อาทิตย์อับแสง (บทที่ 39) โดย มานัส

กระทู้สนทนา
อาทิตย์อับแสง (บทที่ 39)



บ้าน…ในความทรงจำนั้นอบอุ่น

ต่อให้ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ แต่เธอเคยมีลุงเขยและญาติผู้พี่ เธอยังมีป้าลิและยายจ๋า เพียงแต่ว่าตอนนี้…ยายจ๋า

เกษราได้แต่ครวญครางด้วยความร้าวราญ ต่อให้พยายามสะกดเสียงสะอื้นแต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะลมหายใจของยายแผ่วเหลือเกิน

บ้าน…แม้ได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้เพียงเล็กน้อย เฉพาะเจาะจงตรงบริเวณห้องนอนของยาย แต่เธอเสียดายยิ่งนัก เพราะห้องนั้น ที่ตรงนั้นมีความทรงมากมาย โดยเฉพาะในระยะหลังที่คนในบ้านใช้ห้องนั้นเป็นห้องนอนรวมเพื่อดูแลยายจ๋าได้

ห้องที่ยายมักใช้เวลาส่วนใหญ่ นอนหลับ นอนเล่น พักผ่อน ไม่ใช่เป็นเพียงความทรงจำ หากยังมีภาพ และสิ่งของที่เป็นความทรงจำตั้งแต่ที่เธอจำความได้ตั้งแต่เล้กจนโต

ห้องของยายไม่มีรูปถ่ายหรือข้าวของที่เป็นของเกษรานางเอกชื่อดัง จะมีก็แต่ภาพหรือสิ่งของๆ หนูปีบ

ยาย…ก็เหมือนป้าลิ ไม่ต้องการให้เธอเลือกเดินทางนี้ และได้เตือน แต่ก็ไม่ได้ขัดขวาง

‘ชีวิตของหนูปีบ คนที่ควรเลือกทางเดินก็ควรเป็นหนูปีบ ยายกับป้าก็ได้แต่สอน ได้แต่เตือน ได้แต่เป็นห่วง แต่ก็ดีใจที่เห็นหนูปีบทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุด และจะดีใจยิ่งขึ้นถ้าหนูปีบมีความสุข’

เพียงแต่ว่า…หนูปีบจะสุขได้อย่างไร ถ้าขาดยายจ๋า

แล้วบ้าน…จะเป็นบ้านได้อย่างไร ถ้าไม่มียาย

“ยายไม่ไหวแล้วนะหนูปีบ”

เกษราจำได้ลางๆ ว่าคุณมัลลิกากระซิบเสียงพร่า แต่ก็ไม่อ่อนเบาเช่นลมหายใจและชีพจรระรินแผ่วของยายจ๋า ที่อยู่คง…อยู่ ด้วยเครื่องช่วยหายใจและยายชั้นดีที่หมอจัดสรรหา

มือเท้าของยายเย็นเฉียบ บวมขึ้นเรื่อยๆ เพราะปริมาณน้ำเกลือที่ใช้หล่อเลี้ยงร่างกายในช่วงสี่ห้าวันที่ผ่านมา

“ยายจ๋า…” เกษราจังมือยายไว้ บีบเบาๆ ใจหายเพราะมือที่เคยย่นไม่ได้บีบกลับ หรือมีการตอบสนองเช่นเคย

…ปีหน้า หนูปีบจะไม่รับงานครึ่งปี จะอยู่กับยายกับป้าลิทุกวัน ทั้งวัน ตามที่สัญญาไว้ไงจ๊ะ…

สัญญาที่เธอเคยให้เมื่อนานมาแล้วกับผู้เป็นที่รักทั้งสอง

สัญญาที่เธอไม่เคยทำตามคำมั่นนั้นได้เลย

เพราะงาน…เงิน ยั่วยวนเสมอ

…เอาไว้เดือนหน้า ปีหน้า…เกษรามักอ้างเสมอ

“หมอขออนุญาตไม่ปั๊มหัวใจนะคะ เพราะอายุของคุณยายมากแล้ว และยังอาการของท่าน”

“ไม่!” เกษราสวนกลับ หากคุณมัลลิกาวางมือบนไหล่ของเธอเป็นเชิงปราม

“ช่วยเท่าที่ช่วยได้เถอะค่ะ” เสียงราวคนที่รับความเป็นจริง แตกต่างจากหลานสาวคนเดียว “ถ้าต้องทำอะไรให้แม่ของฉันต้องทรมาน…อย่าทำ”

เมื่อเป็นเช่นนั้น ลมหายใจและชีพจรแผ่วของยายจึงถูกเยื้อแค่ด้วยยา

เกษราไม่แน่ใจว่าเธออยู่โรงพยาบาลมากี่ชั่วโมง หลายวันที่ผ่านมา เธอ ป้าลิ และเด็กจุ๋มผลัดเวียนกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโดห้องพักหรูหราที่อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลชั้นดีในกรุงเทพฯ

ระหว่างที่ทั้งสามคนวุ่นอยู่กับอาการของยายจ๋า พีทซี่และเหมียวเปรี้ยวจัดการเรื่องอื่นๆ ไม่ขาดตกบกพร่อง

“สันณิฐานว่าวางเพลิง” พีทซี่กระซิบบอกคุณมัลลิกา หากไม่กล้าบอกผู้เป็นเพื่อน “ตอนนี้เจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จแล้ว น่าจะรู้ตัวคนร้ายภายในวันสองวันนี่ คุณป้าไม่ต้องห่วงนะคะ พีทซี่สั่งให้ปิดข่าวเรื่องรูปคดี แต่เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคง…ปิดไม่ได้”

เพื่อนของเกษราทั้งในและนอกวงการต่างแวะเวียนมาเยี่ยม เพียงแต่ว่าห้องไอซียูรับคนได้ไม่มาก ไม่สะดวกนัก และก็เป็นพีทซี่กับเหมียวเปรี้ยวอีกที่จัดการเรื่องคน

ทั้งกันคน รับคน จัดการกับคนและนักข่าว หรือคนที่เกษราไม่อยากพบ




ลมหายใจแผ่วของยายอ่อนล้า อ่อนแรง ไม่ต่างจากลมหายใจของคนที่เฝ้าอยู่ข้างกายด้วยความหวัง

ชีวิตทั้งชีวิต…มียายจ๋า

คือรูปรสกลิ่นเสียงไม่เที่ยงแท้
ย่อมเฒ่าแก่เกิดโรคโศกสงสาร
ความตายหนึ่งพึงให้เห็นเป็นประธาน
หวังนิพพานพ้นทุกข์สนุกสบาย
[“พระอภัยมณี” ประพันธ์โดยสุนท
รภู่]

“รั้งไว้ก็มีแต่เจ็บปวด หนูปีบคงไม่อยากให้ยายจ๋าต้องทรมานใช่ไหมลูก”

เสียงไม่ได้สั่ง ไม่ได้บังคับ แต่เตือนให้รู้สึก และรู้ซึ้งถึงความจริง

เป็นความจริงที่ทุกคนในครอบครัว และแม้แต่พีทซี่ หรือเหมียวเปรี้ยวก็ต่างยอมรับอย่างเจ็บปวด

มือของยายจ๋าบวมเต่ง น้ำเกลือที่ไหลเวียนผ่านตลอดเวลาเริ่มซึมออกมาจากร่างกาย มือเย็นเฉียบเปียก พอๆ กับลมหายใจรำไร ไม่ต่างจากการสะอึกสะอื้นของหญิงสาวที่ยืนอยู่ฝั่งซ้ายของเตียง

เกษราไม่แน่ใจนักว่า…ยายจ๋าทิ้งหนูปีบไปเมื่อไร…

เพราะเมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกที เครื่องมือทางการแพทย์ก็บ่งบอกว่าทุกอย่างเป็น…ศูนย์

เธอทำได้แต่เพียงซุกหน้าแนบกับต้นแขนยายจ๋าแน่น

เหมือนที่เคยทำทุกครั้งคราที่เสียใจอย่างสุดซึ้ง

เมื่อก่อนยายจ๋าจะยกมืออีกข้างลูบหัวปลอบ

บาทหลวงว่าวิสัยในมนุษย์
ฟันจะหลุดแล้วก็ห้ามปรามไม่ไหว
ห้ามเกศาว่าอย่าหงอกยังนอกใจ
มันขืนหงอกออกจนได้มันไม่ฟัง

[“พระอภัยมณี” ประพันธ์โดยสุนทรภู่]

‘แล้วนับประสาอะไรกับเรื่องขี้ปะติ่วล่ะลูกเอ๋ย สุขสมหวังได้ ก็ต้องเศร้าผิดหวังได้เช่นกัน หัวเราะดีใจได้ ก็ต้องโศกเศร้าสะอื้นไห้ได้’ ยายจ๋ามักกอด หรือลูบหัวปลอบ “โลกมันก็เป็นอย่างนี้จะให้ดีให้สวยทุกอย่างได้อย่างไร แต่เรา…เราต้องทำดีที่สุด เป็นคนดี…ความดีของเรา เรากำหนดได้ อย่าให้คนอื่นมากำหนด’

เกษราสูดลมหายใจเข้าลึก ภาพความทรงจำทั้งหลายระหว่างเธอกับผู้เป็นที่รักไหลแล่นเข้ามา

หลายคราในอดีตและแม้แต่ในตอนนี้เธอยากหยุดเวลาไว้ ไม่ใช่เพราะความนิยมของสังคม...ไม่อยากแก่

แต่เธอไม่อยากให้ยายจ๋าแก่ต่างหาก

ไม่อยากให้ป้าลิ อ่อนละโหยโรยแรง เธออยากเป็นเด็กที่โดนยายจ๋าดุอยู่ร่ำไป

ในวัยเด็กแม้เคยอ้างว้าง เพราะไม่มีพ่อ มีแม่ แต่เธอมีครอบครัว

แม้จะเคยเจ็บปวดเพราะลุงเขยและญาติผู้พี่เสียชีวิต แต่ชีวิตอบุ่น เต็มด้วยความรักเท่าที่ครอบครัวเล็กๆ ใมต่างจังหวัดจะพึงมี

ที่สำคัญเธอยังมียายจ๋าและป้าลิ

เพียงแต่ว่า ในความเจ็บปวด ในความเป็นจริง…เธอมีเพียงป้าลิ ที่เข้ามากอดร่างของเธอทั้งร่างด้วยความโศกศัยล์ไม่แพ้กัน

ยี่สิบปีกว่าที่ผ่านมา…เรามีกันสามคน

เราผ่าฟันหลายอย่างด้วยกันสามคน

เราคิดด้วยและตัดสินใจด้วยกันสามคน

เราเดินไปข้างหน้าไปด้วยกันสามคน

เพียงแต่ว่า…ไม่มีอีกแล้วหรือ

‘ชีวิตยังต้องเดินหน้าต่อไปนะลูก ไม่มีอะไรจีรัง ไม่มีอะไรแน่นอน ความไม่แน่นอนคือสิ่งที่แน่นอนที่สุด’








บทเรียนและประสบการณ์การแสดงก็ไม่ได้เตรียมให้เธอต้องเผชิญกับความเป็นจริงของการสูญเสียตรงหน้า โชคดีที่พีทซี่รู้ดี…เหมียวเปรี้ยวรู้งาน

ความโศกเศร้าเสียใจลจนแทบควบคุมอารมณ์ไม่อยู่จึงถูกปิดโดยม่านทึบและประตูกระจกของห้องไอซียู และพนักงานรักษาความปลอดภัยที่พีทซี่จัดการหามาอีกเกือบสิบคนที่ผลัดเวรกันดูแล

เกษรารับรู้ถึงป้าลิและเด็กจุ๋ม แล้วยังพีทซี่และเหมียวเปรี้ยว แลัวยังคนรถของเธอ และการ์ดคนสนิทของพีทซี่ที่เข้ามากราบลายายจ๋าเป็นครั้งสุดท้าย

เพราะความไม่ยอมปล่อยวาง ทำให้หญิงสาวไม่ยอมจากไปไหน ขอให้อยู้ใกล้ ให้ได้เห็น…ยายจ๋า

เพราะเราคงไม่เห็นกันอีกนานแสนนาน

และเพราะ…หนูปีบคงจะคิดถึงยายมากเหลือเกิน

ตอนนี้ยายหมดลมหายใจแล้ว แล้วต่อไปหนูจะปีบมือ จับมือใคร จะมีใครให้กุมมือ เกาะมือไปด้วยกันสองยายหลาน

ใครจะให้หนูปีบกอดซบ อิงแอบเวลาเสียใจ หรือตอนโดนป้าลิ…ลงโทษ

หรือจะเป็นตอนที่หนูปีบท่อง…เล่าเรื่องพระอภัยมณีให้ยายจ๋าฟัง

เล่าเพื่อให้ยายสอน จนระยะหลัง เล่าให้ยายหลับฝันดี

ให้ยายได้พักผ่อน

พระนิพพานเป็นสุขสิ้นทุกข์ร้อน
เปรียบเหมือนนอนหลับไม่ฝันท่านทั้งหลาย
สิ้นถวิลสิ้นทุกข์เป็นสุขสบาย
มีร่างกายอยู่ก็เหมือนเรียนโรคา

[“พระอภัยมณี” ประพันธ์โดยสุนทรภู่]

เมื่อก่อนยายต่อสู้เท่าไหนหนา

ตั้งแต่เรื่อง…แม่

แล้วมาถึงเรื่องลุงเขยและพี่ชาย

และเรื่องบ้าน

แล้วยังสารพัดข่าวของเธอ

“ยายไปสบายแล้วนะลูก”

การปลอบของคุณมัลลิกาอ่อนโยนทว่าแฝงความตรอมทุกข์ไม่แพ้กัน

ในห้วงความทุกข์เช่นนี้ เกษราปิดกั้นตัวเอง มีเพียงคนสนิทในวงการบันเทิง และที่เป็นเพื่อนไม่กี่คนที่เธอเปิดใจ โอบกอด ด้วยหยดน้ำตา

หากแล้วในวินาทีสุดท้ายก่อนที่พยาบาลจะจัดการกับร่างของยายจ๋า หญิงสาวจึงบอก

“ขอเวลาอีกนิด”

เวลา…ให้เหลือเพียงเศษเสี้ยววินาที ก็ยังดีกว่าไม่เหลืออะไรเลย

เวลา…ที่เหลือ ทุคนพร้อมใจกันออกไปจากก้อง แม้แต่คุณมัลลิกาและเด็กจุ๋มก็พร้อมใจกันออกไป

…ยายหลาน…

ครั้งสุดท้ายก่อนจะลาจากกันถาวร

ลาแล้ว แก้วพี่ พี่ขอลา
ลาลับ แล้วหนา มาลาสิ้น
ลาจาก พรากแล้ว แผ่วถวิล
ลาดิน ลากลิ่น ไม่อาวรณ์

ให้ฟ้าอยู่เดือนฉายก็คลายแคล้ว
โอ้สิ้นแล้วแม้ตะวันกลางสิงขร
ธาราไหลกระโชกห้าวคราวรอนๆ
ก็จำจรจำพรากจากกันเอยฯ


ร่างเล็กซบลงบนอกของหญิงชราที่หมดสิ้นลมหายใจ

ภาพนี้เป็นไปอยู่นาน

ภายพสุดท้ายในความทรงจำของคนๆ หนึ่งก่อนจะลาจากจขาดผู้เป็นที่รักถาวร

เกษราไม่แน่ใจนักว่าซบกับร่างของยายจ๋านานแค่ไหน แต่ในที่สุดเธอผงกตัวขึ้นมา แตะเบาๆ บนดวงหน้าซีดเซียวของผู้เป็นยาย

…ครั้งสุดท้าย…ที่ไม่ควรมาเร็วเช่นนี้

ยาย…ควรอยู่กับเธอไปอีกหลายปี

ใครที่ทำกับเธอเช่นนี้…

เสียงสะอื้นแผ่วพร้อมกับกาลเวลาที่พ้นผ่าน จนเสียงทุ้มนุ่มเตือน

“หนูปีบ…”

ในความคุ้นเคย ทำให้เธอรู้สึกใกล้ชิด อยากคิดว่า…ยายจ๋า

เพียงแต่ว่า เสียงทุ้มเช่นนี้ และความอ่อนโยน ด้วยหางเสียอ่อนไม่ใช่เพราะความสงสาร หากมันเป็นความเข้าใจ จนเกษราหันไปมอง ทั้งๆ ที่หยดน้ำยังปริ่มริมขอบตา

ศีรษะปวดหนึบ ดวงตาร้อนผ่าว เห็นหรอกว่าภูเก็ตยืนอยู่ตรงนั้น แล้วขยับกายเข้ามา ร่างสูงก้มลงกราบปลายเท้าของยายจ๋าที่คุมด้วยผ้าขนหนูสีขาวของโรงพยาบาล

จนเขาผงักตัวขึ้นยืนนิ่งที่เดิม แววตากระจ่างชัดถึงความเอื้ออาทร หญิงสาวพลันถลาตัวเข้าหา

เธอกอดเขาเนิ่นนาน แต่ไม่นานเท่าความเป็นจริงว่า…ยายจ๋าทิ้งหนูปีบไปเสียแล้วหรือ

ให้หนูปีบไม่มีใคร แต่เคยมีอ้อมกอดของยาย

ให้ไออุ่น

ให้ความรักอันแท้จริงไม่เสื่อมคลาย

เสียงสะอื้นของเธอยิ่งทำให้อ้อมออกดของเขารัดแน่นยิ่งขึ้น

หยดน้ำตาของเธอที่ประทะบนไหล่อกกว้างทำให้ดวงหน้านั้น แนบลงชิด

หญิงสาวรู้สึกด้วยกาย แต่ใจ…

ไม่ต้องประดับประดาด้วยคำพูดมากมายหมื่นแสนล้านคำเหมือนหลายๆ คนพยายามจะทำในหลายวันที่ผ่านมา

แค่อ้อมกอดของเขา แล้วความเงียบ สงบนิ่ง ในความจริงว่า

…ลาแล้วจ้ะยายจ๋า…








(ต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่