึ่งปรากฏให้เห็นโดยทั่วไปในวรรณกรรมและภาพยนตร์แนวลึกลับต่างๆ

โดยทั่วไปแล้ว ดอพเพลแกงเกอร์ถูกถือเป็นสัญญาณแห่งความโชคร้าย ความเจ็บป่วยหรือภยันตรายจะเกิดขึ้นหากเพื่อนฝูงหรือเครือญาติได้พบเห็น ในขณะที่การพบเห็นดอพเพลแกงเกอร์ของตนจะนำมาซึ่งความตาย ถึงกระนั้น รายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ที่ว่านี้นั้น ไม่จำเป็นจะต้องเป็นไปในรูปแบบที่เฉพาะเจาะจงดังกล่าว เนื่องจาก เรื่องราวและความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับคำนี้มีขอบเขตที่กว้างกว่า นั้นมาก

      ดอพเพลแกงเกอร์ เป็นคำที่ใช้เรียกกรณีที่มนุษย์คนหนึ่งได้ปรากฏตัวตนเพิ่มขึ้นมาจากเดิมอีก คนหนึ่ง ซึ่งจะมีลักษณะภายนอกเหมือนกันทุกประการ

      ตามเรื่องราวที่เล่าขานกันมาดอพเพลแกง เกอร์นั้นจะไม่มีเงาของตัวเอง รวมทั้งไม่มีภาพสะท้อนบนกระจกหรือผิวน้ำ มันอาจจะให้คำแนะนำอะไรบางอย่างกับบุคคลต้นแบบของมันด้วยเจตนาร้าย ซึ่งยุแยงให้เกิดความเข้าใจผิดต่าง ๆ หรืออาจจะปรากฏตัวต่อหน้าญาติมิตรเพื่อทำให้เกิดความสับสน และมันอาจจะปรากฏตัวในลักษณะที่สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ยามที่บุคคลต้นแบบของ มันเจ็บไข้ได้ป่วย

      ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าปรากฏการณ์ดอพเพล แกงเกอร์นั้นเกิดขึ้นด้วยสาเหตุใด ความเชื่อบางประเภทนั้นยึดหลักที่ว่า มนุษย์ทุกคนบนโลกจะมีฝาแฝดของตนอยู่ หากบุคคลนั้นเป็นคนดี ฝาแฝดก็จะชั่วร้าย หากบุคคลนั้นเป็นคนชั่วร้าย ฝาแฝดก็จะเป็นไปในทางกลับกัน และการที่ฝาแฝดทั้งสองมาพบกันนั้นก็จะยังผลให้ทั้งคู่ต้องพบกับจุดจบของ ชีวิต

บ้างก็เชื่อว่าดอพเพลแกงเกอร์เป็นภูตผีปีศาจในรูปแบบหนึ่งที่จะปรากฏตัวขึ้น เพื่อบ่งบอกถึงลางร้าย หากพวกมันไม่ได้ นำพามาซึ่งลางร้ายเสียเอง นอกเหนือไปจากนี้แล้ว บุคคลบางกลุ่มมีความเห็นเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่ว่านี้ว่า น่าจะเป็นรูปแบบหนึ่ง ของการใช้พลังจิตที่มีชื่อเรียกว่า “Out-of-Body Experience” หรือ “Astral Projection” ในกรณีนี้ มีการกล่าวอ้างว่ามีหลายคนพบเห็นพราหมณ์บางคนหลายสถานที่ในเวลาเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่พราหมณ์ผู้นั้นกำลังนอนอยู่

      บางความเชื่อก็ว่า ดอพเพลแกงเกอร์นั้น จะยืน อยู่หลังเจ้าของตลอดเวลา มีความว่องไวในการหลบหลีกสูงจนแม้หากหันหน้าเร็วยังไงก็ไม่ทันมัน นอกจากนี้ มันยังเลียนแบบทำทุกอย่างตามเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงสีหน้า การเลียนเสียงซึ่งมันจะพูดออกมาพร้อมกับเจ้าของเอง เสียงของมันคล้ายกับเจ้าของจนดูดกลืนเข้าไปด้วยกัน

      ชาวต่างชาติบางกลุ่มเชื่อว่าดอพเพลแกง เกอร์ คือสิ่งที่ธรรมชาติสร้างมาเพื่อคอยช่วยเหลือมนุษย์เราไม่ให้รู้สึกโดดเดี่ยว จนเกินไป เพราะมันจะรับฟังสิ่งที่เราพูดทุกอย่าง แม้แต่สิ่งที่ผู้อื่นไม่อยากฟัง และตอบคำถามที่ใคร ๆ ไม่สนใจจะตอบโดยการสร้างรอยพิมพ์คำตอบเหล่านั้นขึ้นมาในจิตใต้สำนึกของเรา

ในบางครั้งก็ช่วยเหลือเราด้วย เช่น เมื่อถึงคราวคับขัน เรามักจะรอดตายอย่างหวุดหวิดแบบฉิวเฉียด ทั้งที่รู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม นั่นเป็นเพราะเจ้าดอพเพลแกงเกอร์ พุ่งออกมาเร็วกว่าและหยุดยั้งเราเอาไว้ได้

นัขและแมว สามารถเห็นเงาดอพเพลแกงเกอร์ของเราได้ ด้วยเหตุนี้ แมวจึงมักจะมองข้ามไหล่ของเข้าของ ราวกับว่า มีใครหรืออะไรอยู่ตรงนั้น และบางที สุนัขก็มักจะลุกขึ้นมาเห่าตามหลังเจ้าของตัวเอง นั่นก็เป็นเพราะ มันเห็นสิ่งแปลกปลอมนั่นเอง สำหรับคนหนุ่มสาวแล้วเรื่องดอพเพลแกงเกอร์ อาจจะฟังดูไม่เข้าท่า แต่บางครั้งคนเฒ่าคนแก่ก็นั่งคุยคนเดียวได้เป็นตุเป็นตะได้ทั้งวัน เหมือนพวกเขากำลังคุยอยู่กับใครบางคน

      ข้างต้นดูเหมือนว่า ดอพเพลแกงเกอร์ จะเป็นเพื่อนที่ดีของมนุษย์ แต่ก็มีความเชื่อหลายอย่างที่นับว่าน่ากลัวทีเดียว นั่นคือ หากดอพเพลแกงเกอร์ได้รับแรงกระทบจากความอาฆาตแค้นและความพยาบาทจากเจ้าของ มันจะทอดทิ้งร่างไปชั่วคราว เพื่อทำการแก้แค้นด้วยตัวของมันเอง

เช่น ก่อดคีเลวร้ายต่าง ๆ ในรูปลักษณ์ของเรา ทั้งที่เราก็อยู่เฉย ๆ และอาจจะแย่ยิ่งกว่านั้น หากมันไม่ไปก่อเรื่องด้วยตัวเอง แต่กลับยืมมือเจ้าของมาทำเสียเอง โดยบังคับให้เราคิด หรือทำ อย่างที่มันต้องการ โดยผิดวิสัยความเป็นตัวเราอย่างสิ้นเชิง…

      สรุป ดอพเพลแกงเกอร์ คือ ความเชื่อที่ว่า คนเรามีเงา หรือ ตัวตน ของเราในอีกรูปแบบหนึ่งที่หน้าตาเหมือนกัน แต่อาจมีนิสัยที่ตรงข้ามกัน อาจปรากฏตัวตามที่ต่าง ๆ พร้อม ๆ กับเรา และทำพฤติกรรมต่าง ๆ ในนามของเรา บ้างก็เชื่อว่าเป็นผู้คอยช่วยเหลือเจ้าของร่าง บ้างก็เชื่อว่าเป็นลางบอกเหตุร้าย แต่โดยทั่วไปเชื่อว่า หากดอพเพลแกงเกอร์ของบุคคลใด ๆ ถูกพบเห็น จะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับบุคคลนั้นถึงขั้นเสียชีวิตเลยทีเดียว

ตัวอย่าง ปรากฏการณ์ดอพเพลแกงเกอร์จากทั่วโลก

      หญิงสาวชาวโปรตุเกสคนหนึ่ง เล่าว่า ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนที่เธอกำลังขนของย้ายบ้าน เธอได้เห็นพี่ชายของเธอมาช่วยขนของ ซึ่งในเวลานั้นพี่ชายของเธอไปรบ จึงน่าจะอยู่ที่สนามรบ หลังจากที่ขนของย้ายบ้านเสร็จ พี่ชายของเธอก็หายตัวไป และหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีนายทหารมาแจ้งข่าวให้เธอทราบว่า พี่ชายของเธอได้เสียชีวิตในสนามรบเสียแล้ว

      ที่ประเทศญี่ปุ่น ขณะที่ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งออกกำลังกายในตอนเช้า เขาได้เห็นตัวเองในสวนสาธารณะ ซึ่งเขาคิดว่าคงเป็นคนที่หน้าตาเหมือนกัน จึงไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก และในตอนเย็นวันเดียวกันนั้นเอง เขาได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างรุนแรง แต่เขารอดชีวิตมาได้ ถึงกระนั้นก็ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลาหลายเดือนทีเดียว

      ชายชาวตุรกีอีกคนหนึ่งกล่าวว่า ขณะที่เขาเที่ยวอยู่ที่ตุรกี เขาได้เห็นเพื่อนของเขา เดินเข้าไปในโบสถ์ที่เคยมาเที่ยวด้วยกัน ทั้ง ๆ ที่เพื่อนของเขานอนป่วยและรักษาตัวอยู่ที่ประเทศเยอรมัน

ว่ากันว่า คนที่ได้เห็น ดอพเพลแกงเกอร์ของตนเอง ร่างกายจะค่อย ๆ ทรุดโทรมลง และพบกับความตายภายใน 1 ปี...

                                   ..................................................................................................................

http://guru.google.co.th//guru/thread?tid=6f35573660aa3935

Doppleganger ว่ากันว่ามันคือภูติประจำตัวเราเอง ว่ากันว่า จะอยู่ข้างหลังเจ้าของร่างตลอดเวลา แต่มีความเร็วมากในระดับความเร็วแสงเลยทีเดียว

ต่อให้หันหลังเร็วขนาดไหนก็ไม่เห็น ผู้ที่โดนติดตามจะแทบไม่รู้ตัวถึงการมีอยู่ของมัน โดยมันจะทำทุกอย่างให้เงียบ จนไม่มีเสียงเลย

และมันอยู่กับเราตลอดเวลา โดยเลียนแบบการกระทำของเราอยู่ตลอดเวลา นอกจากนั้น มันยังฉลาดกว่ามนุษย์เราหลายขุม

บางความเชื่อ บอกว่า Doppleganger จะคอยระวังตัวให้เจ้าของร่างและคอยรับเคราะห์แทนตัวเรา เวลาเกิดอุบัติเหตุ แล้วเรารอดได้นั้น มาจาก

Doppleganger รับเคราะห์แทนเรา นอกจากนั้น Doppleganger ยังอาจจะไปปรากฎตัวในที่อื่นได้ แม้เราจะไม่ได้อยู่ที่นั่น

รวมถึง Doppleganger อาจไปปรากฎตัวกับผู้อื่น หรือเจ้าของร่างก็เป็นได้ โดย Doppleganger จะมีนิสัยเหมือนเจ้าของร่างแทบทุกประการ

อีกความเชื่อ บอกว่า Doppleganger อาจนำภัยมาหาเจ้าของร่างเอง เช่น ถ้าหากเจ้าของร่างมีความแค้นฝังใจเรื่อง Doppleganger

อาจไปสะสางเรื่องให้ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรา (ความรู้สึกของ Doppleganger นั้น ก็เป็นของเรา) นอกจากนั้น ยังอาจจะเข้าสิงร่างเจ้าของ แล้วไปทำเรื่องอะไร

บางอย่างก็ได้  บ้างก็ว่า Doppleganger เป็นปิศาจ บ้างก็ว่าเป็นเงาของเรา บ้างก็ว่า มันจะออกมาพบหรือเผชิญหน้ากับเจ้าของร่าง ตอนที่เจ้าของร่างใกล้

จะตายบ้าง จึงมีคำกล่าวว่า ใครที่เคยเห็น Doppleganger ของตัวเองแล้ว จะต้องตายในไม่ช้า บ้างก็ว่า Doppleganger จะมาสะสางเรื่องสุดท้ายในชีวต

บางความเชื่อบอกว่า ซักวัน Doppleganger อาจจะอยากมีตัวตนเหมือนกับเรา โดยหลังจากที่ Doppleganger สวมรอยเป็นเราแล้ว ความทรงจำของเรา

จะกลายเป็นของมัน ทั้งความรู้สึก = มันกลายเป็นเราไปโดยปริยาย ซึ่งมันก็จะไม่รู้ว่ามันเป็น Doppleganger จึงเปรียบเสมือนว่า ตัวตนเราไม่ได้หาย

ไปไหน แต่ที่หายไป คือวิญญาณของใครบางคน

นอกจากนี้ บางคนยังบอกว่า ที่หมาของเราเห่าเรา เป็นเพราะ Doppleganger ที่ตามหลังเรามา หน้าคล้ายเรามาก มันจึงเกิดอาการตกใจและระแวง

ตลอดจน การที่ผู้สูงอายุบางคน พูดคุยกับตัวเอง นั่นเป็นเพราะ Doppleganger สามารถรวมร่างเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าของร่างได้แล้ว

** ตัวอย่างเรื่องเล่า เรื่องที่ 1 เกี่ยวกับ Doppleganger **

มีนักเรียนคนหนึ่ง มาโรงเรียน ทั้งๆ ที่ ลาล่วงหน้าไว้แล้ว ซึ่งทั้งครูประจำชั้น และเพื่อนนักเรียน ได้เห็นนักเรียนคนนั้น มาเข้าแถวในตอนเช้า แต่เมื่อมีใคร

ถามอะไร ก็ได้แต่เงียบ ไม่ตอบหรือพูดคุยกับใครเลย พอเริ่มคาบเรียน นักเรียนคนดังกล่าว ได้หายไป คุณครูรู้สึกเป็นห่วง จึงโทรไปถามพ่อแม่ของนักเรียน

ปรากฎว่า เขาอยู่กับพ่อแม่ที่บ้านตลอดเวลา ไม่ได้ออกไปไหน

                                                ........................................................................................................
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่