อาทิตย์อับแสง (บทที่ 40) โดย มานัส

กระทู้สนทนา
อาทิตย์อับแสง (บทที่ 40)




ชื่อและนามสกุลของเกษราย่อมเป็นที่คุ้นเคยของคนทั่วทั้งประเทศ นางเอกชื่อดัง ดาราเจ้าบทบาทที่อยู่ในวงการมากว่าสิบปี มีใครบ้างจะไม่รู้จัก

บางคนรู้ประวัติของเธอดีกว่าที่นางเอกสาวจะนึกจำได้เสียอีก

และเกรียงไกรก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ชัดละเอียด เพียงเพราะเคย…สนใจ และไว้ใจพอที่จะทำความรู้จักสนิทสนมกับเธอในฐานะเพื่อน พี่ และผู้ใหญ่ที่หญิงสาวให้ความนับถือ

แม้…ใจ เคยคิดมากเกินไปกว่านั้น แต่เมื่อสนิทมักคุ้นกันแล้ว เจ้าของธนาคารใหญ่ หยุดใจ…ความรู้สึกมิใช่เสน่หา และมิใช่ชู้สาว

เหลือไว้ความเป็นมิตรและความปรารถนาดีที่มีให้ผู้อ่อนวัยกว่า

คนที่เป็นเป้าสายตาของสังคมเช่นเขา และคนที่เป็นที่จับตามองของผู้คนทั้งประเทศเช่นเธอมักมีเพื่อนที่รู้ใจ ไว้ใจให้ความสนิทสนม ไว้วางใจไม่กี่คน

เกรียงไกรจึงคิดเสมอว่า…เรามีเรา

ชะตาคล้ายกัน

ความนึกคิดเหมือนกัน

แต่ก็มีบางอย่างต่างกัน

หากทุกครั้งคุยกันถูกคอ และสบายใจที่จะคบหาสมาคม

แต่เพราะสังคม…เพราะข่าว การคบ…แม้มีแต่ความเป็นเพื่อน มิได้เกินเลย ก็ยังต้องถูกปิดบัง ปิดข่าว ไม่ให้ใครอื่นรู้ นอกจากคนสนิทไม่กี่คน

“เพื่อให้ที่บ้านของดิฉันสบายใจ และดิฉันเองก็ไม่อยากเป็นที่ครหาว่าสิ่งของที่ดิฉันหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงนั้นเป็นมาจากท่านเจ้าสัว”

เกษราชัดเจน อย่างที่ใจและความคิดจะสื่อออกมา เธอบอกเขาเช่นนี้ในครั้งแรกที่ตกลง…พบกัน

และย้ำเสมอในอีกสองสามครั้งต่อมาเท่านั้น เพราะเมื่อมั่นใจ…เพื่อน คำพูด การย้ำจึงเป็นอะไรที่ไม่จำเป็น

ส่วนเขาก็มักย้ำในใจเสมอว่า…วาสนาเรามีแค่นี้จริงๆ หรือ




มิตรที่เขาสนิทสนมด้วยเช่นเกษรา ที่จะพบปะกินข้าวดื่มไวน์เป็นการส่วนตัว กลับทำให้เขานึกถึงใครบางคน นึกถึงความทรงจำที่ซ่อนหลบเร้นในห้วงความคิดเสมอ และยิ่งตอนนี้ เมื่อผู้ช่วยส่วนตัวเข้ามารายงาน เจ้าสัวเกรียงไกรถึงกลับต้องย้ำให้แน่ใจ

“นามสกุลอะไรนะ”

เพราะว่านามสกุลนี้มีเคล้าความคุ้ยเคยจางๆ ที่หลงเหลืออยู่ ทำให้ใบหน้าของเขาซีดด้วยความคิดและความทรงจำ

“ไม่น่าใช่”

เพราะถ้าใช่ แล้วทำไมเขาจึงไม่รู้มาก่อน การสืบประวัติของดาราสาวที่คนของเขาจัดการตรวจสอบเมื่อหลายปีก่อนตอนที่เขาเริ่ม…สนใจ มันควรละเอียดถี่ถ้วน

‘กำพร้า โชคดีที่ป้าและลุงเขยรับเป็นลูกบุญธรรม เกษราโตมากับครอบครัวป้าและมียายที่เลี้ยงดู ครอบครัวฐานะปานกลาง จะมาลำบากก็ตอนลุงเขยเสียชีวิต บ้านเคยถูกยึดเพราะหนี้สินจากธุรกิจก่อสร้างเล็กๆ ของลุงเขย’

ประวัติละเอียดยิบ รู้กระทั่งผลการเรียนของเธอตั้งแต่มัธยมจนจบปริญญาตรี และแม้กระทั่งว่าดาราสาวสวยเคยคบและกำลังคบหาดูใจกับใคร

นามสกุลของผู้เป็นยายที่เกรียงไกรรู้ว่าเกษรารักหนักหนานั้น ไม่ได้ถูกพูดถึง เพราะไม่ว่าใครคนอื่นก็ต้องคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่สำหรับเขา เรื่องนี้ใหญ่หลวงยิ่งนัก

การรับรู้…ยอมรับในความเป็นจริง และคาดคะเนถึงความเป็นไปได้ ทำให้นายธนาคารหัวเราะเบาๆ ราวปลอบใจตัวเอง นึกถึงเมื่อหลายปีก่อนโน้น ที่เขาเคยไข่วคว้า ได้มา และละเลย จนทุกสิ่งทุกอย่างสายเกินไป

จนเขาลืมไปแล้ว คนนามสกุลนี้ แล้วความทรงจำหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง มากับความรู้สึก

รักเอย…รักเจ้าโฉมจิต
มิ่งมิตร พี่เฝ้าฝันหา
แม้ได้เอื้อมมือคว้ามา
แก้วตาอย่าห่วงอาวรณ์

จะรัก…จะหวงดวงใจ
จะไม่…ซ่อนรักซับซ้อน
ผ่านเดือนเคลื่อนปีนิรันดร
พี่วอนรักน้องนางเดียว



พีทซี่หันมองซ้ายแลขวา ท่าทีลุกลี้ลุกลนชัดเจนเป็นที่สังเกตได้ จนเหมียวเปรี้ยวต้องสะกิดให้รู้ตัว

“ยังไม่เคลียร์เรื่องเจ้าสัวขอเป็นเจ้าภาพเหรอ”

“เคลียร์แล้ว ไม่รับเจ้าภาพทั้งนั้น นอกจากผู้ใหญ่ของช่อง แล้วก็พวกนักแสดงรุ่นพี่” ว่าแล้วเจ้าหล่อนจึงถอนหายใจ “ป้าลิก็ไม่รู้แค้นใจอะไรธนาคารของเจ้าสัวนัก”

“คงเรื่องหนี้สินของลุงสมัยก่อน ตอนโน้นอาจต้องกู้จากธนาคารเจ้าสัว แล้วยังเรื่องที่บ้านโดนยึด เลยฝังใจน่ะซิ”

เหตุและผลเช่นนี้ก็สมควร และเป็นสิ่งที่ทั้งพีทซี่และเหมียวเปรี้ยว รวมถึงเกษราก็เชื่อเช่นนั้นเสมอมา เพียงแต่ว่า คราวนี้ผู้จัดการดาราส่ายหัวยิกๆ จำได้ถึงการกระชากเสียงปรามของคุณมัลลิกา

“ไม่!” ต่อด้วยคำสั่ง “ป้าไม่ต้อนรับคนของธนาคารนี้ ถ้าเจอก็เชิญออกไป อย่าให้เข้ามาเด็ดขาด”

พีทซี่โดนคำบัญชาประกาศิตเพียงเท่านั้น หากเกษราเจออีกยกใหญ่

“ป้าเคยห้ามแล้วไงว่า อย่าไปยุ่งกับไอ้ธนาคารนี้ แล้วนี่หนูปีบไปทำอีท่าไหนถึงรู้จักเจ้าของนั่น มีอะไรกับมันหรือเปล่า บอกป้าซิ” การคาดคั้นหนักหน่วง ดวงตาของผู้เป็นป้าแดงเครือ

คุณมัลลิกาเขย่าแขนหลานสาวแรงพอที่ร่างอรชรของดาราสาวสั่นด้วยความเจ็บปวด และตกใจ เพราะที่ผ่านมา คุณมัลลิกาดุ แต่ดุด้วยเหตุผลและไม่เคยรุนแรงเช่นนี้

“คุณป้าครับ”

ภูเก็ตเป็นคนที่ใช้จิตวิทยาเก่งเสมอ และเมื่อเห็นสถานการณ์ตึงเครียดเขาเลือกที่จะเข้ามาด้านหลังประคองต้นแขนทั้งสองข้างของคุณมัลลิกา ไม่ใช่เป็นการยับยั้งบังคับให้หยุด แต่กึ่งปรามกึ่งเรียกเสียมากกว่า

“มีพวงหรีดมาส่งอีกสามเจ้า คุณป้าช่วยผมดูหน่อยเถอะครับว่าจะให้วางไว้ตรงไหน แล้วก็มีคนที่น่าจะเป็นคนแถวนี้ตามหาคุณป้าครับ” เสียงทุ้มเบามั่นคง ไม่แฝงด้วยอารมณ์หรือความร้อนใจอย่างอื่น เป็นคำพูดและการกระทำของผู้ที่น่าเชื่อถือ

และคุณมัลลิกาก็เชื่อ หันเดินไปอีกด้านของศาลาวัดในจังหวัด ตามทางที่เขาประคองพยุง และเมื่อเดินออกมาไกลพอควรแล้วคุณมัลลิกาจึงกระซิบ

“ที่โมโห เพราะฉันเป็นห่วงหลาน คุณก็น่าจะรู้ดี”

“ผมทราบครับ แต่ผมไม่ทราบว่าคุณป้ากับธนาคารของท่านเจ้าสัมีวเหตุอะไรที่ทำให้ขัดข้องหมองใจ หนูปีบก็คงไม่รู้เหมือนกัน แต่คุณป้าควรรู้ไว้นะครับว่า ผมเองมีความสนิทสนมกับเจ้าสัวเกรียงไกรมาหลายปี ทั้งในฐานะที่ท่านเคยช่วยเป็นผู้ปกครองผม และช่วยเหลือผม และในฐานะที่ผมและลูกสาวของท่านเคยมีความสนิทสนมกัน”

“คุณก็อีกคน!” เป็นครั้งแรกที่คุณมัลลิกาไม่เพียงสะบัดตัวพ้นจากมือเขา แต่สายตาท่าทางหวาดระแวง “เสียดาย…ทำไมโลกมันถึงได้กลมเช่นนี้”

ประโยคหลังถอนหายใจราวปลง และเพราะรู้สึกตัว

“คุณลุงไม่ใช่คนเลวร้าย และ…”

“คุณจะรู้อะไร!” เสียงสะบัดเปี่ยมด้วยความโกรธเคืองอย่างที่ภูเก็ตไม่เคยเห็นมาก่อน “ปีศาจในสูท ไม่ต่างจากณัฐ…คุณบอกพ่อตาของคุณด้วยว่าไม่ต้องมาขอเป็นเจ้าภาพ ไม่ต้องส่งพวงหรีด ไม่ต้องส่งใครมางาน ฉันไม่อยากให้หนูปีบ ไม่อยากให้ครอบครัวฉัน…สกปรกไปมากกว่านี้”








“เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เห็นคุณป้ากริ้วจัดขนาดนี้ คุณภูก็คงโดนหนัก…ทำหน้าตาน่าสงสารเชียว” พีทซี่ยังไม่ละสายตาจากคนทั้งคู่ และรับรู้ว่าเกษราก็เช่นกัน

“ป้าลิไม่ชอบธนาคารของเจ้าสัวอยู่เป็นเดิมทุนอยู่แล้ว” เกษราส่ายหัว มองภาพตรงหน้า

คนหนึ่ง…ญาติคนเดียวที่เธอเหลืออยู่ และที่เธอรักและเคารพยิ่งนัก

อีกคน…ผู้ชายคนนั้นที่เธอรักเงียบๆ ในใจ เพียงเพราะว่าหัวใจของเขาเลือกที่มั่นคงกับคนอื่น

“หวังว่าเขาจะไม่ได้สารภาพกับป้าลินะว่า เขาสนิทสนมกับเจ้าสัวแค่ไหน”

“สารภาพก็ดีไม่ใช่เหรอ” เสียงกระชากของพีทซี่สะบัด พร้อมๆ กับการเม้มปากส่ายหน้าอย่าง…หมั่นไส้ “ป้าลิจะได้ไล่เขา ไม่ให้เขามาเหยียบงานนี้อีกคน สมใจเธอพอดีเลยนะเกด”

เกษราได้ยินคำพูดของพีทซี่ แต่เธอก็ยังคงนิ่ง ไม่มีอาการโกรธ โศก หรือเสียใจ

จะเศร้าก็เพราะการจากไปของยายจ๋าเท่านั้น

เธอจะโกรธพีทซี่ได้อย่างไรกันเล่า เพราะในความเป็นจริงตั้งแต่วันแรกที่ยายจ๋าเสีย

ตั้งแต่เมื่อเธอดันร่างออกจากอ้อมกอดของเขา เธอเลือกที่จะมองเมินเขา

เลือกคำพูดอะไรก็ได้…ตั้งใจให้บาดความรู้สึกของเขา โดยมักจะจบด้วยการย้ำในเกือบทุกครั้งว่า

“ทีหลังไม่ต้องมาอีกแล้ว ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”

แต่ภูเก็ตก็ตอบอย่างใจเย็น “ผมไม่ได้มาแค่ช่วยคุณเท่านั้น แต่ผมมาทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่พอทำให้คุณยายเป็นครั้งสุดท้าย”

เขาทำตามนั้นเสมอมาตลอดห้าวันที่ผ่านมา มาตอนสายเพื่อถวายเพลพระ และอยู่ช่วยดูแลโน่นนี่เล็กน้อย ก่อนจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วมาอีกทีในตอนเย็นทำราวว่ากรุงเทพฯ แปดริ้วอยู่ใกล้กันเพียงลมหายใจกั้น

คนคล่องในกิริยาการกระทำเช่นภูเก็ตทำอะไรก็ไม่เคยขัดตาขัดใจคุณมัลลิกา เขาช่วยต้อนรับดูแลแขกอย่างดี อยู่จนพระสวดเสร็จ อ้อยอิ่งอีกครู่ แล้วจึงกลับในตอนดึก

“ผู้ชายคนนั้นใคร”

คำถามจากหลายคนจึงมักเกิด เพราะภูเก็ตดูเด่นที่หน้าตา การแต่งกาย และบุคลิค รูปร่างสูง ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย จนบางคนกระซิบ

“เด็กในสังกัดยัยพีทซี่ล่ะซิ” หรือไม่ก็ “หนุ่มคนใหม่ของเกด”

เพียงแต่…หนุ่มคนใหม่ของเธอก็ยังมีชายหนุ่มนักธุรกิจที่เพิ่งจะเป็นข่าวกันเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนหน้า แล้วยังมีคนเก่าเช่นธัชชาติที่ดั้งด้นมาถึงวัดเล็กๆ ในตัวเมืองแปดริ้ว

เกษราจงใจให้ความสนิทสนมเป็นพิเศษกับหนุ่มคนใหม่ของเธอ จูงเขามายืนรับแขกในช่วงค่ำด้วยกัน ตั้งใจทำตัวติดกับเขาไม่ห่าง และแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ภูเก็ตก็ยังเฉย ทำตัวเป็นปรกติ จะมีเพียงวันนี้ที่พอเสร็จเขาคุยกับคุณมัลลิกาเสร็จคล้อยหลังไม่กี่นาที เกษราก็ไม่เห็นเขาอีกเลย

“ป้าลิไล่คุณภูมั้ง” เหมียวเปรี้ยวตั้งข้อสังเกต และสังเกตพร้อมกันกับพีทซี่ว่า เกษราเงียบกริบ ดวงตาเศร้าสร้อย โดยที่เจ้าตัวพูดนับคำได้หลังจากนั้น จนถึงช่วงใกล้เวลาเริ่มสวดในหัวค่ำ

“คุณภูยังไม่มาเลย สงสัยคงไม่มาจริงๆ แล้วล่ะคืนนี้” พีทซี่ว่าเช่นนั้นระหว่างที่ยืนช่วยต้อนรับแขกที่กำลังทยอยเข้ามาจนเกือบล้นเต้นท์เสริมอีกสองหลังใหญ่

เพราะนี่เลยเวลาที่ภูเก็ตมักจะมาถึงในช่วงค่ำ ยิ่งในวันนี้อดีตเพื่อนร่วมงาน และเหล่าบรรดาอดีตลูกน้องร่วมทีมเอของเขาก็พากันมาพร้อมหน้าจนครบ พอทำให้เกษราและพีทซี่รับรู้ว่า เกือบทุกคนได้เข้าบรรจุทำงานกับธนาคารของเจ้าสัวเกรียงไกรเป็นที่เรียบร้อย

“ให้คิดว่าพวกเขายังอยู่แอลทัสก็แล้วกัน และอย่าลืมรายงานป้าลิแบบนี้นะถ้าโดนถาม” พีทซี่ตระเตรียมบทกับทั้งเกษราและเหมียวเปรี้ยว ก่อนจะแยกย้ายกันดูแลบรรดาแขกในงาน

จนในที่สุดพีทซี่ก็ยิ้มออกเมื่อเห็นร่างสูงแวบๆ มาแต่ไกล เธอชายตามองไปยังเกษราที่ยืนอยู่อีกด้าน

“เห็นเหมือนกันนะยะ” ผู้จัดการดาราเปรยกับตัวเองด้วยความหมั่นไส้เพื่อนรัก เพราะดวงตาคู่นั้นของเกษราแลดูสงบนิ่ง แต่ก็ซ่อนความดีใจบางอย่างที่ฉายความในใจที่เจ้าตัวพยายามปกปิด

ภูเก็ตมากับผู้หญิงวัยเลยกลางคนผิวขาวรูปร่างค่อนข้างท้วม หากใบหน้ายังไม่คลายเคล้าความงามในอดีต

“แม่คุณภู” พีทซี่ดูออก มองกระทั่งว่าอดีตนายธนาคารหนุ่มพาแม่ของเขาไปแนะนำกับคุณมัลลิกาเป็นคนแรก โดยที่เกษราก็เป็นฝ่ายเดินเข้าไปต้อนรับด้วยตัวเอง “คุณภูฉลาดมาก เอาคุณแม่มา ผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่ และยัยเกดก็ไม่กล้าหือ”

“พี่พีทซี่บ่นอะไร” เหมียวเปรี้ยวหันมาถามเพราะเสียงพึมพรำงึมงัมที่ไม่หยุดง่ายของอีกฝ่าย

“ดูละครชีวิต มันส์กว่าในจอตั้งเยอะ”

และเมื่อเป็นเช่นนั้น ทั้งคู่ก็ตั้งใจมองเหตุการณ์ต่างๆ อย่างสนใจ แต่ก็ผิดคาดเพราะ…ไม่มีอะไรตื่นเต้น

ภูเก็ตพามารดาไปนั่งกับกลุ่มอดีตเพื่อนร่วมงานและลูกน้อง อยู่จนพระสวดเสร็จ หากคืนนี้เขาไม่ได้รั้งรออ้อยอิ่งเหมือนเช่นเคย จะมารู้ว่าเขาและยุวดีกลับไปแล้วก็เมื่อเกษราหันซ้ายขาวเหลียวมองหาเขา แต่ก็ไม่เห็นแล้ว

ความรู้สึกบาดลึกๆ ทำให้เธอกลืนน้ำลายลงคอลำบากนัก หญิงสาวเดินไปหลังโลงศพของผู้เป็นยายเพื่อร่ำลาทำเหมือนเช่นทุกๆ คืนก่อนที่เธอจะกลับบ้าน…ทิ้งให้ยายจ๋าอยู่ลำพังที่นี่

เพียงแต่ว่าคราวนี้ เธอนิ่งไปนานเพื่อย้ำถามในใจ “หนูปีบทำถูกหรือเปล่ายายจ๋า หนูปีบควรให้โอกาสคนที่เขามีแต่คนอื่นอยู่ในใจอย่างนั้นหรือ





(ต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่