ขอแชร์เรื่องราวการบริการลูกค้าของพนักงาน ค่ายDTAC ซึ่งสองครั้งที่คุยกับCall Centerจริงๆจังๆขึ้นมา มันช่างต่างกันลิบลับ
เหตุเกิดจากการแข่งขันทางการตลาดของแต่ละค่าย ซึ่งจูงใจหรือตอบสนองตรงกับการใช้งานของลูกค้าแต่ละคนต่างกันไป แน่นอนผมเองก็เป็นคนคนนึงที่ใช้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ แต่ต้องออกตัวก่อนว่า เป็นคนไม่ชอบวุ่นวายเปลี่ยนไปเปลี่ยนมากับเรื่องแพคเกจ เรื่องโทรศัพท์ ชีวิตนี้เบอร์โทรที่ใช้มีเบอร์เดียว แล้วปัจจุบันก็คือเบอร์เดิมที่ใช้มาตั้งแต่มัธยมต้นสมัยโนเกียจุดระเบิด ผมเป็นลูกค้าดีแทคมาตลอด ค่อนข้างมี loyalty กับแบรนด์นี้ ทั้งบ้านก็ใช้ เราก็เชื่อมั่นในบริการที่ดี ค่าบริการที่ไม่เกินจริง และความเหมาะสมกับการใช้งาน ไม่เคยจ่ายค่าโทรเกินระยะรอบบิล ใช้มาตั้งแต่เติมเงินก็ไม่เคยติดลบ เป็นราบเดือนก็ใช้รอบละเกือบพันมา จนมีเหตุการณ์ที่ผมหมดความรู้สึกดีกับเครือข่ายนี้ จนต้องทำเรื่องย้ายค่ายหนี
ฟังมาผมไม่น่าเป็นลูกค้าชั้นแย่นะครับ แต่ครั้งแรกที่ตัดสินใจย้ายค่ายออก เป็นเพราะการบริการของพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ ศูนย์บริการดีแทค สาขา เซ็นทรัล ลาดพร้าว เล่าแล้วชงนคิดขอความเห็นเพื่อนเป็นจุดๆไปนะครับ
ช่วงปีใหม่ ไปจ่ายค่าโทรตามปกติ ตามเวลารอคิวนาน ไม่เคยเอามาเป็นเรื่องหงุดหงิด นานแค่ไหนก็รอ แต่บังเอิญวันนั้นต้นปี สงสัยเรื่องโปรที่ใช้ว่าจะต่อให้เหมือนเดิมมั้ย หรือจะเปลี่ยนเป็นอะไรให้ ก็เลยสอบถามหลังจากจ่ายค่าโทรที่เซนทรัลลาดพร้าว ชั้นสองฝั่ง ศูนย์เล็ก (ฝั่งเดียวกับทรู) คำตอบที่ได้รับคือ ... ไม่ทราบค่ะ ต้องติดต่อศูนย์ใหญ่ฝั่งนู้นค่ะ..
ความรู้สึกตอนนั้นคือ ห้ะ!! พนักงานดีแทคทุกคนไม่ได้จำเป็นต้องรู้ข้อมูลโปรโมชั่นของบริษัทที่ตนรับเงินเดือนรับค่าคอมอยู่หรือ??
ห้ะ!! นี่ผมถามเรื่องโปรกับพนักงานดีแทคหน้าช้อปหน้าเคาน์เตอร์หนิ ไม่ได้ถามพนักงานถูพื้นบริษัทดีแทคที่job description เค้าคือถูพื้นให้สะอาด นี่ผมคุยอยู่กับfrontของดีแทคนะ
แต่ไม่ได้แสดงออกมา ทดไว้ในใจ บอกตัวเองว่า อ่อเค้าอาจจะแบ่งหน้าที่กันรับเรื่อง เบียบว่า คนนึงรับจ่ายบิลก็รับไปทั้งชีวิตการทำงาน ใครดูโปรก็ท่องโปรไป รับจ่ายบิลไม่เป็น หรือเปล่า ทั้งๆที่industry ของธุรกิจบริการ เค้าใช้กลยุทธ์ one stop serviceกันไปละ เช่น banking ในภาวะการแข่งขันสูงของยุคปัจจุบันขนาดนี้ เน็ตค่ายคุณว่าเร็วแค่ไหน การตัดสินใจย้ายค่ายของลูกค้า เช่นผมไวกว่านะ แต่ยังครับ ผมยังทดไว้ในใจ เดินไปฝั่งนู้น(ตามที่นางชี้มือบอก) ไปช้อปดีแทคใหญ่ฝั่งเดียวกับเอไอเอส แล้วทำตามprocessใหม่ครับ กดบัตรคิว รอ รอ ร้อ รอ รอ ทุกท่านคงเข้าใจ ผมทดในใจได้เกือบร้อยทีละนะครับ

ทันทีที่เรียกคิว หลังจากดื่มน้ำแดงหวานๆที่มีบริการไปสองแก้ว เดินไปห้องน้ำกลับมา นั่งถ่ายรูปsefie เลือกรูป ปรับแสง คิดcaption ลงไอจี แล้วนั้น(ท่านว่านานมั้ยหละครัช) ก็พบพนักงานเคาน์เตอร์ ยกมือไหว้ ผมก็ถามไปแบบเดียวกับที่ถามฝั่งนู้นที่ส่งผมมาฝั่งนี้ "อยากทราบว่าแพคแกจที่ผมใช้อยู่จะหมดอายุเมื่อไรครับ แล้วจะต่อเป็นตัวไหนให้"
พนักงานตอบแบบไม่คิด ไม่คิดจะกลอกตา แกล้งทำนึก เลยว่า "ลูกค้าต้องโทรหาcall center 1678ครับ" เป็นคำตอบที่ผมทดในใจไม่ไหวแล้ว!!!! โดนเชิญมาจากฝั่งนู้น นั่งรอคิวจนคนกดรูปไอจีเปนร้อย พอถึงคิวคุณคุยกับผมไม่ถึงนาทีด้วยประโยค ให้ผมโทรหาcall center !!!!
คำถามที่เกิดขึ้นในใจแบบรัวมาก คือ .. ดีแทคสอนพนักงานให้เกี่ยงงานกันหรือ? ปัดลูกค้าไปทางอื่นที่ตนไม่ได้รับเงินจากเค้าหรือ? ดีแทคมีช้อปทำไมถ้าจะดำเนินการอะไรแล้วต้องโทรหาcall center ทั้งๆที่อยู่ในช้อป!? นี่หรือ Dtac feel good เคยใช้แบบเติมเงินhappyมาก่อน ตอนนี้ผมไม่hapกะคุณละ บาย!
**ข้างต้น คือนึกใจใน แล้วลุกออกไป ทิ้งคำลาอย่างเวทนาว่า "ขอบคุณสำหรับการบริการครับ" ยิ้มมุมปากเล็กน้อยด้วยความภาคภูมิใจ ในเครือข่ายของผม
วันต่อมา มาที่ศูนย์เดิมเลยจ่ะ ด้วยความต้องการบริการจากศูนย์นี้ที่ต่างจากทุกครั้ง ตอนกดบัตรคิว พูดดังๆว่า ย้ายค่ายครับ!!!
พนักงานที่รับเรื่อง คุยดีมากกกกกกกกกก ลูกค้ามีปัญหาอะไรเหรอคือ? จะย้ายค่ายจริงๆหรือ เช็คข้อมูลแล้วใช้เบอร์มา จะสิบปีแล้วนะคะ ตอบว่า อ่อครับทราบ พอดีค่ายอื่นoffer แพคเกจที่ตรงการใช้งานให้ครับ (ในใจนึก อ้ะแหละทิ้งลูกค้า ปัดลูกค้าก่อน กุก้ไม่ง้อหรอก การใช้งาน การจ่ายตรงรอบแบบกูค่ายอื่นอ้าแขนรอ)
ก็ทำเรื่องเรียบร้อย เคลียร์ยอดเดือนนั้นแบบไม่ครบรอบบิล แล้วไปรับซิมจากทรู รอโอนเบอร์ประมาณสัปดาห์นึง
**จากตรงนี้ ชวนคิดว่า พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ที่พบลูกค้าโดยตรง ทราบถึงหน้าที่ของตนแค่ไหน พฤติกรรมตอบสนองนโยบายผู้บริหารองค์กรแล้วหรือ ถ้าวัดด้วยcompetency เรื่องการบริการประทับใจลูกค้า คุณได้0นะครั้งนี้ แค่พอใจยังไม่ได้เลย อย่ามโนถึง ประทับใจ คงยาก! นี่ลูกค้าเกือบ10ปี ยังตัดสินใจย้ายเลย ด้วยเหตุผลเรื่องความใส่ใจ มีservice mindพอแล้วหรือ พนักงานถูพื้นยังมีมากกว่าเลยมั้งครับ เพราะเดินๆงงๆถามพี่ครับ ห้องน้ำอยู่ไหนเค้ายังบอกด้วยความเต็มใจ ทั้งๆที่job descriptionเค้าตือ ถูพื้นให้สะอาด เท่านั้น แล้วนี่คือผลของการหมดลงของความภักดีต่อแบรนด์นี้ ของผม
รอการโอนเบอร์ย้ายค่าย วันนึงcall center Dtac โทรมาด้วยน้ำเสียงสวยหวาน สอบถามเหตุของการย้ายค่ายจากผม ผมก็เล่าไปตามเนื้อความด้านบน อาจจะมากกว่าด้วยน้ำเสียงและอินเนอร์ พนักงานท่านนี้ต้องกล่าวขอโทษผมหลายครั้ง แทนพนักงานสองคนแรกที่ชุ่ย มักง่าย และไม่มีใจรักในการบริการ พนักงานท่านนี้ชื่อคุณปัณพัศ (ไม่แน่ใจว่าสะกดถูกมั้ย) แต่ขอชื่นชมและขอบคุณจากใจครับ ที่ออกรับและขอโทษผมแทนองค์กร ดำเนินการแทนไอคุณและคุณนายพนักงานหน้าเคาน์เตอร์สองคนนั้น ด้วยการตอบคำถามเรื่องแพคเกจปัจจุบัน และต่อไปหลังครบวันหมดอายุโปร อีกทั้งให้ส่วนลดและเปลี่ยนโปรให้ตรงการใช้งานผมมากขึ้น ผมก็เลยตอบแทนด้วยคำขอบคุณและการยังคงเป็นลูกค้าดีแทคต่อไป ให้คุณได้ผลงานการRetentionลูกค้าไว้ได้
**สุดท้ายนี้ใครเคยประสบชะตาเดียวกับผม ขอให้คุณช่วยแสดงจุดยืน ช่วยfeedback ให้องค์กรเค้าทราบ ผมสงสารผู้บริหาร สงสารทีมการตลาด ที่คิดกลยุทธ์ คิดแผนการทำงานเพื่อให้องค์กรเดินหน้า แต่ต้องมาถูกฉุดเพราะคนที่ขี้เกียจ คนที่เป็นกาฝากสูบผลประโยชน์เข้าตัว แต่ไม่ทำงานให้คุ้มค่าตอบแทน เราเป็นลูกค้า เราจ่ายค่าบริการ เราควรได้รับบริการที่ดี จากเหตุการณ์ผมไม่ได้วีน รึด่าใครหยาบเลย ผมใช้วิธีที่ผมมีสิทธิ์คือย้ายค่าย หาสิ่งที่คุ้มค่ากับการจ่ายค่าบริการ เพื่อได้รับบริการที่ทำให้ผมพอใจ และfeedbackให้call centerทราบเพื่อนำเรื่องสู่ผู้บริหารได้จัดการองค์กรต่อไป เป็นกำลังใจให้พนักงาน คนทำงานด้วยใจ ผมเชื่อว่าการทำงาน คือการแลกเปลี่ยน เป็นการ Exchange Valueของพนักงานและองค์กร คุณทำงานด้วยใจ คุณได้รับผลตอบแทนที่ดีทีาเหมาะสมแน่นอนครับ อย่าเอาเปรียบกัน ^^
**นี่คือครั้งแรกของการretentionที่ได้ข้อคิดอะไรดี ส่วนครั้งที่สองจะเป็นอย่างไร ถ้ามีเวลาจะมาแชร์อีกครับ ครั้งนี้เป็นcall center เสียงกวนส้น พูดจายอกย้อน ยียวน ซึ่งเจอลูกค้าเคยผ่านการเดินเรื่องและได้รับการretentionมาแล้ว ผมรู้processแล้ว ผมเลยกวนกลับด้วยการถามข้อมูลเชิงลึกที่ควรทราบในฐานะพนักงาน แต่ตอบผมไม่ได้ ถึงกับวางสายทันทีหลังจากกล่าวว่า "ขอบคุณที่ใช้บริการ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ ตู้ดๆๆๆๆๆๆ"
การ Retention ลูกค้าของ DTAC มาตรฐานการเทรนพนักงาน หรือสันดานส่วนตน?
เหตุเกิดจากการแข่งขันทางการตลาดของแต่ละค่าย ซึ่งจูงใจหรือตอบสนองตรงกับการใช้งานของลูกค้าแต่ละคนต่างกันไป แน่นอนผมเองก็เป็นคนคนนึงที่ใช้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ แต่ต้องออกตัวก่อนว่า เป็นคนไม่ชอบวุ่นวายเปลี่ยนไปเปลี่ยนมากับเรื่องแพคเกจ เรื่องโทรศัพท์ ชีวิตนี้เบอร์โทรที่ใช้มีเบอร์เดียว แล้วปัจจุบันก็คือเบอร์เดิมที่ใช้มาตั้งแต่มัธยมต้นสมัยโนเกียจุดระเบิด ผมเป็นลูกค้าดีแทคมาตลอด ค่อนข้างมี loyalty กับแบรนด์นี้ ทั้งบ้านก็ใช้ เราก็เชื่อมั่นในบริการที่ดี ค่าบริการที่ไม่เกินจริง และความเหมาะสมกับการใช้งาน ไม่เคยจ่ายค่าโทรเกินระยะรอบบิล ใช้มาตั้งแต่เติมเงินก็ไม่เคยติดลบ เป็นราบเดือนก็ใช้รอบละเกือบพันมา จนมีเหตุการณ์ที่ผมหมดความรู้สึกดีกับเครือข่ายนี้ จนต้องทำเรื่องย้ายค่ายหนี
ฟังมาผมไม่น่าเป็นลูกค้าชั้นแย่นะครับ แต่ครั้งแรกที่ตัดสินใจย้ายค่ายออก เป็นเพราะการบริการของพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ ศูนย์บริการดีแทค สาขา เซ็นทรัล ลาดพร้าว เล่าแล้วชงนคิดขอความเห็นเพื่อนเป็นจุดๆไปนะครับ
ช่วงปีใหม่ ไปจ่ายค่าโทรตามปกติ ตามเวลารอคิวนาน ไม่เคยเอามาเป็นเรื่องหงุดหงิด นานแค่ไหนก็รอ แต่บังเอิญวันนั้นต้นปี สงสัยเรื่องโปรที่ใช้ว่าจะต่อให้เหมือนเดิมมั้ย หรือจะเปลี่ยนเป็นอะไรให้ ก็เลยสอบถามหลังจากจ่ายค่าโทรที่เซนทรัลลาดพร้าว ชั้นสองฝั่ง ศูนย์เล็ก (ฝั่งเดียวกับทรู) คำตอบที่ได้รับคือ ... ไม่ทราบค่ะ ต้องติดต่อศูนย์ใหญ่ฝั่งนู้นค่ะ..
ความรู้สึกตอนนั้นคือ ห้ะ!! พนักงานดีแทคทุกคนไม่ได้จำเป็นต้องรู้ข้อมูลโปรโมชั่นของบริษัทที่ตนรับเงินเดือนรับค่าคอมอยู่หรือ??
ห้ะ!! นี่ผมถามเรื่องโปรกับพนักงานดีแทคหน้าช้อปหน้าเคาน์เตอร์หนิ ไม่ได้ถามพนักงานถูพื้นบริษัทดีแทคที่job description เค้าคือถูพื้นให้สะอาด นี่ผมคุยอยู่กับfrontของดีแทคนะ
แต่ไม่ได้แสดงออกมา ทดไว้ในใจ บอกตัวเองว่า อ่อเค้าอาจจะแบ่งหน้าที่กันรับเรื่อง เบียบว่า คนนึงรับจ่ายบิลก็รับไปทั้งชีวิตการทำงาน ใครดูโปรก็ท่องโปรไป รับจ่ายบิลไม่เป็น หรือเปล่า ทั้งๆที่industry ของธุรกิจบริการ เค้าใช้กลยุทธ์ one stop serviceกันไปละ เช่น banking ในภาวะการแข่งขันสูงของยุคปัจจุบันขนาดนี้ เน็ตค่ายคุณว่าเร็วแค่ไหน การตัดสินใจย้ายค่ายของลูกค้า เช่นผมไวกว่านะ แต่ยังครับ ผมยังทดไว้ในใจ เดินไปฝั่งนู้น(ตามที่นางชี้มือบอก) ไปช้อปดีแทคใหญ่ฝั่งเดียวกับเอไอเอส แล้วทำตามprocessใหม่ครับ กดบัตรคิว รอ รอ ร้อ รอ รอ ทุกท่านคงเข้าใจ ผมทดในใจได้เกือบร้อยทีละนะครับ
ทันทีที่เรียกคิว หลังจากดื่มน้ำแดงหวานๆที่มีบริการไปสองแก้ว เดินไปห้องน้ำกลับมา นั่งถ่ายรูปsefie เลือกรูป ปรับแสง คิดcaption ลงไอจี แล้วนั้น(ท่านว่านานมั้ยหละครัช) ก็พบพนักงานเคาน์เตอร์ ยกมือไหว้ ผมก็ถามไปแบบเดียวกับที่ถามฝั่งนู้นที่ส่งผมมาฝั่งนี้ "อยากทราบว่าแพคแกจที่ผมใช้อยู่จะหมดอายุเมื่อไรครับ แล้วจะต่อเป็นตัวไหนให้"
พนักงานตอบแบบไม่คิด ไม่คิดจะกลอกตา แกล้งทำนึก เลยว่า "ลูกค้าต้องโทรหาcall center 1678ครับ" เป็นคำตอบที่ผมทดในใจไม่ไหวแล้ว!!!! โดนเชิญมาจากฝั่งนู้น นั่งรอคิวจนคนกดรูปไอจีเปนร้อย พอถึงคิวคุณคุยกับผมไม่ถึงนาทีด้วยประโยค ให้ผมโทรหาcall center !!!!
คำถามที่เกิดขึ้นในใจแบบรัวมาก คือ .. ดีแทคสอนพนักงานให้เกี่ยงงานกันหรือ? ปัดลูกค้าไปทางอื่นที่ตนไม่ได้รับเงินจากเค้าหรือ? ดีแทคมีช้อปทำไมถ้าจะดำเนินการอะไรแล้วต้องโทรหาcall center ทั้งๆที่อยู่ในช้อป!? นี่หรือ Dtac feel good เคยใช้แบบเติมเงินhappyมาก่อน ตอนนี้ผมไม่hapกะคุณละ บาย!
**ข้างต้น คือนึกใจใน แล้วลุกออกไป ทิ้งคำลาอย่างเวทนาว่า "ขอบคุณสำหรับการบริการครับ" ยิ้มมุมปากเล็กน้อยด้วยความภาคภูมิใจ ในเครือข่ายของผม
วันต่อมา มาที่ศูนย์เดิมเลยจ่ะ ด้วยความต้องการบริการจากศูนย์นี้ที่ต่างจากทุกครั้ง ตอนกดบัตรคิว พูดดังๆว่า ย้ายค่ายครับ!!!
พนักงานที่รับเรื่อง คุยดีมากกกกกกกกกก ลูกค้ามีปัญหาอะไรเหรอคือ? จะย้ายค่ายจริงๆหรือ เช็คข้อมูลแล้วใช้เบอร์มา จะสิบปีแล้วนะคะ ตอบว่า อ่อครับทราบ พอดีค่ายอื่นoffer แพคเกจที่ตรงการใช้งานให้ครับ (ในใจนึก อ้ะแหละทิ้งลูกค้า ปัดลูกค้าก่อน กุก้ไม่ง้อหรอก การใช้งาน การจ่ายตรงรอบแบบกูค่ายอื่นอ้าแขนรอ)
ก็ทำเรื่องเรียบร้อย เคลียร์ยอดเดือนนั้นแบบไม่ครบรอบบิล แล้วไปรับซิมจากทรู รอโอนเบอร์ประมาณสัปดาห์นึง
**จากตรงนี้ ชวนคิดว่า พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ที่พบลูกค้าโดยตรง ทราบถึงหน้าที่ของตนแค่ไหน พฤติกรรมตอบสนองนโยบายผู้บริหารองค์กรแล้วหรือ ถ้าวัดด้วยcompetency เรื่องการบริการประทับใจลูกค้า คุณได้0นะครั้งนี้ แค่พอใจยังไม่ได้เลย อย่ามโนถึง ประทับใจ คงยาก! นี่ลูกค้าเกือบ10ปี ยังตัดสินใจย้ายเลย ด้วยเหตุผลเรื่องความใส่ใจ มีservice mindพอแล้วหรือ พนักงานถูพื้นยังมีมากกว่าเลยมั้งครับ เพราะเดินๆงงๆถามพี่ครับ ห้องน้ำอยู่ไหนเค้ายังบอกด้วยความเต็มใจ ทั้งๆที่job descriptionเค้าตือ ถูพื้นให้สะอาด เท่านั้น แล้วนี่คือผลของการหมดลงของความภักดีต่อแบรนด์นี้ ของผม
รอการโอนเบอร์ย้ายค่าย วันนึงcall center Dtac โทรมาด้วยน้ำเสียงสวยหวาน สอบถามเหตุของการย้ายค่ายจากผม ผมก็เล่าไปตามเนื้อความด้านบน อาจจะมากกว่าด้วยน้ำเสียงและอินเนอร์ พนักงานท่านนี้ต้องกล่าวขอโทษผมหลายครั้ง แทนพนักงานสองคนแรกที่ชุ่ย มักง่าย และไม่มีใจรักในการบริการ พนักงานท่านนี้ชื่อคุณปัณพัศ (ไม่แน่ใจว่าสะกดถูกมั้ย) แต่ขอชื่นชมและขอบคุณจากใจครับ ที่ออกรับและขอโทษผมแทนองค์กร ดำเนินการแทนไอคุณและคุณนายพนักงานหน้าเคาน์เตอร์สองคนนั้น ด้วยการตอบคำถามเรื่องแพคเกจปัจจุบัน และต่อไปหลังครบวันหมดอายุโปร อีกทั้งให้ส่วนลดและเปลี่ยนโปรให้ตรงการใช้งานผมมากขึ้น ผมก็เลยตอบแทนด้วยคำขอบคุณและการยังคงเป็นลูกค้าดีแทคต่อไป ให้คุณได้ผลงานการRetentionลูกค้าไว้ได้
**สุดท้ายนี้ใครเคยประสบชะตาเดียวกับผม ขอให้คุณช่วยแสดงจุดยืน ช่วยfeedback ให้องค์กรเค้าทราบ ผมสงสารผู้บริหาร สงสารทีมการตลาด ที่คิดกลยุทธ์ คิดแผนการทำงานเพื่อให้องค์กรเดินหน้า แต่ต้องมาถูกฉุดเพราะคนที่ขี้เกียจ คนที่เป็นกาฝากสูบผลประโยชน์เข้าตัว แต่ไม่ทำงานให้คุ้มค่าตอบแทน เราเป็นลูกค้า เราจ่ายค่าบริการ เราควรได้รับบริการที่ดี จากเหตุการณ์ผมไม่ได้วีน รึด่าใครหยาบเลย ผมใช้วิธีที่ผมมีสิทธิ์คือย้ายค่าย หาสิ่งที่คุ้มค่ากับการจ่ายค่าบริการ เพื่อได้รับบริการที่ทำให้ผมพอใจ และfeedbackให้call centerทราบเพื่อนำเรื่องสู่ผู้บริหารได้จัดการองค์กรต่อไป เป็นกำลังใจให้พนักงาน คนทำงานด้วยใจ ผมเชื่อว่าการทำงาน คือการแลกเปลี่ยน เป็นการ Exchange Valueของพนักงานและองค์กร คุณทำงานด้วยใจ คุณได้รับผลตอบแทนที่ดีทีาเหมาะสมแน่นอนครับ อย่าเอาเปรียบกัน ^^
**นี่คือครั้งแรกของการretentionที่ได้ข้อคิดอะไรดี ส่วนครั้งที่สองจะเป็นอย่างไร ถ้ามีเวลาจะมาแชร์อีกครับ ครั้งนี้เป็นcall center เสียงกวนส้น พูดจายอกย้อน ยียวน ซึ่งเจอลูกค้าเคยผ่านการเดินเรื่องและได้รับการretentionมาแล้ว ผมรู้processแล้ว ผมเลยกวนกลับด้วยการถามข้อมูลเชิงลึกที่ควรทราบในฐานะพนักงาน แต่ตอบผมไม่ได้ ถึงกับวางสายทันทีหลังจากกล่าวว่า "ขอบคุณที่ใช้บริการ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ ตู้ดๆๆๆๆๆๆ"