กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผม ถ้ามีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยไว้ก่อนเลยนะครับ
ก่อนอื่นต้องขอเล่าย้อนหลังหน่อยนะครับ ผมเป็นคนที่อ้วนตั้งแต่เกิดหลังจากนั้นก็ไม่เคยผอมเลยยิ่งนับวันยิ่งอ้วนขึ้นเรื่อยๆ เคยหนักสุดที่ 95 กก. ดูภายนอกเหมือนผมจะมีความสุขกับชีวิตดี และผมก็มีความสุขกับการกินมาก แต่ลึกๆแล้วผมกก็อยากหุ่นดีเหมือนคนอื่นบ้าง อยากใช้ชีวิตธรรมดาเหมือนคนทั่วไป อยากเดินเข้าร้านเสื้อผ้าแล้วเลือกดูโดยไม่ต้องถามก่อนว่ามีไซต์ใหญ่มั้ย อยากมองกระจกดูตัวเองโดยไม่กลัวที่จะเห็นตัวตนที่แท้จริง(ผมจะไม่ชอบการมองกระจก เพราะรู้สึกรับตัวเองไม่ค่อยได้) ความรู้สึกทั้งหลายเหล่านั้นมันสะสมอยู่ในใจผมตลอดเพิ่มมากขึ้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และผมก็คิดว่าซักวันผมต้องผอมให้ได้ แต่ผมก็ไม่ได้คิดที่จะลงมือทำอะไรเลย
จนมาถึงเมื่อต้นปีที่ผ่านมาผมได้กลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด ที่บ้านผมจะมีเปลญวนอยู่แล้วก็ไปนอนเล่นแล้วหลับไปผมรู้สึกเหมือนฝันอยู่แต่ก็เหมือนจะรู้สึกตัวตอนนั้นหายใจไม่ออกผมก็รู้เลยว่านอนผิดท่าและต้องพยายามทำให้ตัวเองตื่นให้ได้ รู้สึกทรมานมากดิ้นไปดิ้นมาแถมหายใจไม่ออกสุดท้ายก็ตื่นและลุกพรวดขึ้นมานั่งพร้อมกับหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ พอหายใจได้ปรกติผมก็นั่งคิดว่า "ไม่ได้แล้ว ผมต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว" ไม่งั้นผมคงตายก่อนได้ทุ่นดีแน่ แถมถ้าตายแบบนี้มันต้องน่าอับอายแน่ ศพก็คงไม่สวยหน้าคงเขียวๆ หรือถ้าไม่ตายก็อาจจะเป็นโรคอะไรจนกลายเป็นปัญหาในการลดน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง ผมก็นั่งคิดว่าจะทำยังไงดี กินยาดีมั้ยแต่มันก็ดูน่ากลัวเห็นหลายคนก็มีปัญหา งั้นอดอาหารดีมั้ยก็เหมือนจะเห็นหลายคนทำแล้วก็ไปไม่รอดสุดท้ายก็กลับมาเหมือนเดิม จนมาถึงออกกำลังกาย เห็นแต่คนบอกดีอย่างงั้นดีอย่างงี้ แต่รู้สึกทำใมมันดูห่างไกลจากตัวเราจัง เกิดมาก็อ้วนตลอดกีฬาก็ไม่เคยเล่น วันๆเอาแต่กิน แต่คิดก็เหนื่อยแล้ว แล้วผมก็ถามตัวเองในใจ "แล้วจะเอาไง หรือจะตายแบบหน้าเขียวๆ ตอนกินไม่รู้จักคิด ออกกำลังกายแค่นี้ทำเป็นบ่น" เออๆก็ได้วะ ออกกำลังกายก็ได้
หลังจากนั้นผมก็กลับมาทำงานที่แจ้งวัฒนะ พอเลิกงานผมก็เดินไปที่ฟิตเนสชื่อดังแถวๆนี้เพราะใกล้ที่ทำงานด้วย ผมบอกกับเซลล์เลยว่าผมมากสมัคร ในขณะที่ผมไม่รู้เรื่องฟิตเนสเลยและก็ไม่รู้จักใคร เค้าก็แนะนำพาเดินดูสุดท้ายก็เซ็นสัญญาสมัครไป หลังจากนั้นก็มีนัดมาเทรนกับเทรนเนอร์สามครั้ง เทรนเนอร์ก็ถามว่าจะซื้อต่อมั้ย สำหรับผมราคา PT ต่อชั่วโมงผมว่ามันก็ค่อนข้างสูง แต่ตอนนั้นผมก็ยังไม่ค่อยรู้จักอะไรมาก คนอื่นๆในนั้นนอกจาก PT ก็ไม่รู้จัก และสิ่งที่กลัวที่สุดคือถอดใจเลิกสุดท้ายกลับไปนอนตายแบบหน้าเขียวๆ ก็เลยตัดสินใจซื้อ PT ต่อ หลังจากนั้นผมก็มาออกกำลังกายและพยายามเล่นให้มากขึ้นเรื่อยๆเพราะอยากผอมมากๆๆๆๆ คนอื่นเล่นได้ผมก็ต้องเล่นได้หรือเล่นได้มากกว่า(ขณะที่ออกกำลังกายผมจะไม่คิดว่าตัวเองอ้วน) โดยจะนัด PT ในช่วงเช้า แล้วก็ไปทำงานกลับมาเข้าคลาสต่ออีกตอนเย็นมาทุกวัน ส่วนเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดก็จะมาแต่เช้า เล่นซัก 6-8 ชั่วโมงแล้วก็กลับ ที่ผมเล่นได้เยอะขนาดนี้ต้องยกความชอบให้กับ PT ด้วย เค้าเคยบอกผมว่า "ผมจะทำให้คุณแข็งแรงเหมือนคนอื่น หลังจากนั้นให้คุณไปเข้าคลาสเพื่อเบิร์นไขมัน" บวกกับความอัดอั้นของการอยากผอมเหมือนคนอื่นที่มันสะสมมาก่อนหน้านี้ คำพูดต่างๆของคนรอบตัวที่พูดว่าจะผอมได้จริงหรอสุดท้ายมันก็คงเหมือนเดิม สิ่งเหล่านี้แหละเป็นแรงผลักดันสำคัญอีกแรง ทุกครั้งที่เหนื่อยทุกครั้งที่ท้อผมจะด่าตังเอง "ไอ้อ้วน อยากผอมไม่ใช่หรอ แค่นี้ก็จะยอมแล้ว 25 ปีที่ผ่านมากินไปเท่าใหร่ มาออกกำลังกายแค่ไม่กี่วันจะยอมแล้วหรอ"
หลักจากผ่านไปสองเดือนน้ำหนักลงไปประมาณ 10 กก. (จาก 93) และรู้สึกว่าการออกกำลังกายมันไม่ท้าทายแล้วรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปรกติของชีวิตประจำวัน เลยอยากหาอะไรที่มันท้าทายเพิ่มขึ้นอีก แต่จะให้ออกกำลังกายมากกว่านี้ก็คงไม่ไหวเพราะที่ทำๆอยู่ก็คิดว่าหนักมากแล้วเวลาก็ทุ่มไปกับการออกกำลังกายจนหมดแล้ว ก็เลยมาสนใจที่เรื่องกิน เพราะเห็นเค้าบอกว่าควบคุมอาหารก็ผอมได้ อีกอย่างผมคิดว่าถ้าผมยังกินเหมือนเดิมต่อให้ผอมแล้วพอเลิกออกกำลังกายผมก็คงกลับมาอ้วนอีก ดังนั้นผมต้องเรียนรู้ที่จะกินแบบคนทั่วไปให้ได้ ต้องยอมทิ้งความสุขกับการกินไป ในขณะที่เริ่มมีความสุขกับการออกกำลังกาย ความสุขกับการได้เห็นตัวเองมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี และก็ได้เพื่อนอีกมากมายในฟิตเนส
ผ่านไป 5 เดือนเหมือนน้ำหนักผมจะหยุดอยู่ที่ 70 หลังจากกดไป 23 กก. และปัจจุบันผ่านมา 7 เดือนแล้วตั้งแต่ออกกำลังกาย ตอนนี้รู้สึกว่าเหมือนฝัน เหมือนได้เกิดใหม่ แค่นั่งเฉยๆผมก็ยิ้มได้(อันนี้อาจจะเป็นผลข้างเคียงจากการออกกำลังกายมากเกินไป) อยากขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ ทุกคนที่คอยบั่นทอนคอยดูถูก(ซึ่งผมเปลี่ยนมันเป็นแรงผลักดัน) ขอบคุณฟิตเนส ขอบคุณเทรนเนอร์ และสุดท้ายตัวผมเองที่ไม่ยอมแพ้ไปก่อน ผมจะดีใจมากเวลาที่มีคนมาถามว่าเล่นยังไงกินยังไงถึงผอมได้ ผมก็จะอธิบายด้วยความเต็มใจ(บางทีก็มากไปจนกลัวเค้ารำคาญ) ผมคิดว่าผมลดน้ำหนักได้ ผมก็อยากให้คนอื่นลดได้บ้าง ต้องขออภัยด้วยนะครับที่เขียนมาซะยืดยาวขนาดนี้
สุดท้ายผมขอทิ้งทายด้วยรูปที่เทรนเนอร์คอยถ่ายไว้ให้ รูปแรกเป็นรูปที่ออกกำลังกายได้ 2 สัปดาห์ รูปกลางน่าจะประมาณ 4 เดือน รูปสุดท้ายคือปัจจุบัน
ผมมันก็แค่คนที่อ้วนมาตั้งแต่เกิดแล้วอยากผอมเหมือนคนอื่นบ้าง
ก่อนอื่นต้องขอเล่าย้อนหลังหน่อยนะครับ ผมเป็นคนที่อ้วนตั้งแต่เกิดหลังจากนั้นก็ไม่เคยผอมเลยยิ่งนับวันยิ่งอ้วนขึ้นเรื่อยๆ เคยหนักสุดที่ 95 กก. ดูภายนอกเหมือนผมจะมีความสุขกับชีวิตดี และผมก็มีความสุขกับการกินมาก แต่ลึกๆแล้วผมกก็อยากหุ่นดีเหมือนคนอื่นบ้าง อยากใช้ชีวิตธรรมดาเหมือนคนทั่วไป อยากเดินเข้าร้านเสื้อผ้าแล้วเลือกดูโดยไม่ต้องถามก่อนว่ามีไซต์ใหญ่มั้ย อยากมองกระจกดูตัวเองโดยไม่กลัวที่จะเห็นตัวตนที่แท้จริง(ผมจะไม่ชอบการมองกระจก เพราะรู้สึกรับตัวเองไม่ค่อยได้) ความรู้สึกทั้งหลายเหล่านั้นมันสะสมอยู่ในใจผมตลอดเพิ่มมากขึ้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และผมก็คิดว่าซักวันผมต้องผอมให้ได้ แต่ผมก็ไม่ได้คิดที่จะลงมือทำอะไรเลย
จนมาถึงเมื่อต้นปีที่ผ่านมาผมได้กลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด ที่บ้านผมจะมีเปลญวนอยู่แล้วก็ไปนอนเล่นแล้วหลับไปผมรู้สึกเหมือนฝันอยู่แต่ก็เหมือนจะรู้สึกตัวตอนนั้นหายใจไม่ออกผมก็รู้เลยว่านอนผิดท่าและต้องพยายามทำให้ตัวเองตื่นให้ได้ รู้สึกทรมานมากดิ้นไปดิ้นมาแถมหายใจไม่ออกสุดท้ายก็ตื่นและลุกพรวดขึ้นมานั่งพร้อมกับหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ พอหายใจได้ปรกติผมก็นั่งคิดว่า "ไม่ได้แล้ว ผมต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว" ไม่งั้นผมคงตายก่อนได้ทุ่นดีแน่ แถมถ้าตายแบบนี้มันต้องน่าอับอายแน่ ศพก็คงไม่สวยหน้าคงเขียวๆ หรือถ้าไม่ตายก็อาจจะเป็นโรคอะไรจนกลายเป็นปัญหาในการลดน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง ผมก็นั่งคิดว่าจะทำยังไงดี กินยาดีมั้ยแต่มันก็ดูน่ากลัวเห็นหลายคนก็มีปัญหา งั้นอดอาหารดีมั้ยก็เหมือนจะเห็นหลายคนทำแล้วก็ไปไม่รอดสุดท้ายก็กลับมาเหมือนเดิม จนมาถึงออกกำลังกาย เห็นแต่คนบอกดีอย่างงั้นดีอย่างงี้ แต่รู้สึกทำใมมันดูห่างไกลจากตัวเราจัง เกิดมาก็อ้วนตลอดกีฬาก็ไม่เคยเล่น วันๆเอาแต่กิน แต่คิดก็เหนื่อยแล้ว แล้วผมก็ถามตัวเองในใจ "แล้วจะเอาไง หรือจะตายแบบหน้าเขียวๆ ตอนกินไม่รู้จักคิด ออกกำลังกายแค่นี้ทำเป็นบ่น" เออๆก็ได้วะ ออกกำลังกายก็ได้
หลังจากนั้นผมก็กลับมาทำงานที่แจ้งวัฒนะ พอเลิกงานผมก็เดินไปที่ฟิตเนสชื่อดังแถวๆนี้เพราะใกล้ที่ทำงานด้วย ผมบอกกับเซลล์เลยว่าผมมากสมัคร ในขณะที่ผมไม่รู้เรื่องฟิตเนสเลยและก็ไม่รู้จักใคร เค้าก็แนะนำพาเดินดูสุดท้ายก็เซ็นสัญญาสมัครไป หลังจากนั้นก็มีนัดมาเทรนกับเทรนเนอร์สามครั้ง เทรนเนอร์ก็ถามว่าจะซื้อต่อมั้ย สำหรับผมราคา PT ต่อชั่วโมงผมว่ามันก็ค่อนข้างสูง แต่ตอนนั้นผมก็ยังไม่ค่อยรู้จักอะไรมาก คนอื่นๆในนั้นนอกจาก PT ก็ไม่รู้จัก และสิ่งที่กลัวที่สุดคือถอดใจเลิกสุดท้ายกลับไปนอนตายแบบหน้าเขียวๆ ก็เลยตัดสินใจซื้อ PT ต่อ หลังจากนั้นผมก็มาออกกำลังกายและพยายามเล่นให้มากขึ้นเรื่อยๆเพราะอยากผอมมากๆๆๆๆ คนอื่นเล่นได้ผมก็ต้องเล่นได้หรือเล่นได้มากกว่า(ขณะที่ออกกำลังกายผมจะไม่คิดว่าตัวเองอ้วน) โดยจะนัด PT ในช่วงเช้า แล้วก็ไปทำงานกลับมาเข้าคลาสต่ออีกตอนเย็นมาทุกวัน ส่วนเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดก็จะมาแต่เช้า เล่นซัก 6-8 ชั่วโมงแล้วก็กลับ ที่ผมเล่นได้เยอะขนาดนี้ต้องยกความชอบให้กับ PT ด้วย เค้าเคยบอกผมว่า "ผมจะทำให้คุณแข็งแรงเหมือนคนอื่น หลังจากนั้นให้คุณไปเข้าคลาสเพื่อเบิร์นไขมัน" บวกกับความอัดอั้นของการอยากผอมเหมือนคนอื่นที่มันสะสมมาก่อนหน้านี้ คำพูดต่างๆของคนรอบตัวที่พูดว่าจะผอมได้จริงหรอสุดท้ายมันก็คงเหมือนเดิม สิ่งเหล่านี้แหละเป็นแรงผลักดันสำคัญอีกแรง ทุกครั้งที่เหนื่อยทุกครั้งที่ท้อผมจะด่าตังเอง "ไอ้อ้วน อยากผอมไม่ใช่หรอ แค่นี้ก็จะยอมแล้ว 25 ปีที่ผ่านมากินไปเท่าใหร่ มาออกกำลังกายแค่ไม่กี่วันจะยอมแล้วหรอ"
หลักจากผ่านไปสองเดือนน้ำหนักลงไปประมาณ 10 กก. (จาก 93) และรู้สึกว่าการออกกำลังกายมันไม่ท้าทายแล้วรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปรกติของชีวิตประจำวัน เลยอยากหาอะไรที่มันท้าทายเพิ่มขึ้นอีก แต่จะให้ออกกำลังกายมากกว่านี้ก็คงไม่ไหวเพราะที่ทำๆอยู่ก็คิดว่าหนักมากแล้วเวลาก็ทุ่มไปกับการออกกำลังกายจนหมดแล้ว ก็เลยมาสนใจที่เรื่องกิน เพราะเห็นเค้าบอกว่าควบคุมอาหารก็ผอมได้ อีกอย่างผมคิดว่าถ้าผมยังกินเหมือนเดิมต่อให้ผอมแล้วพอเลิกออกกำลังกายผมก็คงกลับมาอ้วนอีก ดังนั้นผมต้องเรียนรู้ที่จะกินแบบคนทั่วไปให้ได้ ต้องยอมทิ้งความสุขกับการกินไป ในขณะที่เริ่มมีความสุขกับการออกกำลังกาย ความสุขกับการได้เห็นตัวเองมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี และก็ได้เพื่อนอีกมากมายในฟิตเนส
ผ่านไป 5 เดือนเหมือนน้ำหนักผมจะหยุดอยู่ที่ 70 หลังจากกดไป 23 กก. และปัจจุบันผ่านมา 7 เดือนแล้วตั้งแต่ออกกำลังกาย ตอนนี้รู้สึกว่าเหมือนฝัน เหมือนได้เกิดใหม่ แค่นั่งเฉยๆผมก็ยิ้มได้(อันนี้อาจจะเป็นผลข้างเคียงจากการออกกำลังกายมากเกินไป) อยากขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ ทุกคนที่คอยบั่นทอนคอยดูถูก(ซึ่งผมเปลี่ยนมันเป็นแรงผลักดัน) ขอบคุณฟิตเนส ขอบคุณเทรนเนอร์ และสุดท้ายตัวผมเองที่ไม่ยอมแพ้ไปก่อน ผมจะดีใจมากเวลาที่มีคนมาถามว่าเล่นยังไงกินยังไงถึงผอมได้ ผมก็จะอธิบายด้วยความเต็มใจ(บางทีก็มากไปจนกลัวเค้ารำคาญ) ผมคิดว่าผมลดน้ำหนักได้ ผมก็อยากให้คนอื่นลดได้บ้าง ต้องขออภัยด้วยนะครับที่เขียนมาซะยืดยาวขนาดนี้
สุดท้ายผมขอทิ้งทายด้วยรูปที่เทรนเนอร์คอยถ่ายไว้ให้ รูปแรกเป็นรูปที่ออกกำลังกายได้ 2 สัปดาห์ รูปกลางน่าจะประมาณ 4 เดือน รูปสุดท้ายคือปัจจุบัน