อาทิตย์อับแสง (บทที่ 42)
แสงสว่างของวันเริ่มอ่อนล้าโรยแรง เห็นเป็นเพียงสีส้มอมแดงระเรื่อริมขอบฟ้าอยู่ไรๆ ในเวลาจวนพลบค่ำ
ทุกอย่างเงียบสงบ อาจเป็นเพราะบรรยากาศของวัดในต่างจังหวัด และเหล่าผู้คนที่มาร่วงงานพิธีฌาปนกิจยายจ๋าก็พากันทยอยกลับจนเกือบหมด เหลือเพียงคนระแวกนี้ที่สนิทสนม รวมทั้งพีทซี่ เหมียวเปรี้ยว และบรรดา…หนุ่มๆ ในสังกัดของพีทซี่ ที่คอยตรวจตราดูแลความเรียบร้อย
หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีดำสนิทสุภาพสมกับกาละเทสะของงานศพผู้เป็นที่รัก บัดนี้แหงนหน้ามองบนเมรุ กลิ่นหอมของดอกไม้จันทน์ยังฟุ้งติดจมูกแม้เมื่อพิธีการเสร็จสิ้นลงมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว
เกษราสะกดเสียงสะอื้น พลางขาเรียวก้าวขึ้นบันไดช้าๆ จากที่คิดว่าจะเดินขึ้นไปใกล้ยายจ๋าอีกครั้ง เธอก็พลันหยุด
‘คนเราเมื่อถึงเวลาต้องไปแล้ว ทำยังไงก็รั้งไว้ไม่อยู่ ทำยังไงเขาก็ไปอยู่ดี’ ยายจ๋าเคยสอนตอนที่เธอเจ็บช้ำนักจากธัชชาติเมื่อนานมาแล้ว ‘ปล่อยเขาไป แต่ใจเรา ตัวเราต้องอยู่’
ร่างอรชรในกระโปรงยาวสีดำทรุดตัวลงนั่งบนขั้นบันไดของเมรุ ดวงตาสวยปิดลงแน่น พยายามสะกดกลั้นเสียงสะอื้น แต่ก็ทำไม่ไหว
เสียงครางเบาราวความเงียบของบริเวณวัด ไม่ต่างจากฝีเท้าของใครคนหนึ่งที่ย่ำเข้ามาใกล้แล้วย่อตัวลงตรงหน้า วางกระดาษทิชชู่แผ่นนุ่มลงในมือของเธอ
เมื่อนั้นเกษราจึงเปิกตาขึ้น พร้อมกับความรู้สึกจากรอยสัมผัสของเขาที่กุมมือเธอไว้หลวมๆ
ไม่ต้องมีคำพูดใดๆ ไม่จำเป็นต้องหาคำปลอบใจ แค่ความเงียบ รอยสัมผัสที่แสดงความห่วงใย แค่มีเขาอยู่ตรงหน้า แววตาและดวงหน้าของเขาที่ฉายความอาทรก็เพียงพอแล้วที่
และราวว่าเวลาจะหยุดไว้เพียงแค่ตรงนี้ ยามเมื่อแสงอาทิตย์ร่ำไรเตรียมร่ำลาผลัดเวียนเปลี่ยนจากสายัณห์เข้าย่ำเหยียบครั้นสนธยา
“กลับบ้านเถอะหนูปีบ” มือใหญ่ที่วางรองมือทั้งสองของเธอที่ประสานกันนั้นกระตุกเตือนอย่างอ่อนโยน ไม่ต่างจากเสียงทุ้ม “เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยมารับคุณยายกลับไปด้วยกันนะจ๊ะ”
เพียงแต่ว่าเกษรานิ่งไปครู่นึง ไม่มีเสียงสะอื้น จะมีก็แค่หยดน้ำตาแห่งความโศกเศร้าเสียใจที่เธอทนเก็บไว้ตลอดเวลาพิธีงาน หากแล้วความอบอุ่นจากมืออีกข้างของเขาที่ยกขึ้นใช้นิ้วโป้งแตะซับอย่างละมุน ทำให้เกษรายึดจับเขาไว้แน่น ก่อนจะโถมตัวอิงซบกับไหล่ของชายหนุ่มในสูทสีดำ เธอนิ่งในท่านั้นอยู่นาน หยดน้ำตาซึมผ่านสูทเนื้อดีถ่ายทอดความโศกเศร้าทั้งหมด
จนในที่สุดเกษราขยับตัวออกห่างเพียงนิดเดียว ใบหน้าห่างเพียงแค่ช่วงลมหายใจจากดวงหน้าละมุนของเขา ไม่ต้องมีคำพูด แค่มีแววตาที่บ่งบอกความรู้สึกทั้งหมด ก็ทำให้เธอสบายใจขึ้นมากนัก ไม่โดดเดี่ยวราวว่า…มีเพียงตัวคนเดียวในโลก
“ไปกันเถอะ คุณป้ารออยู่” ภูเก็ตรวบมือเล็กไว้ พยุงเธอลุกขึ้น วงแขนอบอุ่นโอบไหล่บางในชุดสีดำกระชับเข้ามาแนบชิดตัวเขา พาเดินมายังบริเวณด้านนอกที่มีรถสามคันจอดอยู่
ดวงหน้าที่คุ้นเคยของคนในครอบครัวและคนสนิททำให้เกษราเผยอยิ้มบางๆ ด้วยความอบอุ่นใจ เพียงแต่ว่าร่างของผู้หญิงอีกคนในชุดกระโปรงสีดำทำให้หญิงสาวต้องนิ่วหน้า
…ครูโรส!
ไม่ซิ…ระริน!
และเมื่อนั้นเธอจึงหยุดกึกเงยหน้าขึ้นมองคนที่อยู่ข้างๆ รู้สึกหรอกว่าแขนที่โอบไหล่ของเธออยู่พลันรัดแน่นขึ้น
“ระรินอยากมาร่วมงานด้วย ผมก็เลยพามา”
เสียงกระซิบราวว่าล่วงรู้ความคิดของเธอ เขานำเธอเดินเข้ามาใกล้ พอให้ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนนั้นที่บอก
“ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะคุณเกด”
เกษรายิ้มตามมารยาท พลางขยับตัวออกจากอ้อมแขนของเขา และโดยที่ไม่เอ่ยอะไรสักคำ หันเดินไปขึ้นรถตู้คันงามที่เปิดประตูรออยู่ โดยมีคุณมัลลิกาตามหลังมาติดๆ
“ขอบคุณนะคะครูโรสที่อุตส่าห์มา” พีทซี่กล่าวอย่างเกรงใจ ใบหน้ายิ้มแหยๆ ไม่ต่างจากเหมียวเปรี้ยวที่ยืนอยู่ข้างๆ
ป้า…หลาน…คู่นั้นพอกัน
การกล่าวลาของผู้จัดการดาราคนดังกับแขกทั้งสองคนนั้นรวดเร็ว พอๆ กับการลากเหมียวเปรี้ยวไปที่รถตู้
“คุณภูนะ คุณภู…ไม่น่าพาครูโรสมาเลย ยัยเกดยิ่งเข้าใจอะไรยากๆ อยู่ด้วย” พีทซี่กรนบ่นกับคู่ซี้ก่อนทั้งคู่จะก้าวขึ้นรถ หากสายตายังจับอยู่ที่ชายหญิงคู่นั้นที่เดินไปยังรถยุโรปคันเล็กที่จอดอยู่ข้างหน้า
เห็น…พอๆ กับที่คุณมัลลิกาและเกษราก็คงเห็น แขนของเขาที่ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้โอบประคองเกษราไว้ บัดนี้ถูกวางทาบโดยมือของผู้หญิงคนนั้น
“โลกกลม…” คุณมัลลิกาปรารถภายใต้การผ่อนลมหายใจ “เวรกรรม…สงสารก็แต่คุณภูเก็ต คนเคยรักกันมาเป็นสิบๆ ปี ตั้งแต่ยังไม่แตกเนื้อหนุ่ม จะให้ตัดเสียทีเดียวก็คงไม่ขาด ขึ้นอยู่ว่าคุณภูจะเลือกเดินทางไหน”
และแม้ทั้งพีทซี่และเหมียวเปรี้ยวจะพยักหน้าเห็นด้วยเป็นการใหญ่ แต่เกษราก็ยังคงนิ่งเฉย ราวไม่รับรู้ไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น
เลือกหรือ…หลายปีที่ผ่านมาในตำแหน่งนางเอกชื่อดังทำให้หญิงสาวมีทางเลือก มีคนให้เลือกมากมาย
บางทีเสียใจ เจ็บใจ แต่เธอก็เลือกได้ที่จะจมหรือไม่จมกับความผิดหวังนั่น เพราะตัวเลือกของความเป็นนางเอกชื่อดัง ความสวยและชื่อเสียงทำให้บางทีเธอเลือกไม่ถูก หรือไม่เลือกเอง แต่เมื่อเลือกแล้ว เธอก็มักเจ็บปวดกับคนที่ถูกเลือกเสมอ
ทั้งธัชชาติ
แล้วตอนนี้…ภูเก็ต
ความเสียใจเพราะการจากของยายจ๋า ผนวกกับความผิดหวังช้ำใจเรื่องของภูเก็ตและระริน ทำให้เกษราไม่สามารถข่มตานอนหลับได้ในหลายคืนที่ผ่านมา แม้กระทั่งในคืนนี้ ที่ทั้งพีทซี่และเหมียวเปรี้ยวต่างก็ค้างอยู่ที่แปดริ้วเป็นเพื่อนเธอ เพื่อเตรียมตัวเก็บอัฐิของยายจ๋าในวันรุ่งขึ้น
และยิ่งคืนนี้ ท่าทางของพีทซี่แปลกไป ถึงขั้นแอบลงมาซุบซิบคุยโทรศัพท์ข้างล่าง และเป็นเช่นนั้นแม้ในตอนเช้าตรู่
ต่อให้สงสัย แต่เกษราก็ไม่มีกระจิตกระใจเค้นถาม
อาจจะเป็นเรื่องเด็กๆ ในสังกัดที่ผู้จัดการดาราแถวหน้าเช่นพีทซี่ต้องรับผิดชอบดูแลเป็นโขยง หรืออาจจะเป็นปัญหาธุรกิจลงทุนที่พีทซี่มีเล็กๆ น้อยๆ ไซด์ไลน์ บางทีก็เป็นเรื่องหนุ่มๆ ในคาถาเข้ามาทำให้วุ่นวายใจ
การรับโทรศัพท์ การคุย สีหน้าท่าทางล้วนบ่งบอกว่ามีเรื่อง ที่แม้แต่เหมียวเปรี้ยวก็ยังสงสัย
“คุณภูมาไม่ได้แล้วนะ ต้องเข้าไปคุยกับแอลทัส” ผู้จัดการดาราดังรายงานทุกคนในตอนเช้าระหว่างที่เตรียมตัวออกจากบ้าน
“ช่างเขา” เกษรายักไหล่ ก่อนจะจ้องหน้าเพื่อนสนิท “แล้วเธอเครียดอะไรกันนัก มีอะไร”
“ไม่…ไม่มี” คนปฏิเสธส่ายหน้า แต่ไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย
เธอรอ…หวังว่าจะรอจนเสร็จพิธีก่อนแล้วค่อยคุยตอนบ่ายๆ หวังเพียงแต่ว่า…เรื่อง…ยังไม่ถึงหูบรรดาแฟนคลับที่ยกโขยงมาร่วมพิธีเก็บอัฐิด้วย แล้วยังนักข่าว
“อย่าให้ใครตั้งคำถามอะไรกับเกดเด็ดขาด” พีทซี่สั่งกับเหมียวเปรี้ยว “ตามประกบนายของหล่อนไว้ให้ดี ถ้าใครถามอะไร แค่อ้าปากจะถาม เธอต้องรีบตัดบท ไม่ให้ถามเข้าใจไหม”
คำสั่งเฉียบขาด โดยที่อีกฝ่ายทำตามอย่างไม่บกพร่องแม้ว่าจะมีความสงสัยอยู่เต็มเปี่ยมว่า…ทำไม จนกระทั่งนักข่าวที่สนิทกันเข้ามากระซิบ
“เกดยังไม่รู้เรื่องภาพหลุดที่คนเขาเจอกันในงานเมื่อวานใช่ไหม”
และนั่นทำให้เหมียวเปรี้ยวหันควับ “ภาพอะไร”
“ภาพคนหน้าคล้ายๆ เกดกำลัง…อ่ะนะ กับผู้ชาย” เสียงเบาแต่ทำไมคนฟังรู้สึกว่ามันดังทะลุโสตประสาท “มีคนเก็บได้ในงานสี่ห้ารูป นี่กระจายกันในเน็ตเมื่อคืนไปบ้างแล้ว”
เมื่อนั้นเหมียวเปรี้ยวจึงหันมองพีทซี่ที่ขนาบข้างชิดติดกับเกษรา สีหน้าซีดดูเคร่ง ไม่บอกก็รู้ว่านี่คือปัญหาที่พีทซี่ต้องรับหน้าตั้งแต่เมื่อคืน
และจะเป็นปัญหาที่เกษราต้องเผชิญเมื่อเสร็จสิ้นพิธีในวันนี้
ข่าวดังในรอบสัปดาห์ก็คงไม่พ้นภาพหลุดที่มองแวบแรกทุกคนมักจะคิดไปว่า…เกษรา!
ภาพหลุดที่เจอในงานพิธีเผาศพของยายนางเอกคนดัง
ข่าวนี้…ทำให้สังคมพูดถึงกันยกใหญ่ เพราะใครกันอาจหาญทำเช่นนี้
และข่าวที่หลุดมาตอนนี้ ทำให้กระแสสังคมยิ่งเห็นใจนางเอกคนดัง
ส่วนเกษราไม่ได้เก็บตัวเงียบอย่างที่ทุกคนคาดคิด จะเงียบก็แค่ครบเจ็ดวันหลังงานของยายจ๋า พอหลังจากนั้นนางเอกสาวคนดังก็ออกมาให้สัมภาษณ์ปฏิเสธได้อย่างเต็มปาก
คนมีหน้าตาคล้าย รูปร่างคล้ายเธอก็ไม่เห็นแปลก สมัยนี้ศัลยกรรมกันง่ายนัก และอีกอย่างรูปเหล่านั้นไม่ได้ถ่ายในประเทศไทย แต่เป็นในห้องพักบ้านเก่าๆ มอซอในเมืองหนาว
มีหรือที่ดาราดังแถวหน้าจะไปทำอะไรในที่อย่างนั้น
เกษราสยบความสงสัยได้ สยบข่าวฉาวเปลี่ยนกระแสมาเป็นแง่บวกต่อตัวเอง และกับละครที่กำลังฉาย และแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ภูเก็ตก็ไม่วายเป็นกังวลด้วยความเป็นห่วง
เขาห่วงนักหนาว่าเกษราจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ จิตใจของเขามักกระวนกระวายคิดถึง
เพียงแต่ภูเก็ตก็ไม่กล้าพอที่จะโทรฯ หาเธอโดยตรง รู้หรอกว่า ถึงโทรฯ ไปหญิงสาวก็คงไม่ยอมรับสาย และถึงรับ…เธอก็คงต้องมีคำพูดอะไรที่ทำให้เขายิ่งผิดหวัง…ท้อใจเข้าไปอีก
เวรกรรม…รักเขาข้างเดียวมันเปลี่ยวหัวใจเช่นนี้นี่เอง
เมื่อเป็นเช่นนั้น คนที่ชายหนุ่มมักจะคุยด้วยก็คือพีทซี่ ผู้ที่ทำให้เขารู้เรื่องราวความเป็นไปของเกษรา
“คืนนี้เกดอยู่ที่คอนโด คุณภูลองแวะขึ้นไปซิคะ ไปคุย โปรยคำหวานๆ เดี๋ยวคนปากแข็งอย่างนางก็ใจอ่อน” พีทซี่เพิ่งย้ำกับเขาไปเมื่อตอนหัวค่ำ “ตื๊อเท่านั้นที่จะชนะใจผู้หญิงปากแข็ง ปากไม่ตรงกับใจ”
การรายงานและกำลังใจนั่นพาเขาขึ้นมาที่ชั้น 31 ของคอนโดอีกครั้ง
ร่างสูงในชุดสูทสีเทาควันบุหรี่ ทับเสื้อเชิ้ตสีขาวเปิดกระดุมเม็ดบน ยืนนิ่งอยู่หน้าห้องสูทใหญ่ที่เขาแสนคุ้นเคย ครั้งนี้ภูเก็ตไม่รีรอหรือลังเลที่จะกดออดเรียก มาดมั่นว่า…ถ้ามาเปิด เขาก็จะเรียกอยู่อย่างนี้
ดวงหน้าคมคายเคร่งด้วยความคิด มีรอยยิ้มที่แตะบางๆ มุมปากทอประกายความหวัง
ทว่าเมื่อประตูบานใหญ่ของห้องพักถูกเปิดออก รอยยิ้มก็จางหายไปจากใบหน้าของเขาทันที คิ้วเข้มขมวดเข้าฉงน
“มาหาใครครับ ผิดห้องหรือเปล่า”
คำถามจากผู้ชายที่ยืนอยู่อีกฟากฝั่งประตูที่เปิดออก ทำให้ภูเก็ตกระพริบตาถี่ๆ ไม่แน่ใจ อยากจะคิดว่าเขามาห้องผิด หากแล้วเสียงใสที่ดังมาจากด้านในยืนยันว่า…ไม่มีอะไรผิด
“เขาเอาอาหารมาส่งแล้วเหรอ เท่าไหร่” ยังไม่ทันสิ้นเสียงใส ร่างระหงของนางเอกสาวในชุดลำลองใต้เสื้อคลุมตัวหนาก็ปรากฏตัวด้านเยื้องไปด้านหลังของผู้ชายคนนั้น
เธอชะงักไปเช่นกันทันทีที่เห็นว่า…ใคร
ภูเก็ตจ้องมองเธอด้วยสายตาเจ็บปวด ริมฝีปากของเขาเม้มสนิท “ผมมาผิดห้อง”
ร่างสูงหันเดินกลับทันที ไรกรามขบแน่นพยายามสะกดความรู้สึกทั้งหมด
แทนที่จะลงมายังห้องพัก ภูเก็ตกลับลงลิฟต์มาถึงชั้นล่าง เดินช้าๆ เซเพียงนิดมายังรถที่จอดอยู่ ด้วยความคิดที่แล่นอยู่ในหัว และความผิดหวังที่เกาะกุมในหัวใจ
ไม่แน่ใจนักว่าเขานั่งอยู่ในรถนานเท่าไร นั่งหลับตานิ่งพยายามคิดว่า…แล้วเราควรทำอย่างไร
เพียงแต่ว่าทุกความคิดพามโนภาพวนกลับมา เห็นตัวเองยืนแหงนมองต้นไม้สูงที่แลดูบอบบาง ต้นปีบสูงนักใต้ร้มเงาก็ร่มรื่น แล้วยังส่งกลิ่นหอมฟุ้งของดอกสะพรั่งที่ยังคงแตะจมูกในตอนนี้
มีผู้หญิงหลายคนให้เขาเลือก แต่เขาก็ไม่เคยเลือกใครนอกจากระริน
จนกระทั่งมีเกษราเข้ามาในชีวิต พร้อมๆ กับคำถามที่เขามักย้ำถามตัวเองเรื่อยมา
….รักเหรอ…
‘หนูปีบ…ผมคิดจะรักคุณนะ’
คิด…แล้วก็ดันรักเข้าจริงๆ แต่เกษรามักมองว่าเป็นเพียงรักลวง เป็นความไม่จริงใจ
แค่คิด…ถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็แสยะยิ้ม ก่อนจะหัวเราะแผ่วๆ
เกษราให้โอกาสคนอื่น แม้กระทั่งณัฐ แต่ไม่เคยให้โอกาสเขาเลย
แล้วโอกาสของเขายังมีอีกหรือ
ชายหนุ่มเอนตัวพิงเบาะที่นั่ง เตรียมหักรถเสี้ยวออกจากที่จอด ยังคิดไม่ออกหรอกว่าจะไปไหนในเวลาเกือบสามทุ่มเช่นนี้
จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เขาจึงหยิบขึ้นมา ไม่ดูด้วยซ้ำว่าใครกำลังโทรฯ หา
“หมิง! อยู่ไหน” เสียงกระวนกระวายของเจ้าสัวเกรียงไกรทำให้เขาสะดุ้ง ตื่นจากความคิดถึงที่มีเกษราอยู่เต็มหัว “ระริน…เกิดเรื่องกับระริน หมิงมาที่บ้านด่วน”
จากคนที่ไม่มีที่ไป ไม่มีจุดหมายปลายทาง บัดนี้ภูเก็ตรู้ตัวทันทีว่าจะต้องไปที่ไหน
รถยุโรปแล่นออกอย่างเร็วจากที่จอดรถของอาคาร ไม่ทันเห็นร่างระหงที่สาวเท้าออกจากประตูตึกมาอย่างรวดเร็ว แล้วหยุดหน้าช่องจอดรถประจำของเขา มองความว่างเปล่าตรงหน้าพลางถอนหายใจเบาๆ
(ต่อ)
อาทิตย์อับแสง (บทที่ 42) โดย มานัส
แสงสว่างของวันเริ่มอ่อนล้าโรยแรง เห็นเป็นเพียงสีส้มอมแดงระเรื่อริมขอบฟ้าอยู่ไรๆ ในเวลาจวนพลบค่ำ
ทุกอย่างเงียบสงบ อาจเป็นเพราะบรรยากาศของวัดในต่างจังหวัด และเหล่าผู้คนที่มาร่วงงานพิธีฌาปนกิจยายจ๋าก็พากันทยอยกลับจนเกือบหมด เหลือเพียงคนระแวกนี้ที่สนิทสนม รวมทั้งพีทซี่ เหมียวเปรี้ยว และบรรดา…หนุ่มๆ ในสังกัดของพีทซี่ ที่คอยตรวจตราดูแลความเรียบร้อย
หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีดำสนิทสุภาพสมกับกาละเทสะของงานศพผู้เป็นที่รัก บัดนี้แหงนหน้ามองบนเมรุ กลิ่นหอมของดอกไม้จันทน์ยังฟุ้งติดจมูกแม้เมื่อพิธีการเสร็จสิ้นลงมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว
เกษราสะกดเสียงสะอื้น พลางขาเรียวก้าวขึ้นบันไดช้าๆ จากที่คิดว่าจะเดินขึ้นไปใกล้ยายจ๋าอีกครั้ง เธอก็พลันหยุด
‘คนเราเมื่อถึงเวลาต้องไปแล้ว ทำยังไงก็รั้งไว้ไม่อยู่ ทำยังไงเขาก็ไปอยู่ดี’ ยายจ๋าเคยสอนตอนที่เธอเจ็บช้ำนักจากธัชชาติเมื่อนานมาแล้ว ‘ปล่อยเขาไป แต่ใจเรา ตัวเราต้องอยู่’
ร่างอรชรในกระโปรงยาวสีดำทรุดตัวลงนั่งบนขั้นบันไดของเมรุ ดวงตาสวยปิดลงแน่น พยายามสะกดกลั้นเสียงสะอื้น แต่ก็ทำไม่ไหว
เสียงครางเบาราวความเงียบของบริเวณวัด ไม่ต่างจากฝีเท้าของใครคนหนึ่งที่ย่ำเข้ามาใกล้แล้วย่อตัวลงตรงหน้า วางกระดาษทิชชู่แผ่นนุ่มลงในมือของเธอ
เมื่อนั้นเกษราจึงเปิกตาขึ้น พร้อมกับความรู้สึกจากรอยสัมผัสของเขาที่กุมมือเธอไว้หลวมๆ
ไม่ต้องมีคำพูดใดๆ ไม่จำเป็นต้องหาคำปลอบใจ แค่ความเงียบ รอยสัมผัสที่แสดงความห่วงใย แค่มีเขาอยู่ตรงหน้า แววตาและดวงหน้าของเขาที่ฉายความอาทรก็เพียงพอแล้วที่
และราวว่าเวลาจะหยุดไว้เพียงแค่ตรงนี้ ยามเมื่อแสงอาทิตย์ร่ำไรเตรียมร่ำลาผลัดเวียนเปลี่ยนจากสายัณห์เข้าย่ำเหยียบครั้นสนธยา
“กลับบ้านเถอะหนูปีบ” มือใหญ่ที่วางรองมือทั้งสองของเธอที่ประสานกันนั้นกระตุกเตือนอย่างอ่อนโยน ไม่ต่างจากเสียงทุ้ม “เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยมารับคุณยายกลับไปด้วยกันนะจ๊ะ”
เพียงแต่ว่าเกษรานิ่งไปครู่นึง ไม่มีเสียงสะอื้น จะมีก็แค่หยดน้ำตาแห่งความโศกเศร้าเสียใจที่เธอทนเก็บไว้ตลอดเวลาพิธีงาน หากแล้วความอบอุ่นจากมืออีกข้างของเขาที่ยกขึ้นใช้นิ้วโป้งแตะซับอย่างละมุน ทำให้เกษรายึดจับเขาไว้แน่น ก่อนจะโถมตัวอิงซบกับไหล่ของชายหนุ่มในสูทสีดำ เธอนิ่งในท่านั้นอยู่นาน หยดน้ำตาซึมผ่านสูทเนื้อดีถ่ายทอดความโศกเศร้าทั้งหมด
จนในที่สุดเกษราขยับตัวออกห่างเพียงนิดเดียว ใบหน้าห่างเพียงแค่ช่วงลมหายใจจากดวงหน้าละมุนของเขา ไม่ต้องมีคำพูด แค่มีแววตาที่บ่งบอกความรู้สึกทั้งหมด ก็ทำให้เธอสบายใจขึ้นมากนัก ไม่โดดเดี่ยวราวว่า…มีเพียงตัวคนเดียวในโลก
“ไปกันเถอะ คุณป้ารออยู่” ภูเก็ตรวบมือเล็กไว้ พยุงเธอลุกขึ้น วงแขนอบอุ่นโอบไหล่บางในชุดสีดำกระชับเข้ามาแนบชิดตัวเขา พาเดินมายังบริเวณด้านนอกที่มีรถสามคันจอดอยู่
ดวงหน้าที่คุ้นเคยของคนในครอบครัวและคนสนิททำให้เกษราเผยอยิ้มบางๆ ด้วยความอบอุ่นใจ เพียงแต่ว่าร่างของผู้หญิงอีกคนในชุดกระโปรงสีดำทำให้หญิงสาวต้องนิ่วหน้า
…ครูโรส!
ไม่ซิ…ระริน!
และเมื่อนั้นเธอจึงหยุดกึกเงยหน้าขึ้นมองคนที่อยู่ข้างๆ รู้สึกหรอกว่าแขนที่โอบไหล่ของเธออยู่พลันรัดแน่นขึ้น
“ระรินอยากมาร่วมงานด้วย ผมก็เลยพามา”
เสียงกระซิบราวว่าล่วงรู้ความคิดของเธอ เขานำเธอเดินเข้ามาใกล้ พอให้ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนนั้นที่บอก
“ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะคุณเกด”
เกษรายิ้มตามมารยาท พลางขยับตัวออกจากอ้อมแขนของเขา และโดยที่ไม่เอ่ยอะไรสักคำ หันเดินไปขึ้นรถตู้คันงามที่เปิดประตูรออยู่ โดยมีคุณมัลลิกาตามหลังมาติดๆ
“ขอบคุณนะคะครูโรสที่อุตส่าห์มา” พีทซี่กล่าวอย่างเกรงใจ ใบหน้ายิ้มแหยๆ ไม่ต่างจากเหมียวเปรี้ยวที่ยืนอยู่ข้างๆ
ป้า…หลาน…คู่นั้นพอกัน
การกล่าวลาของผู้จัดการดาราคนดังกับแขกทั้งสองคนนั้นรวดเร็ว พอๆ กับการลากเหมียวเปรี้ยวไปที่รถตู้
“คุณภูนะ คุณภู…ไม่น่าพาครูโรสมาเลย ยัยเกดยิ่งเข้าใจอะไรยากๆ อยู่ด้วย” พีทซี่กรนบ่นกับคู่ซี้ก่อนทั้งคู่จะก้าวขึ้นรถ หากสายตายังจับอยู่ที่ชายหญิงคู่นั้นที่เดินไปยังรถยุโรปคันเล็กที่จอดอยู่ข้างหน้า
เห็น…พอๆ กับที่คุณมัลลิกาและเกษราก็คงเห็น แขนของเขาที่ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้โอบประคองเกษราไว้ บัดนี้ถูกวางทาบโดยมือของผู้หญิงคนนั้น
“โลกกลม…” คุณมัลลิกาปรารถภายใต้การผ่อนลมหายใจ “เวรกรรม…สงสารก็แต่คุณภูเก็ต คนเคยรักกันมาเป็นสิบๆ ปี ตั้งแต่ยังไม่แตกเนื้อหนุ่ม จะให้ตัดเสียทีเดียวก็คงไม่ขาด ขึ้นอยู่ว่าคุณภูจะเลือกเดินทางไหน”
และแม้ทั้งพีทซี่และเหมียวเปรี้ยวจะพยักหน้าเห็นด้วยเป็นการใหญ่ แต่เกษราก็ยังคงนิ่งเฉย ราวไม่รับรู้ไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น
เลือกหรือ…หลายปีที่ผ่านมาในตำแหน่งนางเอกชื่อดังทำให้หญิงสาวมีทางเลือก มีคนให้เลือกมากมาย
บางทีเสียใจ เจ็บใจ แต่เธอก็เลือกได้ที่จะจมหรือไม่จมกับความผิดหวังนั่น เพราะตัวเลือกของความเป็นนางเอกชื่อดัง ความสวยและชื่อเสียงทำให้บางทีเธอเลือกไม่ถูก หรือไม่เลือกเอง แต่เมื่อเลือกแล้ว เธอก็มักเจ็บปวดกับคนที่ถูกเลือกเสมอ
ทั้งธัชชาติ
แล้วตอนนี้…ภูเก็ต
ความเสียใจเพราะการจากของยายจ๋า ผนวกกับความผิดหวังช้ำใจเรื่องของภูเก็ตและระริน ทำให้เกษราไม่สามารถข่มตานอนหลับได้ในหลายคืนที่ผ่านมา แม้กระทั่งในคืนนี้ ที่ทั้งพีทซี่และเหมียวเปรี้ยวต่างก็ค้างอยู่ที่แปดริ้วเป็นเพื่อนเธอ เพื่อเตรียมตัวเก็บอัฐิของยายจ๋าในวันรุ่งขึ้น
และยิ่งคืนนี้ ท่าทางของพีทซี่แปลกไป ถึงขั้นแอบลงมาซุบซิบคุยโทรศัพท์ข้างล่าง และเป็นเช่นนั้นแม้ในตอนเช้าตรู่
ต่อให้สงสัย แต่เกษราก็ไม่มีกระจิตกระใจเค้นถาม
อาจจะเป็นเรื่องเด็กๆ ในสังกัดที่ผู้จัดการดาราแถวหน้าเช่นพีทซี่ต้องรับผิดชอบดูแลเป็นโขยง หรืออาจจะเป็นปัญหาธุรกิจลงทุนที่พีทซี่มีเล็กๆ น้อยๆ ไซด์ไลน์ บางทีก็เป็นเรื่องหนุ่มๆ ในคาถาเข้ามาทำให้วุ่นวายใจ
การรับโทรศัพท์ การคุย สีหน้าท่าทางล้วนบ่งบอกว่ามีเรื่อง ที่แม้แต่เหมียวเปรี้ยวก็ยังสงสัย
“คุณภูมาไม่ได้แล้วนะ ต้องเข้าไปคุยกับแอลทัส” ผู้จัดการดาราดังรายงานทุกคนในตอนเช้าระหว่างที่เตรียมตัวออกจากบ้าน
“ช่างเขา” เกษรายักไหล่ ก่อนจะจ้องหน้าเพื่อนสนิท “แล้วเธอเครียดอะไรกันนัก มีอะไร”
“ไม่…ไม่มี” คนปฏิเสธส่ายหน้า แต่ไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย
เธอรอ…หวังว่าจะรอจนเสร็จพิธีก่อนแล้วค่อยคุยตอนบ่ายๆ หวังเพียงแต่ว่า…เรื่อง…ยังไม่ถึงหูบรรดาแฟนคลับที่ยกโขยงมาร่วมพิธีเก็บอัฐิด้วย แล้วยังนักข่าว
“อย่าให้ใครตั้งคำถามอะไรกับเกดเด็ดขาด” พีทซี่สั่งกับเหมียวเปรี้ยว “ตามประกบนายของหล่อนไว้ให้ดี ถ้าใครถามอะไร แค่อ้าปากจะถาม เธอต้องรีบตัดบท ไม่ให้ถามเข้าใจไหม”
คำสั่งเฉียบขาด โดยที่อีกฝ่ายทำตามอย่างไม่บกพร่องแม้ว่าจะมีความสงสัยอยู่เต็มเปี่ยมว่า…ทำไม จนกระทั่งนักข่าวที่สนิทกันเข้ามากระซิบ
“เกดยังไม่รู้เรื่องภาพหลุดที่คนเขาเจอกันในงานเมื่อวานใช่ไหม”
และนั่นทำให้เหมียวเปรี้ยวหันควับ “ภาพอะไร”
“ภาพคนหน้าคล้ายๆ เกดกำลัง…อ่ะนะ กับผู้ชาย” เสียงเบาแต่ทำไมคนฟังรู้สึกว่ามันดังทะลุโสตประสาท “มีคนเก็บได้ในงานสี่ห้ารูป นี่กระจายกันในเน็ตเมื่อคืนไปบ้างแล้ว”
เมื่อนั้นเหมียวเปรี้ยวจึงหันมองพีทซี่ที่ขนาบข้างชิดติดกับเกษรา สีหน้าซีดดูเคร่ง ไม่บอกก็รู้ว่านี่คือปัญหาที่พีทซี่ต้องรับหน้าตั้งแต่เมื่อคืน
และจะเป็นปัญหาที่เกษราต้องเผชิญเมื่อเสร็จสิ้นพิธีในวันนี้
ข่าวดังในรอบสัปดาห์ก็คงไม่พ้นภาพหลุดที่มองแวบแรกทุกคนมักจะคิดไปว่า…เกษรา!
ภาพหลุดที่เจอในงานพิธีเผาศพของยายนางเอกคนดัง
ข่าวนี้…ทำให้สังคมพูดถึงกันยกใหญ่ เพราะใครกันอาจหาญทำเช่นนี้
และข่าวที่หลุดมาตอนนี้ ทำให้กระแสสังคมยิ่งเห็นใจนางเอกคนดัง
ส่วนเกษราไม่ได้เก็บตัวเงียบอย่างที่ทุกคนคาดคิด จะเงียบก็แค่ครบเจ็ดวันหลังงานของยายจ๋า พอหลังจากนั้นนางเอกสาวคนดังก็ออกมาให้สัมภาษณ์ปฏิเสธได้อย่างเต็มปาก
คนมีหน้าตาคล้าย รูปร่างคล้ายเธอก็ไม่เห็นแปลก สมัยนี้ศัลยกรรมกันง่ายนัก และอีกอย่างรูปเหล่านั้นไม่ได้ถ่ายในประเทศไทย แต่เป็นในห้องพักบ้านเก่าๆ มอซอในเมืองหนาว
มีหรือที่ดาราดังแถวหน้าจะไปทำอะไรในที่อย่างนั้น
เกษราสยบความสงสัยได้ สยบข่าวฉาวเปลี่ยนกระแสมาเป็นแง่บวกต่อตัวเอง และกับละครที่กำลังฉาย และแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ภูเก็ตก็ไม่วายเป็นกังวลด้วยความเป็นห่วง
เขาห่วงนักหนาว่าเกษราจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ จิตใจของเขามักกระวนกระวายคิดถึง
เพียงแต่ภูเก็ตก็ไม่กล้าพอที่จะโทรฯ หาเธอโดยตรง รู้หรอกว่า ถึงโทรฯ ไปหญิงสาวก็คงไม่ยอมรับสาย และถึงรับ…เธอก็คงต้องมีคำพูดอะไรที่ทำให้เขายิ่งผิดหวัง…ท้อใจเข้าไปอีก
เวรกรรม…รักเขาข้างเดียวมันเปลี่ยวหัวใจเช่นนี้นี่เอง
เมื่อเป็นเช่นนั้น คนที่ชายหนุ่มมักจะคุยด้วยก็คือพีทซี่ ผู้ที่ทำให้เขารู้เรื่องราวความเป็นไปของเกษรา
“คืนนี้เกดอยู่ที่คอนโด คุณภูลองแวะขึ้นไปซิคะ ไปคุย โปรยคำหวานๆ เดี๋ยวคนปากแข็งอย่างนางก็ใจอ่อน” พีทซี่เพิ่งย้ำกับเขาไปเมื่อตอนหัวค่ำ “ตื๊อเท่านั้นที่จะชนะใจผู้หญิงปากแข็ง ปากไม่ตรงกับใจ”
การรายงานและกำลังใจนั่นพาเขาขึ้นมาที่ชั้น 31 ของคอนโดอีกครั้ง
ร่างสูงในชุดสูทสีเทาควันบุหรี่ ทับเสื้อเชิ้ตสีขาวเปิดกระดุมเม็ดบน ยืนนิ่งอยู่หน้าห้องสูทใหญ่ที่เขาแสนคุ้นเคย ครั้งนี้ภูเก็ตไม่รีรอหรือลังเลที่จะกดออดเรียก มาดมั่นว่า…ถ้ามาเปิด เขาก็จะเรียกอยู่อย่างนี้
ดวงหน้าคมคายเคร่งด้วยความคิด มีรอยยิ้มที่แตะบางๆ มุมปากทอประกายความหวัง
ทว่าเมื่อประตูบานใหญ่ของห้องพักถูกเปิดออก รอยยิ้มก็จางหายไปจากใบหน้าของเขาทันที คิ้วเข้มขมวดเข้าฉงน
“มาหาใครครับ ผิดห้องหรือเปล่า”
คำถามจากผู้ชายที่ยืนอยู่อีกฟากฝั่งประตูที่เปิดออก ทำให้ภูเก็ตกระพริบตาถี่ๆ ไม่แน่ใจ อยากจะคิดว่าเขามาห้องผิด หากแล้วเสียงใสที่ดังมาจากด้านในยืนยันว่า…ไม่มีอะไรผิด
“เขาเอาอาหารมาส่งแล้วเหรอ เท่าไหร่” ยังไม่ทันสิ้นเสียงใส ร่างระหงของนางเอกสาวในชุดลำลองใต้เสื้อคลุมตัวหนาก็ปรากฏตัวด้านเยื้องไปด้านหลังของผู้ชายคนนั้น
เธอชะงักไปเช่นกันทันทีที่เห็นว่า…ใคร
ภูเก็ตจ้องมองเธอด้วยสายตาเจ็บปวด ริมฝีปากของเขาเม้มสนิท “ผมมาผิดห้อง”
ร่างสูงหันเดินกลับทันที ไรกรามขบแน่นพยายามสะกดความรู้สึกทั้งหมด
แทนที่จะลงมายังห้องพัก ภูเก็ตกลับลงลิฟต์มาถึงชั้นล่าง เดินช้าๆ เซเพียงนิดมายังรถที่จอดอยู่ ด้วยความคิดที่แล่นอยู่ในหัว และความผิดหวังที่เกาะกุมในหัวใจ
ไม่แน่ใจนักว่าเขานั่งอยู่ในรถนานเท่าไร นั่งหลับตานิ่งพยายามคิดว่า…แล้วเราควรทำอย่างไร
เพียงแต่ว่าทุกความคิดพามโนภาพวนกลับมา เห็นตัวเองยืนแหงนมองต้นไม้สูงที่แลดูบอบบาง ต้นปีบสูงนักใต้ร้มเงาก็ร่มรื่น แล้วยังส่งกลิ่นหอมฟุ้งของดอกสะพรั่งที่ยังคงแตะจมูกในตอนนี้
มีผู้หญิงหลายคนให้เขาเลือก แต่เขาก็ไม่เคยเลือกใครนอกจากระริน
จนกระทั่งมีเกษราเข้ามาในชีวิต พร้อมๆ กับคำถามที่เขามักย้ำถามตัวเองเรื่อยมา
….รักเหรอ…
‘หนูปีบ…ผมคิดจะรักคุณนะ’
คิด…แล้วก็ดันรักเข้าจริงๆ แต่เกษรามักมองว่าเป็นเพียงรักลวง เป็นความไม่จริงใจ
แค่คิด…ถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็แสยะยิ้ม ก่อนจะหัวเราะแผ่วๆ
เกษราให้โอกาสคนอื่น แม้กระทั่งณัฐ แต่ไม่เคยให้โอกาสเขาเลย
แล้วโอกาสของเขายังมีอีกหรือ
ชายหนุ่มเอนตัวพิงเบาะที่นั่ง เตรียมหักรถเสี้ยวออกจากที่จอด ยังคิดไม่ออกหรอกว่าจะไปไหนในเวลาเกือบสามทุ่มเช่นนี้
จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เขาจึงหยิบขึ้นมา ไม่ดูด้วยซ้ำว่าใครกำลังโทรฯ หา
“หมิง! อยู่ไหน” เสียงกระวนกระวายของเจ้าสัวเกรียงไกรทำให้เขาสะดุ้ง ตื่นจากความคิดถึงที่มีเกษราอยู่เต็มหัว “ระริน…เกิดเรื่องกับระริน หมิงมาที่บ้านด่วน”
จากคนที่ไม่มีที่ไป ไม่มีจุดหมายปลายทาง บัดนี้ภูเก็ตรู้ตัวทันทีว่าจะต้องไปที่ไหน
รถยุโรปแล่นออกอย่างเร็วจากที่จอดรถของอาคาร ไม่ทันเห็นร่างระหงที่สาวเท้าออกจากประตูตึกมาอย่างรวดเร็ว แล้วหยุดหน้าช่องจอดรถประจำของเขา มองความว่างเปล่าตรงหน้าพลางถอนหายใจเบาๆ
(ต่อ)